แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 21
แนะนำ สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
ตอนที่ 21.
ท้องฟ้ายามสายขมุกขมัวเนื่องจากพระอาทิตย์ซ่อนอยู่หลังเมฆหนา กระนั้นไอร้อนก็ยังแทรกผ่านกลีบเมฆลงมาอย่างไม่ปรานี สิ่งที่พอจะบรรเทาความร้อนได้บ้างมีเพียงสายลมอ่อนบางที่หอบกลิ่นดอกโมกริมรั้วให้รวยรินมาตามอากาศ
เสียงนกและแมลงในสวนช่วยให้บรรยากาศรอบบ้านทรงไทยสองชั้นไม่วังเวงจนเกินไป บนชานบ้านที่เชื่อมกับบันไดไม้ด้านหลัง ภัทรนั่งเหม่อมองทิวสวนที่อยู่ถัดไปจากลำธารสายเล็กๆ ซึ่งไกลออกไปจะเห็นหลังคาบ้านอื่นในย่านเดียวกันประปราย บางครั้งนัยน์ตาหม่นหมองก็จะทอดมองไปทางลำธารบ้างเพื่อพักสายตาที่เมื่อยล้า
ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ดึงสายตากลับลงมายังพื้นไม้ข้างตัว ตรงนั้นมีซองใส่การ์ดทำจากกระดาษสีเงินเรียบหรูขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่ ประกายของความปวดร้าวฉายผ่านนัยน์ตาโศกวูบหนึ่งขณะดึงการ์ดที่อยู่ด้านในออกคลี่อ่านอีกครั้ง...ซึ่งแม้แต่เขาเองก็คร้านจะนับว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ตั้งแต่ได้รับมา
'ขอเชิญร่วมเป็นเกียรติในพิธีมงคลสมรส ระหว่างนาย ธราธร พรหมพิริยะ และ นางสาวเขมรุจี มิ่งมงคลกุล ในวันที่....'
การ์ดใบนั้นพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีเงินวาวบนกระดาษสีเปลือกไข่ ด้านขวาเป็นรายละเอียดเรื่องวันที่และสถานที่จัดงาน ส่วนด้านซ้ายเป็นรูปถ่ายของคู่บ่าวสาวในสตูดิโอที่มีการจัดองค์ประกอบอย่างดี งานแต่งงานตามวันที่ที่ระบุในการ์ดผ่านมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังตัดใจทิ้งการ์ดใบนี้ไม่ลง
ชายหนุ่มสูดน้ำมูกก่อนจะใช้อุ้งมือเช็ดน้ำตาที่ปริ่มบนขอบตา เขารู้ดีว่าการจมจ่อมกับความเศร้าหมองนั้นเป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชสิ้นดี แต่จะให้ทำอย่างไรได้...ธราธรเป็นรักแรก เป็นคนที่เคยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าเคียงข้างกันหลังจากเรียนจบ โดยหารู้ไม่ว่าความเชื่อมั่นอย่างไร้เดียงสานั้นจะเป็นเหตุให้ต้องเจ็บช้ำใจจนแทบตั้งตัวไม่ติดเช่นนี้
นัยน์ตาหม่นเศร้าทอดมองกลับไปยังทิวทัศน์ด้านหน้า สำหรับคนที่เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย พี่สาวก็แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่หลายปีก่อน ภัทรพบว่าบ้านของน้าจินและน้าบรรณที่จันทบุรีเป็นสถานที่เดียวที่จะช่วยให้เขาได้ฟื้นฟูจิตใจที่แตกสลาย รวมทั้งได้อยู่ห่างจากผู้คนและสภาพแวดล้อมที่คอยย้ำเตือนให้นึกถึงความหลังครั้งเก่าไม่เลิกรา
บางทีสักวันหนึ่ง...เขาคงจะเรียกความเข้มแข็งคืนมาได้มากพอที่จะกลับไปสู่วิถีชีวิตที่คุ้นเคยกระมัง แต่ในช่วงเวลาที่ใจยังเจ็บเหมือนเลือดยังรินไหลจากปากแผลไม่หยุดนี้...เขาไม่พร้อมจะเสแสร้งสวมหน้ากากว่าตัวเอง ไม่เป็นไร ให้ใครดูทั้งนั้น...
ขณะที่ภัทรนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้านข้างร้านกาแฟเล็กๆ ในสวนหย่อมของโรงพยาบาล จู่ๆ ความทรงจำของช่วงเวลาที่กลับไปอาศัยในบ้านสวนต่างจังหวัดก็ผุดขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะท้องฟ้าวันนี้ช่างคล้ายกับวันนั้น หรือไม่ก็...เป็นเพราะเขากำลังจะได้พูดคุยกับผู้หญิงที่เคยรู้จักผ่านแต่รูปถ่ายเสียทีก็เป็นได้
"เขมสั่งคาปูชิโนมาให้นะคะ พอดีคุณภัทรบอกว่าอะไรก็ได้ เขมเลยสั่งแบบกลางๆ มาให้"
เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวฉุดภัทรกลับมาจากอาการใจลอย เขาเงยหน้ามองหญิงสาวที่วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะให้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม สีน้ำตาลเข้มในถ้วยของเธอทำให้รู้ว่าคงจะเป็นโกโก้ร้อน
"ได้ครับคุณเขม ขอบคุณครับ"
หญิงสาวส่งยิ้มเบาบางให้ก่อนจะยกถ้วยโกโก้ขึ้นจิบ ภัทรจึงยกกาแฟของตัวเองขึ้นชิมบ้าง กลิ่นหอมและรสละมุนลิ้นของกาแฟผสมนมทำให้จิตใจของเขาสงบลง
"ขอโทษด้วยนะคะที่ดึงตัวมาคุยข้างล่างแบบนี้ คุณภัทรคงอยากอยู่เฝ้าคุณเชษฐ์บนห้องมากกว่า"
ภัทรส่ายหน้าเบาๆ "ไม่เป็นไรครับ อาการของคุณเชษฐ์ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าหากเป็นเมื่อวานอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่"
หลังจากเอ่ยประโยคนั้นออกไป ความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วนก็แทรกตัวเข้ามาระหว่างทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเหลือบมองถ้วยเครื่องดื่มตรงหน้าราวกับนั่นจะช่วยคลายความอึดอัดลงได้
"ดูคุณภัทรไม่ค่อยแปลกใจตอนที่เห็นเขมนะคะ"
เสียงของคู่สนทนาเรียกภัทรให้เหลือบตาขึ้น และพบว่าริมฝีปากของคนพูดหยักขึ้นน้อยๆ ทว่าในแววตากลับราบเรียบจนยากจะเดาว่ากำลังคิดอะไร
"ผมเคยเห็นรูปคุณเขมในการ์ดแต่งงานน่ะครับ อีกอย่าง...กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น...ก็เลยไม่แปลกใจที่คุณเขมจะมาเยี่ยมคุณเชษฐ์"
เขมรุจีพยักหน้าน้อยๆ ขณะวางถ้วยโกโก้ลงบนจานรอง "ครั้งนี้ธรทำผิดมากจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ติดว่าเพราะเขายังลุกจากเตียงไม่ไหว เขมก็อยากให้มาขอโทษด้วยตัวเองเหมือนกัน"
ก่อนที่จะชวนภัทรมาคุยกันเป็นการส่วนตัว เขมรุจีได้เอ่ยขอโทษเชษฐ์แทนธราธรไปแล้วรอบหนึ่ง โดยอธิบายว่าที่เจ้าตัวมาไม่ได้เพราะกระดูกซี่โครงหักและอวัยวะภายในบอบช้ำ นี่ยังไม่รวมถึงบาดแผลบนใบหน้าที่ถูกต่อยจนบวมปูดและจมูกหัก ภัทรถึงกับอึ้งไปตอนที่ได้รับรู้อาการเหล่านั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาเขากังวลที่คุณเชษฐ์ไม่ฟื้นอย่างเดียว จึงลืมไปสนิทว่าธราธรเองก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน
หากจะว่ากันตามตรง เขมรุจีมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะกล่าวหาเชษฐ์ในข้อหาที่ทำร้ายสามีของเธอก่อนด้วยซ้ำ ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำพูดทำนองนั้นหลุดมาให้ได้ยิน ราวกับยอมรับโดยดุษณีว่าเรื่องทั้งหมดมีสาเหตุจากธราธรคนเดียว
เขมรุจีใช้สองมือโอบถ้วยโกโก้ร้อนบนโต๊ะนิ่งๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยความจริงบางอย่างที่ทำให้ภัทรเลิกคิ้ว
"คุณภัทรอาจจะเพิ่งรู้จักเขมจากการ์ดแต่งงาน แต่เขมรู้จักคุณภัทรตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะคะ"
"เอ๊ะ?"
ภัทรมองคู่สนทนาด้วยแววตางุนงง เพราะเขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นหญิงสาวมาก่อนจะได้รับการ์ดแต่งงานแน่ๆ เธอเห็นแววตาของภัทรแล้วมุมปากก็หยักลึกลงอีกนิด "เรื่องมันซับซ้อนนะคะ ความจริงเขมเรียนมหา'ลัยเดียวกับคุณภัทรนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เราอยู่คนละคณะกัน
"เอ่อ...เดี๋ยวนะครับ แล้วคุณเขมรู้จักผมได้ยังไง?"
ภัทรพยายามทบทวนความทรงจำ แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยของเขาเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ แค่เพื่อนในคณะรุ่นเดียวกันยังจำกันไม่หวาดไม่ไหว นับประสาอะไรกับเด็กที่เรียนอยู่ต่างคณะ
นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต เธอยกโกโก้ร้อนขึ้นจิบ แต่เหมือนทำไปเพื่อลดความประหม่าก่อนจะเปิดปากเล่า
"ช่วงที่คุณภัทรคบกับธร รู้หรือเปล่าคะว่าธรเขาก็ยังเที่ยวกะลิ้มกะเหลี่ยใส่คนอื่นไปเรื่อย?"
"...รู้ครับ"
ทำไมจะไม่รู้... เพราะทั้งที่ก็คบกับเขาอยู่แล้วจนเพื่อนในคณะต่างรู้กันดี ธราธรกลับยังชอบหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นไม่เลือก และเป็นสาเหตุให้เขาน้อยใจอยู่บ่อยๆ แม้จะโดนง้อภายหลังก็ตาม
"ตอนนั้นเพื่อนสนิทของเขมที่ชื่อเอื้อยก็โดนจีบเหมือนกันค่ะ เอื้อยเป็นคนสวยมาก เป็นดาวของคณะด้วย"
ภัทรมุ่นคิ้วเพราะนึกว่าจะได้ยินอีกอย่าง เขมรุจีจึงหัวเราะเบาๆ "ธรเขาไม่ได้สนใจเขมตั้งแต่ต้นหรอกค่ะ แต่พอดีมีเพื่อนของเขมที่อยู่คณะเดียวกับธรมาบอกว่าที่จริงธรมีแฟนแล้วและเป็นผู้ชาย พอเขมไปบอกเอื้อย เอื้อยเขากลับไม่ยอมเชื่อ
หญิงสาวหยุดสังเกตปฎิกิริยาของภัทรแวบหนึ่งก่อนจะเล่าต่อ
"พอโดนเตือนบ่อยๆ เข้า เอื้อยคงรำคาญเลยหาว่าเขมต่างหากที่แอบชอบธรจนแต่งเรื่องมาโกหก พวกเราทะเลาะกันรุนแรงมาก ...สุดท้ายเขมเลยประชดเพื่อนด้วยการเข้าหาธรเองจริงๆ"
ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้ภัทรหูอื้อ แน่นอนว่าเขารู้เรื่องที่ธราธรชอบไปทำเจ้าชู้ใส่คนอื่นลับหลังเพราะมีเพื่อนฝูงที่เป็นห่วงคอยมาเตือนเป็นประจำ แต่เพราะสุดท้ายเจ้าตัวก็ยังกลับมาหาเขา ทำให้ไม่เคยรู้ว่าในอดีตเคยมีเรื่องราวถึงขั้นนี้
"...ถ้าอย่างนั้น...เหตุผลที่ธรแต่งงานกับคุณเขม?"
เขมรุจีแค่นยิ้มขณะจับปอยผมที่ระบนแก้มขึ้นทัดหู "มันอาจเป็นเวรกรรมของเขมก็ได้ที่ดันไปหลงรักผู้ชายแบบนั้นเข้าจริงๆ จนได้คบกัน เขมบอกธรตั้งแต่แรกว่าเขมรู้เรื่องคุณภัทรอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกให้เขาเลิกเพราะคิดว่าสักวันเขาคงจะรักเขมมากพอที่จะทิ้งคุณภัทรเอง แต่นิสัยธรไม่ใช่คนที่จะปล่อยมือจากอะไรที่คิดว่าเป็นของตัวเองง่ายๆ ...ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่สองปีก่อนพ่อของธรถูกหุ้นส่วนโกงจนธุรกิจแทบจะล่ม เขมเลยใช้โอกาสบอกธรว่าจะขอให้คุณพ่อช่วยใช้หนี้ให้ ถ้าหากธรยอมเลิกกับคุณภัทรและแต่งงานกับเขม
คำตอบที่ภัทรไม่เคยได้รับจากธราธรมาตลอดสองปีกระจ่างในบัดดล เขาตระหนักได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายจึงจากไปโดยไม่เคยให้คำอธิบายใดๆ นอกจากเพราะธราธรมีชนักปักหลังที่แอบคบเขมรุจีลับหลังเขามาตั้งแต่สมัยเรียน อีกเหตุผลก็เพราะความเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าต้องแต่งงานเพื่อใช้หนี้นี่เอง
จนแล้วจนรอด...ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยคิดจะยอมรับความผิดของตัวเองและบอกความจริงกับเขาเลยใช่ไหม...
ภัทรรู้สึกราวกับมีคลื่นอารมณ์ที่แยกแยะไม่ได้หมุนวนอยู่ในอก เสียใจ? เขาไม่แน่ใจว่าคำนั้นจะบรรยายความขมเฝื่อนที่กำลังสัมผัสได้ถูกต้องหรือเปล่า หากใช้คำว่า เสียดาย อาจจะเหมาะสมมากกว่าในกรณีแบบนี้
...เสียดายความไว้ใจ เสียดายน้ำตาที่เคยหลั่งไหลเพราะความเจ็บช้ำ เสียดายเวลาที่สูญเปล่าไปกับคนที่ไม่ได้คิดจะมั่นคงกับเขาเพียงคนเดียวเลยมาตลอดเวลาหลายปี
เขมรุจีหลุบตาลงพลางใช้มือลูบท้องตัวเองเบาๆ กิริยานั้นดึงสายตาของภัทรให้มองตามโดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้สังเกตเห็นเนินนูนเล็กน้อยซึ่งขัดกับรูปร่างประเปรียวตรงบริเวณที่มือเรียวสวยวางอยู่
คุณเขม...กำลังท้องเหรอครับ?
หญิงสาวพยักหน้าพลางอมยิ้มน้อยๆ สามเดือนแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าธรยังไม่รู้... ถึงรู้เขาก็อาจไม่ยอมรับก็ได้ว่าเป็นลูกของตัวเอง ช่วงหลังมานี้เขมช่วยงานคุณพ่อหนักมาก ต้องพบปะสังสรรค์กับลูกค้าตลอดจนธรไม่พอใจ ยิ่งเดือนที่ผ่านมาเรายิ่งระหองระแหงกันจนธรแทบไม่กลับบ้าน
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา...ภัทรโยงเหตุการณ์ได้ทันทีว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พบธราธรอีกครั้งโดยบังเอิญ เท่ากับว่าที่ฝ่ายนั้นพยายามเข้ามาตีสนิทหาใช่เพราะอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อน แต่เพราะต้องการประชดภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องต่างหาก
เขาไม่มั่นใจว่าเผยความรู้สึกใดทางสายตาออกไป เพราะจู่ๆ รอยยิ้มละไมบนหน้าของเขมรุจีก็จางหาย กลายเป็นความเคร่งขรึมซึ่งเข้ามาแทนที่
...คุณภัทรคะ เขมเข้าใจถ้าหากครอบครัวของคุณเชษฐ์จะอยากแจ้งความดำเนินคดีกับธร แต่ในทางกลับกัน ทางฝ่ายเราก็ฟ้องกลับได้เหมือนกันเพราะธรต่างหากที่ถูกทำร้ายก่อน พยานที่เห็นเหตุการณ์คืนนั้นก็มีเพียงคุณภัทรคนเดียวซึ่งหมายความว่าคุณภัทรอาจพูดเข้าข้างคุณเชษฐ์ก็ได้ เขมพูดแบบนี้ถูกไหมคะ?
ดูเหมือนหญิงสาวจะตัดสินใจเข้าประเด็นที่ชวนภัทรมาคุยเพียงลำพังแล้ว และน้ำเสียงเป็นการเป็นงานก็ทำให้เขาอึ้งไปนิดหนึ่ง
คุณเขม...
เขมมั่นใจว่าต่อให้เรื่องถึงศาล ธรก็ไม่มีทางให้การตรงกับคุณภัทรและคุณเชษฐ์แน่ๆ ดังนั้นแทนที่จะต้องยื้อเรื่องให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองกันทั้งสองฝ่าย เขมขอเสนอให้ยอมความกันดีกว่าค่ะ แน่นอนว่าเขมไม่ได้ขอร้องเรื่องนี้โดยไม่คิดจะชดเชยอะไรให้ เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวของคุณเชษฐ์ทั้งหมดเขมจะรับผิดชอบเอง และถ้าหากต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายอื่นๆ แต่อยู่ในจำนวนที่สมเหตุผล เขมยินดีจ่าย
ภัทรถึงกับตะลึงในความเด็ดขาดของหญิงสาว เขามองแววตาที่บ่งบอกว่าพร้อมจะทำทุกอย่างให้การเจรจานี้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ และเริ่มจะตระหนักได้ว่าทำไมธราธรจึงยอมแต่งงานกับเธอ
ความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวที่หญิงสาวมีคือสิ่งที่เขาเคยขาดไป บางทีต่อให้เขมรุจีไม่ใช้เงื่อนไขล้างหนี้มาบีบบังคับเมื่อสองปีก่อน ท้ายที่สุดแล้วธราธรก็ยังอาจเลือกเธอมากกว่าเขาก็ได้
แต่นั่นไม่เกี่ยวกับการเจรจาที่ทั้งสองกำลังตกลงกันในนาทีนี้
คุณเขมครับ...เรื่องนี้ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ...
ภัทรไม่คิดว่าตนจะสามารถโน้มน้าวคุณชาญและคุณเพียงมาศได้ ต่อให้จะเริ่มเห็นจริงตามเหตุผลที่อีกฝ่ายให้มาก็ตาม กระนั้นเธอก็ยังยืนยันเจตนา
เขมรู้ค่ะว่ายาก แต่เขมอยากขอให้คุณภัทรลองคุยกับคุณเชษฐ์ดู เขมไม่เชื่อว่าคุณเชษฐ์จะไม่เห็นด้วยถ้าหากอธิบายด้วยเหตุผลพวกนี้
คุณเขม มันคุ้มแล้วหรือครับที่ทำถึงขนาดนี้เพื่อผู้ชายคนนั้น?
น้ำเสียงกับใบหน้าของภัทรตึงขึ้น อาจเป็นเพราะเขาไม่หลงเหลือความอาลัยอาวรณ์ในตัวธราธรอีกแล้ว ดังนั้นถึงแม้ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นคนที่แย่งอดีตคนรักของเขาไป แต่ภัทรกลับรู้สึกโกรธแทนเธอมากกว่าที่ต้องมาออกหน้าขอไกล่เกลี่ยเพื่อผู้ชายที่ไม่คู่ควรจะได้รับการปกป้องเช่นนี้
เขมรุจีชะงัก เธอสบตาภัทรก่อนจะหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนท้องซึ่งมีชีวิตน้อยๆ อยู่ด้านใน ไหล่บอบบางทั้งคู่สั่นไหวถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามระงับเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
"เขาเป็นพ่อของลูก ต่อให้เป็นผู้ชายที่อ่อนแอใช้ไม่ได้ยังไงเขมก็ทนดูเขาเดือดร้อนไม่ได้หรอกค่ะ คุณภัทรคงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมคะ?"
ภัทรมองขอบตาแดงก่ำที่มองมาอย่างวิงวอนจากอีกฝั่งของโต๊ะราวกับเขาคือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยเธอได้ จากนั้นริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากันโดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเป็นเวลานาน
++------++
กว่าภัทรจะกลับมาบนห้องพักผู้ป่วยอีกครั้งก็สายมากแล้ว เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ายังไม่มีใครมาเยี่ยม และคนเจ็บยังคงนั่งหลับตาพิงหมอนอยู่ในท่าเดียวกับตอนที่เขาออกจากห้อง
ภัทรปิดประตูอย่างเบามือแล้วเดินผ่านเตียงไปแง้มม่านหน้าต่าง จากมุมนี้จะมองลงไปเห็นสวนหย่อมและร้านกาแฟที่เขาเพิ่งไปนั่งมาได้อย่างชัดเจน แต่ว่าโต๊ะที่ภัทรนั่งเมื่อครู่นั้นตอนนี้มีคู่สามีภรรยาสูงวัยกับหลานชายตัวเล็กๆ มานั่งแทน ส่วนเขมรุจีขอตัวกลับไปหลังจากทั้งคู่คุยธุระเสร็จเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ถ้าหากคุณภัทรได้ข้อสรุปว่ายังไง บอกเขมด้วยก็แล้วกันนะคะ
ชายหนุ่มนึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายไว้ก่อนจากกัน จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจยาวแล้วหันกลับเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่บนเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ภัทรยืนนิ่งมองใบหน้าคมคายขณะที่เจ้าตัวเอียงหน้ามาทางทิศที่เขายืนอยู่
เขาชอบยามที่ได้มองคุณเชษฐ์ตอนกำลังตื่นนอนเช่นในเวลานี้เหลือเกิน
"คุยธุระกันเสร็จแล้วหรือ?"
คนบนเตียงถามพร้อมกับยิ้มให้น้อยๆ ภัทรจึงยิ้มตอบพลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงและใช้สองมือกุมมือใหญ่ข้างหนึ่งไว้ "เสร็จแล้วครับ คุยกันเสียนานเลย คุณเชษฐ์หิวหรือยังครับ?"
"ยังเลย ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวรอกินตอนที่แม่บ้านเอาข้าวกลางวันมาให้นั่นแหละ"
ภัทรพยักหน้าให้กับคำตอบนั้น และรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้เล่าเรื่องที่ไปคุยกับเขมรุจีมาให้ฟัง ครู่หนึ่งเขาจึงค่อยเอ่ยขึ้นช้าๆ
"คุณเขม...มาขอร้องให้ยอมความกันโดยไม่ต้องให้เรื่องถึงศาลครับ"
ภัทรช้อนสายตาขึ้นสังเกตคนบนเตียงหลังเอ่ยประโยคนั้นออกไป จึงได้เห็นว่าเชษฐ์กำลังทอดสายตามองมือของทั้งคู่ที่กำลังเกาะกุมกันอยู่
"นึกแล้วเชียว ฉันก็สังหรณ์อยู่แล้วว่าเขาคงเรียกเธอไปคุยเรื่องนี้ แล้วส่วนตัวเธอคิดว่ายังไงล่ะ?"
ภัทรมองตามสายตาของคนถามแล้วก็ส่ายหน้า "ผมตอบไปว่าผมตัดสินใจแทนคุณเชษฐ์ไม่ได้ครับ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเชษฐ์ก็คงไม่ยอมง่ายๆ ด้วย"
"ภัทร"
มือที่ถูกกำแน่นขึ้นเรียกให้ภัทรสบตากับคนบนเตียง และพบว่านัยน์ตาคมเข้มกำลังจ้องมองตรงมาที่เขา
"ตอนนี้มีเราอยู่กันแค่สองคน บอกความเห็นของเธอมาตามตรงเถอะ ฉันไม่โกรธหรอก"
ภัทรเม้มริมฝีปากแน่น หลังจากพยายามเรียบเรียงคำพูดในใจแล้วจึงยอมเอ่ยปาก
"ผมคิดว่าการยอมความเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนครับ ไม่ใช่เพราะเห็นใจธรหรือคุณเขม แต่ผมไม่อยากให้คุณเชษฐ์ต้องสิ้นเปลืองเวลากับเงินทองไปกับเรื่องนี้ คุณเชษฐ์...ลำบากเพราะผมมาเยอะแล้ว"
มือใหญ่ขยับออกจากการเกาะกุมของภัทรและเลื่อนขึ้นไปวางบนต้นคอ จากนั้นเพียงออกแรงเล็กน้อย คนตัวเล็กกว่าก็เอนลงซบบ่าหนาโดยไม่ขัดขืน
"ฉันไม่เคยคิดว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องลำบากนะ เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ก็เหมือนกัน ฉันไม่เสียใจที่ทำหมอนั่นบาดเจ็บปางตายขนาดนั้น ต่อให้เกิดเรื่องแบบเดียวกันอีกกี่ครั้งฉันก็จะทำเหมือนเดิม"
"คุณเชษฐ์..."
ภัทรเอียงหน้าขึ้นมองคนข้างกายด้วยแววตาที่บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร เชษฐ์จึงกระชับมือบนบ่าผอมแน่นขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากที่มีผมปรกอยู่
"พ่อกับแม่อาจไม่ชอบใจที่ฉันถูกทำร้าย แต่สำหรับฉัน เหตุผลเดียวที่ฉันจะเอาเรื่องก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ ต่อให้หมอนั่นจะเคยคบเธอมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาใช้คำพูดดูถูกเธอเหมือนอย่างในคืนนั้น"
สายธารแห่งความอบอุ่นกำซาบขึ้นในอกจากคำพูดอันอ่อนโยนทว่าหนักแน่นของเจ้าของอ้อมแขน เหตุการณ์เมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมาแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำของภัทรอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณเชษฐ์ของเขากลับมาช่วยไว้ทันเวลา ภัทรก็คิดไม่ออกเลยว่าคืนนั้นจะจบลงอย่างไร
ชายหนุ่มมองฝ่ามือของตนที่วางหงายอยู่บนตัก เนื่องจากแผลที่ถูกบาดเริ่มตกสะเก็ดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องพันผ้าพันแผลอีก นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองแผลนั้นนิ่งขณะคิดถึงบทสนทนากับเขมรุจี สิ่งที่เธอบอกเขาว่าเต็มใจจะทำเพื่อปกป้องธราธร กับคำพูดของคุณเชษฐ์ที่ว่าจะปกป้องเขาไม่ว่าจะเกิดผลอะไรตามมา...เท่ากับคนทั้งคู่หาได้ต่างกันเลยใช่หรือไม่...
"คุณเชษฐ์ครับ ผมอยากเล่าเรื่องที่คุยกับคุณเขมให้ฟังครับ"
ภัทรเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เชษฐ์สบตาเขาแล้วก็พยักหน้า ภัทรจึงเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้รับรู้จากเขมรุจี ทั้งความหลังตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษาที่ยังคบกับธราธร เรื่องที่ฝ่ายนั้นไปเกาะแกะกับเพื่อนของเขมรุจีจนเป็นเหตุให้หญิงสาวเข้ามาพัวพัน และสุดท้ายก็แย่งธราธรไปด้วยเงื่อนไขที่เจ้าตัวไม่อาจปฏิเสธ เรื่องที่ภัทรลาออกจากงานเก่าไปอยู่บ้านน้าที่ต่างจังหวัดเพื่อทำใจ กระทั่งถึงข้อเสนอที่เขมรุจีมอบให้เขาเมื่อเช้าเพื่อจะได้ไม่ต้องให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด เชษฐ์ก็ระบายลมหายใจยาวพลางกอดไหล่ของภัทรแน่นเข้าโดยไม่พูดอะไร อึดใจใหญ่กว่าที่คนบนเตียงจะทำลายความเงียบงัน
"ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจคำขอของเขาหรอกนะ"
...คุณภัทรคงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมคะ?... ภัทรนึกถึงคำพูดประโยคนั้นพลางพยักหน้า เพราะถ้าหากคุณเชษฐ์คือคนที่เขาต้องปกป้อง เขาก็คงไม่ลังเลที่จะบากหน้าไปขอร้องคู่กรณีเช่นเดียวกับที่หญิงสาวทำ
"อาจจะฟังแล้วแปลกๆ นะครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเธอ เพราะถ้าหากคุณเขมไม่ได้แย่งธรไปตอนนั้น ทุกวันนี้ผมก็คง...ยังไม่ได้เจอกับคุณเชษฐ์"
แล้วก็คงไม่ได้สัมผัสกับความสุขอย่างที่ได้พบอยู่ในวันนี้
...โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่แปรปรวนได้ง่ายเหลือเกิน ขอเพียงเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเพียงเล็กน้อย ผลที่ตามมาก็กลับตาลปัตรไปจากที่เคยวางแผนไว้จนหมดสิ้น ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ภัทรกลับรู้สึกว่าโชคชะตาช่างปรานีที่ให้เขาได้รับประสบการณ์รักแรกอันแสนเจ็บปวด เพื่อที่จะได้เป็นบทเรียนก่อนมาพบกับรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
"ถ้าหากผมขอให้ทำตามคำขอของคุณเขมสักครั้ง คุณเชษฐ์จะโกรธไหมครับ?"
สายตาสองคู่สบประสานโดยที่ภัทรกุมมือใหญ่อบอุ่นเอาไว้ เขาไม่ได้ต้องการจะเล่นบทคนดีเพื่อสร้างภาพให้อีกฝ่ายประทับใจ เพียงแต่ครั้งนี้เท่านั้น....เขาอยากให้เขมรุจีได้รับในสิ่งที่อุตส่าห์บากบั่นมาเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อที่ต่อไปพวกเขาจะไม่ต้องหลงเหลือหนี้บุญคุณติดค้างกันอีก และภัทรจะได้ตัดขาดจากอดีตที่ผ่านมาเพื่อเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงเสียที
มือใหญ่ยกขึ้นแนบแก้มของภัทรแผ่วเบาขณะที่นัยน์ตาคมเข้มมองสบกับนัยน์ตาเรียวแน่วนิ่ง เสมือนหนึ่งว่าอยากมองให้เห็นลึกไปถึงความคิดข้างในใจ จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงแนบหน้าผากกับหน้าผากเนียนช้าๆ จนต่างมองเห็นเงาของกันและกันในแววตาของอีกฝ่าย
ลมหายใจอุ่นจากปลายจมูกของทั้งสองคละเคล้าเป็นหนึ่งเดียว ภัทรบีบมือที่ประคองไว้แน่นขึ้นราวจะยืนยันกับผู้สูงวัยกว่าว่านี่คือสิ่งที่ต้องการ เชษฐ์จึงค่อยเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปแนบบนปลายจมูกของเขา
"เอาเถอะ ถือว่าฉันก็ฝากบทเรียนให้หมอนั่นไปพอสมควรเหมือนกัน ถ้าเล่าอาการของทางนั้นให้พ่อกับแม่ฟังก็คงขอให้ตัดใจเรื่องจะเอาความไม่ยากนักหรอก"
"ขอบคุณมากครับคุณเชษฐ์"
ภัทรเอ่ยพลางโอบแขนไปรอบเอวของคนบนเตียงแล้วเอนลงพิงอกกว้าง เชษฐ์ยกมือขึ้นลูบไหล่ของเขาก่อนจะระบายลมหายใจยาว ภัทรไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการแสดงออกว่าสบายใจหรือว่าระอาใจกับคำขอของเขากันแน่ จึงเงยหน้าขึ้นหอมแก้มที่สากเพราะไรเคราพร้อมกับกระซิบริมหู
"ผมรักคุณเชษฐ์นะครับ"
นัยน์ตาคมเป็นประกายระยับเมื่อถูกออดอ้อน แววตากรุ้มกริ่มที่จ้องมองในระยะใกล้ทำให้ภัทรเริ่มรู้สึกเขิน ทว่าก็ไม่ได้อิดออดเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นแนบลงประทับบนริมฝีปากตัวเอง
"ถ้าหากตามใจเธอแล้วได้รางวัลแบบนี้บ่อยๆ ฉันก็ยอมนะ"
เสียงเคาะประตูทำให้ภัทรรีบดึงตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นทันเวลาที่แม่บ้านนำอาหารกลางวันเข้ามาให้ เขาหันไปกล่าวขอบคุณก่อนจะเลื่อนโต๊ะทานอาหารสำหรับผู้ป่วยมาให้คนบนเตียง ผิวแก้มเกลี้ยงเกลายังมีริ้วสีแดงอ่อนแตะแต้มจางๆ ขณะเอ่ยแก้เก้อ
"ถ้าคุณเชษฐ์ต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะได้ตามใจผม ผมก็ไม่เอาหรอกครับ"
ภัทรเอ่ยพลางเปิดฝาพลาสติกที่ปิดทับอาหารแต่ละอย่างให้แล้ววางไว้ข้างๆ เชษฐ์จึงหลิ่วตาให้กับคนที่กำลังพยายามหลบสายตาของตนอย่างหยอกเย้า
"ถ้างั้นก็ไม่ต้องรอให้ตามใจก่อนถึงค่อยให้รางวัลสิ ถ้าแบบนั้นจะให้รางวัลตอนไหนก็ได้จริงไหม?"
ร่างสูงเพรียวเม้มปาก นึกอยากพูดอะไรกลับให้อีกฝ่ายหยุดแซวกันเสียที แต่พอเหลือบเห็นนัยน์ตาอ่อนโยนซึ่งเปี่ยมไปด้วยความในใจที่ทอดมองมา ใจก็อ่อนยวบราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน
ก็ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้หรือ...ที่เขาตั้งใจจะฝากชีวิตและหัวใจให้นับตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่ารักไปแล้ว...
"ขอผมไปล้างมือก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะออกมาป้อนข้าวให้"
ภัทรเอ่ยพลางรีบเดินเร็วๆ ไปทางห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมา กระแสความอ่อนหวานจากน้ำเสียงแจ่มใสนั้นรินรดไปทั้งใจจนภัทรรู้สึกเหมือนเดินไม่ติดพื้น ถึงแม้ไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันให้จับต้องได้ แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว และหลังจากนี้จะมีเพียงความสุขเท่านั้นที่รออยู่ข้างหน้า
เพราะว่าคนที่จะคอยจับจูงมือเขาตลอดเส้นทางสู่อนาคตไปด้วยกัน คือผู้ชายที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความสุขให้แก่เขาคนนี้นี่เอง...
++--- TBC ---++
A/N: เป็นตอนที่เหมือนจะไม่มีอะไร ค่อนข้างเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ความเรื่อยนี่แหละที่ทำให้ใช้เวลาถึงสองอาทิตย์ในการเขียน เพราะสังหรณ์ว่าถ้าเรียบเรียงไม่ดีคงจะมีคนขัดใจกันเยอะเชียว ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้รอตอนใหม่กันเสียนานเลยนะคะ ใครที่ยังกังวลกับอาการของคุณเชษฐ์ก็คงหายห่วงได้เสียที หลังจากนี้ก็น่าจะใกล้จบเต็มทีแล้ว ก็ขอให้ติดตามกันไปจนจบและรออุดหนุนเมื่อได้ทำรวมเล่มด้วยนะ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้าค่า
Create Date : 15 มกราคม 2556 | | |
Last Update : 15 มกราคม 2556 22:47:21 น. |
Counter : 1277 Pageviews. |
| |
|
|
|