Group Blog
 
All blogs
 
ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode: ความในใจของน้องชาย

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : ความในใจของน้องชาย

ตั้งแต่จำความได้ ผมก็โตมาในบ้านที่มีพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชาย ปู่กับย่าเคยอยู่บ้านเดียวกับเรา แต่ทั้งสองก็เสียไปตั้งแต่ก่อนผมจะเข้าเรียนประถม ดังนั้นภายในครอบครัวแล้วผมก็เลยจะสนิทกับกับพี่วิวที่อายุมากกว่าแปดปีที่สุด

แต่ถึงจะใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราเล่นหัวเป็นเพื่อนกันนะ เพียงแต่พี่วิวจะค่อนข้างเอ็นดูผมเพราะช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมเองก็จะถูกพ่อแม่สอนมาตลอดว่าต้องเชื่อฟังและห้ามเถียงพี่ ดังนั้นพวกเราก็เลยแทบไม่เคยมีเรื่องขัดใจหรือทะเลาะเบาะแว้งกัน อีกอย่างก็คงเพราะพี่วิวเขาเป็นคนไม่ค่อยเรื่องมากด้วย เพราะรายนั้นจะชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ตั้งใจเรียน แล้วก็ทบทวนบทเรียนจากหนังสือเวลาอยู่บ้านมากกว่า

สำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในวัยเรียน พวกผู้ใหญ่ก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องเกรดที่สุดจริงไหม และเรื่องนี้แหละที่ทำให้ผมเซ็งอยู่บ่อยๆ ความจริงผลการเรียนของผมก็ไม่ได้แย่นะ เพียงแต่ถ้าเทียบกับพี่วิวล่ะก็ ถึงยังไงก็ไม่ติดละอองขี้ฝุ่นอยู่แล้ว เพราะพี่วิวนอกจากจะหัวดีแล้วยังขยันโคตรๆ แม่เลยจะชอบบ่นบ่อยๆ เวลาเห็นผมนอนดูทีวีว่าทำไมถึงไม่ขยันให้ได้แบบพี่วิวบ้างเผื่อเกรดจะกระเตื้อง ผมละฟังทีไรอยากจะตอบแม่ไปว่าก็ถึงจะแชร์ดีเอ็นเอเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไอคิวผมกับพี่วิวจะต้องเท่ากันนี่คร้าบ แล้ววิธีคิดกับนิสัยของพวกเราก็ไม่เหมือนกันด้วย จะให้ผมมีพฤติกรรมเหมือนพี่วิวเด๊ะราวกับโขกออกจากพิมพ์ได้ยังไงเล่า

โชคดีของแม่นะที่ผมไม่ใช่คนชอบคิดเล็กคิดน้อย ฟังอะไรมาก็มักปล่อยให้ทะลุออกหูไป ไม่งั้นเวลาโดนบ่นผมคงได้ตีโพยตีพายว่าแม่รักลูกไม่เท่ากันแหงๆ แล้วก็อาจจะหนีออกจากบ้านไปทำตัวเป็นเด็กแวนซ์มีปัญหาแล้วก็ได้ (ฮึ่ม)

แต่ครั้นจะบอกว่าไม่น้อยใจเลยที่ถูกเปรียบเทียบกับพี่วิว....มันก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพียงแต่คงเป็นบุญของผมที่ทุกครั้งที่โดนบ่น พี่วิวก็มักจะคอยช่วยออกหน้าให้เสมอ อย่างเช่นเวลาที่แม่บ่นว่าทำไมผมไม่ขยันให้เท่าพี่วิว พี่วิวก็จะคอยตอบให้ว่าเพราะผมยังเด็ก แล้วอีกอย่างก็ทำกิจกรรมโรงเรียนเยอะกว่า (ลืมบอก ผมเป็นนักกีฬาปิงปองของโรงเรียน) แล้วทุกครั้งพี่วิวก็จะเสริมด้วยว่าตราบใดที่ผมไม่เกเร ก็ไม่จำเป็นต้องเจริญรอยตามพี่วิวทุกฝีก้าวก็ได้ เวลาได้ยินยังงี้ทีไร ผมละอยากกอดพี่วิวแน่นๆ ทู้กที ก็มีพี่ชายใจดีย่อมเป็นศรีแก่ตัวจริงไหมล่ะ

แล้วก็ด้วยความที่พี่วิวเป็นคนดี ไม่ค่อยมองใครในแง่ร้าย แถมขยันยิ่งยวดจนผลการเรียนดีเลิศแบบนี้แหละ บางทีผมก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนพี่ผมจะเป็นคนยังไง แต่ต่อให้ไม่เคยถาม ผมก็เดาได้ว่าพี่วิวคงจะชอบคนที่นิสัยเรียบร้อย ทำตัวอยู่ในกรอบแล้วก็ขยันเรียนเหมือนๆ กัน ตอนที่พี่วิวเอ็นท์ติดมหา’ลัยในกรุงเทพฯ ผมเลยลุ้นว่าพี่ผมจะพาใครกลับบ้านมาแนะนำช่วงปิดเทอมหรือเปล่า เพราะถ้าหากพี่วิวมีแฟนขึ้นมา คนคนนั้นก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตของพี่ชายผมเลยนะ มันน่าตื่นเต้นน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ ผมก็อยากเห็นพี่วิวที่ชอบทำตัวเคร่งครัดได้มีช่วงเวลากุ๊กกิ๊กเหมือนเพื่อนๆ เขาเหมือนกันนี่

แต่จนแล้วจนรอด ปิดเทอมแล้วปิดเทอมเล่า เวลาผ่านไปจนพี่วิวเรียนปีสองเทอมสุดท้าย ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เจอแฟนของพี่เสียที แถมเวลาแย็บถามตอนพี่วิวกลับบ้านทีไร ผมก็จะโดนขยี้หัวพร้อมกับคำตอบแบบยิ้มๆ ว่า “ไอ้เด็กแก่แดด” ไปซะทุกครั้ง จนผมปลงแล้วว่ากว่าพี่วิวจะมีแฟนคงต้องหลังทำงานแล้วแหงๆ และไม่ใช่ว่าดูถูกพี่ตัวเองนะ แต่ท่าทางคนที่จะเป็นว่าที่พี่สะใภ้ผมคงต้องเป็นฝ่ายจีบก่อนอะ เพราะผมนึกภาพพี่วิวจีบใครไม่ออกเลยจริงๆ ก็ออกจะเป็นคนเฉยๆ ซะขนาดนั้น บางทีก็นิ่งจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรกันแน่ ใครที่รู้จักพี่วิวในระดับหนึ่งก็ต้องมีความเห็นเหมือนกันกับผมน่ะแหละ

แต่ก็อย่างว่า อะไรที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นในชีวิต บทมันจะเกิดก็เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนกับคนที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเรากับคนที่เรารู้จักอย่างไม่คาดหมาย (พอดีผมเรียนภาษาไทยไม่ค่อยเก่ง ส่วนภาษาอังกฤษห่วยมาก ถ้าใครอ่านแล้วงงก็ขอโทษนะ) อยากรู้กันไหมว่าผมกำลังพูดถึงอะไร ก็การที่พี่วิวพา(ไอ้) พี่เป้มาเยี่ยมบ้าน เมื่อตอนปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นปีสามน่ะสิ!

หากจะว่ากันจริงๆ การที่พี่วิวพาเพื่อนมาบ้านมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดนักหรอก เพราะสมัยมัธยม พี่ผมก็เคยพาเพื่อนมาติวหนังสือที่บ้านเหมือนกัน แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดตั้งแต่เจอพี่เป้ครั้งแรก ก็คือเรื่องบุคลิกที่ต่างจากพี่วิวสุดขั้วจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เริ่มตั้งแต่รูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนนักกีฬามากกว่าเด็กเรียน ท่าทางที่เหมือนลูกคนรวยซึ่งมองมุมไหนก็ขัดกับบรรยากาศบ้านนอก แล้วยังบุคลิกที่ขี้เก๊กได้แบบเป็นธรรมชาติซะเหลือเกิน ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นบุหรี่ที่ติดบนเสื้อเวลาผมเดินผ่านไปใกล้ๆ อีก ซึ่งจุดสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุด เพราะว่าพี่วิวเป็นคนไม่สูบบุหรี่ แล้วเพื่อนๆ ที่เคยรู้จักกันมาก็ไม่มีคนไหนสูบด้วยเหมือนกัน

อ้อ แต่ถ้าจะบอกว่าเหตุผลข้อสุดท้ายประหลาดที่สุดก็จะเป็นการด่วนสรุปเกินไป เพราะหลังจากพี่วิวพาพี่เป้มาวันแรก ผมก็ค่อยๆ พบว่าสองคนนี้มีเรื่องให้น่าประหลาดใจมากกว่านั้น เพราะผมสังเกตเห็นว่ามีหลายครั้งมากๆ ที่พี่เป้กับพี่วิวมีพฤติกรรมที่ผิดปกติกว่าเพื่อนผู้ชายทั่วไปเขาแสดงออกกัน แต่ไม่ต้องไปถามพ่อกับแม่หรอกนะ ผมว่าสองคนนั้นเขาคงไม่มาสนใจเรื่องนี้กันหรอก แค่นานๆ ทีลูกชายคนโตกลับมาบ้านเขาก็ดีใจกันจะแย่อยู่แล้ว (และข้อดีของช่วงเวลาที่พี่วิวกลับบ้านก็คือ ไอ้หว้าจะชอบโดนมองข้ามและไม่ค่อยโดนบ่น ฮ่าๆๆ)

ถ้าจะยกตัวอย่างพฤติกรรมผิดปกติว่ามีอะไรบ้าง เท่าที่ผมจำได้นะ ครั้งแรกก็คือตอนที่พี่วิวจะขับมอเตอร์ไซค์ไปตลาดโดยที่พี่เป้ซ้อนท้าย (เห็นพี่เป้บอกว่าไม่ถนัดขับมอเตอร์ไซค์ แต่ลูกคนมีเงินส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็มักจะถนัดขับรถสี่ล้อมากกว่าแหละมั้ง) แล้วแทนที่พี่เป้จะเอามือไปจับท้ายอานหรือวางไว้บนขา ก็ดั๊นเอามือไปกอดเอวพี่วิวจนพี่ผมสะดุ้งแล้วหันกลับไปทำตาดุใส่ หรืออย่างตอนที่กลับมาจากตลาดกันและถือข้าวของเตรียมจะเข้าบ้าน ตอนแรกพี่วิวจะถือถุงเอง แต่พี่เป้แย่งไปถือให้ทั้งหมดจนพี่วิวถอนหายใจแล้วเดินเข้าบ้านก่อน หรือถ้าจะเอาให้เด็ดกว่านั้นอีก ก็คือตอนกลางคืนที่ไปเที่ยวงานวัดกันสามคนโดยมีผมกระเตงไปด้วย ที่งานมีชิงช้าสวรรค์วงใหญ่เบ้อเริ่มตรงกลางงาน ผมเห็นแล้วอยากขึ้นก็เลยชวนพี่วิวกับพี่เป้ขึ้นด้วยกัน แต่พี่เป้ตัวใหญ่ก็เลยต้องนั่งคนละฝั่งกับพวกผม ความที่กระเช้ามันแคบแล้วพี่เขาก็ดันขายาว เข่าทั้งสองข้างของพี่เป้ก็เลยเกยอยู่ด้านนอกเข่าพี่วิวจนเกือบๆ จะเหมือนนั่งคร่อม ทีนี้มีช่วงหนึ่งที่กระเช้าเกิดกระตุกแล้วหยุดค้างกลางอากาศ แรงกระตุกทำให้พี่เป้โน้มตัวมาข้างหน้าแล้วยันแขนข้างหนึ่งบนพนักด้านหลังพี่วิว ตอนนั้นหน้าทั้งสองคนเกือบจะชนกันอยู่แล้วมั้ง ผมเห็นพี่วิวทำตาโตมองพี่เป้แล้วก็รีบหันหนีไปด้านนอก ส่วนพี่เป้หัวเราะในคอแล้วถอยกลับไปพิงพนักตัวเองอย่างเดิม ซึ่งผมว่าถ้าเป็นเพื่อนทั่วไปเขาคงไม่ทำท่าแบบนี้ใส่กันหรอก อย่างถ้าผมมากับเพื่อนแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ผมคงแซวมันขำๆ ไปว่าอยากมาซบอกพี่เหรอจ๊ะซะมากกว่า (แต่ก็นึกภาพพี่วิวพูดประโยคนี้ไม่ออกแฮะ)

เรื่องแปลกๆ คืนนั้นยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังพวกเราลงมาจากชิงช้าสวรรค์ พี่วิวก็มาเดินตีคู่ผมแล้วปล่อยพี่เป้เดินตามหลังคนเดียว แถมพอพี่เป้มารั้งศอกพี่วิวแล้วชี้บอกว่าอยากแวะซุ้มไหน พี่วิวก็จะหันกลับไปค้อนให้ด้วย ไอ้ผมก็งงเดะ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 12 ย่าง 13 ผมเคยเห็นพี่วิวค้อนใครซะที่ไหน และถ้าจะว่ากันตามมาตรฐานการค้อนล่ะก็ ที่พี่วิวทำก็ยังห่างไกลเพื่อนๆ ผู้หญิงในห้องผมหลายขุม จะอธิบายยังไงดี คือดูแล้วไม่มีจริตจก้านมั้ง? เพราะพี่วิวเพียงแต่หรี่ตาใส่พี่เป้นิดนึงแล้วก็หันไปทางอื่น ไม่มีอาการสะบัดสะบิ้งแล้วเหล่ตาจิกเหมือนที่สาวๆ ชอบทำ แต่ถ้าใครที่คุ้นเคยกับพี่วิวจะรู้เลยว่าแค่นั้นก็ผิดวิสัยพี่ชายผมมากๆ แล้ว ตอนนั้นผมเลยยิ่งสงสัยมากขึ้นๆ ว่าตกลงไอ้พี่เป้นี่มันยังไงกันแน่ (วะ)

ตอนนั้นน่ะสงสัยก็สงสัย แต่ไอ้หว้าก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าถ้าถามคงไม่แคล้วโดนดุ เผลอๆ จะทำให้ทั้งสองคนระวังท่าทีกันมากขึ้นด้วย ดังนั้นผมเลยได้ไอเดียใหม่ ด้วยการหาโอกาสจับผิดให้จั๋งหนับ! เอาให้มันรู้กันไปชัดๆ ว่าตกลงแล้วพี่ผมกับพี่เป้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีเรื่องรับได้หรือรับไม่ได้มาเกี่ยวเลยนะ ผมแค่ตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ที่อยากรู้อยากเห็นเวลาพวกผู้ใหญ่มีความลับก็เท่านั้นเอง

แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อโอกาสมาถึงเร็วกว่าที่คาด (บอกแล้วว่าเป็นเด็กมีบุญ) คืนนั้นปรากฏว่ามีฝนหลงฤดูตกลงมาระหว่างที่พวกเรากลับบ้าน พายุกรรโชกแรงมาก แล้วหลังคาห้องนอนผมก็ดันรั่วแบบถล่มทลายจนน้ำหยดใส่ฟูกซะชุ่ม ผมก็เลยต้องระเห็จไปขอนอนห้องพี่วิวอย่างไม่มีทางเลือก (ให้ไปนอนห้องเดียวกับพ่อแม่คงไม่ไหว เพราะพ่อผมกรนดังมาก) แล้วเพราะเตียงทั้งในห้องผมและห้องพี่วิวเป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งถ้านอนสองคนจะเบียดกันสุดๆ แถมผมยังนอนดิ้นแบบร้ายกาจด้วย พี่วิวก็เลยยกเตียงให้แล้วตัวเองลงไปนอนฟูกบนพื้นกับพี่เป้แทน
ขณะที่กำลังเตรียมตัวจะนอนกัน ผมก็แอบลุ้นในใจว่าจะได้เห็นอะไรระทึกไหมหว่า แต่ปรากฏว่าพี่วิวดันเอาหมอนขวานมาวางขวางระหว่างตัวเองกับพี่เป้ซะงั้น (เอ่อ นี่ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่แปลก ปกติเวลานอนกับเพื่อนเขาไม่แบ่งอาณาเขตแบบนี้ไม่ใช่เรอะ?) หลังจากปิดไฟแล้วผมเลยแอบมองในความมืดอยู่ตั้งนานว่าจะเห็นอะไรไหม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมพอฟ้าแลบจนเห็นแสงทะลุขอบหน้าต่างเข้ามาที ผมก็เห็นว่าทั้งสองคนนอนตะแคงแล้วหันไปคนละทางด้วยซ้ำ สุดท้ายผมเลยต้องยอมแพ้ บวกกับที่เหนื่อยมาทั้งวันด้วย ในที่สุดก็เลยหลับไปแบบไม่ได้เห็นอะไรติดตาจนเก็บเอาไปฝันร้าย มานึกดูตอนนี้ก็ควรจะขอบคุณพี่วิวล่ะมั้ง(?)

คืนนั้นผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอถึงเช้ามืดของวันถัดมา ผมก็รู้สึกตัวตื่นเพราะปวดฉี่ตั้งแต่ขอบฟ้ายังไม่ค่อยสว่าง พอเหลือบไปเห็นว่าพี่ทั้งสองยังหลับกันอยู่ก็เลยพยายามลุกออกจากห้องไปเงียบๆ จะได้ไม่ตื่นกัน (อย่างน้อยผมก็รู้กาลเทศะนะ) ความจริงตอนนั้นก็เกือบๆ จะหกโมงเช้าแล้ว แต่ผมก็กะว่าฉี่เสร็จจะกลับไปนอนต่อ ที่ไหนได้ พอเดินงัวเงียตาตี่กลับไปที่ห้องซึ่งเปิดประตูแง้มไว้ ผมดันมองเข้าไปเห็นว่าพี่เป้ตื่นขึ้นมานั่งมองพี่วิวอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่ตอนที่ผมลุกออกมาหรือว่าเพิ่งตื่นกันแน่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าผมเพราะเอาแต่มองพี่วิวที่หลับสนิทนิ่งอยู่อย่างนั้น และที่ทำให้ผมซึ่งกำลังจะยื่นมือไปผลักประตูสะดุดหยุดกึ้กจนไม่ขยับต่อ ก็เพราะอยู่ดีๆ พี่เป้ที่นั่งเงียบก็ก้มลงไปหอมแก้มพี่วิวเฉยเลย!

ผมได้แต่กลั้นหายใจยืนนิ่งเพราะกลัวว่าถ้าขยับแล้วจะเกิดเสียง หลังจากหอมแก้มพี่วิวที่ยังคงไม่รู้สึกตัว พี่เป้ก็เอนตัวลงนอนตะแคงเท้าคางมองพี่วิวอยู่แป๊บนึง จากนั้นถึงค่อยล้มตัวลงนอนโดยตะแคงหันหลังไปอีกทาง คราวนี้ผมเลยล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปนอนต่อ เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองไปแอบเห็นอะไรที่ไม่ควรเข้า แล้วภาพนั้นก็ทำเอาผมตาสว่างไปเลย พร้อมๆ กับความสงสัยเมื่อตอนงานวัดที่พุ่งขึ่นด้วยดีกรีรุนแรงกว่าเดิม

สรุปว่า...พี่เป้กับพี่วิว...เขายังไงกันแน่ (วะ) เนี่ย??

ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องลงบันไดมาชั้นล่าง แล้วก็เจอแม่ที่กำลังปัดกวาดครัวเตรียมทำกับข้าว ผมเลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปจ่ายตลาดให้เอง พอแม่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำตาโตเหมือนเห็นตัวประหลาดเพราะปกติไอ้หว้าตื่นสายประจำแถมไม่เคยเสนอตัวเรื่องนี้เลย แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอะไรดีนี่นา อย่างน้อยๆ ถ้าได้ออกไปข้างนอก พบเจอผู้คนอาจช่วยล้างไอ้ภาพที่ติดตาเมื่อตะกี้ให้หายไปก็ได้

ระหว่างเดินซื้อของในตลาด ผมก็ได้แต่คิดวนไปมาเรื่องพี่เป้กับพี่วิว แล้วก็พยายามประมวลภาพเวลาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่มาที่บ้าน ใจหนึ่งก็อดตกใจไม่ได้ว่าตกลงพี่กูเป็นตุ๊ดเหรอวะ แต่เอ๊ะ พี่วิวก็ไม่เคยทำท่ากรีดกรายสะดีดสะดิ้งหรือพูดจาจีบปากจีบคอนี่นา ไอ้ที่จะดูแปลกตาบ้างก็เฉพาะเวลาที่โดน(ไอ้)พี่เป้ทำก้อร่อก้อติกใส่แค่นั้นเอง แต่จะบอกว่าพี่วิวรำคาญก็ไม่น่าใช่อีก เพราะท่าทางที่แสดงออกมันเหมือนคนที่ไม่รู้จะตอบรับการถูกเอาใจใส่เกินเหตุยังไงดีมากกว่า และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็หมายความว่าพี่วิวอาจจะเกรงใจพี่เป้ เลยไม่รู้ว่าควรจะบอกปฏิเสธยังไงไม่ให้เพื่อนเสียน้ำใจก็เป็นได้

เมื่อคิดสะระตะได้แบบนี้ ผมเลยเกิดความฮึดขึ้นมา พอซื้อของเสร็จก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ตั้งใจว่าจะถามพี่วิวให้รู้เรื่องว่าตกลงอะไรเป็นอะไร และถ้าหากพี่วิวรำคาญพี่เป้จริงๆ แต่ไม่กล้าบอก ผมก็จะยอมเล่นบทผู้ร้ายไปบอกพี่เป้ให้เอง ก็ภารกิจพิทักษ์ความสุขของพี่ชายคือหน้าที่ของน้องชายผู้แสนดีใช่ปะล่ะ

พอจอดมอเตอร์ไซค์แล้วถือถุงกับข้าวเข้าไปในบ้าน ผมก็เจอพี่วิวที่ตื่นแล้วและกำลังช่วยแม่จัดของใส่บาตร ผมเห็นจังหวะดีที่แม่ไม่ได้อยู่ในครัวด้วย เลยเดินตรงดิ่งเข้าไปหาพี่วิวเพื่อจะได้ถามถึงสิ่งที่สงสัย แต่แม่ดั๊นเดินกลับเข้ามาในครัวแล้วบอกให้พี่วิวไปปลุกพี่เป้ลงมาใส่บาตรด้วยกัน พี่วิวเลยตอบรับแล้วก็เดินหายไปชั้นบนก่อนที่ผมจะได้ถาม แม่เลยได้แต่มองผมแบบงงๆ ว่าทำแก้มอูมใส่แม่ทำไม แล้วก็เลยไล่ให้ไปล้างหน้าแปรงฟันซะก่อนจะออกไปตักบาตรด้วยกัน (ก็เมื่อเช้าเล่นออกไปตลาดแบบอมขี้ฟันตลอดเลยนี่)

เป็นอันว่าเช้านั้นผมพลาดจังหวะในการถามพี่วิวอย่างน่าเสียดาย แต่ก็พยายามฉวยโอกาสตอนเดินออกไปรอพระบิณฑบาตรที่หน้าบ้านด้วยกัน ยืนคั่นระหว่างพี่วิวกับพี่เป้ พี่วิวมองผมเหมือนงงที่จู่ๆ น้องชายก็กลับมาทำตัวติดพี่แบบสมัยเด็ก ส่วนพี่เป้...ผมว่าผมเห็นพี่เป้มองผมแล้วยิ้มมุมปาก จะด้วยเพราะรู้ทันหรือหมั่นไส้ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆ วันนี้ผมต้องช่วยกันพี่เป้ออกจากพี่วิวให้ตลอดรอดฝั่งให้จงได้

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนดีเสมอไป (ทำไมวะ!?) เพราะหลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว ตลอดทั้งวันนั้นทั้งสองคนก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปแทรกกลางอีกเลย อ่า...จะว่างั้นก็ไม่เชิง คือพอหลังจากกินข้าวเช้าฝีมือแม่ผมเรียบร้อย ทั้งสองคนก็กะจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวด้วยกัน (แน่นอนว่าพี่เป้ซ้อนพี่วิวด้วยข้ออ้างเดิมว่าขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็ง ฮึ่ม พูดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) ผมก็เลยขอตามไปด้วยแต่ขับมอเตอร์ไซค์เอง และไม่ว่าที่ไหนที่แวะลงไปเดินเที่ยวกัน ทั้งคู่ก็แทบจะตัวไม่ห่างกันเลย ไม่ใช่ว่ากอดคอหรือจับมือถือแขนกันนะ แต่ประมาณว่า...เหมือนมากันแค่สองคนอะ ฝ่ายพี่วิวไม่เท่าไหร่เพราะยังหันมาชวนผมคุยหรือถามว่าอยากไปไหนต่อบ้าง แต่(ไอ้)พี่เป้เนี่ยไม่มี้ที่จะหันมาสนใจ อย่างกับลูกกะตาทั้งสองข้างมีไว้มองพี่วิวคนเดียวยังงั้นแหละ และผมคิดว่าพี่ผมก็รู้ตัวและไม่ได้รำคาญซะด้วยสิ เพราะถึงจะไม่ได้ออกปาก แต่ผมก็เห็นว่าบางทีพี่วิวก็มองพี่เป้ตอบแล้วยิ้มนิดๆ ให้ (อ้อ เวลายิ้มพี่วิวจะชอบยกแค่มุมปากขึ้นเฉยๆ) แต่ขณะเดียวกันก็ยังพยายามไม่ทำให้ผมน้อยใจว่าโดนละเลย ทำให้บางทีผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นส่วนเกิน ทั้งที่ความจริง...พี่วิวอาจอยากพาพี่เป้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากันตามลำพังก็เป็นได้

พอบังเกิดความหยั่งรู้แบบนี้(?) ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองเหี่ยวๆ ไปนิดหน่อย แต่ก็ยังดันทุรังอยากจะลองจะลองพิสูจน์สมมติฐานใหม่ที่ว่าพี่วิวไม่ได้รังเกียจพี่เป้ดู ด้วยการค่อยๆ ถอยฉากออกมาระหว่างเดินเที่ยว แล้วปล่อยโอกาสให้สองคนนั้นเขาได้เดินคู่กันแบบถนัดๆ ดูบ้างเผื่อจะสังเกตเห็นอะไรที่ก่อนหน้านี้มองข้ามไปเลยไม่เห็น เป็นไงล่ะ จะว่าไปผมก็ฉลาดเหมือนกันนะที่คิดวิธีนี้ออก ฮ่าๆๆๆ

ดูเหมือนพอเปลี่ยนมุมมองว่าพี่วิวไม่ได้รังเกียจพี่เป้ คราวนี้ข้อสันนิษฐานของผมก็ได้รับการยืนยันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถึงพี่วิวจะยังมีท่าทาง 'เขิน' คล้ายๆ เมื่อคืนก่อนบ้างเวลาพี่เป้ทำทีแต๊ะอั๋งแบบเนียนๆ (ตูเห็นนะเฟ่ย! ไม่เกรงใจน้องนุ่งเขามั่งเลยนะ!) แต่ดูเหมือนพี่ผมก็ไม่ได้รำคาญจริงจัง และบางครั้งเวลาที่พี่เป้ไม่ทันสังเกตเพราะหันไปทางอื่น พี่วิวก็จะมองแผ่นหลังพี่เป้แล้วอมยิ้มให้เหมือนกัน ซึ่งถ้าหากที่ใครเคยพูดไว้ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ผมก็คิดว่านัยน์ตาของสองคนนี้บอกความในใจออกมาหมดทุกครั้งที่มองกันแล้วแหละ

“หว้าเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆ ก็เงียบไปเลย หรือว่าเบื่อแล้ว?”

พี่วิวคงสังเกตเห็นผมทำหน้าบูดก็เลยหันมาถาม จริงๆ ผมก็เซ็งด้วยส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่พี่วิวคิดหรอกนะ แต่เพราะหลังจากสำเหนียกแล้วว่าที่จริงสองคนนี้เขาชอบกันต่างหาก ผมเลยอดรู้สึกเหมือนกำลังโดนแย่งพี่ชายไม่ได้ แถมคนที่เอาความสนใจพี่ผมไปดันเป็นคนที่บุคลิกโคตรน่าหมั่นไส้ซะด้วยสิ ก็รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้ แถมเห็นว่าที่บ้านก็รวยด้วย แล้วทำไมไม่ไปจีบผู้หญิงละโว้ยยยย ถึงพี่ผมจะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันมาแต่อ้อนแต่ออกนะ ดังนั้นที่พี่เป้มาชอบพี่วิว แล้วทำให้พี่วิวรู้สึกดีๆ ด้วยกลับเนี่ย มันไม่เท่ากับพี่ชายผมโดนล่อลวงให้ออกนอกลู่นอกทางเหรอ? พอยิ่งคิดแบบนี้ ความรู้สึกหมั่นไส้พี่เป้มันเลยยิ่งพุ่งขึ้นๆ กระแทกใจดวงน้อยๆ จนอยากจะเข้าไปปิดป้ายประกาศให้เลิกยุ่งกับพี่ผมซะให้รู้แล้วรู้รอด

แต่แน่นอนว่าไอ้หว้าก็ได้แต่คิด เพราะยังไงก็โตจนเข้า ม.ต้นแล้ว เพื่อนที่เป็นเก้งกวางในห้องก็ใช่จะไม่มีถึงแม้จะไม่สนิทด้วย จะมาทำตัวเป็นเด็กใจแคบก็ใช่ที่ อีกอย่างผมไม่อยากให้พี่วิวไม่สบายใจ เพราะจากท่าทางของพี่ผมแล้ว ผมมั่นใจเลยว่าพี่วิวก็คงยังไม่ได้อยากให้ผมรู้แหงๆ ว่าตัวเองกับพี่เป้กำลังคบกัน ไม่งั้นก็น่าจะแสดงท่าทางใกล้ชิดกันออกมาอย่างชัดเจนกว่านี้ หรือไม่อีกทีก็เป็นไปได้ว่าคงจะเพิ่งคบกันไม่นาน พี่ผมเลยยังไม่แน่ใจว่าจะวางตัวเวลาอยู่กับพี่เป้ต่อหน้าคนในครอบครัวยังไง และถ้าคิดดีๆ พี่วิวก็ไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนนี้เลยจนกระทั่งตอนก่อนที่จะกลับมาบ้านนี่แหละ ดังนั้นผมว่าสมติฐานนี้คงไม่ผิดไปจากความจริงแหงๆ

“เปล่าหรอกพี่วิว หว้าแค่หิวอะ ขอเงินซื้อไอติมหน่อยดิ”

ผมแกล้งเฉไฉเมื่อหันไปเห็นรถเข็นไอติมโบราณแถวนั้นพอดี พอได้ซื้อของหวานๆ เย็นๆ มากินก็รู้สึกว่าอารมณ์จะดีขึ้นมาหน่อย ความเหม็นหน้าพี่เป้ก็เลยหย่อนๆ ลงไปบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ได้เที่ยวกันต่อจนเย็นมากเพราะแม่บอกไว้แล้วว่าให้กลับไปกินข้าวด้วยกันก่อนที่พรุ่งนี้พี่ๆ ทั้งสองจะกลับกรุงเทพฯ ขากลับผมก็เลยขับมอเตอร์ไซค์ตามแบบทิ้งช่วงห่างๆ หน่อย แอบเห็นว่าพี่เป้เอาคางไปเกยไหล่พี่วิวระหว่างรถติดไฟแดงด้วย ก็ไม่รู้หรอกนะว่ากระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ แต่ที่แน่ๆ ในสายตาไอ้หว้าที่แอบมองอยู่ไกลๆ เนี่ย ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้พี่เป้สุดขีดเลยโว้ย!!

ตอนที่พวกเรากลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว แถมมีการเอาหม้อสุกี้ไฟฟ้าที่นานๆ ทีจะได้ใช้ออกมาวางรอพร้อมกับเครื่องเคียงทั้งหลายที่ผมไปซื้อเมื่อเช้าด้วย พวกผมสามคนเลยไปล้างมือล้างหน้าก่อนจะออกมานั่งกินข้าวกับพ่อและแม่ ทั้งสองคนเอาอกเอาใจพี่เป้กันใหญ่เพราะนานๆ ทีลูกชายคนโตจะพาเพื่อนมาบ้าน ส่วนผมได้แต่กินไปร้องตะโกนอยู่ในใจว่านี่มันคนที่มาจีบลูกชายของพ่อกับแม่นะคร้าบ ไม่ต้องไปอวยเขาขนาดนั้นก็ด้ายยยย นี่ยังดีนะว่าผมมีความยับยั้งชั่งใจพอที่จะไม่พูดออกเสียงไปดังๆ ไม่งั้นมีหวังวงแตกหรือหม้อสุกี้คว่ำชัวร์

หลังเสร็จอาหารคาวที่ดูเหมือนเติมเท่าไหร่ก็ไม่หมด (เห็นว่าตอนบ่ายแม่ออกไปจ่ายตลาดอีกรอบ) พวกเรายังได้กินเฉาก๊วยเป็นของหวานต่ออีก กว่าจะจบมื้อนั้นได้ผมเลยอิ่มจนแทบกลิ้ง พอกินกันเสร็จหมดแล้ว แม่เรียกผมให้ช่วยเก็บจานชามไปล้าง แต่กลับไล่พี่เป้พี่วิวให้ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมนอนได้เลย (เพิ่งรู้ว่าคนที่นานๆ กลับบ้านทีจะได้อภิสิทธิ์แบบนี้ แม่นะแม่) กว่าผมจะช่วยแม่ล้างจานชามเสร็จแล้วเดินขึ้นมาบนห้องบ้าง ก็เห็นพี่เป้กำลังนั่งจัดเสื้อผ้ากลับเข้ากระเป๋าอยู่คนเดียว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นพี่วิว เลยเดาว่าคงลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง ผมเลยได้ทีเนียนเข้าไปนั่งปุลงบนฟูกไม่ห่างจากพี่เป้เท่าไหร่

“พี่วิวอยู่ไหนอะพี่เป้?” (เดาได้อยู่แล้วแหละ แต่ถามไปงั้น)

“เพิ่งลงไปอาบน้ำเมื่อกี้เอง เดี๋ยวกลับขึ้นมาเมื่อไหร่พี่ก็จะไปอาบมั่งเหมือนกัน”

พี่เป้ตอบพลางเอาเสื้อผ้ามาม้วนแล้วยัดลงกระเป๋า เอ่อ...ไม่พับหน่อยจะดีเหรอเพ่? แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากชี้แนะเรื่องวิชาการเรือนเท่าไหร่ เพราะปกติแม่ก็ชอบทำให้เพราะทนดูผมทำเองไม่ไหวประจำ หลังจากนั่งเงียบๆ มองพี่เป้ม้วนเสื้อยัดลงกระเป๋าได้สักครู่ ผมเลยถามทะลุกลางปล้องขึ้นมา

“ขอถามหน่อยดิ พี่เป้เป็นอะไรกับพี่ผม?”

“หือ?”

พี่เป้เลิกคิ้วมองผม มือที่กำลังจะรูดซิปปิดกระเป๋าชะงักไปนิดหนึ่ง สองตามองผมที่กำลังจ้องเป๋งแบบคาดคั้นแล้วก็ยิ้มแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“คิดว่าเป็นอะไรล่ะ ก็เป็นเพื่อนกันน่ะสิ”

อู๊ยยยย ผมคงเชื่อลงหรอกถ้าไม่ได้เห็นอะไรอย่างที่เห็นมาตลอดทั้งวันน่ะ แต่จะมัวพิรี้พิไรร่ายให้ฟังก็กลัวพี่วิวจะกลับขึ้นมาซะก่อน ผมเลยพูดออกไปตรงๆ เลย

“เพื่อนกันเขาคงไม่หอมแก้มกันตอนนอนหรอกนะพี่เป้ หรือถ้าพี่เป้ยังจะยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เดี๋ยวผมไปถามพี่วิวแทนก็ได้ พี่ผมโกหกไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ”

“เฮ่ยๆๆ เดี๋ยวๆ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องไปถามวิวหรอก อยากให้พี่เราโกรธหรือไง”

พี่เป้ยื่นมือมาคว้าคอเสื้อผมจากด้านหลังหมับก่อนที่ผมจะทันลุก ผมเลยได้แต่หันไปมองแบบเคืองๆ ก็ถ้าคอเสื้อย้วยขึ้นมาจะทำไงล่ะเว้ย! ผมละอยากรู้นักว่าที่ไม่อยากให้พี่วิวโกรธน่ะหมายถึงโกรธผมหรือโกรธตัวเองกันแน่ แต่ก็พยายามข่มใจไม่ย้อนแล้วกลับลงไปนั่งฟังคำอธิบายดีๆ พี่เป้นั่งขัดสมาธิกอดอกทำท่าคิดอยู่แป๊บหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองผมตรงๆ

“พี่กับพี่วิวเป็นแฟนกัน แต่เพิ่งจะตกลงคบกันก่อนจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะงั้นเขาเลยบอกพี่ไว้ว่ายังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ ไหนๆ หว้ารู้แล้วก็ช่วยปิดด้วยก็แล้วกัน”

ผมเลิกคิ้วสูง เพราะไม่คิดว่าพี่เป้จะยอมรับแบบไม่อิดเอื้อนหรือตะบิดตะบอยแบบนี้ ตอนแรกผมนึกว่าจะได้คำตอบเป็นการแกล้งเฉไฉไปว่าตอนนั้นละเมอเสียอีก (แต่ถ้าบอกมายังงั้นลูกหมาที่ไหนมันจะเชื่อ) ผมเลยจ้องตาพี่เป้แล้วก็รีบถามต่อ เพราะต้องฉวยโอกาสระหว่างที่พี่วิวยังไม่ขึ้นมา เก็บข้อมูลจากคู่กรณีให้ได้เยอะที่สุด

"แล้วทำไมผมต้องช่วยพี่ด้วย มีเหตุผลอะไรไม่ทราบ?"

“พี่คิดว่าถ้าหากกล้าถามกันตรงๆ แบบนี้ หว้าก็น่าจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับฟังความจริงแล้วก็ช่วยปิดพ่อกับแม่ให้ได้ ยกเว้นว่าเราอยากจะเห็นพี่วิวเขาเสียใจ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็คงต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเพราะมองหว้าผิดไป”

อ้าวเวร ไหงโยนความรับผิดชอบมาให้อย่างงี้อ้ะ!? ไอ้ช่วงแรกๆ ก็ฟังดีอยู่หรอกว่าพี่เป้แมนพอที่จะตอบคำถามของผมตรงๆ แต่ไอ้ช่วงท้ายๆ นี่เหมือนลากผมเข้าวงศ์ไพบูลย์ไปด้วยยังไงไม่รู้

“นี่พี่เป้ขู่ผมเหรอ?”

“ไม่ได้ขู่ แค่บอกว่าเดี๋ยววิวจะเสียใจถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้แล้วรับไม่ได้ขึ้นมา จริงๆ พี่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องที่จะปิดเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าไม่อยากขัดใจให้เขาโกรธ หรือหว้าอยากจะลองดูล่ะ?”

พี่เป้พูดไป ยิ้มบนมุมปากก็ชักสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูการณ์จะกลับกลายเป็นว่าผมเริ่มตกเป็นเบี้ยล่างเข้าไปทุกที เพราะถ้าหากผมไม่ช่วยพี่เป้ นอกจากจะไม่มีทางรู้ว่าพ่อกับแม่จะมีปฏิกิริยายังไงหากความแตก ที่แน่ๆ ก็คือพี่วิวคงไม่สบายใจ เพราะว่ารายนั้นเป็นเด็กดีที่อยู่ในลู่ทางที่พ่อแม่อยากให้เป็นมาตลอด แล้วผมก็ไม่อยากเห็นพี่ผมไม่มีความสุขซะด้วยสิ

เพื่อพี่วิว...เพื่อพี่วิว...เพื่อพี่วิว...

ในหัวผมมีแต่คำนี้วนอยู่ และพาลให้แววตาที่กำลังมองหน้าพี่เป้เต็มไปด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะเท่ากับว่าตอนนี้ผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ต้องช่วยเหลือพี่ทั้งสองคนไปเสียแล้ว แต่จะให้ไอ้หว้าถูกทำเหมือนเป็นลูกไล่โดยไม่มีค่าตอบแทนน่ะหรือ รอไปจนถึงชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ....

เอาวะ พี่เป้เจ้าเล่ห์มา ผมก็เจ้าเล่ห์กลับได้ ให้มันรู้กันไปว่าผมน่ะเคี้ยวไม่ลงง่ายๆ นะเฟ้ย และไอเดียที่แว้บขึ้นมาก็ทำให้สีหน้าผมเปลี่ยนไปเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องทันที

“ผมจะช่วยปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ก็ได้ แต่ถ้าจะให้ร่วมมือแบบไม่มีเงื่อนไขเลยก็ไม่ยุติธรรม...เพราะงั้นผมต้องการค่าตอบแทน”

พี่เป้มองผมแล้วก็เลิกคิ้ว แววตาดูมีแววครุ่นคิดขึ้น “ว่ามาสิ”

ปลากินเบ็ดละเฟ้ย เหอะๆๆ “ก็แบบว่า...ค่าขนมผมเดือนๆ นึงมันน้อยยย...น้อยน่ะพี่เป้ แถมพ่อกับแม่ให้งบค่าโทรศัพท์แค่เดือนละสองร้อยเอง บางเดือนมันก็ต้องมีทำรายงาน โทรคุยกับเพื่อนยาวๆ หรือเมสเสจหากันงี้ใช่ม้า ผมก็เลยคิดว่าถ้าหากมีสปอนเซอร์มาช่วยรองรับส่วนต่างพวกนี้ อนาคตทางการเรียนของผมคงสดใสขึ้นอีกเย้ออออออ...เลย ถึงอาจจะไม่ได้เท่าพี่วิวก็ตามเถอะ”

ผมพูดแล้วก็ยิ้มแบบที่น่าเอ็นดูที่สุด (อย่างน้อยมุกนี้ก็ใช้กับทุกคนในบ้านได้ผลแหละวะ) ได้แต่คิดในใจว่ายังไงก็ไม่ปล่อยพี่เป้ไปง่ายๆ แบบไม่มีค่าแรงตอบแทนแน่ พี่เป้มองผมแล้วทำหน้างงๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหว้าเป็นน้องของวิว ทำไมพี่เราเขาไม่เห็นจะงกเข้าเส้นแบบนี้เลย”

พี่เป้พูดไปหัวเราะไป แล้วก็ยื่นมือมาขยี้หัวผมอย่างแรงด้วย (กำลังหาที่ระบายอารมณ์หรือเปล่าเนี่ย?) ผมเลยทำหน้าหงิกแล้วปัดมือพี่เป้ออก

“เออเดะ นอกจากหน้าแล้วใครๆ ก็บอกว่าผมไม่มีอะไรเหมือนพี่วิวกันทั้งนั้นแหละ แล้วพี่เป้จะยอมรับข้อเสนอไหมล่ะ รีบตอบเร็วๆ เดี๋ยวพี่วิวขึ้นมาซะก่อน”

ผมเร่งเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดมาแล้ว และถ้าพ้นตอนนี้ไปก็อาจจะหาโอกาสเจรจากับพี่เป้สองต่อสองไม่ได้อีก คราวนี้โครงการของผมก็ล่มสิ นี่มันเกี่ยวพันกับเรื่องทุนการศึกษาในอนาคตของไอ้หว้าเลยนะ!!

พี่เป้ยังนั่งกอดอกมองหน้าผมโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ ขณะเดียวกันเสียงฝีเท้าก็ใกล้ห้องเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

“พี่เป้! ถ้าไม่ตกลงผมไม่ช่วยนะ!”

“เอางั้นก็ได้ ตกลงตามนั้น”

พี่เป้ตอบแทบจะในวินาทีเดียวกับที่พี่วิวเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หลังอาบน้ำเสร็จแล้วพี่วิวใส่เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น แล้วก็มีผ้าขนหนูคล้องรอบคอโดยที่ผมยังชื้นอยู่ ดูเหมือนพี่ผมคงจะทันได้ยินที่พี่เป้พูดเมื่อกี้ เลยมองพวกเราสลับกันแล้วถามอย่างสงสัย

“ตกลงเรื่องอะไรกัน?”

พี่เป้หันไปยิ้มให้คนถามที่กำลังยกชายผ้าขึ้นขยี้ผม จากนั้นก็พยักเพยิดมาทางผม “ตกลงว่าหว้าจะกลับไปนอนห้องตัวเองน่ะ เห็นว่าวันนี้แม่เอาฟูกไปตากให้เมื่อกลางวันจนแห้งแล้ว”

เฮ้ย!! ใครพูดอะไรอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!! ไอ้พี่เป้จะมั่วนิ่มก็อย่ามากระทบถึงที่หลับนอนคืนนี้ของผมสิว้อย!!!!

พี่วิวฟังแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันมาทางผม “ฟูกแห้งแล้วเหรอหว้า?”

“อ่า...จริงๆ มันก็...เอ่อ...แห้งแล้วแหละมั้ง ดูเหมือนจะแห้งแล้วนะ ก็แม่บอกมาอย่างนั้นนี่ เมื่อกี้ผมพูดเองใช่ไหมพี่เป้?”

ผมยิ้มตอบพี่วิว ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาเขม่นให้พี่เป้ที่กำลังยิ้มด้วยแววตาสาแก่ใจสุดๆ หนอยๆๆๆ อยากจะนอนกับพี่วิวสองคนในห้องโดยไม่มี กขค. ล่ะสิ อย่านึกว่าผมจะตามไม่ทันเชียว แต่ถ้าผมปากโป้งกับพี่วิวไปว่าที่จริงแล้วเราตกลงกันเรื่องอะไร นอกจากจะชวดลาภระยะยาวแล้วยังมีหวังจะเจอปัญหาครอบครัวด้วย เลยได้แต่ทดไว้ในใจแล้วกะว่าจะหาโอกาสเอาคืนจากพี่เป้ทีหลังให้สาสมเลย คอยดู๊!!

“ถ้างั้นเดี๋ยวหว้ากลับห้องเลยดีกว่า ไหนๆ แล้วก็ขออาบน้ำต่อจากพี่วิวเลยละกัน พี่เป้รอต่ออีกนิดหน่อยคงไม่มีปัญหาหรอกเนอะ?”

ผมพูดไปพลางก็พยายามระงับความรู้สึกอยากชี้หน้าไอ้ว่าที่พี่เขยจอมเจ้าเล่ห์สุดชีวิต ถึงจะแก้ลำกลับตรงๆ ไม่ได้ แต่ได้แกล้งคืนนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้ก็เอาวะ อย่างน้อยก็ถือว่าผมตกลงจะรักษาคำพูดของตัวเองแล้ว ทีนี้ถึงตาพี่เป้ต้องรักษาคำพูดมั่งล่ะ ว่าแต่คืนนี้ไอ้หว้าก็ต้องปูเสื่อนอนกับพื้นกระดานในห้องตัวเองน่ะสิ ฮึ่มๆๆๆ


++------++


วันถัดมา ช่วงสายๆ พ่อพาทั้งบ้านไปทำบุญถวายสังฆทาน แล้วก็แวะกินมื้อกลางวันกันข้างนอกพร้อมกับพาพี่เป้ไปซื้อของฝาก ก่อนที่จะกลับมาบ้านตอนบ่ายเพื่อให้พี่ทั้งสองเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย พี่เป้ซื้อหมูยอกับผ้าไหมไปเยอะเหมือนกัน เห็นว่าจะเอาไปฝากแม่แล้วก็พี่สาวกับน้องสาว ท่าทางบ้านเขาจะลูกดกเหมือนกันนะเนี่ย เพราะเห็นว่ามีพี่ชายอีกคนที่กำัลังจะไปเรียนอังกฤษด้วย

พอสมควรแก่เวลา พวกเราก็ยกโขยงออกจากบ้านอีกครั้งเพื่อไปส่งพี่ทั้งสองที่สถานีขนส่ง ระหว่างนั่งเบียดกันบนเบาะหลังสามคนโดยที่พี่วิวคั่นกลางระหว่างผมกับพี่เป้ ผมก็ทำเนียนขอยืมมือถือพี่วิวมากดเล่น แต่จริงๆ แอบเปิดหาเบอร์พี่เป้เพื่อจะได้ส่งเมสเสจเข้าเครื่องตัวเอง ตอนแรกก็นึกว่าพี่วิวจะเมมเบอร์พี่เป้ด้วยชื่อเล่นแบบ 'darling' หรือ ‘boyfriend’ อะไรงี้ ปรากฏว่าดันเจอชื่อเล่น ‘Pae’ ทื่อๆ เลย (จริงๆ ก็ไม่ควรคาดหวังว่าพี่วิวจะทำอะไรคิกขุแบบนั้นอยู่แล้วล่ะนะ) ผมเลยแกล้งถามอีกทีให้แน่ใจว่า “นี่เบอร์พี่เป้เหรอ?” พี่วิวก็เลยหันมามองหน้าจอแล้วพยักหน้า ส่วนพี่เป้ที่นั่งริมสุดถัดไปก็ยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้หันมา ชิชะ รู้แกวล่ะสิว่าผมจะได้เอาไว้โทรหาเวลาจะขอตังค์ แต่รู้อยู่แล้วก็ดี เวลาผมโทรไปจะได้ไม่ต้องอารัมภบทกันมาก หึหึหึ

หลังจากพ่อหาที่จอดรถได้แล้ว ผมก็ช่วยพี่วิวถือของฝากไปส่งที่รถบัสที่จะกลับกรุงเทพฯ คราวนี้พี่วิวได้กลับมาบ้านมาแค่ไม่กี่วันเพราะต้องกลับไปฝึกงาน แล้วก็คงอีกหลายเดือนกว่าจะได้เจอกันอีก พอคิดแบบนี้แล้วผมก็ใจหายหน่อยๆ ตอนที่ทั้งสองคนเอากระเป๋าเก็บไว้ที่ช่องเก็บของใต้ท้องรถแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปกอดพี่วิวแน่นๆ ซะทีนึง พี่วิวทำท่างงๆ แต่ก็กอดผมตอบแน่นๆ เหมือนกันแล้วลูบหัวให้

“เป็นอะไรเนี่ย กลับไปติดพี่เหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้วเรอะเรา”

พ่อแซวขึ้นมา ผมเลยหันไปทำหน้าบูดใส่ ไอ้เรื่องสมัยเด็กที่เราไม่ค่อยอยากจำเนี่ย คนรอบตัวมักจะชอบช่วยจำให้ดีนักแหละ แถมพอสบโอกาสเมื่อไหร่ก็จะฟื้นฝอยขึ้นมาคอยเตือนความจำให้ซะอีกด้วย พี่วิวหัวเราะแล้วก็จับไหล่ผมไว้ตอนผมปล่อยแขนออก

“ไว้โตกว่านี้อีกหน่อย พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้จะได้เปิดหูเปิดตา ตอนนี้ก็ทำเกรดดีๆ ไว้ก่อนแล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่ไม่ให้ไป”

ผมเห็นพี่เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งตอนพี่วิวพูดว่า ‘พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้’ แต่จะเพราะอะไรไม่รู้ล่ะ เมื่อพี่ชายเสนอมาให้อย่างนี้ผมก็ต้องรับไว้ก่อนสิ

“สัญญานะพี่วิว งั้นเดี๋ยวปีนี้หว้าจะสอบให้ติดอันดับหนึ่งในห้าของห้องเลย ปิดเทอมเมื่อไหร่จะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ กับเขามั่ง”

พี่วิวพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ตบบ่าผม จากนั้นก็หันไปพยักหน้ากับพี่เป้ก่อนจะไหว้ลาพ่อกับแม่ พอขึ้นรถแล้วพี่วิวที่นั่งติดหน้าต่างก็โบกมือให้พวกผมอีกที ผมเลยโบกมือลาก่อนจะเดินตามพ่อกับแม่กลับไปที่รถบ้าง ระหว่างที่พ่อขับรถออกจากสถานีขนส่ง ผมก็เปิดมือถือขึ้นมาเช็คเบอร์พี่เป้แล้วบันทึกเข้าเครื่อง จากนั้นก็เอนหลังลงนอนหนุนหมอนอิงบนเบาะหลังแล้วพิมพ์เมสเสจไปหา ถือซะว่าเป็นของขวัญส่งท้ายก่อนจะได้เจอกันใหม่ก็แล้วกัน

“ถ้าทิ้งพี่ผมล่ะน่าดู”

ผมกดส่งข้อความแล้วก็ขยับหาท่าให้ตัวเองนอนสบายขึ้น แล้วความที่ติดนิสัยชอบยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นมา เลยยันเท้าไปบนกระจกหน้าต่างจนแม่ต้องหันมาเอ็ดให้เอาลง ก็แหม เด็กมันกำลังโต ขามันก็เริ่มจะยาวนี่นา แต่สรุปผมก็ต้องเอาขาลงแหละไม่งั้นเดี๋ยวมีบทลงโทษอื่น แต่ยังไม่ทันจะได้เคลิ้มหลับเนื่องจากเหนื่อยที่วันนี้โดนพาไปท่องเมือง หูก็ดันได้ยินเสียงจากมือถือว่ามีเมสเสจเข้า พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากพี่เป้ ส่งมาเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ และโชคดีว่าง่ายพอที่มันสมองระดับผมอ่านเข้าใจ

“No way.”

อารามที่ตอนนั้นกำลังเบลอๆ ผมเลยงงว่าตอนแรกตัวเองส่งข้อความไปว่าอะไรหว่า (คนกำลังง่วงๆ ก็มึนแบบนี้แหละ) แต่พอนึกออก คราวนี้ผมเลยยิ้มยิงฟัน อย่างน้อยพี่เป้ก็น่าจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรักษาคำพูดล่ะวะ เลยพิมพ์ข้อความตอบไปอีกทีแบบสั้นๆ ให้รู้ว่าผมรับรู้แล้ว และห้ามกลับคำด้วยนะเฟ้ย

“Good!”

พอส่งข้อความเสร็จ ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมแล้วเตรียมจะนอนต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เป้จะส่งเมสเสจตอบมาอีกไหม แต่คิดว่าแค่นั้นเราก็คงเข้าใจในสัญญาลูกผู้ชายกันทั้งคู่แล้ว แต่ว่าก็ยังไม่วาย แม่ไม่ยอมให้ผมได้หลับสบายๆ จนได้

“ว่าแต่เนี่ย ถ้าหว้าขยันได้อย่างพี่วิวเขามั่งก็ดีนะ ไม่งั้นสงสัยอดเข้ากรุงแหงๆ เกรดเทอมที่ผ่านมายังแทบจะหลุดอันดับสิบของห้องอยู่แล้วเลย พ่อคิดเหมือนแม่หรือเปล่า?”

“โธ่แม่ ปิดเทอมทั้งที อย่าทับถมหว้าเรื่องเรียนได้ไหมคร้าบบบบบบบ”


++------++


เอาล่ะ นั่นคือที่มาที่ไปของสาเหตุว่าผมรู้เรื่องพี่เป้กับพี่วิวได้ยังไง และทำไมผมถึงทำตัวขูดรีดพี่เป้ซะขนาดนี้ แต่ถ้าเอากันจริงๆ ผมว่าผมก็ไม่ค่อยได้ขูดอะไรเท่าไหร่นะ ก็เฮียเขาเงินเหลือกินเหลือใช้ออกจะตาย อีกอย่างก็ไม่ใช่้ว่าพี่เป้ให้เงินผมทุกครั้้งที่ขอ หรือให้ตามจำนวนที่อยากได้ทุกทีเสียหน่อย แล้วยิ่งรู้จักกันไปนานๆ พี่เป้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีพี่ชายอีกคนเข้าไปทุกที เพียงแต่คนนี้นอกจากจะบอกให้ผมตั้งใจเรียนกับประหยัดอดออมเหมือนพี่วิวแล้ว ยังคอยย้ำเตือนให้ผมเป็นเด็กดี ไม่ให้พี่ชายต้องคอยเป็นกังวลแทนพ่อกับแม่ไปด้วย ซึ่งหลักใหญ่ใจความของสิ่งที่พี่เป้สอนผม ก็คงเพราะว่าอยากให้พี่วิวสบายใจก็เท่านั้นแหละ

ผมยอมรับว่าช่วงแรกๆ ผมน่ะหมั่นไส้พี่เป้มาก (แบบโคตรมาก) แต่หลังๆ นี้ก็ไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะผมสังเกตได้ว่า อย่างน้อยการที่พี่เป้มาคบกับพี่วิวก็ไม่ได้ทำให้พี่วิวเปลี่ยนไป พี่ผมยังคงเป็นคนเดิม แถมบางครั้งก็ดูละเอียดอ่อนและใส่ใจกับบางเรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจมากขึ้นด้วย และถ้าหากจะให้บรรยายความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ผมก็คงได้แต่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องเสีย และที่ำสำคัญที่สุด ผมคิดว่าพี่วิวมีความสุขมากกว่าตอนที่ไม่คบกับใคร ซึ่งที่ผ่านมาพี่ผมเขาก็คงไม่ได้ขวนขวายอยากจะมีคนรู้ใจอย่างคนอื่นเขาหรอก แต่พอมีกับเขาแล้วสักคน ผมว่ามันช่วยให้พี่วิวยิ่งเห็นเป้าหมายในชีวิตชัดเจนขึ้นกว่าก่อนเยอะเลย ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าควรจะบอกพ่อกับแม่เรื่องที่คบกับพี่เป้เมื่อไหร่ดีก็ตามเถอะ

จากที่เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าจะสอดแนม แอบดูไปเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายพี่เป้จะทำให้พี่วิวเสียใจหรือเปล่า พอเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มละวางความคิดนั้น เพราะดูจากท่าทางแล้ว ผมว่าพี่เป้ไม่ปล่อยพี่วิวไปง่ายๆ แน่ ก็ขนาดกับผมที่เป็นน้องพี่วิวแท้ๆ ยังมาทำทีหึงหวงเป็นบางครั้งเลยนี่นา นี่ถ้าผมไม่ได้รู้จักพี่เป้มาตั้งแต่ตอนที่สองคนนี้เขาเริ่มคบกัน ผมคงคิดว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งมาตามจีบพี่ผมแหงๆ เพราะดูเหมือนยิ่งคบกันไปนานเท่าไหร่ อัตราความหลงของพี่เป้ที่มีในตัวพี่ิวิวกลับยิ่งมีแต่จะเพิ่มขึ้น และดูแล้วท่าทางจะไม่มีวันลดซะด้วยสิ ผมก็เลยได้แต่ต้องยอมทำใจ ปล่อยพี่วิวไปให้กับคนที่รักเขาจริงๆ เพราะว่าพี่ผมก็คงไม่มีทางรักใครได้อีกนอกจากตาคนนี้แล้วเหมือนกัน

แต่สรุปทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นดีเห็นงามที่พี่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันนะ เพียงแต่ผมก็ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้มากขึ้นว่าใครจะรักกับใครก็เป็นสิทธิ์ของเขา และตราบใดที่พวกเขาสองคนมีความสุข ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ไม่ควรจะไปขัดขวางด้วยเหตุผลงี่เง่าๆ ว่ามันไม่ถูกต้องตามมาตรฐานของสังคม และที่สำคัญที่สุด สำคัญมากยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นทั้งหมดทั้งปวงเลย ก็คือพี่วิวเป็นพี่ชายเพียงคนเีดียวที่ผมมี

และภารกิจพิทักษ์ความสุขให้พี่ชาย...ก็ย่อมจะเป็นหน้าที่ของน้องชายผู้แสนดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?


++---End ความในใจของน้องชาย---++


A/N: รู้สึกว่าเป็นตอนที่ยากยิ่งยวดในการเขียน ไอ้ที่ต้องกระเบียดกระเสียรจากเวลางานกับการบ้านนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ที่ยากกว่าคือสำนวนภาษาและวิธีคิดของน้องหว้านี่แหละค่ะ รู้สึกเหมือนกำลังเอาใจเด็กซนๆ และชอบยียวนกวนประสาทคนหนึ่งอยู่เลย (แถมเกรียนในหลายโอกาสมากกก นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งอยู่ใกล้มือคงโดนเบิ๊ดกะโหลก) สำหรับตอนนี้อาจไม่ค่อยมีฉากหวานๆ ของเ้ป้กับวิวสักเท่าไหร่ เพราะอยากโฟกัสไปที่มุมมองของน้องหว้ามากกว่า ทุึกอย่างก็เลยจะมาจากปากคำและความคิดแบบไม่ได้กลั่นกรองของพ่อหนูเขานี่แหละ แต่หวังว่าคงช่วยให้แฟนๆ เป้กับวิวได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของสองคนนี้ชัดขึ้น (จากที่เคยเล่าผ่านสายตาไอ้อ๊อฟกับน้องนะในตอนพิเศษของ "เมื่อหัวใจเราใกล้กัน" ไปแล้ว) ก็หวังว่านอกจากจะทำให้ทุกคนหายคิดถึงเป้กับวิวแล้ว ยังจะได้ทำความรู้จักน้องหว้ามากขึ้นด้วยนะคะ


Create Date : 29 มิถุนายน 2554
Last Update : 29 มิถุนายน 2554 23:14:56 น. 29 comments
Counter : 761 Pageviews.

 
น้องหว้าให้อารมณ์เด็กหวงพี่ได้น่ารักมากกกกค่ะ อ่านตอนนี้ได้เห็นอีกมุมของหว้าเป็นเด็กแต่มีความคิดดีมากๆๆ ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้เรื่อยๆ


โดย: Ning Kulanit IP: 58.8.239.110 วันที่: 29 มิถุนายน 2554 เวลา:23:51:13 น.  

 
มุมมองของเด็กหวงพี่ ที่กำลังจะโตแต่ก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เห็นนะจ๊ะ อยากมีน้องชายซนๆแบบนี้สักคนแล้วสิ มันน่าหยิกแก้มจริงๆๆ ขอบคุณมากสำหรับตอนพิเศษ ที่ทำให้ได้อมยิ้มก่อนนอน...ไนท์นะคะ


โดย: sunisa131 IP: 61.90.90.187 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:0:21:47 น.  

 
แวะมาให้กำลังใจน้องรินจ้า อิอิ


โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:9:01:28 น.  

 
อิอิอิ มามะๆๆๆน้องรินมาทานโจ๊กข้าวโอ๊ตกานนนนน



โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:9:15:38 น.  

 
คุณหนิง ที่จริงน้องหว้านี่ติดพี่แบบสุดๆ เลยนะคะ แต่สู้พี่เป้ไม่ไหวเลยต้องยอมปล่อยพี่วิวไป แทนที่จะได้พี่สะใภ้เลยได้พี่เขยซะงั้น

----------

คุณ sunisa เด็กวัยรุ่นนี่คิดหลายอย่าง + ฮอร์โมนพลุ่งพล่านด้วยค่ะ ไม่รู้ถ้าได้ไปอยู่ใกล้ๆ จริงๆ จะอยากหยิกแก้มหรือเตะตูดกันแน่ 5555

----------

พี่แน๋ว แอร๊ยยยย์ เอารูปของกินมาลงยั่วกันชัดๆ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:9:58:39 น.  

 
น้องหว้าหวงพี่ชายสุดฤทธิ์เลยนะ
แต่ก็แพ้ความหื่น เอ้ย ความรักจริงของเป้ อิอิ
ขอบคุณนะคะคุณรินที่ทำให้ได้เห็นมุมมองของหว้าเพิ่มขึ้นอีกทาง *-*


โดย: kazu วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:11:27:23 น.  

 
คุถริน.....
ตอนนี้น้องหว้าน่ารักอีกแล้วค่ะ
เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมากๆระหว่างพี่ชาย & พี่เขย :))
ู^
^
อ่านๆไปแล้วได้อารมณ์เหมือนกับว่าวิวจะมีเด็กขี้อิจฉาสองคนอยู่รอบๆตัวยังไงก็ไม่รู้

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับตอนพิเศษเป้&วิวที่สร้างความประทับใจไม่เคยเปลี่ยนค่ะ !


โดย: sherry IP: 223.205.31.40 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:11:42:29 น.  

 
ลืมบอกคุณรินไปอย่างนึงค่ะ
ชอบตอนนี้มากกกกกก
^
^
"ผมเห็นพี่เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งตอนพี่วิวพูดว่า ‘พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้’ แต่จะเพราะอะไรไม่รู้ล่ะ เมื่อพี่ชายเสนอมาให้อย่างนี้ผมก็ต้องรับไว้ก่อนสิ.
^
^
เป้ขี้หวง ตลอด..ตลอดใ


โดย: sherry IP: 223.205.31.40 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:11:47:31 น.  

 
น้องหว้า ช่างเป็นน้องที่ดีเหลือเกิน5555
จับตามองพี่ชายตัวเองไม่คลาดสายตาเลยนะ

ขอบคุณพี่รินที่มาต่อนะค่ะ
แต่ไงก็ยังอยากอ่านคู่นี้อยู่ดี


โดย: maio2000 IP: 223.207.120.253 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:14:12:24 น.  

 
GOOD....... ฮ่าๆๆๆๆ ใช่ย่อยนะเนี่ยเรา จะว่าไปน้องหว้าก็ทำให้พี่รู้สึกผิดโผไปนิดส์ (ขอย้ำว่า "นิดส์" ฮ่าๆๆ ) เพราะพี่คิดว่าเราจะแค่กวนๆ เจ้าเล่ห์ๆหน่อยแค่นั่น แต่เท่าที่ได้อ่าน รู้สึกว่าเราจะเข้าขั้น "เกรียนน้อย" เลยนะเนี่ย แต่ก็นะ " พี่ชอบบบบบบ " ( เหอๆๆๆ ไม่ค่อยน่ากลัวเลยตู )

แต่.... ยังไง "เกรียนน้อย" ก็ยังแพ้ทาง " หื่นขั้นเทพ " อยู่ดี ฮ่าๆๆๆๆ โดนย้อนศรซะงั้น


ผมเห็นพี่เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งตอนพี่วิวพูดว่า ‘พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้’ ฮ่าๆๆๆๆ พี่เหมือนได้ยินเสียงคุณชายรำพึงว่า " หืม.......................... "

ว่าแต่... ไอ้อาการตอนซ้อนท้ายมอไซค์ของใครบางคนเนี่ย ไม่เกินคาดเลยจริงๆน้า ตลอดอ่ะ ไม่เคยแคร์ เหอๆๆๆ


ปล. เค้าอยากอ่านตอนคุณชายไปเที่ยวงานวัดจังอ่ะ จะมีคนใจดีเล่าให้เค้าฟังมั้งมั้ยน้า


โดย: aew IP: 125.27.111.165 วันที่: 30 มิถุนายน 2554 เวลา:18:03:59 น.  

 
คุณกวา ความหื่น เอ๊ย รักจริงชนะทุกสิ่งค่ะ เลยกลายเป็นน้องหว้าเหนื่อยเปล่าเลย (แต่ว่าได้ตังค์ ก็คงหยวนๆ ไปแหละ ฮา)

----------

คุณเชอร์รี “อ่านๆไปแล้วได้อารมณ์เหมือนกับว่าวิวจะมีเด็กขี้อิจฉาสองคนอยู่รอบๆตัวยังไงก็ไม่รู้” << ใช่เลยค่ะ! พอพูดอย่างนี้ปุ๊บเห็นภาพปั๊บ สรุปวิวนี่เหมาะไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยเฉพาะเด็กที่เอาแต่ใจและขี้หวงสิเนี่ย น่าเหนื่อยแทนจริงๆ

----------

น้องไหม พอรู้ว่าพี่เป้มาจีบพี่ตัวเอง คราวนี้คงจับตามองพี่เป้เพื่อคอยจับผิดมากกว่าละค่ะ หว้าเอ๋ยหว้า

----------

พี่แอ๋ว ดูท่า “เกรียนน้อย” นี่จะยิ่งโตยิ่งเกรียนค่ะ สงสัยเพราะพี่วิวออกจากบ้านตอนน้องหว้ายังเด็กไปหน่อย คนคอยปรามนอกจากพ่อกับแม่เลยน้อยลงไปอีกหนึ่ง 5555+

คาดว่าที่จริงเป้น่าจะขับมอเตอร์ไซค์เป็นนะคะ แต่แบบนานๆ ทีจะมีคนขับให้ แถมระหว่างซ้อนยังทำนู่นนี่(?)ได้สะดวก คุณชายเลยต้องฉวยโอกาสอยู่แล้วแหละ

ส่วนตอนงานวัด ก็คงมียิงปืนกับปาลูกโป่งแล้วเอารางวัลให้วิวมั้ง แล้วก็ซื้อพวกลูกชิ้นปิ้งกับสายไหมกินอะไรงี้ นานๆ ทีเป้จะได้เที่ยวงานวัด รายนั้นคงจะตื่นเต้นน่าดูค่ะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:29:15 น.  

 
ชอบน้องหว้ามากเลยค่ะ รักพี่ชายจริงๆตอนเด็กๆท่าทางน่าติดพี่ชายน่าดูชมเลยเพราะวิวดูเป็นพี่ชายแสนดีเอามากๆทีเดียว

เป้คงเส้นคงวามากกกก\\(//∇//)\\


โดย: zequs IP: 49.228.92.117 วันที่: 2 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:12:20 น.  

 
คุณ zequs น้องหว้าติดพี่จริงๆ ค่ะ ขนาดโตแล้วก็ยังไม่เลิก 5555

ส่วนเป้...เกินเยียวยาไปแล้น


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:50:00 น.  

 
คุณรินคะ
^
^
สำหรับเป้..นอกจากจะเกินเยียวยาแล้ว ยังหื่นเต็มพิกัด & ไม่เคยเกรงใจใครหน้าไหนอีกด้วยค่ะ :))

ก็ให้นึกสงสัยอยู่ว่า นอกจากเป้จะถูกตามใจจากครอบครัวแล้ว น่าจะมีพ่อยก แม่ยกแถวนี้เชียร์อยู่อุ่นหนาฝาคั่งแน่ๆ อิอิ


โดย: sherry IP: 49.48.45.201 วันที่: 2 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:49:33 น.  

 
คุณเชอร์รี ไอ้นิสัยไม่เกรงใจใครนี่ละค่ะ คงเป็นส่วนที่ทำให้น้องหว้าหมั่นไส้สุดฤทธิ์ ส่วนวิวก็ได้แต่ระอาเพราะไม่รู้จะแก้ให้ยังไง หุหุหุ (พ่อยกแม่ยกก็อย่าให้ท้ายมากนะค้า เดี๋ยวคุณชายเขาจะเหลิง)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:30:13 น.  

 
ตามมาอ่านตอนพิเศษ กับมาให้กำลังใจพี่รินครับ ^___^


โดย: Saint De Juoiter IP: 124.121.84.234 วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:04:21 น.  

 
^
ขอบคุณจ้าน้องจู เดี๋ยวขอเวลาแปะคำตอบของคนเข้ารอบชิงโปสเตอร์แล้วจะไปบอกน้า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:15:14 น.  

 
อ่านตอนนี้ชักอยากจะอ่านตอน วิว-หว้า ตอนเด็ก แบบน้องชายติดพี่สุดๆ อะไรแบบนั้นขึ้นมาทันทีเลยค่ะพี่ริน อิอิ


โดย: NannY IP: 182.52.192.19 วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:56:08 น.  

 
น้องแนน สงสัยหว้าคงให้อารมณ์เด็กน้อยขี้มูกยืดที่ชอบดึงชายเสื้อพี่ชายน่ะค่ะ ลองนึกภาพดูนะ 5555+


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:42:35 น.  

 
คุณรินคะ..
จำได้ว่าคุณรินเคยพูดไว้ว่า อยากเขียนตอนพิเศษของ "เป้ & วิว" สักสองตอน ก่อนที่จะเขียนคุณเชษฐ์ต่อ
^
^
ตอนนี้นับได้แค่ 1 ตอน เองอ่ะค่ะ :))
มีแพลนจะเขียนตอนที่วิวไปบ้านเป้บ้างหรือเปล่าคะ อยากรู้เหมือนกันว่าทางบ้านวิว (ท่าทางจะหลายคน ทั้งพี่สาว พี่ชาย น้องสาว) มีมุมมองต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไงบ้าง....


โดย: sherry IP: 49.48.62.48 วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:41:07 น.  

 
คุณเชอร์รี อร้ายยยย์ คุณเชอร์รีจำได้ด้วย >.<" ตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆ ค่ะ มีพล็อตในหัวแล้วด้วยล่ะ แต่ตอนนี้เข้าช่วงชุลมุนกับงานอีกแล้ว ขอมีเวลาแล้วจะเขียนมาลงให้นะคะ (ตอนนี้อยากหาซื้อเวลาให้ตัวเองจริงๆ ฮืออออ)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:26:46 น.  

 
หว้าน่ารักจัง ถึงจะนิสัยไม่เหมือนวิวแต่ก็น่ารักไม่แพ้กันเลย
ดูจะแพ้ทางเป้ทั้งพี่ทั้งน้อง ถึงจะสุู้ได้บ้างแต่ก็ต้องเสียพี่อยู่ดี
ขอบคุณคุณรินค่ะที่ลงตอนใหม่เรื่องนี้ให้อ่าน ลดความคิดถึงคู่เป้ วิวไปได้บ้าง
แถมยังได้อ่านความรู้สึกรักพี่ของหว้าอีก^-^


โดย: porntip IP: 125.26.155.186 วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:10:55 น.  

 
คุณ porntip วิวเขาจะออกแนวน่าเอ็นดู แต่น้องหว้าจะน่ารักแบบบางทีก็น่าจับมาหยิกมาทึ้งยังไงไม่รู้นะคะ 5555
นี่ถ้าน้องหว้าไม่ได้เด็กกว่าพี่ๆ ตั้งแปดปีอาจจะทำเป้ลำบากก็ได้นะ (เนื่องจากพอยิ่งโตก็ยิ่งเจ้าเล่ห์) กะว่าถ้ามีโอกาสก็อาจได้เขียนถึงน้องหว้าอีกค่ะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:28:01 น.  

 
แวะเข้ามาดู เผื่อคุณรินจะมาต่อตอน 2 บ้าง ไรบ้าง หรือมัวแต่เพลิดเพลินกับคู่หนุ่มใหญ่-วัยละอ่อน...คุณเชษฐ์-น้องภัทร จนลืม P&V ไปซะแล้ว ^^


โดย: sherry IP: 202.139.223.18 วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:49:55 น.  

 
ต้องดูแลให้ทั่วถึงค่ะคุณเชอร์รี ม่ายงั้นเดี๋ยว fc คุณเชษฐ์น้อยใจ XD


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:09:51 น.  

 
โอเคค่ะ เข้าใจ เข้าใจ..

เจ้าของบล็อคนี้ ร้ากกกก ทุกคน :))


โดย: sherry IP: 223.204.241.159 วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:33:03 น.  

 
^ ตามนั้นค่า เดี๋ยวไว้ว่างแล้วคงได้เขียนตอนใหม่ให้นะคะ ;)


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:29:06 น.  

 
เพิ่งไปอ่านเจอคอมเมนท์ (กึ่งนินทา) ของคุณรินที่มีให้กับเป้ อ่านแล้วชอบมาก ฮามาก
^
^
"เป้เป็นพระเอกที่ out of control ที่สุดแล้ว พ่อคุณพลังเหลือเฟือเหลือเกิน"

เห็นด้วยสุดๆค่ะ ไม่รู้สิ...อ่านแล้วนึีกหน้าคุณริน & เป้ ประกอบไปด้วย (นึกทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองคนนั่นแหละ) รู้สึกได้อารมณ์มากๆ


โดย: sherry IP: 49.48.35.124 วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:36:05 น.  

 
เรื่องหมั่นไส้พระเอกนี่คนเขียนกินขาดค่ะ ยิ่งพอโดน fc บอกว่าเห็นใจเป้ คนเขียนยิ่งแกล้งเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆๆ (นิสัยไม่ดี XD)

จะว่าไป...มี fc ท่านหนึ่งเปรยๆ ขึ้นมาเหมือนกันว่าปกเล่ม 2 จะได้เห็นหน้าเป้กับวิวไหมน้า ไอ้เราก็เกาหัวแกรกๆ แบบว่า...ได้เห็นจริงๆ จะดีเหรอ กลัวผิดอิมเมจที่คิดๆ กันไว้ เลยยังตัดสินใจไม่ได้เลยค่ะเนี่ย แต่ว่าตอนพิเศษตอนนี้ก็ยังไม่พอจะรวมเล่มเลยนิ งั้นยังไม่รีบคิดดีกว่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:40:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.