Group Blog
 
All blogs
 
เมื่อหัวใจเราใกล้กัน 2

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ

ปล. เราเขียนเรื่องนี้หลังจากเขียนตอนปฐมบทของเรื่อง ลำนำรักสีรุ้ง และตัวละครจากเรื่องนั้นก็จะมีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย แต่เนื้อหาสามารถแยกอ่านจากกันได้ ไม่จำเป็นว่าต้องอ่านเรื่องนั้นก่อนก็สามารถอ่านเรื่องนี้เข้าใจได้ค่ะ


++------++


ตอนที่ 2: เหตุผลที่รัก

ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินก่อนนักศึกษาจะพากันกลับบ้านเป็นเวลาที่ภายในมหาวิทยาลัยเล็กๆติดแม่น้ำแห่งนี้วุ่นวายไปด้วยกิจกรรมมากมาย กลางสนามฟุตบอลมีทีมรักบี้ที่กำลังฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ขณะที่โต๊ะม้าหินที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบสนามต่างมีคนจับจองจนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจับกลุ่มกันอ่านหนังสือทำการบ้าน คู่รักนั่งคุยหยอกล้อกัน ชาวต่างชาติที่เดินผ่านมาเที่ยว หรือเด็กนักเรียนที่นัดกันเข้ามานั่งรอผู้ปกครองมารับ ส่วนบริเวณลู่วิ่งรอบสนามและถนนเส้นเล็กในมหาวิทยาลัยก็มีคนมาวิ่งออกกำลังกายมากมายทั้งนักกีฬาของชมรมต่างๆและคนภายนอก บางทีก็มีแม่ค้าหอบกระจาดขนมเข้ามาขายตามโต๊ะพลางพูดคุยหยอกล้อกับนักศึกษาอย่างสนุกสนาน

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใกล้ร้านขายของสวัสดิการข้างสนามฟุตบอลพลางทำแบบสอบถามที่มีเด็กต่างคณะเอามาแจกให้ ช่วงเวลานี้ของวันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีวิชาเรียนแล้วเท่านั้น แต่เพราะผมรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยของผมในยามเย็นจะคึกคักและมีสีสันมากกว่าตอนกลางวันที่มีแต่นักศึกษากับอาจารย์เดินสวนกันไปมาอย่างเทียบกันไม่ติด

“ยังไม่เสร็จเหรอ งั้นเดี๋ยวเป้นั่งรอที่โต๊ะข้างสนามบอลตรงแถวๆหน้าคณะแล้วกันนะ อีกสิบนาทีเจอกันครับ”

ผมเงยหน้าหลังได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะคุยโทรศัพท์เสร็จ เป้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมที่คณะแต่ว่าเพิ่งจะมาเริ่มสนิทกันเมื่อตอนปีสอง เราสองคนรูปร่างใกล้เคียงกันก็จริงแต่ผมต้องยอมรับว่าเป้หน้าตาดีกว่าผมมาก ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนๆก็มักมีแต่คนมองตามจนเหลียวหลัง ทว่าในบรรดาเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าตัวหน่อยจะรู้ดีว่าเพื่อนผมมีแฟนแล้วแถมเป็นผู้ชายที่เรียนอยู่คณะเดียวกันเสียด้วย

“จะพาแฟนไปไหนวะเย็นนี้?”

เป้หย่อนโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะยิ้มแล้วตอบคำถามผม

“วันนี้วันเกิดวิว ว่าจะพาเค้าไปเซอร์ไพรส์”

“อ้อ…”

เป้ถอดปลอกปากกาของตัวเองแล้วก็เริ่มทำแบบสอบถามบ้าง ผมกรอกความคิดเห็นในแบบสอบถามของตัวเองได้สักพักก็หยุดแล้วนั่งเท้าคางมองเพื่อนพลางควงปากกาไปมา สารภาพตรงๆว่าผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมคนหน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็ดี สาวๆมาแอบชอบก็เยอะแยะกลับเลือกไปคบกับเด็กเรียนที่ดูเผินๆไม่ได้เด่นสะดุดตาใครแบบวิวเป็นแฟน ถ้าเพื่อนผมเลือกคบกับดาวคณะหรือเชียร์ลีดเดอร์ของงานบอลฯยังจะดูเหมาะสมกับเจ้าตัวกว่า

ผมจำได้ว่าตอนปลายปีสองเป้คบกับเด็กต่างเอกอีกคนหนึ่งอยู่ถึงเจ้าตัวจะดูไม่ยินดียินร้ายกับความสัมพันธ์ครั้งนั้นนัก ดังนั้นเมื่อจู่ๆเพื่อนผมก็เปิดตัวแฟนใหม่หลังเปิดเทอมปีสาม พวกเราที่ได้รู้ว่าวิวเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเก่าเป้จึงอดตั้งคำถามกันไม่ได้ว่าเป็นกรณี “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” หรือเปล่า แต่พอเป้รู้ว่าเพื่อนๆแอบซุบซิบเรื่องนี้กันลับหลังก็จัดการเคลียร์ทุกข้อกล่าวหาที่ว่าวิวฉวยโอกาสด้วยการยืนยันหนักแน่นว่า


‘กูจีบเค้าก่อน’


“เป้ กูถามอะไรหน่อยสิ”

“อืม ว่ามา”

เป้งึมงำรับคำผมแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแบบสอบถาม ผมเลยชักไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องที่สงสัยอยู่ดีหรือเปล่า

“มึงชอบวิวตรงไหนวะ?”

คราวนี้เพื่อนหน้าหล่อของผมยอมสละเวลาขึ้นสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วก้มลงทำแบบสอบถามต่อ

“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ”

ผมหยิบแก้วน้ำอัดลมที่น้ำแข็งเริ่มละลายขึ้นมาคนด้วยหลอดก่อนจะดูดอึกใหญ่ “ไม่รู้ดิ ก็กูเห็นมึงมีคนเข้ามาจีบตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมสุดท้ายมึงถึงได้เลือกวิว ทั้งที่ตอนแรกเค้าไม่ได้สนใจมึงด้วยซ้ำ”

เพื่อนของผมยิ้มกวนพลางขีดเครื่องหมายถูกลงในช่องสี่เหลี่ยมของแบบสอบถาม

“ก็เพราะเค้าไม่เคยสนใจกูตั้งแต่แรกไงกูถึงได้รู้ว่าคนนี้ไม่ธรรมดา แล้วอีกอย่างใครจะคิดยังไงกูไม่สนใจหรอกนะ เพราะกูมั่นใจแล้วว่าวิวคือตัวจริง”

คนตรงหน้าผมพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่ลังเล ถ้าหากเป็นคนอื่นมาพูดอะไรแบบนี้ผมคงแซวกลับไปแล้ว แต่พอเป้เป็นคนเอ่ยผมรู้สึกว่าเพื่อนผมใส่ความจริงจังลงไปกับทุกคำพูดนั้นจนไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้ดีว่าตัวเองมักตกเป็นเป้าสายตาของใครๆแต่ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเกือบสามปีเป้ไม่เคยใช้รูปลักษณ์หรือฐานะของตัวเองไปหาเศษหาเลยกับใครสักครั้ง

ผมทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากเพื่อนในหัว ตัวจริงงั้นเหรอ ใช่ว่าเกิดมาผมไม่เคยมีแฟน แต่ถ้าให้ทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ผมรู้สึกลึกซึ้งถึงขั้นคิดไปไกลกับคนที่คบด้วยขนาดนั้นเลยสักครั้ง ที่สำคัญคนที่ผมเคยคบๆมาก็มีแต่ผู้หญิง คนที่เคยคบกันนานที่สุดก็ตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่ก่อนจะขึ้นปีสองเจ้าหล่อนก็ซิ่วไปเอ็นท์ใหม่เราเลยห่างกันไปแล้วก็เลิกกันไปเอง หลังจากนั้นมาผมก็ไม่ได้คบใครจริงจังอีกเลย

“คนนี้รักจริงหวังแต่งสิท่า” สุดท้ายผมก็อดแหย่ไม่ได้

“ก็ตั้งใจอยู่ ที่จริงตื๊อจนได้ไปเจอว่าที่พ่อตาแม่ยายที่ต่างจังหวัดมาแล้วนะ แต่เค้าดันแนะนำว่ากูเป็นแค่เพื่อนซะงั้น”

เป้พูดจบแล้วก็หัวเราะ ผมละอดหมั่นไส้คนมีความรักไม่ได้จริงๆ แต่ก่อนจะพูดอะไรต่อก็มีร่างผอมเพรียวคาดกระเป๋าสะพายและถือหนังสืออีกหอบใหญ่ก้าวเร็วๆเข้ามาที่โต๊ะเราเสียก่อน

“ขอโทษที คิวห้องสมุดยาวเลยเสียเวลาไปหน่อย”

วิวพูดไปหอบไป หน้าขาวๆนั้นแดงก่ำ เป้หันไปยิ้มให้คนที่เพิ่งมาถึงแล้วก็ดึงแขนให้นั่งลงข้างๆ ตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอก ทีหลังถ้าวิวจะยืมหนังสือเยอะก็บอกสิจะได้ไปช่วยถือ”

ผมยิ้มให้วิวที่หันมาผงกหัวให้เมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่ด้วยก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปรับขวดน้ำเย็นจากเป้ ผมนั่งเท้าคางมองแฟนของเพื่อน ความจริงผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป้ถึงได้ติดใจวิวนัก เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่คนที่เด่นสะดุดตาทันทีที่ได้เห็นครั้งแรก แต่ถ้าหากได้มองนานๆ นัยน์ตาคมที่มักแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผยและรอยยิ้มที่ดูจริงใจบนใบหน้าขาวเนียนนั้นก็ชวนให้มองจนเพลินได้เหมือนกัน

“โอ๊ย!”

วิวเลิกคิ้วมองผม ส่วนผมหันไปทำตาดุใส่ตัวต้นเหตุที่ยิ้มให้แฟนตัวเองพลางทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ มองนิดมองหน่อยแค่นี้ต้องถึงกับเหยียบเท้ากันเต็มแรงเลยนะไอ้เป้!

“เอาของไปเก็บที่ห้องวิวก่อนแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า เป้หิวแล้วเนี่ย”

ดูมัน! ทำเป็นอ้อนแฟน ผมชักเริ่มหมั่นไส้เพื่อนตัวเองที่ทำเป็นตีหน้าซื่อตาใสขึ้นมาตงิดๆ

“ก็ได้ เอ่อ...แล้วอ๊อฟล่ะ?”

วิวชำเลืองมองผมอย่างเกรงใจจนผมต้องรีบโบกมือปฏิเสธแล้วชักเท้าหลบ ไม่อยากโดนเดชบาทาไอ้คุณชายอีก

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราว่าจะไปหาเพื่อนต่อ วิวไปกับเป้สองคนเหอะ เราไม่อยากเป็นกขค.ว่ะ”

คนโดนแซวหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย เป้เลยถือโอกาสลุกแล้วหยิบหนังสือกองโตที่วิวยืมมาจากห้องสมุดไปถือในมือข้างหนึ่ง แต่ก่อนทั้งสองคนจะเดินออกไปเพื่อนผมก็หันกลับมาตบบ่าผมเสียก่อน

“งั้นพวกกูไปก่อนนะอ๊อฟ แล้วมึงอย่าลืมซื้อยากินก่อนนอนด้วยล่ะคืนนี้ กูเห็นมึงนั่งสูดน้ำมูกหลายทีแล้ว”

“ขอบใจว่ะเพื่อน บายครับวิว”

เป้ก็ยังเป็นเป้ ถึงจะหึงหวงแฟนบ้างแต่ก็ยังอุตส่าห์สังเกตว่าผมไม่ค่อยสบาย ผมมองตามหลังคนทั้งคู่ที่เดินไปทางลานจอดรถด้วยกันแล้วก็ให้นึกอิจฉาขึ้นมา ยามเย็นย่ำแบบนี้ ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีใครนั่งเปล่าเปลี่ยวอยู่คนเดียวเหมือนผมสักคน

ผมถอนหายใจก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วส่งแบบสอบถามคืนให้กับเด็กสาวต่างคณะที่ยังนั่งรออยู่กับกลุ่มเพื่อน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแวะไปที่ห้องชุมนุมก่อนกลับหอแต่คงต้องเปลี่ยนแผนเพราะเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา เย็นนี้กลับไปหาก๋วยเตี๋ยวกินแถวตลาดหน้าหอแล้วนอนเลยดีกว่า


++------++


เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังเสียดแทงโสตประสาทปลุกผมให้ตื่นจากการนอนหลับที่ไม่ค่อยสบายตัวนัก ผมยกมือขึ้นควานไปมาบนหัวเตียงแล้วก็กดปิดเสียงนาฬิกาก่อนจะหรี่ตาขึ้นดูเวลาแล้วก็หลับตาลงใหม่ก่อนบิดขี้เกียจ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงข้อต่อกระดูกตามตัวลั่นดังเปรี๊ยะ

ปกติผมไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอ นานๆครั้งถึงจะป่วยเป็นหวัดบ้างแต่ก็แทบจะปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้น ดังนั้นเวลามีอาการอะไรเล็กๆน้อยๆผมเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกินยาหรือวิตามินกันป่วยเสียเท่าไหร่ แต่ดูท่าทางแล้ววันนี้ผมคงลากสังขารไปเรียนไม่ไหวแน่ๆ ผมพยายามฝืนโงหัวขึ้นควานหาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตอยู่ข้างเตียง ยังไงเสียก็คงต้องบอกให้ใครสักคนรู้ไว้ก่อนว่าผมเป็นอะไรอยู่ที่ไหน เกิดจับพลัดจับผลูเป็นอะไรหนักหนาขึ้นมาอย่างน้อยจะได้มีคนตามเก็บศพถูก

“เป้เหรอ สงสัยวันนี้กูคงไปเรียนไม่ไหว เวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย ยังไงถ้าเจอเพื่อนที่ชุมนุมกูก็ฝากบอกเค้าด้วยแล้วกันนะ เออๆ ขอบใจว่ะ”

ผมวางสายก่อนจะไอออกมา ด้วยความที่ไม่ได้ป่วยมานานเลยรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ ผมควานหาขวดน้ำที่วางกลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมาดื่มก่อนจะลงนอนแผ่หลาบนเตียง รู้สึกเหมือนเห็นพัดลมบนเพดานหมุนเองได้ทั้งที่ผมไม่ได้เปิดเสียหน่อย

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะหลับไปอีกครั้งคือเสียงเปิดปิดประตูของห้องข้างๆ นะคงกำลังจะออกไปเรียน ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าเป็นจังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องไป ใจหนึ่งก็อยากเปิดประตูออกไปทักทาย อยากเห็นหน้าใสๆของคนข้างห้องแต่ก็เมื่อยตัวเกินกว่าจะลุกไหว


++------++


ผมนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มาสะดุ้งตื่นขึ้นก็เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสชื้นๆนิ่มๆที่แปะลงบนหน้าผากแล้วลูบไล้ผ่านแก้มลงไปที่ซอกคอ สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนผมครางออกมาก่อนจะคว้ามือที่กำลังเช็ดหน้าผมเอาไว้ พอฝืนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งสายตาผมก็ประสานเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่อยู่ในความคิดผมก่อนจะหลับไป เจ้าตัวเองก็ดูจะตกใจเหมือนกันที่จู่ๆผมก็ตื่นขึ้นมา

“นะ เข้ามาได้ไง”

ผมถามเสียงแหบแห้งแล้วก็ไอออกมาขณะพยายามยันตัวขึ้นนั่ง รู้สึกว่าเสียงตัวเองยังกับเสียงพื้นไม้เวลาโดนกระดาษทรายขัดก็ไม่ปาน ผมจำได้ว่าผมล็อกประตูไว้แน่ๆนี่นา

คนตัวเล็กสะบัดมือจากมือผมแล้วก็หลบสายตาก่อนจะตอบ

“ไม่เห็นจะยาก หน้าต่างไม่ได้ล็อกก็ปีนเข้ามาสิ”

ผมอ้าปากค้างมองคนที่หันหนีผมอยู่แล้วก็หัวเราะออกมาทั้งที่เจ็บคอแทบตาย นะหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าตาหงุดหงิด

“ขำอะไร?”

“เปล่าๆ แค่คิดว่านะนี่ปีนหน้าต่างเก่งจริงๆเลยนะ”

นัยน์ตากลมโตคู่สวยมองผมตาเขียวก่อนจะปาผ้าขนหนูชื้นๆใส่อกผมจนผมสะดุ้ง ผมก้มมองตัวเองที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นแล้วก็ชะงัก เอ...จำได้ว่าก่อนจะหลับไปผมก็ใส่เสื้อนี่นา แล้วไหงตอนนี้มันเหลือแต่ท่อนล่างล่ะเนี่ย? แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามก็โดนอีกฝ่ายทำเสียงดุใส่เสียก่อน

“อยากเป็นปอดบวมหรือไง รีบเช็ดตัวสิจะได้รีบใส่เสื้อผ้า!”

“อ้อ ครับๆ”

ผมหยิบผ้าขนหนูอุ่นชื้นผืนเล็กที่หล่นบนตักขึ้นมาเช็ดไปตามลำตัวอย่างงงๆ ถึงจะยังเมื่อยอยู่บ้าง แต่พอได้เช็ดเหงื่อเหนียวๆออกไปแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก รู้อย่างนี้ไม่รีบลืมตาขึ้นมาก็ดีนะจะได้เช็ดตัวให้ผมจนเสร็จ ว่าแต่ผมคิดไปเองหรือเพราะแดดตอนเย็นส่องเข้ามาในห้องก็ไม่รู้ ทำไมหน้าของนะแดงๆพิกล?

เหมือนคนตัวเล็กจะรู้ว่าโดนผมมองหน้าอยู่เลยรีบลุกไปเปิดไฟแล้วก็หยิบเสื้อยืดโยนมาให้ผม จากนั้นก็เดินไปหยิบโจ๊กคัพจากมุมห้องกดน้ำร้อนใส่ให้แล้วเอามาวางไว้หัวเตียงพร้อมกับแผงยาที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเคยมีเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยระหว่างที่ผมยังไม่ตื่นนะคงค้นห้องผมจนปรุไปหมด

“กินข้าวกินยาเสร็จแล้วก็นอนพักต่อแล้วกัน เราจะกลับห้องล่ะ”

“นะ เดี๋ยวก่อน”

คนข้างห้องผมหันมามองมือตัวเองที่โดนผมคว้าจับไว้แล้วก็ขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

“คืนนี้มีธุระต้องออกไปไหนหรือเปล่า ถ้ายังไงอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อนสิ”

นะมองผมหน้าตื่นๆ ก่อนจะพยายามบิดแขนออก “จะคุยกันทำไม ไม่นอนพักผ่อนเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

“ฮื้อ แค่ไข้ขึ้นนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า เผลอๆพรุ่งนี้ก็หาย” พอเห็นนะยังทำท่าสองจิตสองใจอยู่ผมเลยใช้ไม้ตายทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า

“ถ้านะไม่อยู่ด้วยเราไม่กินยานะ”

คนตัวเล็กถลึงตาใส่ผมก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วก็กอดอกนั่งแปะลงที่เก้าอี้เหมือนเดิมก่อนจะพูดเสียงเขียว

“ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เอ้า งั้นก็รีบกินโจ๊กเร็วๆเข้าสิจะได้กินยาซักที”

ผมอมยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าลูกอ้อนทื่อๆแบบนี้จะใช้ได้ผล นะเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก แต่ที่ถึงขั้นปีนเข้าห้องมาช่วยดูแลผมที่นอนป่วยนี่ก็เกินคาดอยู่เหมือนกัน จะว่าไป...

“นะรู้ได้ไงว่าเราไม่สบาย?”

ผมตักโจ๊กกินไปก็มองหน้านะไปด้วยจนเจ้าตัวเริ่มนั่งยุกยิกไปมา “ก็...พอดีเมื่อตอนบ่ายแวะเอาเสื้อไปคืนที่ห้องชุมนุม แต่คนที่นั่นบอกว่าวันนี้อ๊อฟลาป่วย พอเคาะประตูห้องเรียกก็ไม่ได้ยิน เลยต้องปีนหน้าต่างเข้ามา”

“หืม แต่ปีนหน้าต่างบ่อยๆไม่ดีรู้มั้ย วันดีคืนดีหล่นไปจะทำยังไง”

ผมเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง แต่ก่อนที่นะจะตอบอะไรก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของผมที่สั่นอยู่บนแท่นชาร์จผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดรับ

“ฮัลโหล”

“ว่าไงยะสุดหล่อ แล้วทำไมเสียงแกแย่งั้นล่ะ ไม่สบายอยู่เหรอ?”

เสียงแหลมๆของมุ้ยดังออกมานอกโทรศัพท์จนผมแทบปวดหัวอีกรอบ พลันหางตาผมเหลือบไปเห็นนะทำท่าผลุนผลันจะลุกขึ้นเลยรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวข้างหนึ่งไว้ก่อนโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำแบบนั้นทำไม

“เออ ไม่สบายอยู่วันนี้เลยลาป่วย มีอะไรหรือเปล่าวะมุ้ย?”

ผมบอกแล้วก็แกล้งไออีกสองสามทีให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าผมป่วยหนักจะได้รีบวางสาย ส่วนนะที่พยายามแกะมือผมออกแต่ไม่สำเร็จก็ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิมจนผมต้องแอบยิ้ม

“โธ่เอ๊ย วันนี้ตอนกลางวันชั้นว่างโคตรๆเลยว่าจะมานั่งเล่นที่มหา’ลัยแกซักหน่อยแต่โทรเข้าไปแล้วแกไม่รับสาย แล้วตกลงนี่ได้กินข้าวกินปลาหรือยังเนี่ย?”

“ไม่ต้องห่วง มีนางพยาบาลมาดูแลแล้ว ยังไงถ้าไม่มีอะไรอีกค่อยคุยกันวันหลังนะ”

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ๊ ใครมาเป็นนางพยาบาลให้แกวะ ไอ้อ๊อฟบอกมาก๊อน”

ผมรีบกดวางสายแล้วก็หันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่ตอนนี้หน้าย้อมสีเลือดไปทั้งหน้า นะเอามือข้างที่ว่างหยิบหมอนใบเล็กที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาปาใส่หน้าผม

“ใครเป็นนางพยาบาลฮะ ไอ้โรคจิต!”

ผมปัดหมอนใบเล็กให้กลิ้งไปอีกทางแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเขินอายของนะทำให้ยิ่งอยากแหย่มากเข้าไปอีก

“อ้าว ก็เห็นอุตส่าห์เข้ามาช่วยเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยาให้ซะขนาดนี้ก็หลงคิดว่าเป็นนางพยาบาลน่ะสิ แต่ถ้านะไม่อยากเป็นนางพยาบาลเดี๋ยวให้เป็นบุรุษพยาบาลแทนก็ได้เอ้า”

นะหยิบหมอนเล็กใบเดิมขึ้นมาแล้วก็ทุบผมลงมาอีก ผมปัดไปก็หัวเราะไปจนเริ่มหอบ แปลกดีนะ ทั้งที่เราเล่นกันเป็นเด็กๆแต่ผมกลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางของนะที่ลืมตัวหัวเราะไปด้วยก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ทั้งที่เริ่มเหนื่อยจนชักหายใจไม่ทัน

“พอแล้วนะ ไม่เล่นแล้ว เหนื่อย”

ผมจับมือนะไว้ ผ้าห่มเริ่มหลุดลุ่ยไปที่ปลายเท้าเพราะดิ้นหนีคนตัวเล็กที่ประเคนหมอนใส่ลงมาเมื่อครู่

“สมน้ำหน้า อยากเล่นดีนัก ดูซิเหงื่อออกอีกแล้ว”

นะหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นทำท่าจะเช็ดหน้าผากให้ผม แต่แล้วจู่ๆก็หันหลบสายตาผมแล้วยัดผ้าใส่มือผมแทน

“เช็ดต่อเองแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมกินยานะ”

ผมขมวดคิ้ว เมื่อกี้บรรยากาศยังดีๆอยู่เลย แล้วจู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?

“นะ เดี๋ยวก่อนสิ นะ”

นะหันกลับมามองผมด้วยท่าทางเพลียๆ

“ทำไม อยากได้อะไรอีก”

ผมยิ้มมองใบหน้าหวานที่วันนี้แสดงหลากหลายอารมณ์ให้ผมเห็นแล้วก็ชี้ไปที่ประตู

“ไหนๆก็เข้าห้องมาได้แล้วก็เดินออกทางประตูก็ได้นี่ จะปีนหน้าต่างกลับไปอีกทำไมล่ะ”

นะมองตามมือผมที่ชี้ไปที่ประตูสลับกับหน้าต่างที่ตัวเองตั้งท่าจะปีนแล้วก็หน้าแดงขึ้นมา มือเล็กๆเลื่อนหน้าต่างปิดแล้วก็เดินย้อนมาที่ประตูห้องก่อนจะค้อนผมตาคว่ำที่หัวเราะไม่หยุด ผมนั่งรอจนได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลง รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของคนที่เพิ่งเดินออกไปซึ่งไม่ใช่กลิ่นในห้องของผมแน่ๆ ผมอดยิ้มกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในอกไม่ได้ ถ้าหากได้รู้สึกอย่างนี้ทุกวันก็ดีสิ

“สงสัยคืนนี้คงได้นอนหลับฝันดี”


++---tbc---++



Create Date : 26 กรกฎาคม 2552
Last Update : 9 มีนาคม 2553 23:39:48 น. 1 comments
Counter : 1409 Pageviews.

 
ตอนเอาหมอนตี น่ารักอ่ะ กรี๊ดดด
แบบว่าทำอะไรไม่ได้ เขิน ตีแม่มเลย


โดย: Niii IP: 182.52.246.22 วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:9:36:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.