ชีวิตคนไทยธรรมดาในเบลเยี่ยม
Group Blog
 
All blogs
 
กลับบ้านละ ลาก่อนเมืองพม่า

วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๔๔๗

เราแพ็คของกันเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน เพราะวันนี้แต่เช้ามืด โดยพนักงานโรงแรมก็ดีมาก เพราะเค้าอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้ด้วยความงัวเงียเหมือนกัน ที่นี่เป็นโรงแรมที่บริหารกันแบบครอบครัว พนักงานก็มีช่วยกันอยู่ไม่กี่คน ไม่มีการแบ่งผลัดเวรกันแต่อย่างใด ก็เลยรู้สึกขอบคุณในบริการที่น่าประทับใจของเค้ามาก ๆ เพราะดูเค้าก็ง่วงและเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ตื่นมาทำให้เป็นพิเศษ แถมยังเรียกรถแท็กซี่ไว้รอแล้วด้วย ตอนเราทานอาหารเช้ากันนั้นยังไม่ตี 5 เลย! เพราะไฟลท์ประมาณ 7 โมงครึ่ง ต้องรีบไปเช็คอินก่อนเวลาพอสมควรเราไม่ได้ทานอะไรมาก เพราะยังเช้าเกินที่ท้องจะรับ ก็เลยซดกาแฟให้หายง่วง ขนมปังคนละแผ่น แล้วก็เก็บของเตรียมตัวไปสนามบิน

เมื่อวานหญิงสาวชาวญี่ปุ่นเธอมาถามว่าเราบินไฟลท์เดียวกันหรีอเปล่า เพราะเธอก็จะไปกรุงเทพฯเช้านี้เหมือนกัน ปรากฎว่าไฟลท์เดียวกันเธอก็เลยขอแชร์แท็กซี่มาสนามบินด้วย เรารอเธอซักพักเธอก็ลงมาจากห้อง พร้อมกระเป๋าเป้ใบเล็กติ๊ดเดียว เธอมาเที่ยวคนเดียว ฉันถามว่ามีของแค่นี้จริง ๆ เหรอ เธอก็บอกว่าพอดีแวะมาเที่ยวแค่ 3 คืนเอง ก็เลยเอามาแค่นี้แหละ แหม travel light มาก เก่งจริง ๆ

เรามาถึงสนามบิน เช็คอินตามปรกติ แต่ที่สนามบินไม่มีอะไรให้ดูมากนัก ก็เลยนั่งรอกันจนหลับอีกรอบ จนมีคนมาปลุกว่าได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วค่า เครื่องบินก็พาเราบินลัดฟ้ากลับมาถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ โดยที่เรายังมีภารกิจที่ต้องทำเมื่อถึงเมืองไทยคือ ไปกินส้มตำ ยำปลาดุกฟู! อยากกินมาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว คราวนี้จะได้กินสมใจซะที

ไปพม่าคราวนี้ฉันได้อะไรกลับมามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะตอนแรกที่ไม่คิดอยากจะไป เพราะคิดว่าไม่มีอะไรน่าดู นอกจากเจดีย์ ๆ ๆ วัด ๆ ๆ บ้านเราก็มี แต่ไปถึงแล้วผิดหมดทุกอย่าง พม่าเป็นประเทศนึงในแถบที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปน้อยที่สุดในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา หลายสิ่งหลายอย่างยังดำเนินไปอย่างเชื่องช้าอ้อยสร้อย หรือแม้แต่ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ไม่มีทีท่าว่าจะเสื่อมถอยไปได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะประเทศจะปัญหาทางการเมืองขนาดไหน คนพม่าดูเหมือนจะพร้อมที่อยู่แล้วก็สู้กันต่อไปตามกำลังของแต่ละคนที่จะทำได้ หรือเต็มที่ก็หันหน้าเข้าวัด ทำลืม ๆ ปัญหาที่วุ่นวายสับสนไปชั่วคราว

ที่ฉันคิดว่าคุ้มค่าที่สุดในการไปเที่ยวพม่าคราวนี้ คือทัศนคติที่มีต่อคนพม่าที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ก่อนไปก็ไม่ได้เกลียดชังอะไร แต่มีความรู้สึกหวั่น ๆ ใจอยู่เหมือนกัน ระแวงไปต่าง ๆ นานา ว่าคนพม่าจะไม่ชอบคนไทยหรือเปล่านะ จะปลอดภัยมั้ยนะ... แต่พอไปถึงแล้วก็รู้สึกอบอุ่น ปนกับรู้สึกผิดที่คนไทยส่วนมากถูกสอนมาโดยบทเรียนในชั้นเรียนว่าพม่าข้าศึกเผาบ้านเผาเมืองของเราในสมัยโบราณ โดยที่ไม่ได้เพิ่มเติมไปเลยว่าแต่สมัยนี้ไม่ใช่ยุคโบราณแล้ว ควรจะเลิกมองพม่าว่าเป็นศัตรูเราเสียที ถึงอย่างนั้นก็ตามก็ได้แต่พูดปาว ๆ กันไปว่าประเทศสองเรามีความสัมพันธ์อันดี ยังงั้นยังงี้ ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าจะให้เชื่อก็ยาก เพราะความสัมพันธ์ที่ว่า เป็นความสัมพันธ์ทางการเมือง จะมาจริงใจเท่าความสัมพันธ์และมิตรภาพที่เราได้เดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง มันเทียบกันไม่ได้เลย...ถ้าถามฉัน ฉันว่าแอ๊ปเปิ้ลที่สาวชาวพม่าหยิบยื่นให้ฉันบนรถสองแถว ดูมีค่าและความหมายมากกว่านายกฯสองประเทศจับมือกันออกทีวีเสียอีก

ลองเปิดใจให้กว้างแล้วลองไปสัมผัสด้วยตัวเองดู แล้วคุณจะอดไม่ได้ที่จะรักผู้คนและประเทศนี้ จนต้องหาทางกลับไปเยือนอีกจนได้นั่นแหละ



Create Date : 19 กรกฎาคม 2549
Last Update : 19 กรกฎาคม 2549 20:40:43 น. 1 comments
Counter : 645 Pageviews.

 
อ่านแล้วก็อยากไป แต่กลัวการนั่งรถในพม่าค่ะ


โดย: ซูชิกับเปาน้อย วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:12:14:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

beebah
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนไทย ธรรมด๊าธรรมดา เกิด และ โต ณ กทม. ปัจจุุบัน ทำงานในบรัสเซลส์ ยามว่าง(และยามไม่ว่าง แต่กระเสือกกระสนให้ว่าง) ชอบแบกเป้เที่ยวนู่นเที่ยวนี่ นี่ก็เหลืออีก ร้อยกว่าประเทศเองก็ยังไม่ได้ไป ฮ่าๆๆๆ ฮืออออ.. (T_T)
Friends' blogs
[Add beebah's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.