Strawberry Cream Cheese Cookies

หลังจากที่บีบี้กลับจากเมืองสิงค์ช่วง Long Weekend บีบี้ก็ถูกจับส่งอบรมทันที 3 วันต่อเนื่อง ซึ่งบีบี้ชอบการอบรมครั้งนี้มากๆ - งานไม่ต้องทำ เนื้อหาสนุกสนาน อาจารย์สอนได้ดีมาก และที่สำคัญคือ ได้กลับบ้านเร็ว - บีบี้เลยไปเล่นโยคะร้อนที่ Cali Wow สีลมได้ทันเวลา



เท่านั้นยังไม่พอ บีบี้ยังมีเวลาเหลือพอที่จะทำขนมก่อนนอนเพื่อนำไปกินในที่ทำงานวันรุ่งขึ้นด้วย ซึ่งโจทย์ครั้งนี้เป็นขนมที่ต้องมีส่วนประกอบของครีมชีส (เพราะซื้อไว้นานแล้ว เลยกลัวหมดอายุ) ซึ่งถ้าจะทำ Cheesecake คนกินก็คงจะเริ่มเบื่อกันแล้วเพราะบีบี้ทำ Cheesecake บ่อยมาก



ครั้งนี้ บีบี้เลยลองเปลี่ยนมาทำ Strawberry Cream Cheese Cookies ซึ่งเป็น innovation ใหม่ของบีบี้ และเปรียบเสมือนของหวานรุ่นที่ 3 ของ Cream Cheese นับตั้งแต่ Cheesecake และ Cheese Pie





สูตรดั้งเดิมแล้ว ที่จริงเป็นเพียงแค่ Cream Cheese Cookies ธรรมดา แต่บีบี้ได้เพิ่ม feature ของตัวคุกกี้โดยการใส่สตรอเบอรี่อบแห้งลงไปจนกลายเป็น Strawberry Cream Cheese Cookies ดังรูป (ที่คุกกี้ออกมาเป็นรูปหัวใจเพราะบีบี้กดเนื้อคุกกีที่ผสมเสร็จแล้วลงในพิมพ์รูปหัวใจ แช่เย็นจนตัวคุกกี้แข็งตัว ถอดผลงานออกจากพิมพ์แล้วเข้าอบได้เลย) ตัวเนื้อคุ้กกี้จะไม่กรอบ แต่จะมีลักษณะนุ่มๆ แต่ไม่ร่วน พอได้เคี้ยวก็จะมีความรู้สึกหนึบหนับภายในปากซึ่งบีบี้สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะครีมชีสที่ผสมอยู่ก็เป็นได้





และเช่นเคย บีบี้ก็จัดคุกกี้ลงกล่องเพื่อนำไปกินในเวลางาน (บีบี้ลองกินดูแล้วรู้สึกว่าคุกกี้ที่บีบี้ทำเองมีนี้รสชาติพอดีกับกาแฟยามบ่ายที่ตอนอบรมเลย) และแถมด้วยสตรอเบอรี่สดที่ราคาแสนถูกและรสชาติหวานอร่อยด้วย





นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนรัก Cheesecake (ขนาดคุณน้องสาวของบีบี้ที่ไม่ชอบกิน Cheesecake ยังบอกว่าอร่อยและกินไปหลายชิ้นเหมือนกัน) ส่วนสูตรและวิธีทำ เอาไว้บีบี้จะมาแปะลิงค์ให้ในภายหลังนะ



Smiley บีบี้ Smiley




 

Create Date : 07 มีนาคม 2553    
Last Update : 7 มีนาคม 2553 22:35:37 น.
Counter : 3056 Pageviews.  

Pineapple Tart & Taro Tart

ช่วงวันหยุดยาวนี้ บีบี้มีโปรแกรมบินลัดฟ้าไปเที่ยวเมืองสิงค์ ดังนั้นในคืนนี้บีบี้เลยจัดการกวาดล้างของในตู้เย็นให้เรียบร้อยก่อนจะทิ้งตู้เย็นให้อยู่เดียวดาย 3-4 วัน มีทั้งส่วนที่ยังเก็บได้ (เช่น โยเกิร์ต แอปเปิ้ล สับปะรดกวน) ส่วนที่ต้องจัดการให้หมดก่อนไป (เช่น น้ำสับปะรด สตรอเบอรี่ เผือกกวน) และส่วนที่เสียชีวิตแล้ว (เช่น นมสดที่ตั้งใจจะทำครีมชีส ถั่วแดงกวน) แน่นอนว่าสิ่งที่กำจัดง่ายที่สุดคือส่วนที่เสียชัวิตแล้วซึ่งได้รับเกียรติให้ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่แล้ว



ส่วนที่ควรจะกวาดล้างก่อนไปนี่สิ น้ำสับปะรดและสตรอเบอรี่ยังพอจัดการได้ (เอาไปกินที่ทำงาน จะได้หมดๆ ไป) ส่วนเผือกกวนอะนะ ตอนแรกนึกว่าจะเอาไปทำขนมปังไส้เผือกซะ แต่คำนวณเวลาคร่าวๆ แล้ว กว่าจะเสร็จก็คงได้นอนตอนตีสองแน่ บีบี้เลยปิ้ง idea ขึ้นมาว่าไหนๆ ก็ตั้งใจจะทำคุกกี้ตัวหนอนไส้สับปะรดแล้ว ก็ลองทำแบบไส้เผือกไปเลย



จะว่าไปแล้วบีบี้เคยทำคุ้กกี้ตัวหนอนมาหลายครั้งแล้ว (แต่ขี้เกียจเขียนลง Blog) และทุกครั้งก็ได้คุ้กกี้หน้าตาสวยๆ แบบนี้เสมอ (ไม่ได้ชมตัวเองแต่ว่ามันทำได้ง่ายจริงๆ) แถมใครกินก็ติดใจอีกต่างหาก (อันหน้าพี่เข้มนี่เป็นใส้สับปะรดกวน ส่วนอันหน้าน้องแป้งนวลนี่ไส้เผือกกวน)





แอบมาดูคุ้กกี้ตัวหนอนไส้สับปะรดกวนที่บีบี้ภูมิใจนำเสนอ (คือกวนเองกับมือ แบบว่าเกิดอาการอยากทำเองมากกว่าซื้อเค้ากิน) ไส้นุ่มมากๆ เพราะบีบี้ใช้เวลากวนไม่นานและใส่น้ำตาลน้อย สับปะรดกวนจึงไม่หวานมากด้วย (คราวนี้ บีบี้ใช้สับปะรดภูเก็ตแบบแก่ เลยได้ปริมาณเนื้อมากขั้น และไม่ค่อยเปรี้ยวมากด้วย) สูตรนี้มีใส่เนยตอนกวนแต่บีบี้ไม่ใส่เนยเพราะกลัวอ้วน - เอาไว้ชดเชยในตัวคุ้กกี้แทน





ส่วนคุ้กกี้ตัวหนอนใส้เผือกกวนนี้ บีบี้มานำสูตรมาดัดแปลงอีกทีเพราะเผือกผัดน้ำตาลในวันตรุษจีนของคุณหม่ามี้นอนนิ่งในช่องแช่แข็งเป็นสัปดาห์ บีบี้เลยจับมากวนให้สิ้นซาก รสชาติก็อร่อยไปอีกแบบ (อร่อยแบบขนมเปี๊ยะ) น่าจะถูกใจคุณแดดดี้เพราะคุณแดดดี้ชอบกินเผือกมากกว่าสับปะรดกวนอยู่แล้ว





อบคุ้กกี้ใส้ละถาด ระหว่างที่อบแบบแรกก็ปั้นคุ้กกี้แบบที่สองต่อ ทำให้ไม่เสียเวลา (แต่ก็เป็นเหตุให้คุ้กกี้ไส้สับปะรดกวนกลายเป็นพี่เข้มไป ทั้งๆ ที่บีบี้ไม่ได้ทาหน้าคุ้กกี้ด้วยไข่แดงนะ) พอคุ้กกี้เย็นตัวแล้ว บีบี้ก็จับใส่กล่องแจกจ่ายไปที่ทำงานกล่องหนึ่งกับที่บ้านอีกกล่องหนึ่งซะ (ส่วนอีกกล่องหนึ่งเป็นสตรอเบอรี่ของบีบี้ที่จะเอาไปกินที่ทำงานจ้า)





ส่วนสูตรและวิธีทำ เอาไว้บีบี้กลับจากเมืองสิงค์แล้วค่อยมาอัพโหลดให้อีกทีนะ ตอนนี้ขอตัวลาไปนอนก่อน



Smiley บีบี้ Smiley




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2553 1:35:24 น.
Counter : 2497 Pageviews.  

Valentine's Day Chocolate For Someone Special

วันวาเลนไทน์ปีนี้ บีบี้เหมือนจะหมดมุข คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี กี่ปีๆ ก็แจกช็อคโกแลต เห็นเจ้าหญิง คุกกี้วาเลนไทน์ของคุณแพรแล้วดูน่ารัก (ที่สำคัญ น่ากินด้วย) บีบี้เลยตัดสินใจว่าปีนี้จะเปลี่ยนแนวดูบ้าง ว่าแล้วก็เดินไปเปิดตู้เตรียมเครื่องปรุง ปรากฏว่าบีบี้เจอช็อคโกแลตดาร์กกับช็อคโกแลตไวท์นอนแอ้งแม้งอยู่หน้าตู้ (จำไม่ได้ว่าไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร คงตั้งใจซื้อมาทำช็อคโกแลต แต่แล้วก็ลืม) ด้วยความใจง่าย บีบี้ก็เลยเปลี่ยนใจจัดการกำจัดสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ในตู้อีกต่อไป



และแล้ว ผลงานแห่งความตั้งใจทำอย่างยิ่งของบีบี้ (for Someone Special) ก็มีน่าตาเป็นแบบนี้ (จะถูกใจคนรับมั้ยหนอ)





สำหรับปีนี้ บีบี้ทำช็อคโกแลตออกมาเป็น 3 รูปแบบคือ
1. Dark Chocolate with Oreo Truffle - อันนี้คล้ายกับมุขของปีที่แล้ว ที่เป็น Oreo Truffle เคลือบช็อคโกแลต แต่ของปีนี้เป็น Dark Chocolate ที่สอดไส้ด้วย Oreo Truffle
2. Jaffa Marbled Chocolate with Chopped Almond - ช็อคโกแลตกลิ่นส้มที่เป็นสิ่งที่ผิดพลาดของ idea บรรเจิดจากหนังสือ Chocolate ที่บีบี้ซื้อมาหลายปีแล้ว (ในหนังสือจะเป็น Jaffa Mabled Thin Chocolate แต่บีบี้เอามาดัดแปลงโดยเทใส่พิมพ์) นั่นคือมันไม่ได้เป็นลายหินอ่อน แต่กลับกลายเป็นลายเหมือนช็อคโกแลตรูปหอยของ Guylian ซะงั้น ก็เลยได้ของแปลกมาดูเล่นอีกหนึ่งชิ้น
3. Berry Marbled Chocolate with Rasin - วัน Valentine ทั้งทีกลับไม่มี Strawberry หรือสีชมพูเลย บีบี้จึงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขื้นมา หยดสีชมพูและกลิ่นสตรอเบอรี่ลงไปใน White Chocolate พร้อมกับลูกเกด (ที่แต่เดิมตั้งใจจะใส่สตรอเบอรี่อบแห้งแต่ด้วยความกระชั้นและหาซื้อไม่ได้)





ส่วนของบรรจุภัณฑ์ บีบี้ตามล่าหากล่องจากหลายๆ ร้านที่สามารถไปได้ แต่ก็ไม่ถูกใจ (บีบี้เจอกล่องถูกใจที่ร้าน Daiso แต่ว่ามีขนาดใหญ่มากประมาณใส่ช็อคโกแลตให้สิบคนกินได้เลยตัดใจไม่เอาดีกว่า) บีบี้ก็เลยไปค้นหากล่องที่เคยใส่ช็อคโกแลตของปีที่แล้ว เอามาดัดแปลงนิดหน่อยก็เกิดเป็นเป็นกล่องช็อคโกแลตของปีนี้ที่รูปแบบเดิมแต่ขนาดใหญ่ขึ้น และตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ด้วย Ribbin พันรอบกล่องกับน้องโบว์ก็เป็นอันเสร็จ





แม้ว่าขั้นตอนออกจะยุ่งยากนิดหน่อย แต่พอเห็นผลงานของตัวเองก็สุขใจผู้ให้จริงๆ






ครั้งนี้บีบี้ไม่มีสูตรและรูปวิธีทำให้ดู แต่บีบี้จะให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำแทน



1. การละลายช็อคโกแลต - ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้าละลายช็อคโกแลตไม่ดี ช็อคโกแลตอาจจะขึ้นรูปไม่ได้ หรือขึ้นรูปได้แต่เก็บที่อุณหภูมิห้องไม่ได้ ขั้นตอนอย่างละเอียดอยู่ที่นี่ แต่บีบี้ไม่ได้ทำตามขั้นตอนนั้นทั้งหมด บีบี้เพียงแค่สับช็อคโกแลตแล้วตุ๋นด้วย Microwave ที่ไฟสูงสุด (850W) นาน 15 วินาที (ช็อคโกแลตบางส่วนละลายและบางส่วนยังเป็นชิ้นอยู่) นำออกมาคนจนช็อคโกแลตละลายทั้งหมด (สำหรับ Dark Chocolate บีบี้ใช้เวลาเพิ่มอีก 5 วินาที)



2. การแข็งตัวของช็อคโกแลต - ช่วงนี้เราสามารถตั้งช็อคโกแลตที่เสร็จแล้วทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องได้โดยไม่จำเป็นต้องใส่ในตู้เย็น แต่เนื่องจากบีบี้เทช็อคโกแลตลงในพิมพ์ ดังนั้นเพื่อให้ช็อคโกแลตถูกแกะออกจากพิมพ์โดยง่าย บีบี้จึงนำไปใส่ตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณครึ่งชั่วโมง ช็อคโกแลตก็จะถูกแกะออกจากพิมพ์อย่างง่ายดาย (ห้ามนำนำไปใส่ในช่องแช่แข็งเป็นอันขาด เพรสะหลังจากแกะออกจากพิมพ์ซักพัก ช็อคโกแลตจะเริ่มละลายและมีหยดน้ำเกาะรอบผิวช็อคโกแลต ทำให้ผิวช็อคโกแลตไม่เรียบเนียนเมื่อตอนแข็งตัว - บีบี้เลยตั้งชื่อว่า Snowy Chocolate เพราะมันมีผิวทรายเหมือนถูกโปรยด้วยหิมะ ดังรูป)





3. สูตร Oreo Truffle - เข้าไปดูสูตรที่ Kraft ได้เลยซึ่งมีให้ทั้งสุตรและวิธีทำ แต่ครั้งนี้ บีบี้แปลงสูตรโดยใช้ Oreo บด (ปาดครีมทิ้ง) 80 กรัม ผสมกับครีมชีส 40 กรัมเท่านั้น ผลที่ได้เลยค่อนข้างร่วนแต่ก็ปั้นได้ ไขมันในครีมชีสไม่เยิ้มที่อุณหภูมิห้อง และที่สำคัญคือมีแคลอรี่น้อยลงด้วย



Smiley บีบี้ Smiley




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 23:52:31 น.
Counter : 4134 Pageviews.  

Pumpkin Cake

จากครั้งที่แล้วที่บีบี้พบศพกล้วยหอมนอนดำเมี่ยมในซอกมุมหนึ่งของตู้เย็นแล้ว บีบี้ก็ยังพบศพฟักทองเหลืองอ๋อยในช่องแช่ผักเหมือนกัน ด้วยความต้องการที่จะให้ฟักทองอันตรธานไป บีบี้เลยลองค้นหาสูตรการกำจัดฟักทอง (ส่วนใหญ่บีบี้จะทำซุปฟักทองซึ่งตอนนี้เบื่อแล้ว) และบีบี้ก็ค้นพบเมนูแปลกใหม่ (สำหรับบีบี้เอง) นั่นก็คือเค้กฟักทอง



บีบี้ทำออกมา 3 รูปแบบ แบบแรกเป็นแบบเรียบง่ายตามสูตรต้นฉบับ หน้าตาออกมาก็เหมือนต้นฉบับเป๊ะ (ช่างน่าภาคภูมิใจเสียจริง) แต่ - อย่างว่า - ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นเค้กฟักทอง นอกจากจะดมกลิ่นอย่างเดียว (ซึ่งบีบี้ก็ไม่สามารถส่งกลิ่นเค้กผ่าน Blog นี้ได้)





พอหยิบมาเปลื้องผ้า ก็เห็นเนื้อเค้กเหลืองนวลๆ ที่คล้ายกับเค้กชิฟฟอนซึ่งมีลักษณะฟูและนุ่ม (แต่เมื่อตั้งทิ้งไว้ข้ามคืน - บีบี้ลืมใส่ไว้ในกล่อง - ปรากฏว่าเนื้อเค้กไม่นุ่มเหมือนตอนอบเสร็จใหม่ๆ อาจเป็นเพราะบีบี้ใส่น้ำมันน้อยไปหรือเปล่า)





แบบที่สองดูไฮโซขึ้นมาหน่อย จะมีครีมฟักทองบีบบนหน้าเค้ก (ถ้าไม่บอกแล้วพอเดาออกหรือยังว่าเป็นเค้กฟักทอง) อันนี้เกิดจากความคิดที่จะกำจัดฟักทองบดกับน้ำกะทิที่เหลืออีกนั่นเอง





ดูๆ แล้วหน้าเค้กสีออกคล้ำขึ้นกว่าเดิม (เพราะว่าบีบี้ใช้คัพเค้กแบบแรกบีบครีมลงไปแล้วอบเพิ่มอีกประมาณ 10 นาที) แต่เนื้อเค้กก็ไม่ได้แห้งมาก





และแบบสุดท้ายเป็นแบบเค็กสไลด์คล้ายๆ เค้กเนย เกิดจากการอบในพิมพ์ขนมปังแต่เนื่องจากขอบบางส่วนไหม้ เลยต้องเคาะเค้กออกจากพิมพ์แล้วตัดเป็นชิ้นๆ แทน (โชคดีที่บางส่วนยังดูดีพอเอาไปอวดคนอื่นได้)





เค้กฟักทองที่ดูดีและอร่อยอย่างนี้ บีบี้แอบไปขโมยสูตรจากคุณกั้งกระดาน (ดูสูตรและวิธีการทำได้จาก ที่นี่) ด้วยตอนที่แอบอ่านสูตร บีบี้เห็นว่าสูตรนี้ใช้น้ำมันพืชแทนเนยและใช้ในปริมาณที่น้อยอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังใช้กะทิแทนนมซึ่งดูกิ๊บเก๋เหมือนขนมแบบไทยๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากกินเค้กแต่แพ้หรือไม่ชอบอาหารจำพวกนม (และครั้งนี้บีบี้ตั้งใจทำไปให้คุณแดดดี้ที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งฟักทองก็เป็นอาหารที่ดีต่อผู้ป่วยโรคนี้อยู่แล้วด้วย)






บีบี้มีการแปลงสูตร (เหมือนเดิม) เนื่องจากปริมาณของสูตรต้นแบบที่มากพอสมควร อาจจะไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งลองทำอย่างบีบี้ บีบี้เลยใช้แค่ 3/5 สูตรเท่านั้น (ต้องนั่งกดเครื่องคิดเลขคำนวณกันมันส์มือเลย) แต่บางส่วนผสมบีบี้ก็มีเพิ่ม-ลดตามความชอบส่วนตัวอีก (ใครๆ ก็รู้ว่าบีบี้ชอบเอาแต่ใจตัวเอง) และเหมือเดิมอีกที่บีบี้ได้แปลงสูตรจากปริมาตรเป็นน้ำหนักเพื่อความง่ายต่อการชั่งตวงส่วนผสม



ส่วนผสม
ส่วนผสมไข่แดง
- แป้งเค้ก 90 กรัม
- น้ำตาลทราย (1) 54 กรัม - บีบี้ใช้แค่ 40 กรัมเพราะไม่อยากให้เค้กออกหวานเกินไป (จะเอาไปให้คุณแดดดี้ชิม)
- ผงฟู 1 ช้อนชา - บีบี้ไม่ได้ทอนสูตร ปริมาณเลยเท่ากับสูตรเดิม
- กะทิ 45 กรัม
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำมันพืช 3/20 ถ้วย (24 กรัม) - ข้อดีของการแปลงปริมาตรเป็นน้ำหนัก ทำให้บีบี้สามารถทอนสูตรได้โดยง่าย
- ฟักทองสุกบด 1/4 ถ้วย (60 กรัม) - บีบี้ไม่ได้ทอนสูตร ปริมาณเลยเท่ากับสูตรเดิมเพราะต้องการให้มีกลิ่นหอมฟักทองมากขึ้น
ส่วนผสมไข่ขาว
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา - บีบี้ไม่ได้ทอนสูตร ปริมาณเลยเท่ากับสูตรเดิม
- น้ำตาลทราย (2) 45 กรัม

(สำหรับไข่ไก่และกะทิ บีบี้ตั้งทิ้งไว้นอกตู้เย็นประมาณ 20 นาทีก่อนลงทำ ส่วนฟักทองสุกบด บีบี้หั่นเป็นเสี้ยวๆ ใส่ชามทนไฟ แล้วห่อด้วยพลาสติกหุ้มอาหาร นำเข้าไมโครเวฟที่ 600 watt นาน 10 นาที ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นและแห้ง จากนั้นขูดเอาแต่เนื้อฟักทองและบดจนละเอียด - น้องหมีแอบออกหน้ากล้องตอนถ่ายรูปส่วนผสมอีกแล้ว)





วิธีทำ


1. ร่อนแป้งเค้กและผงฟูรวมกัน พักไว้




2. ผสมน้ำตาลทราย (1) กะทิ น้ำมันพืช ไข่แดงและฟักทองสุกบด คนให้น้ำตาลละลาย




3. ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนแล้วลงไปในส่วนผสมไข่แดง คนด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมเนียน พักไว้




4. อุ่นเตาอบที่ 180C ไฟบน-ล่าง เปิดในเครื่อง (พัดให้ความร้อนทั่วเตามั้ง)


5. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟอง เปลี่ยนเป็นความเร็วสูงแล้วทยอยใส่น้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน




6. แบ่งส่วนไข่ขาวออกเป็น 2 ส่วน นำแต่ละส่วนมาผสมกับส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมอย่างเบามือจนส่วนผสมเข้ากัน




7. เทส่วนผสมลงในพิมพ์ถ้วยหรือถาดที่ปูกระดาษไข (บีบี้ไม่ได้ปูกระดาษไขในพิมพ์ขนมปัง แต่เค็กก็ไม่ได้ติดพิมพ์มากนักเพราะบีบี้เคาะพิมพ์หลังจากนำออกจากเตาอบและใช้ส้อมแซะขอบพิมพ์ก่อนที่จะถอดเค้กออกจากพิมพ์ และที่สำคัญ - อย่าลืมเคาะพิมพ์ถาด 1 ครั้งก่อนนำเข้าเตาอบเพื่อไล่ฟองอากาศ)




8. นำเข้าเตาอบ (ปิดพัดลมในเครื่อง) นาน 10-12 นาทีหรือจนกว่าเค้กจะสุก (สำหรับเค้กพิมพ์ถ้วย บีบี้ใช้เวลา 12 นาที แต่ถ้าเป็นพิมพ์ขนมปัง บีบี้จะใช้เวลาประมาณ 18 นาที)




ระหว่างที่ขนมกำลังอบอยู่ บีบี้ก็เตรียมผสมครีมฟักทอง (สูตรคิดเอง) โดยนำฟักทองสุกบดและกะทิที่เหลือผสมกับไข่แดง 1 ฟอง และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ จากนั้นเมื่อเค้กสุกแล้วก็บีบครีมลงบนหน้าเค้ก แล้วอบไฟบน-ล่างอีก 5 นาที (ในรูป บีบี้อบนาน 10 นาที หน้าเค้กตรงส่วนที่ไม่มีครีมเลยไหม้)




และแล้วก็มาดูภาพสามหนุ่ม สามมุม สามรสชาติที่บีบี้ขอยืนยันว่าสูตรนี้อร่อยแบบ Healthy จริงๆ ครั้งหน้าบีบี้จะลองใช้สูตรนี้ทำเป็นชิฟฟอนฟักทองโดยใช้ครีมฟักทองเป็นไส้ จินตนาการแล้วคิดว่าคงจะน่ากินไม่หยอก





Smiley บีบี้ Smiley




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2552    
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 19:24:56 น.
Counter : 3006 Pageviews.  

Yoghurt Banana Cake

วันนี้ หลังจากที่บีบี้กลับมาจาก Hot Yoga เมื่อมาถึงที่ห้องก็จัดการค้นหาของกินในตู้เย็น ปรากฏว่าบีบี้เหลือบไปเห็นกล้วยหอมใบเขื่องดำปี๋ 3 ลูกนอนนิ่งๆ ตรงซอกมุมหนึ่งของตู้เย็น ทันใดนั้นเองบีบี้ก็ระลึกได้ว่า คุณหม่ามี้ซื้อกล้วยหอมมาให้ (ตั้งนานแล้ว) เพราะคุณหม่ามี้อยากกินเค้กกล้วยหอมที่บีบี้เคยทำไปให้

ด้วยประการฉะนี้ บีบี้เลยต้องขนสูตรและส่วนผสมทั้งหมดมานั่งทำเค้กกล้วยหอมแทน ซึ่งจริงๆ แล้วใช้เวลาไม่นานมาก แค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเอง (ด้วยความหิว บีบี้ยังต้องอดทนทำเค้ก แต่ - นี่คือการหว่านพืชหวังผล - อดทนเพื่อรอกินเค้กกล้วยหอมที่เสร็จแล้วนั่นเอง)



หลังจากอบเสร็จก็ได้เค้กหน้าตาแบบนี้ นี่เป็นเค้กกล้วยหอมแบบที่ใส่ฟอยล์ซึ่งได้ขนาดกำลังดีพอที่จะเอาไปแจกแล้วดูไม่น่าเกลียด (ครั้งนี้เค้กหน้านูนไปหน่อย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นความตั้งใจของบีบี้เอง)





และส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นเค้กกล้วยหอมใส่กระทง ซึ่งแบบนี้บีบี้ทำเอาไว้กินเอง (ปรากฏว่าทำแบบแรกก่อนจนเหลือใส่กระทงได้เพียง 2 กระทงเท่านั้นเอง - เรื่องมันเศร้า - แต่ก็ดีที่จะได้ไม่กินเยอะ เดี๋ยวจะอ้วนไปกว่านี้)





สำหรับเค้กกล้วยหอมสูตรนี้ เป็นเค้กกล้วยหอมโยเกิร์ตซึ่งบีบี้ได้สูตรมาจาก Health & Cuisine ฉบับเดือนธันวาคม 2548 (ดูสูตรและวิธีการทำได้จาก ที่นี่) บีบี้ทำแต่สูตรนี้ตลอดเพราะเห็นว่าเป็นเค้กกล้วยหอมที่ไม่ใช้เนยและใส่โยเกิร์ต (ที่บีบี้ชอบกินและมีติดอยู่ในตู้เย็นตลอด) ส่วนเค้กกล้วยหอมที่ได้ก็อร่อยประทับใจทุกคนในบ้านด้วย






สรุปสูตรและวิธีทำที่บีบี้ทำโดยมีการแปลงสูตรจากปริมาตรเป็นน้ำหนักเพื่อความสะดวกในการตวง (บีบี้ชอบสูตรที่ใช้น้ำหนักมากกว่าเพราะค่อนข้างแน่นอน ยกเว้นเกลือ ผงฟูหรือยีสต์ที่บอกเป็นช้อนชาได้เพราะมันเบาจนอาจจะชั่งไม่ได้) และมีการแปลงขั้นตอนการทำบางอย่างด้วย ดังนั้นอย่าสงสัยว่าทำไมทำไม่เหมือนกับสูตรเดิม



ส่วนผสม
- แป้งเค้ก 1 ถ้วย (100 กรัม)
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย (40 กรัม - บีบี้ใช้น้ำมันรำข้าวแทน)
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (100 กรัม - บีบี้ใช้แค่ 90 กรัมเพราะโยเกิร์ตมีน้ำตาลอยู่แล้ว)
- กล้วยหอม 2 ลูก (บีบี้ใช้กล้วยหอมลูกเดียว - ดูรูปแล้วอย่าสงสัยว่ามันเป็นที่ทับกระดาษ - ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 180 กรัม)
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/3 ถ้วย (75 กรัม)
- วานิลลา 1/2 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง

(สำหรับไข่ไก่ โยเกิร์ตและกล้วยหอม บีบี้ตั้งทิ้งไว้นอกตู้เย็นประมาณ 20 นาทีก่อนลงทำ)





วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่ 180C ไฟบน-ล่าง เปิดในเครื่อง (พัดให้ความร้อนทั่วเตามั้ง)


2. บดกล้วยหอมและโยเกิร์ตเข้าด้วยกัน พักไว้ (ที่โยเกิร์ตมีสีชมพูเพราะบีบี้ใช้ Beauti Detocy ของ Meiji สูตรคอลลาเจนซึ่งมีไขมัน 0% จะได้เป็นเค้กกล้วยหอมสูตรผสมคอลลาเจนยังไงหล่ะ และที่สำคัญต้องใช้กล้วยที่งอมมากๆ จะได้หอมกลิ่นกล้วยและถ้าอยากให้มีใยสีดำในเค้กเยอะ ให้ดึงเส้นใยกล้วยที่เปลือกลงไปด้วย - บีบี้อ่านเจอจากในห้องก้นครัวอะนะ)




3. ร่อนแป้งเค้ก เกลือ เบกกิ้งโซดาและผงฟูรวมกัน พักไว้




4. ตีไข่ไก่และน้ำตาลทรายให้ขึ้นฟู (บีบี้ไม่ได้ใช้เครื่องตีแต่ใช้ตะกร้อมือตีจนกล้ามขึ้น)




5. เติมน้ำมันพืชและวานิลลาลงไป ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี (เมื่อดูรูปแล้วจะเห็นไม่ชัดว่าใส่อะไรไปบ้างเพราะรูปมันเล็กอะนะ)




6. แบ่งส่วนผสมแป้งและส่วนผสมกล้วยหอมเป็น 3 ส่วน ทยอยใส่สลับกันโดยแต่ละครั้งให้คนส่วนผสมจนเข้ากันดี (บีบี้ทำแบบนี้เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีโดยแป้งไม่จับกันเป็นก้อน)




7. ตักส่วนผสมลงในพิมพ์ (บีบี้ได้เค้กกล้วยหอมแบบในฟอยล์ 4 อันกับแบบในพิมพ์ถ้วย - ของบีบี้เอง - อีก 2 ถ้วย - แอบโรยอัลมอนด์สไลด์อบลงบนเค้กบางชิ้นด้วย)




8. นำเข้าเตาอบโดยใช้ไฟล่างอย่างเดียว (ปิดพัดลมในเครื่อง) นาน 15 นาที (บีบี้ล้างอุปกรณ์ไปด้วย กลับมาดูอีกทีหน้าเค้กก็นูนมากมายเลย) แล้วเปลี่ยนเป็นไฟบน-ล่างอีก 10 นาที หรือจนกระทั่งเค้กสุก (ที่บีบี้อบไฟล่างอย่างเดียวก่อนเพราะบีบี้ต้องการได้เค้กหน้านูน ถ้าไม่อยากให้นูนมาก ต้องลดเวลาของไฟล่างอย่างเดียวแล้วเพิ่มเวลาไฟบน-ล่าง)




9. นำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น




แม้หน้าตาจะออกมาคล้ำเป็นไอ้มืดไปนิดและหน้าจะนูนมากไปหน่อย แต่รสชาติก็ยังอร่อยคงเส้นคงวาเหมือนเดิมนะ คราวหน้าบีบี้จะต้องลดเวลาของไฟล่างอย่างเดียวเพื่อให้ได้เค้กกล้วยหอมที่มีหน้านูนสวยกำลังดีกว่านี้





Smiley บีบี้ Smiley




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2552    
Last Update : 17 ธันวาคม 2552 0:56:36 น.
Counter : 5609 Pageviews.  

1  2  

bee4ever
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]









บีบี้รู้สึกว่าบีบี้ชอบทำอาหารเอามากๆ หลังจากที่บีบี้ทดลองอบขนมหลายๆ อย่าง หลังจากทำเสร็จก็จะมีขนมหลายแบบหลายรสชาติทั้งแบบที่แทบจะกินไม่ได้จนถึงกระทั่งแบบที่อร่อยจนหมดหลังจากอบเสร็จ แต่ขนมทุกอย่างก็ต้องผ่านการชิมจากบีบี้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ น้ำหนักตัวและสัดส่วนของบีบี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้บีบี้ต้องกลับไปเล่นโยคะร้อนอีกครั้ง ซึ่งภายใน 3 สัปดาห์นี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก บีบี้กำลังรอลุ้นว่าโยคะร้อนคราวนี้จะทำให้สิวขึ้นเขรอะอีกหรือเปล่า

Smiley บีบี้ Smiley



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bee4ever's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.