บริเวอร์ยีสต์ (Brewer’s Yeast)

บริเวอร์ยีสต์คืออะไร
บริเวอร์ยีสต์ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Saccharomyces Cerevisias เป็นเชื้อยีสต์ที่มีชีวิตโดยจะถูกความร้อนทำให้ตายหมด ไม่มีฤทธิ์ในการเป็นเชื้อหมักฟู เหลือไว้แต่เพียงคุณค่าทางโภชนาการ โดย บริเวอร์ยีสต์ เป็น By-Product ที่ได้รับจากการผลิตเบียร์ มีรสชาติค่อนข้างรุนแรง ถึงแม้ว่า บริเวอร์ยีสต์ โดยปกติจะได้จากขบวนการผลิตเบียร์ แต่ปัจจุบันได้มีการปลูกแยกเป็นผลิตภัณฑ์ต่างหากและถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก

บริเวอร์ยีสต์ ประกอบไปด้วยธาตุอาหารสมบูรณ์มากมาย มี กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 16 ชนิดจากทั้งหมด 20 ชนิด เกลือแร่ 14 ชนิด และ วิตามิน อีก 17 ชนิด โดย บริเวอร์ยีสต์ เป็นแหล่งธรรมชาติที่ดีที่สุดของVitamin B-Complex ซึ่งประกอบไปด้วย B1 (thiamine), B2 (riboflavin), B3 (niacin), B5 (pantothenic acid), B6 (pyridoxine), B9 (folic acid) และ H (biotin) นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่สูง คือ โครเมียม สังกะสี เหล็ก ฟอสฟอรัส และ เซเลเนียม อีกทั้ง บริเวอร์ยีสต์ ยังเป็นแหล่งที่สำคัญของโปรตีนอีกด้วย โดยประมาณว่าจะมีโปรตีนถึง 16 กรัมต่อปริมาณผงยีสต์ 30 กรัม

บ่อยครั้งที่เกิดความสับสนว่า บริเวอร์ยีสต์ เป็นยีสต์ประเภทเดียวกันกับยีสต์ที่ใช้ทำขนมปัง ซึ่งความจริงแล้ว บริเวอร์ยีสต์ กับยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังมีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะยีสต์ที่ใช้ทำขนมปังไม่เพียงแต่ปราศจาก Vitamin B-complex เท่านั้น ยังกลับจะมีส่วนในการทำลาย Vitamin B ในลำไส้และในส่วนอื่นๆ ของร่างกายเสียหมด

บริเวอร์ยีส์กับประโยชน์ต่อร่างกาย
เนื่องจาก บริเวอร์ยีสต์ ประกอบด้วย Vitamin B จำนวนมาก จึงมีส่วนช่วยเพิ่มบทบาทของ วิตามิน ดังกล่าวภายในร่างกายคนเรา Vitamin B-complex นั้นจะมีส่วนช่วยในระบบการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนระบบการทำงานส่วนประสาทและช่วยรักษากล้ามเนื้อที่ใช้ในกระบวนการย่อยอีกด้วย

Vitamin B แต่ละชนิดต่างก็มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสนับสนุนระบบเส้นประสาท โดย Vitamin B จะส่วนบรรเทาอาการตึงเครียด อาการซึมเศร้า และความอ่อนเพลีย นอกจากนี้ยังช่วยชลอความชราบางประการได้อีกด้วย เมื่อใดที่ร่างกายตกอยู่ในสภาพความกดดัน ตึงเครียดหรือภาวะติดเชื้อ ร่างกายจะต้องการ Vitamin B มากกว่าเดิมเป็นพิเศษ โดยร่างกายของเราไม่สามารถกักเก็บ Vitamin B ส่วนเกินเอาไว้ได้ ดังนั้นจำเป็นที่เราต้องบริโภค Vitamin B เป็นประจำอยู่เสมอ

Biotin เป็น Vitamin B ชนิดหนึ่งที่มีอยู่มากใน บริเวอร์ยีสต์ มีความสามารถในการช่วยให้เล็บที่เปราะแข็งแรงขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพผมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้เพื่อการรักษาผู้ป่วยโรค เบาหวาน ได้อีกด้วย

ใน บริเวอร์ยีสต์ ยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของ โครเมียม อีกด้วย ซึ่งสถาบัน U.S. FDA แนะนำขนาดที่ควรรับประทานต่อวันในคนปกติเท่ากับ 120 มิลลิกรัม โดย โครเมียม มีความสามารถในการลดระดับ คลอเลสเตอรอล ในเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกิจกรรมของอินซูลินภายในร่างกายซึ่งจะช่วยในบุคคลที่สูญเสียน้ำหนักได้เป็นอย่างดี โครเมียม เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี แต่สามารถดูดซึมได้ดีจาก บริเวอร์ยีสต์ นอกจากนี้ โครเมียม ยังมีสรรพคุณเพื่อการรักษาสิวได้ผลดี นอกจากนี้ บริเวอร์ยีสต์ ยังเป็นแหล่งที่ดีของ RNA ที่มีประสิทธิภาพในการชลอความชราได้อีกด้วย

บริเวอร์ยีสต์กับโรคเบาหวาน
มีรายงานว่า บริเวอร์ยีสต์ สามารถป้องกันการเป็นโรค เบาหวาน ของกลุ่มคนที่บุคคลภายในครอบครัวมีประวัติเป็นโรค เบาหวาน มาก่อนได้อีกด้วย มีการศึกษาชิ้นหนึ่งของประเทศเดนมารก์พบว่าบุคคลที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะมีอาการที่ดีขึ้นหลังจากได้รับประทาน บริเวอร์ยีสต์ ขนาด 2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน

บริเวอร์ยีสต์กับระดับคลอเลสเตอรอลสูง
มีการศึกษาของมหาวิทยาลัย Syracuse ใน New York พบว่า จากการทดลองให้บุคคลได้รับประทาน บริเวอร์ยีสต์ ขนาด 2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ปรากฏว่าบริเวอร์ยีสต์มีผลช่วยลดระดับ คลอเลสเตอรอล ได้ถึง 10%

บริเวอร์ยีสต์กับระบบทางเดินอาหาร
• บริเวอร์ยีสต์ กับโรคท้องร่วง
โรคท้องร่วงจะมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ และบ่อยครั้ง โดยสามารถเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ การท้องร่วงแบบรุนแรงบ่อยครั้งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อและต้องการการบำบัดทางยาซึ่งเมื่อเกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงจะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ โซเดียม โปแตสเซียม และแคลลอรี่ ได้ ในแถบทวีปยุโรปได้ใช้ บริเวอร์ยีสต์ กันอย่างแพร่หลายเพื่อช่วยป้องกันการเกิดอาการท้องร่วงจากสิ่งมีชีวิตได้ โดยการศึกษาในสัตว์พบว่า บริเวอร์ยีสต์ ได้ขัดขวาง ต่อสู้กับ Clostridium diffcile ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคท้องร่วง จากการทดลองพบว่าการให้ บริเวอร์ยีสต์ ขนาด 500 มิลลิกรัม 4 ครั้งต่อวัน จะช่วยป้องกันการติดเชื้อจากสิ่งมีชีวิตในโรคท้องร่วงได้ นอกจากนี้ บริเวอร์ยีสต์ ยังช่วยนักท่องเที่ยวป้องกันโรคท้องร่วงระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย

• บริเวอร์ยีสต์ กับโรคท้องผูก
จากการศึกษาพบว่า บริเวอร์ยีสต์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดอาการท้องผูกได้ เนื่องจากในผง บริเวอร์ยีสต์ 30 กรัม จะบรรจุไปด้วย ไฟเบอร์ ทางอาหารประมาณ 6 กรัม (24% ของขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน) ซึ่ง ไฟเบอร์ เป็นส่วนสำคัญของอาหารเนื่องจากมันจะช่วยเพิ่มกากใยเป็นจำนวนมากในอุจจาระ ป้องกันการเกิดโรคท้องผูกได้ บริเวอร์ยีสต์ จึงมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่มี สุขภาพ ที่ดี สมบูรณ์

• บริเวอร์ยีสต์ กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
จากห้องทดลองระบาดวิทยามีการวิจัยรายงานว่า สารอาหาร เซเลเนียม จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้ สาร เซเลเนียม ที่มีมากใน บริเวอร์ยีสต์ ใช้เป็นสารอาหารเสริมเพื่อช่วยลดการเกิดและอันตรายจากโรค มะเร็งในลำไส้ใหญ่ ในร่างกายมนุษย์ได้ แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเพราะ selenomethionine หรือรูปแบบอื่นของ เซเลเนียม หรือส่วนประกอบอื่นของ เซเลเนียม ที่อยู่ใน บริเวอร์ยีสต์ ที่ให้ผลดังกล่าว

• บริเวอร์ยีสต์ กับการบาดเจ็บและสมานผิว
Vitamin B-complex ที่ได้จาก บริเวอร์ยีสต์ เป็นธาตุที่สำคัญในการบำบัดอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้น จึงแนะนำให้ใช้ บริเวอร์ยีสต์ ในช่วงการพักฟื้นฟูบาดแผลหรือแผลไฟไหม้ โดยจากการศึกษาพบว่าใน บริเวอร์ยีสต์ มีสารชื่อ Glucan มีฤทธิ์ช่วยให้บาดแผลหายไวโดยกระตุ้นและสนับสนุนการเติบโตของเซล์และเส้นโลหิตฝอย อีกทั้งยังเสริมการทำงานของระบบต่อสู้การติดเชื้อของร่างกาย และ SRF (Skin Respiratory Factor) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บริเวณผิวหนังและเร่งรัดการสร้างคลอลาเจน เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

• บริเวอร์ยีสต์ กับอาการตึงเครียด
Vitamin B-complex ใน บริเวอร์ยีสต์ มีส่วนสำคัญต่อร่างกายอย่างมากในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวการณ์กดดันทางร่างกายหรืออารมณ์ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จึงแนะนำให้ใช้ บริเวอร์ยีสต์ ที่มี Vitamin B-complex ในการอาการป่วยที่เป็นต่อเนื่อง เช่น อาการอ่อนเพลียหรืออาการซึมเศร้าแบบเรื้อรัง

• บริเวอร์ยีสต์ กับการนอนหลับ
จากการศึกษาพบว่า Niacin และ Vitamin B6 ในบริเวอร์ยีสต์ สามารถช่วยบุคคลที่มีปัญหาในการนอนหลับยากได้ โดยสารดังกล่าวจะทำงานร่วมกันในการผลิตสาร seratonin ในสมองซึ่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้หลับพักผ่อนได้ง่าย

รูปแบบและขนาดที่ใช้รับประทาน
รูปแบบของ บริเวอร์ยีสต์ ที่ใช้เป็นธาตุอาหารเสริมมีทั้งในรูปแบบ เม็ดแคปซูล ก้อนเล็กๆ และผงสกัด โดยเราสามารถเติม บริเวอร์ยีสต์ ในอาหารที่รับประทาน เช่น ซุป เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการได้ นอกจากนี้ยังใช้เติมในน้ำส้มเพื่อดื่มกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย บริเวอร์ยีสต์ ไม่จำเป็นต้องแช่ในที่เย็น และมีอายุการใช้งานที่นาน

ผง บริเวอร์ยีสต์ คุณภาพสูงจะบรรจุด้วย โครเมียม 60 mcg ต่อ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม) โดยแพทย์จะแนะนำให้รับประทาน 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน (ประมาณ 200 mcg) ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมและปลอดภัย โดยผง บริเวอร์ยีสต์ จะมีรสชาติที่รุนแรง ถ้าผลิตภัณฑ์ใดไม่ปรากฏรสชาติดังกล่าวแสดงว่าไม่ใช่ บริเวอร์ยีสต์ ของจริงซึ่งจะไม่มีสาร โครเมียม บรรจุอยู่

คุณภาพของ บริเวอร์ยีสต์ นั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละขบวนการผลิต บางบรรจุภัณฑ์เป็น บริเวอร์ยีสต์ จากขบวนการคัดเอาแอลกอฮอล์ออก หรือเป็น By-product ภายหลังจากขบวนการทำเบียร์ ซึ่งเป็นบริเวอร์ยีสต์ที่มีคุณภาพทางโภชนาการต่ำ บริเวอร์ยีสต์ ที่มีคุณภาพสูงนั้นจะอยู่ในหัวน้ำตาลและต้องเป็นยีสต์ที่ตั้งใจปลูกไว้เพื่อการใช้เป็น อาหารเสริม โดยเฉพาะ

ข้อควรระวัง

• เนื่องจาก บริเวอร์ยีสต์ ที่เป็นธาตุ อาหารเสริม อาจจะมีผลต่อกับตัวยาอื่น ดังนั้นการใช้ บริเวอร์ยีสต์ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นการดีที่สุด

• บุคคลที่เป็นโรค กระดูกพรุน ควรหลีกเหลี่ยงการใช้ บริเวอร์ยีสต์ เนื่องจากบริเวอร์ยีสต์จะมีสาร ฟอสฟอรัส เป็นปริมาณสูงกว่า แคลเซียม ซึ่งการที่มีสารฟอสฟอรัสเป็นปริมาณที่สูงจะทำให้เกิดการสูญเสีย แคลเซียมจากร่างกายได้ ถ้าต้องการใช้ยีสต์เป็นธาตุ อาหารเสริม ควรจะต้องมีการบริโภค แคลเซียม เพิ่มเติมเป็นพิเศษด้วย

• บุคคลที่ระบบภูมิคุ้มกันเสียหายอย่างรุนแรงควรหลีกเหลี่ยงใช้ บริเวอร์ยีสต์ หรือไม่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

• บุคคลที่มีร่างกายแพ้ต่อสัมผัสได้ง่ายเมื่อใช้ บริเวอร์ยีสต์ แล้วอาจเกิดอาการไมเกรน ปวดหัว บางครั้งอาจมีอาการผื่นคัน อาการบวมน้ำ เป็นหัด ได้

• บุคคลที่เป็นโรคเก๊าท์ควรหลีกเหลี่ยงการใช้ บริเวอร์ยีสต์

• บางครั้งการใช้ บริเวอร์ยีสต์ ในครั้งแรกอาจก่อให้เกิดอาการมีแก๊สในลำไส้ ดังนั้นในการใช้ บริเวอร์ยีสต์ ควรเริ่มใช้แต่เพียงเล็กน้อยก่อน (น้อยกว่า 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน) จากนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่แนะนำ

• ในการใช้ บริเวอร์ยีสต์ ถ้ามีอาการคลี่นเหียน อาเจียน ควรหยุดใช้ในทันทีและควรรีบปรึกษาแพทย์

• บริเวอร์ยีสต์ ไม่เป็นอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ สามารถใช้ได้ในปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน

ปฏิกริยาของบริเวอร์ยีสต์ต่อยาอื่น
ถ้าร่างกายได้มีการใช้ยาประเภท Antidepressants , Monoamin Oxidase Inhibitors (MAOIs) เพื่อการบำบัดโรคอยู่ก่อนแล้ว ไม่ควรใช้ บริเวอร์ยีสต์ โดยปราศจากการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจาก บริเวอร์ยีสต์ ประกอบด้วย tyramine เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารที่ควรหลีกเหลี่ยงในบุคคลที่ใช้ยาประเภท antidepressant หรือ MAOIs ตัวอย่างของยาประเภท MAOIs เช่น phenelzine, tranylcypromin, pargyline, selegiline, isocarboxazid โดย บริเวอร์ยีสต์ จะไปทำปฏิกริยากับยาดังกล่าวก่อให้เกิด “สภาวะความดันโลหิตสูง” อย่างรวดเร็ว และจะทำให้ความดันของเลือดเพิ่มอย่างรุนแรงก่อให้เกิดอาการคลี่นเหียน อาเจียน ปวดหัว และหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งปฏิกริยาเช่นถึงในที่สุดแล้วอาจก่อให้เกิด โรคหัวใจ หรืออาการเป็นลมอย่างฉับพลันได้

นอกจากนี้ในกรณีของผู้ป่วยโรค เบาหวาน การใช้ บริเวอร์ยีสต์ เพื่อการบำบัดควรกระทำภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจาก บริเวอร์ยีสต์ ประกอบด้วยสาร โครเมียม เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาสำหรับผู้ป่วยโรค เบาหวาน (เช่น อินซูลิน หรือ ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดประเภทอื่นๆ) และอาจนำไปสู่ภาวะเลือดมีกลูโคสน้อยกว่าปกติได้ ดังนั้นในการใช้ บริเวอร์ยีสต์ เป็นธาตุ อาหารเสริม ควรอยู่ภายใต้การดูแล แนะนำจากแพทย์เท่านั้น

ข้อมูล: //health.deedeejang.com/news/Brewer-Yeast.html

Smiley บีบี้ Smiley




Create Date : 30 กรกฎาคม 2552
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 22:34:38 น. 1 comments
Counter : 480 Pageviews.

 
นึกถึงตอนตัวเองโดนหลอกให้กิน vegemite โดยบอกว่าเป็นช็อกโกแลต

แล้วก็เอาไปหลอกคนอื่นต่อ

โดนกันเป็นทอดๆ


โดย: Kalork วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:34:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bee4ever
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]









บีบี้รู้สึกว่าบีบี้ชอบทำอาหารเอามากๆ หลังจากที่บีบี้ทดลองอบขนมหลายๆ อย่าง หลังจากทำเสร็จก็จะมีขนมหลายแบบหลายรสชาติทั้งแบบที่แทบจะกินไม่ได้จนถึงกระทั่งแบบที่อร่อยจนหมดหลังจากอบเสร็จ แต่ขนมทุกอย่างก็ต้องผ่านการชิมจากบีบี้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ น้ำหนักตัวและสัดส่วนของบีบี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้บีบี้ต้องกลับไปเล่นโยคะร้อนอีกครั้ง ซึ่งภายใน 3 สัปดาห์นี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก บีบี้กำลังรอลุ้นว่าโยคะร้อนคราวนี้จะทำให้สิวขึ้นเขรอะอีกหรือเปล่า

Smiley บีบี้ Smiley



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bee4ever's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.