หัวหินครั้งแรกของปี : ตอนที่ 2 วัดตาลเจ็ดยอด-วัดเขาเต่า-เพลินวาน

ระยะเวลาการเดินทาง: 27 - 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อารัมภบท
แต่เดิมบีบี้ตั้งใจจะเขียนถึงแค่วัดตาลเจ็ดยอดและวัดเขาเต่าที่พวกเราไปกันมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น แต่หลังจากที่บีบี้ทำรูปเสร็จก็พบว่าถ้าเขียนเฉพาะเรื่องนี้ก็คงได้ 4 ย่อหน้าจบ ก็เลยผนวกเพลินวานซึ่งได้ไปมาช่วงตอนเย็นของวันเดียวกันเข้ามาด้วย




เช้าวันรุ่งขึ้น บีบี้ตื่นแต่เช้า ไม่ใช่ว่านอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะต้องลุกขึ้นมาฉี่หลายครั้ง (เมื่อวานท่าจะกินน้ำเยอะบวกกับห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นมาก) เป็นอันขี้เกียจกลับไปนอนอีก เลยหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปบ้านพัก (ซึ่งบีบี้เคยมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้วแต่ไม่เคยถ่ายรูปเก็บไว้เลย)





หลังจากถ่ายรูปเสร็จ บีบี้ก็กลับขึ้นมาบนบ้านพร้อมกับอาการหิว แต่บรรดาคุณนายยังนอนซมกันอยู่ บีบี้เลยควานหาของที่เหลือจากเมื่อวานกินไปพลางๆ ก่อน (ดูเหมือนจะน่าสงสาร) โชคดีที่ยังมีมัฟฟินช็อคโกแลตและเค้กกล้วยหอมของ Puff & Pie และข้าวโพดเหลืออยู่ บีบี้เลยเอาไปอุ่นให้ร้อนด้วยเตาไมโครเวฟ แต่ด้วยการที่กะเวลาและความร้อนไม่ถูก มัฟฟินและเค็กกล้วยหอมที่ควรจะนุ่ม ก็กลับเหนียวเหมือนเคี้ยวยาง (เลยต้องลอกผิวๆ ทิ้ง) ที่พอกินได้ก็มีข้าวโพดที่ทำให้อยู่ท้องไปได้เป็นชั่วโมง

หลังจากที่ทุกคนก็ตื่นนอนกันหมด ก็วางแผนกันว่าจะไปหาอะไรกินที่ตลาดกันก่อน แล้วจึงกลับมาตั้งหลักที่บ้านกันใหม่ บีบี้เลยไปกินข้าวทั้งๆ ที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ จะได้ไม่เสียเวลาอาบน้ำ (ซึ่งกว่าจะอาบน้ำเสร็จก็คงจะเสียเวลาอีกครึ่งชั่วโมง)

ระหว่างที่นั่งกินอยู่ที่โจ๊กร้านเจ้แอน ทุกคนก็นั่งคุยกันตามปกติ แต่แล้วเพื่อนเอ๋ก็เปิดประเด็นว่าอยากไปวัดตาลเจ็ดยอดซึ่งมีรูปหล่อหลวงพ่อโตที่ใหญ่ที่สุดประดิษฐานอยู่ ทำให้ทุกคนสนใจโดยเฉพาะพี่สาว (รุ่นพี่ที่ชื่อสาว ไม่ใช่พี่สาวของบีบี้) ผู้เป็นเจ้าของรถผู้นำพาทุกคนไปดูเหมือนจะสนใจเป็นพิเศษ เลยเป็นอันตกลงว่าเช้านี้เราจะไปวัดตาลเจ็ดยอดกัน แต่เนื่องจากวัดตาลเจ็ดยอดนั้นอยู่คนละเส้นทางไปบ้านพัก แผนการเลยเปลี่ยนเป็นไปเที่ยวชมวัดกันก่อนแล้วกลับมาซื้ออาหารกลางวันที่ตลาดก่อนกลับไปที่บ้านพัก ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย (แต่บีบี้ลืมไปเลยว่าตัวเองยังใส่ชุดนอนแขนกุดอยู่)





เส้นทางไปวัดตาลเจ็ดยอด พวกเราเริ่มต้นที่ตลาดฉัตรไชย ขับไปตามถนนเพชรเกษมลงไปทางปราณบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร ด้านซ้ายมือจะมีป้ายชี้ทางไปวัด ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับไปตามทางที่ป้ายบอกอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงที่หมาย เนื่องจากฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้า ยอดเขาจึงมีหมอกลง ทำให้ดูแล้วไม่เหมือนว่าพวกเราอยู่ที่ประจวบฯ เลย





เมื่อถึงที่หมาย พวกเราก็ขึ้นไปนมัสการหลวงพ่อโตด้วยดอกไม้ธูปเทียนที่ซื้อมาจากตลาดฉัตรไชย เสร็จแล้วก็ชื่นชมกับทิวทัศน์โดยรอบพร้อมกับเก็บรูปเป็นที่ระลึก (บีบี้ไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองไว้เพราะเกรงว่ารูปที่ระลึกจะกลายเป็นรูปที่ระทึก)





วัดที่นี่สร้างออกมาได้สวยงามซึ่งตกแต่งด้วยรูปปั้นนก (หรือจะเป็นครุฑ) ตามราวบันได พร้อมกับสวนรอบวัดที่ประดับประดาด้วยไม้ดอกต่างๆ บีบี้สังเกตว่าที่วัดดังกล่าวมีกลุ่มทัวร์มาเที่ยวด้วย ดังนั้นลานด้านข้างวัดจะมีร้านขายของฝากตั้งอยู่ ซึ่งบีบี้ก็ได้ชีสเชคสับปะรดและครีมแครกเกอร์สับปะรดมาเป็นของฝาก (พร้อมกับฝากท้องบีบี้ขากลับบ้านด้วย) ราคากล่องละ 30 บาท แต่บีบี้ต่อราคาจนได้ 6 กล่อง 150 บาท





เนื่องจากเวลายังเหลือ พวกเราเลยแวะวัดเขาเต่าเพื่อไปนมัสการหลวงปู่ทวดและเจ้าแม่กวนอิม (อันนี้ไม่ได้อยู่ในแผน เลยไม่ได้ซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปด้วย) จากตลาดฉัตรไชย ขับไปตามถนนเพชรเกษมลงไปทางปราณบุรีประมาณ 10 กิโลเมตร (ถึงก่อนวัดตาลเจ็ดยอด) ด้านซ้ายมือจะมีป้ายชี้ทางไปวัด ให้เลี่ยวซ้ายและขับไปตามทางที่ป้ายบอกประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ เลยอ่างเก็บน้ำเขาเต่าไปนิดเดียวก็ถึงที่หมาย (ตอนแรกคิดว่าทริปนี้จะขับรถไม่หลงทาง แต่ก็หลงจนได้เมื่อขากลับมาวัดเขาเต่า พวกเราเผลอเลี้ยวเข้าเส้น by-pass ด้วยความเข้าใจว่าเป็นถนนเพชรเกษม กว่าจะรู้ตัวก็ขับรถเลยไปหลายกิโลเมตรแล้ว)

เห็นตอนเช้าฝนตกพรำๆ แต่เมื่อมาถึงวัดเขาเต่า อากาศร้อนและแดดเปรี้ยงปร้างมาก พวกเราเลยไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูป แถมไปได้แค่นมัสการเจ้าแม่กวนอิม เพราะทางไปนมัสการหลวงปู่ทวดอยู่ไกลซึ่งจะต้องไปขึ้นเขาอีกที่หนึ่ง ด้วยการที่ต้องเดินขึ้นเขาบวกกับแดดที่ร้อนมาก (อันหลังสำคัญสำหรับบีบี้มากเพราะไม่ได้เตรียมทาครีมกันแดดมา) พอเดินไปได้ครึ่งทางจึงเป็นอันยุติการเที่ยววัดเขาเต่า

เมื่อกลับลงมาก็เจอร้านขายของฝากอีก มีหรือที่บีบี้จะพลาด เลยได้ปลากรอบครึ่งกิโล 200 บาท (ปรากฎว่าครั้งหลังสุดที่ไปหัวหิน บีบี้ซื้อในตลาดได้ถูกกว่า ครึ่งกิโล 150 บาทเอง ทาโร่และทาโร่กรอบรวมกัน 1 กิโล 240 บาท) ชีสเชคสับปะรด (อีกแล้ว) 2 กล่อง 70 บาท (3 กล่อง 100 บาท) และปลาหมึกฝอย (บีบี้กินเอง) 1 ขีด 40 บาท รวมทั้งหมด 700 บาทถ้วน

จากนั้นก็ได้เวลาตามหาอาหารกลางวันซึ่งก็เป็นส้มตำ ไก่ทอด น้ำตกหมูย่าง พร้อมกับขนมหวานป้าปรางค์และขนมซ่อนรูป (คล้ายขนมตะโก้โดยส่วนแป้งจะมีเม็ดบัวลอยผสมอยู่เต็มถาด) จากร้านแม่เก็บที่แวะซื้อก่อนถึงตลาดฉัตรไชย หลังจากที่กินเสร็จแล้วก็เก็บล้างจานและนอนดูโทรทัศน์จนส่วนใหญ่เผลอหลับไปด้วยฤทธิ์ของข้าวเหนียว

ตื่นมาราว 4 โมงกว่า ก็สมควรแก่เวลาที่จะเริ่มแผนการที่วางไว้เสียที่ นั่นคือเพลินวาน ทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูดีกันหมด ยกเว้นบีบี้ที่เปลี่ยนแต่เสื้อ (เพราะเห็นว่าเดี๋ยวก็กลับมานอนแล้ว) รูปที่ออกมาเลยไม่เดิร์นเหมือนคนอื่นเค้า





พอ 5 โมงเย็นพวกเราก็มาถึงเพลินวาน สำหรับเส้นทางการเดินทาง ถ้ามาจากตลาดฉัตรไชยให้ขับรถไปทางชะอำ เมื่อเลยพระราชวังไกลกังวลประมาณ 500 เมตร จะพบเพลินวานทางขวามือ แต่ถ้ามาจากกรุงเทพ พอเกือบจะถึงพระราชวังไกลกังวลให้สังเกต Index Living Mall ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือแล้วเตรียมกลับรถเข้าสู่เพลินวาน





ด้านหน้าของเพลินวานถูกประดับประดาด้วยรถโบราณอย่างรถตุ๊กตุ๊กและรถจักรยาน ส่วนที่เก๋ไก๋ก็เป็นกล่องรับนามบัตรด้านหน้าที่ทำการเพลินวาน พอเดินเข้าไปทางซ้ายมือจะพบบันไดขึ้นไปชั้น 2 และแผนที่ซึ่งดูๆ แล้วเหมือนเพลินวานก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก





พวกเราเลือกเดินไปทางลานตรงกลางซึ่งทางด้านซ้ายมือจะมีรถเข็นขายของกินโบราณ อย่างเช่นน้ำมะเน็ด (รู้สึกว่าเหมือนเคยกินแต่เด็กๆ) ปลาเสียบ หอยเสียบ ปลาหมึกแห้ง และผลไม้ต่างๆ (ซึ่งวันนี้ไม่มีขายผลไม้)





ส่วนด้านใน จะเป็นลานที่นั่งซึ่งมีภาพวาดสถานีหัวหัวหินในสมัยโบราณที่ประดับบนผนังพร้อมกับกล้องถ่ายรูปโบราณและรถจักรยาน (สังเกตว่าในเพลินวานจะถูกประดับตกแต่งด้วยรถจักยานเป็นจำนวนมาก)





พอเดินลึกเข้าไปก็จะพบซุ้มเล่นเกมส์คล้ายๆ กับงานวัด เนื่องจากบีบี้ไม่มีทักษะทางด้านนี้ บีบี้เลยขอยืนดูและถ่ายรูปเท่านั้น





ส่วนทางด้านขวาจะเป็นร้านกาแฟ ห้องเสื้อและร้านของเล่น รวมถึงบันไดซึ่งขึ้นไปยังชั้นสอง





ด้านหน้าของร้านกาแฟจะมีเก้าอี้ริมระเบียงซึ่งมีคนนั่งอยู่ตลอด (คงจะนั่งกินกาแฟมั้ง) และห้องเสื้อที่ชื่อเก๋ๆ ว่า ไฉไล (แต่ เอ๊ะ! ทำไมป้ายด้านหน้าเป็นรูปตู้ขนมหยอดเหรียญไปได้)





พอเดินเข้าไปในห้องเสื้อก็พบเสื้อผ้าต่างๆ รวมถึงชุดว่ายน้ำ (ดูสวยดีแต่แพงและต่อราคาก็ไม่ได้) นอกจากนี้ก็มีของโบราณ เช่น พัดลม จักรเย็บผ้า โทรศัพท์ Chandelier (โอ๊ะ! ไม่ใช่ มันเป็นแค่โคมไฟ) และ Bouquet ช่อใหญ่ แต่คนในรูปไม่ใช่ของโบราณนะ พวกเค้าคือเพื่อนเอ๋ พี่สาวและน้องของพี่สาวชื่อโอ๋ (บีบี้เป็นคนถ่ายรูปให้เอง)





ถัดจากนั้นก็เป็นร้านของเล่นซึ่งมีขนมสมัยก่อนตั้งขายอยู่ (ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง "แฟนฉัน") อย่างน้ำเต้าปูปลา หมากฝรั่งบุหรี่ และลูกอมต่างๆ (พูดอย่างนี้ ทำให้คนอื่นเดาอายุของบีบี้ได้หรือปล่าวนี่ จริงๆ แล้วบีบี้อายุยังน้อย ของเหล่านี้บีบี้ไม่เคยรู้จักเลย คริ คริ)





ต่อไปพวกเราก็เดินขึ้นไปชั้นสองซึ่งบันไดอยู่ระหว่างร้านกาแฟกับห้องเสื้อ ซึ่งผนังประดับด้วยโปสเตอร์ที่เป็นโปสเตอร์แผ่นเดียวกับด้านหน้าของเพลินวาน รวมถึงโปสเตอร์โรงแรมหัวหิน และรูปแรกที่บีบี้ถ่ายพร้อมกับเพื่อนๆ (เพื่อนเอ๋และพี่สาว)





พอขึ้นไปถึงชั้น 2 ก็จะพบร้านขายไอศครีมกะทิสด ซึ่งเครื่องใส่ไอศครีมดูน่ากินมาก (แต่ขอเก็บท้องเอาไว้กินไอศครีมเจ๊นิที่ตลาดโต้รุ่งดีกว่า) ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นที่นั่งกินไอศครีมที่ประดับด้วยแจกันพร้อมดอกกุหลาบประดิษฐ์ และที่นี่เองที่พวกเรามีรูปครบกันทั้งสี่คนเป็นรูปแรก (ด้วยความสามารถของโอ๋แต่ต้องขอโทษที่รูปติดกรอบเลยออกมาเป็นแบบนี้)





จากนั้นพวกเราก็ออกมาตรงระเบียงซึ่งสามารถเดินไปร้านอาหารและบาร์เหล้าที่สุดทางเดินชั้น 2 แต่ระหว่างนี้ก็ขอชมวิวด้านล่างจากชั้น 2 ก่อน (สังเกตว่าด้านหลังซุ้มเล่นเกมส์ยังมีการก่อสร้างซึ่งเห็นอาคารที่ต่อเติมขึ้นมาอีก 2 หลัง คาดว่าคงเป็นส่วนต่อเติมซึ่งน่าจะเปิดใช้ในเร็ววันนี้)





เนื่องจากที่ร้านอาหารไม่มีอะไรเลยนอกจากโต๊ะกับเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ พวกเราเลยเดินตรงไปยังบาร์เหล้า ซึ่งมีซุ้มผสมเหล้าและซุ้มยาดอง ส่วนด้านในก็เป็นที่นั่งและมีเวทีสำหรับร้องเพลงด้วย พวกเราเลยนั่งพักที่นี่ (แต่ไม่สั่งเหล้าหรือยาดองมากินแน่นอน) เลยได้รูปครบสี่ซึ่งเป็นรูปสุดท้ายของทริปนี้ (ด้วยความสามารถของโอ๋เหมือนเดิม)





จากนั้นทุกคนก็เข้าห้องน้ำก่อนที่จะออกจากเพลินวาน บีบี้เลยได้ครอบครองกล้องถ่ายรูปซึ่งได้เก็บภาพห้องน้ำ (ชาย) ร้านตัดผมและโคมไฟ (ที่ไม่ใช่โคมระย้า) ตรงบันได





และท้ายสุดกับภาพตอนค่ำๆ ซึ่งได้เปิดไฟทั่วทั้งเพลินวานที่ดูสวยไปอีกแบบ (บีบี้ว่าดูสวยกว่าในตอนกลางวันเสียอีก) พอก้มดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว จึงได้เวลาอันควรแก่การเดินตลาดโต้รุ่งแล้ว

ในตอนหน้าซึ่งเป็นตอนสุดท้ายและวันสุดท้ายของทริปหัวหินครั้งนี้ พวกเราได้ไปชมไร่องุ่น Hua Hin Hills Vineyard กัน (ไปเป็น Yoon Eun Hye ในเรื่อง The Vineyard Man กันเถอะ) ซึ่งพวกเราได้พบกับไร่องุ่นสวยพร้อมทั้งนั่งชิมไวน์ด้วย



Smiley บีบี้ Smiley




Create Date : 19 กันยายน 2552
Last Update : 19 กันยายน 2552 23:04:02 น. 2 comments
Counter : 2307 Pageviews.

 
อยากไปเพลินวานมั่งจังครับ ตอนนี้กำลังฮิต


โดย: ไอฟายน้อย (Ces ) วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:18:07:24 น.  

 
น่าเที่ยวมากเลย

ปิดเทอมนี้จะไปเที่ยวเพลินวาน


โดย: แพร IP: 192.168.2.44, 202.129.29.99 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:10:36:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bee4ever
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]









บีบี้รู้สึกว่าบีบี้ชอบทำอาหารเอามากๆ หลังจากที่บีบี้ทดลองอบขนมหลายๆ อย่าง หลังจากทำเสร็จก็จะมีขนมหลายแบบหลายรสชาติทั้งแบบที่แทบจะกินไม่ได้จนถึงกระทั่งแบบที่อร่อยจนหมดหลังจากอบเสร็จ แต่ขนมทุกอย่างก็ต้องผ่านการชิมจากบีบี้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ น้ำหนักตัวและสัดส่วนของบีบี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้บีบี้ต้องกลับไปเล่นโยคะร้อนอีกครั้ง ซึ่งภายใน 3 สัปดาห์นี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก บีบี้กำลังรอลุ้นว่าโยคะร้อนคราวนี้จะทำให้สิวขึ้นเขรอะอีกหรือเปล่า

Smiley บีบี้ Smiley



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bee4ever's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.