Interactive Lunch ที่ The Square

สถานที่เกิดเหตุ: The Square
ที่ตั้ง: ชั้น 2 โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์
หมายเลขติดต่อ: 02-209-8888 ต่อ ห้องอาหาร The Square
ข้อมูลเพิ่มเติม: //www.novotelbkk.com/the_square.html
วันที่เกิดเหตุ: วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 11:30 น.
ส่วนลดค่าเสียหาย: มา 4 จ่าย 2




ขอแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนว่า Blog นี้ไม่ได้เป็นการ review ร้านอาหาร แต่เป็นเพียงการจดบันทึกข้อมูลเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ (Memory Diary Blog) ของบีบี้ที่มีต่อร้านอาหารที่เคยไปกินมา ข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดจึงเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของบีบี้ที่เกิดขึ้นในวันที่เกิดเหตุเท่านั้น




อารัมภบท
หลังจากที่บีบี้เข้าโปรแกรมลดน้ำหนักเป็นเวลา 3 สัปดาห์ พอใครพูดเรื่องอาหาร สมองเป็นอันฟุ้งซ่าน พลอยจินตนาการถึงอาหารต่างๆ นานา ยิ่งพอได้ไปเจอใบโฆษณาโปรโมชั่นของบัตรเครดิตด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พยาธิในลำไส้ร้องโหยหาอยากกินอาหาร เลยเป็นอันว่า วันเสาร์ตั้งใจจะไปกินอาหารมื้อใหญ่ซักมื้อ จึงตัดสินใจเลือกเลยที่ The Square ที่โรงแรม Novotel สยามสแควร์ (ใช้โปรโมชั่น มา 4 จ่าย 2 หมดสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว) ว่าแล้วเลยโทรจองโต๊ะก่อน เดี๋ยวจะอดกิน




ตื่นเต้นจังเลย นี่เป็นบุฟเฟต์มื้อแรกในรอบ 1 เดือน บีบี้เลยโทรนัดคุณหม่ามี้ คุณพี่สาวและคุณน้องสาวให้มาเจอกันที่สยามตอน 11:15 น. ตั้งใจว่าจะมาเป็นกลุ่มแรก เป็นคนตัดริบบิ้นเข้างานเลย แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด (หมายถึง "มาเป็นกลุ่มแรก" ไม่ใช่ "เป็นคนตัดริบบิ้นเข้างาน")




มาถึงก็ 11 โมงครึ่ง มาก่อนเลยได้ก่อน ขอบริกรเปลี่ยนที่นั่งเป็นที่นั่งริมหน้าต่างซะอย่างนั้น (แต่หลังจากนี้คนมาจากไหนก็ไม่รู้ เดินขวักไขว่ตามมุมอาหารกันเต็มเลย) ระหว่างรอบริกรเสิร์ฟผ้าเย็นก็ขอถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ ก่อน (ก่อนที่โต๊ะจะเต็มไปด้วยอาหาร)




และตามธรรมเนียมที่บริกรจะต้องสอบถามเครื่องดื่มจากลูกค้าซึ่งที่นี่จะมีแค่ชาหรือกาแฟเท่านั้นที่รวมอยู่ในชุด ดังนั้นบีบี้จึงขอสั่งแค่น้ำเปล่า (เพื่อลดค่าใช้จ่ายกับอาหารมื้อนี้ - แต่หลังจากที่ดูใบเสร็จแล้ว ราคาน้ำเปล่าถูกกว่าที่คิดไว้เยอะ รู้อย่างนี้น่าจะสั่งเพิ่มดีกว่า จะได้ไม่ต้องทนกินชาร้อน)




ว่าแล้วก็ขอสั่งชาร้อนในชุดเลยก็แล้วกัน (ก็เวลาจะดื่มชา มันก็จะได้ไม่ร้อนเกินไปยังงัย) ชาในชุดจะเป็น ชา Ceylon ของ Dilmah ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับชายี่ห้อนี้ บีบี้ชอบชา Earl Grey มากกว่า (แบบว่าไปแอบกินบุฟเฟต์เค้กที่ Cafe Buongiorno - คาเฟ่ บอนเจอร์โน - พร้อมกับบรรดา Cheese Cake แล้วประทับใจเป็นอย่างมาก)




หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน ส่วนบีบี้ขอตัวไปดู Hor d'oeuvre ก่อน นั้นคือ ขนมปัง Multi-Grain (อย่าลืมให้บริกรอุ่นให้ร้อนก่อนกินนะ) Cracker พร้อมกับ Brie Cheese และ Camembert Cheese (ทั้งสองนี้เป็น Soft Cheese เหมือนกันเพียงแต่ทำมาจากคนละท้องถิ่น กลิ่นไม่แรงและรสชาติไม่จัดเกินไป) น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีองุ่นหรือเบอรรี่สดไว้กินคู่กับ Cheese




ส่วนซุ้มที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นเป็นอาหารไทย บีบี้เลยขอลองชิมเป็นอาหารชุดต่อมาก็แล้วกัน ที่ประทับใจในจานนี้ก็เป็น หลนปลาเค็ม ที่กินแกล้มกับผักลวกอย่าง Broccoli กับถั่วฝักยาว (ต้องเรียกให้คุณหม่ามี้มาชิมกันเลย) ส่วนอีกอย่างก็เป็น กุนเชียงห่อสาหร่ายชุบแป้งทอด (จำชื่อไม่ได้) แบบว่าตักกันมาทั้งโต๊ะเลย ส่วนที่เหลือก็เป็น ยำปลาหมึก - รสไม่จัดมาก ถูกปากบีบี้ - หมูแดดเดียว แล้วก็แฮกึ้น




อาหารญี่ปุ่น ก็มี Maki Sushi (บีบี้ไม่กิน แบบว่ากลัวอิ่ม เลยไม่มีรูป) แล้วก็ Salmon Sashimi และ Makuro Sashimi (ไม่มีรูป Makuro เพราะวันนี้บีบี้ไม่อยากกิน) และที่สำคัญ - ชอบมากๆ - Smoked Salmon บีบมะนาว (Lime) แล้วราดด้วย Mustard Sauce แบบว่าประทับใจมาก และหมดเร็วขนาด chef ยังแล่ให้ไม่ทันเลย (แบบว่าคนกินกันเยอะ ไม่ใช้บีบี้กินเยอะ)




มุมอาหารจำพวก Cold Plate บีบี้ก็เลือก Greek Salad (เป็นสลัดผักใส่ Feta Cheese แล้วราดด้วยน้ำสลัดใส) แล้วก็ Ham พร้อมกับ Grilled Vegetable ส่วนอาหารทะเล (Seafood on Ice) วันนี้มีแต่ หอยแมลงภู่ (New Zealand greenshell mussels) กับ กุ้ง เท่านั้นเอง




หลังจากที่ตักสลัดเสร็จก็ขอเดินชมอาหารอย่างอื่นบ้าง บังเอิญว่าเหลือบไปเห็นซุป พอเข้าไปดูก็ได้เห็นว่าวันนี้มีซุป 2 อย่าง อย่างแรกเป็นซุปข้น นั่นคือ ซุปครีมแครอท อย่างที่สองก็เป็นซุปใสได้แก่ซุปไก่ใส่หน่อไม้ บีบี้เลยขอชิมซุปข้นพร้อมกับ Bread Stick พอกลับถึงที่โต๊ะเลยเห็นว่าคุณหม่ามี้กับคุณพี่สาวนั่งกินซุปใสกันอยู่ ซุปข้นมีรสชาติหวานและมันแต่ไม่ข้น เมื่อกินพร้อมกับ Bread Stick กรอบๆ ยิ่งอร่อย (สันนิษฐานว่าความหวานน่าจะมาจากแครอท)




หลังจากนี้ก็จะเป็น Main Dish กันแล้ว (อะไรกันนี่ แค่ Hor D'oeuvre ก็เกือบ 1 ใน 3 ของกะเพาะแล้วนะ) เห็นบริกรนำอาหารน่ากินมากอย่างหนึ่งมาว่าไว้ที่โต๊ะ (แบบว่าคุณน้องสาวสั่งไว้) จึงไปถามได้ความว่าเป็นอาหารจากซุ้มอาหารมองโกเลียแบบ Stir-Fried ซึ่งที่ซุ้มก็มีอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ปลาแซลมอน ปลาหมึก และกุ้ง ส่วนผักก็มีประมาณ 6 - 7 อย่างให้เลือก บีบี้เลยเลือก ปลาแซลมอน กับ กุ้ง กินคู่กับ แครอท บร็อคโคลี่ และ เห็ดเข็มทอง จานนี้รสชาติกลมกล่อมแต่ออกเค็มไปหน่อย (นึกถึงข้าวเปล่าขึ้นมาทันที)




จากนั้นก็เดินไปดูที่มุม Steak บีบี้เลยขอเลือก Beef Steak กับ Turkish-Style Grilled Chicken พร้อมกับ Pita Bread สำหรับสเต็กเนื้อไม่เหนียวและไม่เหม็นอย่างที่คิด (คือว่าบีบี้แทบจะไม่เคยกินเนื้อวัวมาก่อน ตบะแตกครั้งแรกก็คือเนื้อโกเบที่ญี่ปุ่น) บีบี้ราดน้ำ Gravy มาน้อยไปหน่อย มันก็เลยดูแห้งๆ ต้องอาศัยความชุ่มฉ่ำของ ผักอบเนย ทำให้ตอนเคี้ยวเนื้อจึงได้กลิ่นเนยอ่อนๆ จากพร้อมกับเห็ดกับแครอทด้วย




ส่วน Turkish-style Grilled Chicken บีบี้แบ่งกินออกเป็นสองส่วน โดยส่วนที่หนึ่งกินพร้อมกับ ขนมปัง Pita ซึ่งทาง Chef ได้ใส่ผักอย่างมะเขือเทศ ผักกาดแก้ว และหัวหอมในขนมปังไว้แล้ว บีบี้เพียงแค่แล่ชิ้นไก่บางๆ ใส่ลงในขนมปังแล้วราดซอสก็เป็นอันเสร็จ ที่เหลือก็แค่ชิม (แบบว่าซอสค่อนข้างมาก ผลที่ได้คือ ซอสล้นทะลักออกมาเลอะมือ แต่ก็อร่อยแม้ตอนดูดนิ้ว) ส่วนที่สองก็กินเป็นสเต็กไก่ รสชาติก็เหมือนกันเพียงแต่ไม่มีแป้งเท่านั้นเอง (ไม่ราดซอสมากเพราะเกรงว่าจะเค็มเกินไป)




มุม Steak ยังไม่หมดแค่นี้ บีบี้เลยขอเพิ่ม Lamb Steak กินคู่กับ Mint Jelly และ Baked Ham ราดด้วย Gravy และ Cream Sauce (แอบแต้ม Mustard ไว้ที่มุมจาน ไว้ผสมกับซอสเพื่อเพิ่มรสชาติของ Ham) ทั้งหมดกินพร้อมกับ Stir-Fired Vegetable เนื้อแกะค่อนข้างเหนียว (สันนิษฐานว่าน่าจะทำสุกเกินไป - คุณหม่ามี้เลยกินไม่ได้) แต่ไม่เหม็นคาว (อาจเป็นเพราะราดเยลลี่มาเยอะ) ส่วนแฮมอบก็เค็มมาก (ขนาดตอนกิน บีบี้เอาน้ำเกรวี่ออกไปแล้ว) จานนี้จึงประทับใจแค่ผัดผักอย่างเดียว




ระหว่างมุมสเต็ก ก็จะมีมุมอาหารเอเชียกับซุ้มก๋วยเตี๋ยว บีบี้เดินไปดูอาหารเอเชียก่อน อาหารดูน่ากินทั้งนั้นเลย จึงตักมาอย่างละนิดอย่างละหน่อย ก็มี เต้าหู้ทรงเครื่อง ปลากะพงราดซอสขิง เป็ดอบ และ หมูอบน้ำผึ้ง เนื่องจากอาหารจานก่อนหน้ามีรสชาติที่เค็ม(จัด) คราวนี้บีบี้เลยตัก ผัดเส้นหมี่ มากินพร้อมกับอาหารทั้งหมด ซึ่งรสชาติต่างจากจานที่แล้วมาก เต้าหู้นุ่มมาก (แต่ข้างนอกไม่กรอบแล้ว) ส่วนเนื้อเป็ดและเนื้อหมูไม่เหนียว ทั้งหมดโดยรวมรสชาติกำลังดี (แบบว่าบีบี้ไม่กินของคาวที่มีรสจัด) ส่วนเส้นหมี่ก็เหนียวนุ่มและไม่แฉะ




ถ้าเดินผ่านซุ้มก๋วยเตี๋ยวแล้วไม่ลองชิม เดี๋ยว Chef จะเสียใจแย่ ว่าแล้วบีบี้เลยขอ ก๋วยเตี่ยวเส้นหมี่แห้ง ปรุงเป็นต้มยำ (แบบเด็กๆ กิน แต่หนักน้ำมะนาว) ส่วนคุณหม่ามี้สั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แห้ง แล้วเราก็ขอน้ำซุปเพิ่มหนึ่งถ้วยสำหรับกินล้างคอ โดยรวมก็ดี ลูกชิ้นไม่เหม็นคาวเลย (ซึ่งปกติบีบี้ไม่ชอบกินลูกชิ้นปลา) คุณหม่ามี้ชอบเส้นใหญ่ที่นี่ เห็นบอกว่าเส้นเหนียวและใส เลยแอบตักมาชิมดูบ้าง ใช่เลย จริงๆ ด้วย น้ำซุปที่ซดไปด้วยระหว่างที่กินก๋วยเตี๋ยวก็มีความหวานจากหัวไชเท้า (แต่กินได้ไม่มากเพราะรู้สึกคอแห้ง ดูเหมือนว่าจะแอบมีผงชูรสอยู่)




หลังจากนี้บีบี้ตั้งใจจะละของคาวไปหาความให้กับชีวิต แต่!! เห็นผรั่งตักแซลมอนรมควันแล้วอดใจไม่ไหว เห็นแล้วอยากกิน (กินแซลมอนอะนะ) เลยขอไปหยิบจานเพื่อตัก แซลมอนรมควัน อีกหน่อย ครั้งนี้โรยกระเทียมสับเพิ่มอีกนิดหน่อยก่อนราดซอสมัสตาด กินคู่กับ สลัดผักราดเห็ดหอมผัด เป็นอันปิดท้ายของคาวในวันนี้




สิ่งที่บีบี้ไม่เคยพลาดเลยคือไอศครีม (ถ้าห้องอาหารมีจัดให้) วันนี้มีไอศครีมด้วยกันสามรส บีบี้เลยชิม Chocolate Ice Cream กินคู่กับ Crepe โดยมี Topping เป็น Chocolate Sauce และ Sliced Almond แบบว่าไอศครีมไม่ค่อยเย็นจัด ประกอบกับเครปเพิ่งสุกจากเตาด้วยแล้ว ทำให้ไอศครีมละลายเร็วมาก บีบี้จึงไม่มีเวลามาแต่หน้าไอศครีม เลยได้ไอศครีมออกมาอย่างที่เห็นในรูป แป้งเครปที่นี่เหนียวนุ่ม ไม่เละ แม้ว่าจะซึมซับไอศครีมที่ละลายเป็นน้ำอยู่ด้านบน เลยรู้สึกเหมือนกินเครปรสช็อคโกแลต




ส่วนไอศครีมรสที่สองเป็น Coconut Milk Ice Cream โดยบีบี้เลือกกินคู่กับ Vanilla Waffle และโรย Topping ด้วย Sliced Almond (แอบๆ ใส่ Blueberry Sauce อยู่ด้านข้างไอศครีม) เนื่องจากวอฟเฟิลได้ทำเสร็จไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ค่อยร้อน เมื่อตักไอศครีมกะทิลงไปจึงไม่ละลาย ทำให้ได้กินไอศครีมได้อย่างเต็มที่ ส่วนไอศครีมรสที่สามคือ Passion Fruit Ice Cream เนื่องจากคุณพี่สาวไปตักมากินแล้วไม่ชอบ เพราะมีรสเปรี้ยว จึงเป็นหน้าที่ของบีบี้เป็นผู้จัดการไอศครีมถ้วยนั้น จึงทำให้ไม่มีรูปไอศครีมรสดังกล่าว




ต่อมาก็เป็นพวก Bakery ซึ่งบีบี้เหลือบไปเห็นขนมอบในถ้วย (หรือว่าจะเป็นช้อนกันแน่) ชิ้นไม่ใหญ่ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ก็เลยหยิบมาชิมดู มันก็คือ Vanilla Custard ที่มีส้มและแคนตาลูปเป็น Topping ซึ่งคัสตาร์ดนุ่มมากและไม่หวานจัด ส่วนอีกอย่างหนึ่งก็คือ Banana Cake ที่มีวิปปิ้งครีมและกล้วยสดเป็น Topping รสชาติของเค้กไม่หวานมากและกลมกล่อมเมื่อกินคู่กับวิปปิ้งครีม แต่เนื้อเค้กบางและติดกับถ้วย ทำให้ตักกินค่อนข้างลำบาก




จานต่อมาก็เป็นขนมเค็ก ซึ่งประกอบด้วย Cheese Cake ที่มีแคนตาลูปเป็น Topping Chocolate Cake ที่ตกแต่งด้วย Cherry Sauce และ Diced Almond Orange Layer Cake และ Bread Pudding บีบี้ชอบชีสเค็กที่เนื้อชีสมีรสออกเปรี้ยวนิดๆ ทำให้ไม่เลี่ยน และเนื้อเค้กส้มนุ่มมาก แต่ต้องตัดเอาครีมบางชั้นออกเพราะแต่ละชั้นของครีมส้มมีความหนามาก




สุดท้ายและท้ายสุด บีบี้ก็เก็บตกขนมส่วนที่เหลือ ซึ่งมี Strawberry Jelly ในถ้วยใส ไม่เหนียวมากทำให้กินได้คล่องคอ ตามมาด้วยทาร์ตผลไม้ทั้ง 3 ประกอบด้วย Cantaloup Tart Mango Tart และ Blueberry Tart และขนมแปลกๆ ที่มีรูปร่างเหมือนห่อท็อฟฟี่นม แต่จริงๆ แล้ว มันคือ ช็อคโกแลตผสมกล้วยบด หุ้มด้วยแผ่นแป้งบางๆ แล้วนำไปอบกรอบ (จะว่าไปก็คล้ายๆ Chocolate Banana Burrito แต่แป้งที่ห่อไม่ใช่แป้ง Tortilla และไม่ได้ใช้ Chocolate Chip) และสุดท้ายก็เป็นกลุ่มของช็อคโกแลตซึ่งประกอบด้วย Dark Chocolate ที่แต่งหน้าด้วยมะม่วงหิมพานต์และลูกเกด และ Milk Chocolate




ของแถมของคุณน้องสาว เป็น เครป ที่แต่งหน้าด้วย Dark Chocolate ที่ไปหยิบมาตรงซุ้ม Bakery Sliced Almond และ Strawberry Sauce (ดูๆ แล้วเหมือนหน้า Joker เลย) ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า เพราะไม่ได้ชิม (และไม่ได้อยากชิมเครปโดยไม่มีไอศครีมด้วย)




ด้วยโปรโมชั่นของบัตรเครดิต (ไม่ขอบอกว่าใช้บัตรอะไรเพราะตอนที่ upload ข้อมูลนี้ก็หมดโปรโมชั่นของบัตรไปแล้ว) ทำให้เกิดค่าเสียหายทั้งหมด 1,470 บาท เฉลี่ยค่าเสียหายต่อคน คนละ 367.50 บาทจ้า (ดูคุณบริกรแอบเขียนโปรโมชั่นมุมล่างขวาของใบเสร็จ - ทดสอบสายตาว่าเค้าเขียนว่าอะไร)




อาหารที่พลาด
1. ขนมไทย - เนื่องจากบีบี้กำลังลดน้ำหนัก (แต่มากินบุฟเฟต์) ชอบกินขนมเค้กมากกว่า ทำให้ของดขนมไทยชั่วคราวซึ่งก็มีหลายอย่างที่น่ากิน เช่น ขนมมัน ลูกชุบ เป็นต้น
2. Chocolate Fondue - อันนี้แบบว่าลืมไปเลยเพราะมัวแต่มองขนมเค้ก ทั้งที่ Chocolate Fountain ตั้งอยู่ข้างๆ แท้ๆ สำหรับของที่นำมาชุบเท่าที่เห็นก็มีผลไม้สดและผลไม้แห้งประมาณ 3-4 อย่าง
3. ผลไม้ - สิ่งนี้ตั้งใจจะกินปิดท้ายเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะถูกมองข้ามเมื่อท้องของบีบี้เต็มไปด้วยขนมเค้ก เท่าที่เห็นก็มีอยู่ 3-4 อย่าง (คนละซุ้มกับ Chocolate Fondue นะ)


รู้ไว้นะว่า ...
1. อาหารในมื้อ Interactive Lunch ไม่ค่อยหลากหลายเมื่อเทียบกับ Sunday Brunch (แบบว่าโปรโมชั่นนี้ไม่รวม Sunday Brunch and Thurseday Seafood)
2. ดีมากเลยที่ชาหรือกาแฟในชุดเติมได้ไม่อั้น ซึ่งบีบี้สั่งมารวมทั้งหมด 3 ชุด
3. น้ำเปล่าที่นี่ราคาถูก (ราคาเท่ากับที่ Sizzler เลย) ดังนั้นถ้าอยากกินน้ำเปล่าก็สั่งเถอะ
4. บริกรที่นี่บริการดี ยกเว้นแต่ช่วงที่คนเยอะเพราะส่วนใหญ่ของที่สั่งไปเกิน 50% จะไม่มา



Smiley บีบี้ Smiley




Create Date : 15 สิงหาคม 2552
Last Update : 10 กันยายน 2552 20:20:38 น. 0 comments
Counter : 1161 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bee4ever
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]









บีบี้รู้สึกว่าบีบี้ชอบทำอาหารเอามากๆ หลังจากที่บีบี้ทดลองอบขนมหลายๆ อย่าง หลังจากทำเสร็จก็จะมีขนมหลายแบบหลายรสชาติทั้งแบบที่แทบจะกินไม่ได้จนถึงกระทั่งแบบที่อร่อยจนหมดหลังจากอบเสร็จ แต่ขนมทุกอย่างก็ต้องผ่านการชิมจากบีบี้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ น้ำหนักตัวและสัดส่วนของบีบี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ทำให้บีบี้ต้องกลับไปเล่นโยคะร้อนอีกครั้ง ซึ่งภายใน 3 สัปดาห์นี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก บีบี้กำลังรอลุ้นว่าโยคะร้อนคราวนี้จะทำให้สิวขึ้นเขรอะอีกหรือเปล่า

Smiley บีบี้ Smiley



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add bee4ever's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.