Group Blog
 
All Blogs
 

บทที่ 4 : lecture ระทึกขวัญ

อืม...จะว่าไปทุกๆที่ก้อต้องมีชั่วโมง lecture เหมือนกันใช่ไหมครับ มันก้อเหมือนๆกันแหละ ไม่เว้นแม้แต่ที่โรงเรียนแพทย์ พวกเราจะมีเรียน lecture กันตอนบ่ายในทุกๆวันครับ เริ่มตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น(บางทีก้อใช้เป็นข้ออ้างเวลาขึ้นไปราวน์วอร์ดตอนเย็นสายได้ด้วย อิอิ แบบว่า พี่ค้าบบบบ อ. ปล่อยช้าอ่ะคับ ^ ^) ส่วนตอนเช้าก้อจะมีกิจกรรมของแต่ละวอร์ดให้ทำกันครับ อย่างของศัลย์นี่ก้อจะเป็นเรื่องเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ ห้องผ่าตัดเล็ก หรืออาจมีเป็น conference หรือไปฟังพวก อ. กะพี่ๆ dent เค้าคุยเคสกันน่ะครับ(อันนี้ก้อ....ฟังไม่รู้เรื่อง สุดท้ายปี 4 ทั้งหลายก้อได้นอนตายกันเป็นแถวๆ) พอบ่ายปุ๊บก้อถึงจะเป็น lecture ครับ

วันนี้เป็นชั่วโมงของ อ. วี ครับ(ขอเรียกงี้นะครับ ไม่อยากใช้ชื่อจริงๆของ อ. อ่ะ) เป็นครั้งแรกซธด้วยที่จะได้เรียนกับ อ. แก ก้อด้วยความอยากรู้ครับเลยไปถามพี่ๆก่อนถึงวันเรียนว่าแกเป็นคนยังไงบ้าง เพราะยังกลัวๆอยู่ว่าถ้าแกยิงแล้วตอบไม่ได้เนี่ย อาจตายเป็นผีเฝ้าห้อง lecture ได้ โธ่ ก้อถึงรู้ว่า อ. แกยิงด้วยความหวังดีนะครับ(ยิงคำถามคับ ถ้ายิงจริงๆไม่รอดแน่ๆ) แต่ก้อยังอดเสียวไม่ได้นินา
" อ. วี นี่เป็นไงบ้างอ่ะพี่ ยิงเยอะป่าว"
"อ๋อ ไม่ยิงหรอก แกชอบสอนน่ะ นั่งฟังไปเรื่อยๆแหละ..."พี่ตอบมาครับ ทำเอาผมใจชื้นขึ้นเยอะเลย
"แต่ว่า น้องเอกอย่าหลับนะ อ. แกไม่ชอบคนหลับในห้องเรียน..." อ่าว แล้วงี้พวกที่หลับมาราธอนอย่างผมเนี่ย ทำไงเนี่ย สถิติ เข้า lecture 4 ครั้ง หลับรวด 4 ครั้ง ยังไม่มีใครลบได้เลยนะเนี่ย ซวยจิตรู T-T
"เมื่อก่อน อ. แกเคยลวดปักกระดาษมาวางที่ใต้คางคนหลับด้วย แบบว่าไม่ให้หลับเด็ดขาด หลับแล้วได้เลือด แน่ๆ...โชคดีนะน้อง" ง่ะ จิงไม่จริงไม่รู้อ่ะครับ แต่เชื่อไว้ก่อนแหละดีสุด

ว่าแล้ววันนี้ก่อนเข้าห้องเรียนผมเลยซัดกาแฟข้างโรงพยาบาลปแก้วนึงครับ กะว่ายังไงฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟคง(น่าจะ)ช่วยให้ผมตื่นได้แหละ ซักชั่วโมงนึงก้อยังดี(เป็นหัวหน้าด้วย โดนทีน่าจะเละแฮะ -_-'') แต่เรื่องของเรื่องนี้สิครับ...ดันมีเรียนติดกันตั้ง 2 ชั่วโมง ไอ้เจ้าชั่วโมงแรกก้อตื่นดีอยู่หรอกครับ นั่งฟังคิดตามตาแป๋วเป็นนกฮูกเลย แต่พอเริ่มชั่วโมงที่ 2 มาซักพัก เจ้ากาแฟที่เพิ่งซัดไปตอนกลางวันนี่ก้อฤทธิ์เริ่มหมดไปด้วยครับ สงสัยว่ามันคงช่วยผมได้เต็มที่แค่ชั่วโมงเดียวเองมั้ง เรียนๆอยู่ ตาก้อเริ่มตี่ครับ(ที่จริงควรบอกว่าตี่มากขึ้นแฮะ -_-'') ภาพข้างหน้าเริ่มเบลอลงเรื่อยๆ เสียง อ. เริ่มเป็นเสียงกล่อมเด็กผ่านหูไป ผมก้อพยายามฝืนตื่นอย่างเต็มที่แล้วนะครับ แต่พยายามเท่าไหร่เนี่ยมันก้อยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ พยายามนึกเรื่องลวดปักกระดาษด้วย แต่ก้อ....ก้อ....ก้...อ.....
ปัง!!
"เฮ้ย!! หลับเหรอ" เสียง อ. วี แกเองครับ มาตบโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ แล้วพูดเสียงดัง...เอ่อ ดังมากกก
"เอ่อ ป่าวคับ อ. ไม่ได้หลับคับ ไม่ได้หลับ..." แบบว่าตื่นสุดๆเลยล่ะครับ แล้วบวกความกลัวด้วย(ทั้งๆที่ อ. แกดูใจดีจะตาย) ไอ้ที่สลึมสลือนี่หายไปเป็นปลิดทิ้งพร้อมสติสัมปชัญญะทั้งหมด ที่จะใช้พูดคำแก้ตัว พูดได้แค่นั้นจริงๆครับ...
"แน่ใจนะ" แกเริ่มถามครับ
"ฮะ..."
แล้วแกก้อเริ่มสอนของแกต่อไปเรื่อยๆ พร้อมเสียง"เฮ้ย!! หลับเหรอ" เป็นระยะๆ แสดงให้เห็นว่ามีเหยื่อคนที่ 2 ,3 ,4...ต่อไปเรื่อยๆ เพราะกลุ่มผมเนี่ย ผู้ชายแทบจะหลับกันทั้งห้อง เหลือนั่งตาแป๋วอยู่ก้อแค่ประมาณ 2-3 คนเอง กับพวกผู้หญิงที่จะตื่นกันเป็นส่วนใหญ่ :X
"อืม หรือว่าเด๋วคราวหน้าผมเอาเหล็กเสียบกระดาษมาด้วยดี..." เอาล่ะครับ ไอ้ที่พี่เค้าเล่านี่จริงเหรอเนี่ย
"เมื่อก่อนผมเคยทำนะ ไม่มีใครหลับเลย" แกยังเล่าต่อครับ โธ่ ถ้าโดนงั้นใครจะกล้าหลับลงล่ะครับ คางเป็นรูกันพอดี...

หลังจากได้ตัวเร่งที่ดีสุดๆมานี่ พวกเราก้อนั่งกันมาแป๋วครับ มีนานๆจะมีคนแอบโงกบ้าง แต่ก้อจะพยายามไม่ให้ อ. เห็นจนกระทั่งหมด ชั่วโมง เฮ้อ ...เหนื่อยมั่กๆ...

ต่อจากวันนั้นก้อยังมีชั่วโมงของ อ. แกอีกนะครับ แถมแกเล่นนัดสอนเพิ่มด้วยเพราะเพิ่มเนื้อหาให้แล้วสอนไม่ทัน พอสอนไปพักๆก้อจะมีการตบโต๊ะ แล้วก้อตะโกน เฮ้ย หลับเหรอ จนทั้งคนที่โดนและก้อไม่โดนแต่หลับด้วย ตกใจตื่นกันเป็นพักๆแหละครับ(บางทีเราก้องงกันเอง แอบไปถามกันว่า อ. แกเรียกใครหว่า?? เพราะเล่นหลับกับเกือบหมด ^ ^") แต่ยังไงก้อตามผมก้อชอบ อ. คนนี้นะครับ แกเป็นคนที่เอาใจใส่นักศึกษาดีมากเลย สอนทุกๆอย่างที่แกรู้ เพียงแต่....อย่าเอาเหล็กเสียบกระดาษมานะครับ....พวกผมเจี๋ยวววววอ่ะ




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2548 1:32:00 น.
Counter : 625 Pageviews.  

บทที่ 3 : ทำแผล...ทรหด

เช้าวันจันทร์ ผมตื่นตั้งแต่ 5.00 น. รีบแต่งตัวแล้ววิ่งไปที่วอร์ด ทำไมต้องเช้าขนาดนี้น่ะเหรอครับ ก้อเพราะมันเป็นวันแรกที่ต้องมาทำแผลคนไข้น่ะสิครับ งานทำแผลนี่ถือเป็นงานประจำของเราๆปี 4 เลยครับ โดยจะแบ่งแผลกันทั้งวอร์ด(ฟังเหมือนแบ่งขนมเนอะ แต่ไม่อร่อยอย่างงั้นน่ะซี้ :X) เนื่องจากคนไข้ทุกคนจะมีแผลอยู่แล้วครับทั้งแผลเย็บ แผลผ่าตัด แผลจากอุบัติเหตุ ฯลฯ แล้วที่ต้องมาเช้าเนื่ย เพราะว่าต้องทำแผลให้เสร็จก่อนที่ พี่ๆและก้อ อ. จะขึ้นมาราวน์น่ะสิครับ ก้อลองคิดดูเล่นๆนะครับว่า พี่เล่นมา 7 โมง แล้วงี้ต้องตื่นมาทำตอนไหนเนี่ย...

ก้อเพราะเป็นวันแรกนี่สิครับ แถมเมื่อวานตอนแบ่งแผลกันก้อลืมไปดูรูปร่างแผลซะด้วยว่า สูง ต่ำ ดำ ขาว ตี๋ หมวย สวย อึ๋ม ขนาดไหน เอ้ย...ไม่ใช่ ดูว่าเป็นแผลยังไงประเภทไหนต่างหาก (การทำแผลจะมี 2 แบบ ครับ คือทำแผลแห้ง จะทำง่ายๆเป็นพวกแผลผ่าตัดที่เย็บเรียบร้อยแล้ว แล้วก้อทำแผลเปียกคือแผลที่เค้าไม่ได้เย็บไว้ครับ อาจเนื่องจากมีการติดเชื้อหรืออะไรก้อตามซึ่งการทำจะยุ่งยากกว่า ) พวกผมเลยนัดเจอกันตอนตี 5 ครึ่ง ก้อวันแรกนิครับ ไฟเต็มเปี่ยม ฟิตเต็มที่ โผล่ไปเจอกัน 5.30 น. เป๊ะ เพราะกะกันไม่ถูกว่าแผลนึงจะทำกันนานเท่าไหร่ แล้วของอยู่ตรงไหนก้อยังไม่รู้ พอไปถึงวอร์ดปุ๊บความขยันของพวกผมก้อก่อเรื่องจนได้สิน่า
"อ่าว มาทำอะไรกันเหรอ เช้าป่านนี้" พยาบาลคนนึงถามพวกเราครับ หลังจากเห็นนักศึกษาแพทย์ยืนเกาะประตูกระจกกันหน้าสลอนยังกะจิ้งจก เนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้า...ก้อวอร์ดยังมืดอยู่เลยนินา
"อ๋อ มาทำแผลคับพี่ กลัวทำไม่ทันง่ะ" เพื่อนผมตอบไปซื่อๆ
"อืม...ยังให้ทำไม่ได้หรอกนะ เด๋วพวกพี่ต้องเช็ดตัวคนไข้ก่อน คงซัก 6.00 มั้ง แล้วค่อยมาใหม่ละกัน" พูดจบก้อเดินเข้าไปข้างในเลย
....................แป่ว.....................
พวกเราอึ้งกิมกี่สิครับ ไรฟระอึตสาห์มาเช้า ยังไม่ได้ทำอีก แล้วอีกตั้งครึ่งชม. เนี่ยจะทำอะไรกันฟระ...ว่าแล้วก้อมีพวกนึงไปหาอะไรกิน อีกพวกก้อเข้าไปนั่งเล่นรอเวลา 6.00น. ที่จะมาถึง

พอ 6 โมงปั๊บเราก้อแจ้นเข้าข้างในปุ๊บ คิดอยู่ในใจว่าอย่างน้อยก้อโชคดีแหละที่ปีนี้ อ. เมตตาให้ทำแผลแค่คนละ 3 เคสเอง เด๋วก้อคงเสร็จ ว่าแล้วก้อวิ่งไปจัดอุปกรณ์แล้วแจ้นไปที่คนไข้ตัวเองทันที แบบว่าทำแผลมาราธอนกันตายคาวอร์ดตั้งแต่วันแรก ผมเองก้อได้มา 2 เคส เนื่องจากโชคดีที่แผลตอนนั้นมีน้อย บางคนงงล่ะซี้ว่าแล้วพี่ๆพยาบาลเค้าไม่ทำกันเหรอ ก้อปกติแล้วเค้าจะทำในเคสที่ไม่ได้มีแปะไว้น่ะครับว่าเป็นแผลนักศึกษา ซึ่งเราก้อมักจะเป็นคนดีเอาเคสหนักๆไปทำเองอยู่เสมอ(ถ้าเอาเคสเบาไป วันดีคืนร้ายอาจโดนบ่นไม่ก้อขอแรงไปช่วยอยู่ดี) ตอนนั้นแผลแรกเป็นผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบแล้วไส้ติ่งแตก ก้อทำแบบเปียกครับ เช็ดในแผลแล้วเอาผ้าก๊อสชุบน้ำเกลือแพ็คไว้(เค้าว่าจะได้ให้แผลค่อยๆสมานจากก้นแผลน่ะครับ จะได้ไม่มีหนองขัง) สบายมากครับ ซัก 15 นาทีก้อเสร็จเรียบร้อย ทำไปก้อถามไปว่าเจ็บไม๊ครับ คนตอนนี้ผมเองยังสงสัยว่าคนไข้จะงงๆหรือเปล่าว่าถามบ่อยจัง ก้อช่วยไม่ได้นิครับ ถ้าบอกว่าทำแผลป้าเป็นคนแรกเนี่ยสงสัยป้าแกคงเศร้าไม่ก้อต้องนั่งลุ้นตอนผมทำแผลอีก เด๋วพยาบาลมาวัดความดันเห็นป้าแกความดันขึ้นปรี๊ดก้อตกใจกันทั้งวอร์ดแหง เอาล่ะพอทำแผลแรกเสร็จก้อวิ่งไปทำแผลอีกชั้นนึงต่อ เพราะคนไข้ ช - ญ เค้าจะแยกชั้นกันครับ แล้ว อ. กะพี่เนี่ย จะขึ้นไปที่ชั้น ช ซึ่งอยู่บนสุดก่อน เลยต้องรีบทำชั้นอื่นๆให้เสร็จ จะได้แอบสังเกตการณ์ด้วยว่า อ. มาหรือยัง พอไปถึงเคสที่ 2 ปุ๊บ ตอนแรกก้อคิดว่าง่ายๆครับเหลือตั้ง 45 นาทีได้ สบายๆอยู่ละ แต่พอไปถึงนี่สิครับ อึ้งครับ อึ้งสุดๆจนอยากมีซัก 10 มือ 10 เท้าเลย ก้อที่จริงผมก้อรู้มาก่อนแล้วนะครับว่าแกเป็นแผลกดทับ(ศัพท์แพทย์เรียก bed sore ครับ เกิดจากการที่มี นน. กดลงที่เดียวเปนเวลานานๆ เช่น นอนนิ่งๆ) เพราะลุงแกเป็นอัมพาต แต่ที่อึ้งเนี่ยก้อเพราะดูแผลลุงแกแหละครับ มีที่หลังแผลนึงขนาดประมาณเหรียญ 10 กับเหรียญ 5 รวมกัน ที่ก้นแผลนึงขนาดเท่ากัน 2 ฝ่ามือเท่านั้นเอ๊งงงง สะโพก 2 ข้างอีกข้างละแผล ขนาดประมาณกระปุกเจลกระปุกเล็กได้(สาวๆนึกไม่ออกก้อลองไปแอบๆดูตามซูปเปอร์นะครับ หรือดูกระปุกแว๊กของ gasby ก้อได้ ใหญ่กว่านั้นหน่อยนึง...ปล. ไม่ได้ค่าสปอนเซอร์แต่ประการใด) แล้วยังไม่หมดครับ เค้าคงเห็นว่าไม่รันทดพอ ที่ส้นเท้าอีกข้างละแผล ขนาดเท่าเหรียญ 10 ได้มั้ง รวมทั้งหมดก้อ 6 แผล แถมแผลเล็กๆขนาดซัก 3 มิลที่ตาตุ่มลุงแกอีกข้างนึง ประมาณว่า buy 6 get 1 free อ่ะ อึ้งสิครับ...แถมตอนแรกก้อคิดว่าลุงแกคงไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่ ซักพักพอจะทำนี่สิ ลุงแกมองหน้าแฮะ แล้วก้อเริ่มเป่าลม แบบว่าทำปากพองๆน่ะครับ ผมเลยหันไปถามพี่พยาบาลแถวนั้น
"พี่ครับ ลุงแกนี่...ไม่รู้สึกตัวใช่ไม๊ครับ"
"อ๋อ ปู่แกน่ะเหรอ(โธ่ อุตส่าห์ลดอายุให้ปู่แกแล้วนะ พี่พยาบาลเพิ่มอายุคืนให้เลย) ยังรู้เรื่องอยู่ รู้เรื่องมากๆเลยด้วย..." อ่าว ซวยสิตรู แล้วงี้ทำงฟระ
"แล้วตอนทำหมอระวังนะ ปู่แกชอบล้วงกระเป๋าคนทำแผล บางทีทำร้ายร่างกายด้วย" อ่าว ซวยดิตรู ซวยซ้ำซ้อน...
"เด๋วมีอะไรให้ช่วยก้อบอกนะ พี่ไปดูคนไข้ก่อน"แล้วพี่เค้าก้อจากไป... T-T

OK ได้ๆ ทำก้อทำ แล้วผมก้อเริ่มทำแผลลุงแก เริ่มจากขาก่อน สำเร็จไปได้ด้วยดีทั้ง 2 ข้างครับ มีกำลังใจเพิ่มขึ้นเยอะ แล้วก้อเริ่มพลิกตัวลุงแกวันแรกก้อมีพี่พยาบาลมาช่วยนะครับ แต่ต่อๆไปนี่สิทำเองคนเดียวเลย เพราะพี่เค้าก้อยุ่งๆ เริ่มจากเอามือนึงพลิกลุง อีกมือเอาหมอนหนุนไหล่ซัก 2-3 ใบให้พอพยุงตัวแกได้ ใหม่ๆก้อยังไม่ชินครับ ทำๆอยู่แก้กอจะหล่นตุบลงมา สุดท้ายมือนึงดันตัวแก อีกมือทำแผล ทุลักทุเลสุดๆ โดยเฉพาะตอนปิดแผลนี่.... วันแรกพอทำเสร็จก้อใช้เวลาไป 1 ชม. พอดีครับท่าน ดีนะที่พี่มาช้าไม่งั้นเศร้าแหงๆ แบบว่าทันเวลาพอดีเลย

พอพี่เดินราวนมาถึงเตียงปุ๊บก้อหยุดดูแผล...แล้วคำที่ผมไม่อยากได้ยินก้อโผล่ขึ้นมา
"เอ้า แกะแผลหน่อยนะ พี่ดูแผลหน่อย เจ้าของเคสไปเตรียม set ทำแผลด้วยนะ เด๋วทำใหม่ก่อนปิด"
"..." เวง เพิ่งทำเสร็จนะ เพิ่งทำเสร็จ
"ครับ" ...พี่เค้าจะเห็นไม๊นะว่าหน้าเป็นกบพองลมแล้ว
แล้วสุดท้ายพี่เค้าก้อเปิดครับ
"เอ้า พรุ่งนี้ตัดเนื้อตายตรงนี้หน่อยนะ แผลดีนี่ ทำแผลใช้ได้..." แล้วพี่แกก้อเดินจากไป ทิ้งให้ผมต้องทำแผลลุงอีกรอบ เฮ้อ เซ็ง...

วันต่อๆมาผมก้อยังทำแผลให้ลุงแกเรื่อยๆครับ แล้ววีรกรรมลุงแกก้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน เริ่มจากเอามือมาปัดมือผมก่อน(บางทีก้อเอมมาจับข้อมือเลย ตกใจมากๆ) แล้วอีกซักพักก้อเริ่มพัฒนาครับ ไอ้แผลตรงก้นแกแหละ ผมทำเสร็จปุ๊บก้อไปทำที่ขาต่อ มองดูอีกที อ่าว มือลุงแกมาจากไหนฟระ แกะผ้าปิดแผลล้วงไปเกาแผลซะละ เล่นเอาทำแผลนั้นไป 2-3 รอบแน่ะ -_-'' บางทีทำตรงส้นเท้าอยู่ลุงแกก้อขยับขาครับ เล่นเอาสะดุ้งเหมือนกัน สุดท้ายคุยๆกับพี่พยาบาลแล้วลงมติครับ มัดมือก่อนแล้วค่อยทำแผล ไม่งั้นลุงแกซนงี้ทำไม่เสร็จแน่ๆ หลังจากวันนั้นพอเช้ากับเย็น(แผลส่วนใหญ่ทำ 2 เวลาครับ เช้าก่อน 7.00 น. กับเย็น หลัง 14.00 น.) ลุงแกก้อจะมีกำไลข้อมือผ้าผูกติดกับของเตียง นึ่งเงียบเป็นเด็กดีไปเรียบร้อย...

แต่ยังครับ วีรกรรมของปู่แกกะผมยังไม่จบแค่นั้น อย่างที่บอกครับ ปู่แกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่พักนึง ลุงแกติดเชื้อแล้วท้องเสีย แต่ไอ้เสียเนี่ยก้อไม่เป็นไรหรอกครับ แต่จำเพาะลุงแกต้องมาถ่ายตอนที่ผมทำแผลตรงก้นแกเสร็จพอดีด้วย โฮ๊ย เหม็นก้อเหม็น ต้องทำแผลใหม่อีก เศร้าแต้...ทุกเช้าพยาบาลจะเห็นผมวิ่งไปหาพี่ๆเค้า แล้วก้อ....
"พี่คับ ปู่แกอึอีกแล้วอ่ะ"
"อ่าว เมื่อกี๊เพิ่งอึเองนะ อีกแล้วเหรอ ทุกเช้าเลยนะเนี่ย"
"ผมหน้าเหมือนยาถ่ายมั้งครับพี่ T-T"
"อ่าว งั้นมั้งน้อง"

จำได้ครับว่ามีครั้งนึงนี่ต่อหน้าต่อตาเลย คือว่าปกติลุงแกจะแอบๆ แบบว่าถ่ายก่อนผมมา เปิดแผลปุ๊บ มีของฝากมาปั๊บ แต่ครั้งนั้นนี่ผมทำแผลเสร็จพอดี ยังคิดๆอยู่เลยว่า คราวนี้ปู่แกเป็นเด็กดีแฮะ(เรียกปู่ตามพี่ๆพยาบาล) ยังไม่ทันขาดคำ ตรงแผลที่เพิ่งทำไปก้อมีอะไรดำๆเคลื่อนตัวออกมา...เล่นกันซึ่งๆหน้าเลยนะปู่...และแล้ววันนั้นผมเลยได้ทำแผลปู่แกตั้ง 2 รอบแน่ะ บวกใส่ผ้าปิดจมูก 2 ชั้น ไอ้ร้อนมันก้อร้อนครับเพราะปิดม่านด้วย แต่กลิ่นปู่แกนี่...ไม่ไหวจริงๆครับ แล้วผมก้อยังไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง "นักศึกษาแพทย์ชะตาขาด ตายคาอึคนไข้" หรอกนะครับ ด้วยเหตุนี้ ทุกเช้าผมเลยมีหน้าที่ใหม่อีก 1 อย่าครับ นอกจากทำแผลของตัวเอง 3 เคส คือ...แต่น แตน แต๊น...ช่วยพี่พยาบาลเก็บอึ เฮ้อ เซ็งชีวิต...




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2548 23:35:32 น.
Counter : 919 Pageviews.  

บทที่ 2 : ราวน์วอร์ด กับ การกินหัว

เฮ้อ...หลังจากเขียนตอนแรกไป ไอ้เราก้อกลัวว่าจะเขียนมากเกินไปเลยไม่กล้าเขียนเยอะ แต่พอเพื่อนเข้ามาดูดั๊นบอกว่าน้อยไปอีก เอ้า เอาก้อเอาฟระ ลองดูๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนล่ะครับ...

หลังจากที่ อ. ได้ปฐมนิเทศพวกเราเสร็จแล้ว วันต่อมาก้อได้เวลาขึ้นวอร์ดจริงๆของเราเหล่านักศึกษาปี 4 ตัวน้อยๆแล้วล่ะครับ(น้อยจริงๆนะ อ. เล่นบอกว่า ตัวเล็กกว่านักศึกษาพยาบาลอีก เฮ้อ...) วันแรกที่ขึ้นไปน่ะเหรอครับ พอดีว่ามีปฐมนิเทศของวอร์ดศัลยกรรมตอนเช้าก่อน แล้วกว่าจะเสร็จก้อเกือบๆ 4 โมงเย็นแล้ว พวกเราถึงจะแยกย้ายไปราวน์ตามสายต่างๆที่แบ่งกันครับ โดยของศัลยกรรม คณะผมจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ศัลยกรรมสาย A 4 คน ,สาย B 4 คน และศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะและทวารหนักอีก 4 คน รวม 12 คน(ที่จริงคิดว่าคณะผมเป็นคณะแพทย์ที่เล็กที่สุดในประเทศแล้วมั้งคับ เพราะทั้งรุ่นมีนักศึกษา 32 คนเอง แบ่งเป็น 3วอร์ดก้อวอร์ดละ 12 คนถ้วน ดีไม่ดีเจอมีเศษเหลือ 11 คนอีกตังหาก ทำงานกันคางเหลืองเลย) ตอนนั้นผมอยู่สาย A คับ ก้อรีบๆวิ่งไปกับเพื่อนๆอีก 2 คน(เป็นเศษอ่ะ T-T) พอไปถึงวอร์ดปุ๊บ...เอ...ทามมายมานเงียบนักหว่า พี่ dent ซ้ากคนก้อไม่มี เลยเดินแก่วๆกันอยู่แถวนั้นก่อน เผื่อพี่มาจะได้ราวน์ แล้วด้วยความ...คับ เพื่อนมันก้อคุยกันว่า สงสัยเช้าเกินไปพี่ยังไม่มาหรอก เลยชวนกันไปนั่งเล่นในห้องพักแพทย์กัน
ผ่านไปอีกประมาณเกือบๆชั่วโมงได้ ก้อเริ่มมีคนเอะใจ ทำไมมันเงียบนักว๊ะ เลยรีบออกไปดูกัน แล้วก็จริงด้วยครับ พี่ dent คนนึงเดินออกมาจากวอร์ด...
"อ่าว น้อง มากันทำไมเนี่ย ราวน์เสร็จไปแล้วนะ กลับไปได้แล้ว..."(กรำ ก้อมากันก่อนหน้านั้นนินา แต่ไม่เจอใคร ไม่ผิดซักหน่อย)
"พรุ่งนี้ค่อยมาราวน์แล้วกัน แบ่ง case(คนไข้)กันทำแผลด้วย พี่มาประมาณโมงนึง" พูดจบพี่แกก้อเดินไปเลย ปล่อยให้เด็กน้อยตาดำๆ 3 คนยืนมองกันตาปริบๆ ลงท้ายเราก้อเลยแบ่ง case กันรับ แบบว่า คนไข้ทุกคนต้องมีนักศึกษาเป็นเจ้าของเคสตลอดคับ คือว่าพอเข้ามาปุ๊บก้อต้องรับปั๊บ ถ้าลืมรับเมื่อไหร่วันต่อมาก้อรับประกันได้เลยว่าหัวขาดต่อไม่ติดแหงๆ เพราะอาจารย์ขึ้นมาจะถามทันทีว่าเคสใคร ถ้าไม่มีก้อเละครับเละเป็นโจ๊กเน่าๆคาวอร์ดเลย(เรื่องแก้ตัวนี่ลืมได้เลยครับ แก้ตัวทุกทีโดนตอกกลับมาทุกที แล้วก้อจ๋อยทู้กที) ทั้งวอร์ดเค้าก้อจะแบ่งกันเป็นของสาย A กับ B ครับ รวมๆกันก้อประมาณ 45 เตียงต่อสายได้(ความจริงก้อไม่ถึงหรอกคับเพราะบางทีก้อยังมีเตียงว่างๆหลงมาบ้าง แต่ว่าโอกาสมันเกือบๆเท่ากับจะเห็นนกตักข้าวกินเอง) พวกเราก้อแบ่งๆกันไป นั่งเขียนรับเคสกันถึงเกือบ 4 ทุ่มถึงเสร็จแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับหอ...

วันต่อมา...หน้าที่หลักของปี 4 ก้อเริ่มต้นขึ้นครับ เราต้องรีบตื่นแต่เช้ามาเพื่อทำแผลให้กับคนไข้ในวอร์ด โชคดีที่ปีนี้เค้าให้ทำแค่ 3 เคสไม่งั้นตายแน่ๆ เพราะต้องให้เสร็จก่อนที่พี่ๆจะมากัน(7 โมงเช้า)แล้วเรื่องทำแผลนี่จะเล่าให้ฟังทีหลังครับ พอประมาณ 7 โมง 15 พี่ๆก้อเริ่มทยอยมากัน เริ่มตั้งขบวน แห่กลองยาว เอ้ย ไม่ใช่ ตั้งขบวนราวน์ โดยที่สายนึงจะประกอบด้วย Dant 1(dent ชั้นปีที่ 1) 1 คน, Dent 2(ชั้นปี 2) 1 คน Dent 3(ชั้นปี 3) 1คน พี่ Extern 1 คน แล้วก้อไอ้ตัวเล็ก ปี 4 อีก 3-4 ตัว เอ้ย คน เห็นไม๊ครับว่าเป็นขบวนยิ่งใหญ่ขนาดไหน เดินกันทีนี่คนไข้แทบตกใจกัน อบอุ่นดีจริงๆ พวกเราเดินราวน์กันอย่างสงบสุขจนกระทั่งถึงเวลาเกือบๆ 9 โมงเช้าได้ แล้วขณะนั้น...สิ่งที่เรากลัวก้อเกิดขึ้นมา อ. นั่นเองครับ เค้าจะขึ้นมาราวน์กันตอนประมาณ 9 โมงได้ ก่อนไปออกตรวจ OPD บางทีก้อมาคนเดียว บางทีก้อ 2 คน เคยเจอสูงสุดก้อ 4 คน เล่นเอาตัวลีบไปเลยคับ...
พอ อ. มาถึงปุ๊บ เหมือนเล่นเกมส์งูตกบันไดหรือเกมส์ทอยลูกเต๋าเลยครับ แบบว่าได้ป้าย"กลับไปสู่จุดเริ่มต้น" ที่ราวน์มาถึงเตียงที่ 10 หน่อยๆก้อต้องกลับไปที่เตียง 1 กันใหม่ แล้วปฏิบัติการของ อ. ก้อเริ่มขึ้น
"เคสนี้ของใครครับ รายงานเคสซิ" อ. พูดแล้วหันหน้ามาทางปี 4 เป็นอันรู้กันว่าเจ้าของเคสเตรียม...ซวยยยย
"ของผมครับ" เพื่อนผมตอบแล้วมันก้อเริ่มเล่าอาการผู้ป่วยไปเรื่อยๆ(ใครเคยดูเรื่อง หมอเจ็บ ก้อเป็นอย่างนั้นแหละครับ) ซักพัก อ. ก้อเริ่มถามอีก
"แล้วคนไข้ปวดท้องยังไง"
"ปวดบิดๆด้านขวาครับ"
"อืม มีร้าวไปไหนหรือเปล่า"
"..."
"ว่าไงครับ"
"ยังไม่ได้ซักครับ อาจารย์" เพื่อนผมมันเริ่มตอบเสียงจ๋อยๆ
"อ่าว ทำไมยังไม่ได้ซักล่ะ คุณรับเคสแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วรับได้ยังไงไม่ได้ซักประวัติคนไข้ก่อน อย่าให้มีอีกนะ คราวนี้เพิ่งขึ้น ผมยังไม่อยากว่าคุณ"
"ครับ..." นี่แหละครับที่เราเรียกกันว่าโดนกินหัว(แต่ผมว่าอันนี้แค่อมๆนะ)

ตั้งแต่นั้นมา พอ อ. ขึ้นมาพวกเราก้อได้แต่ภวนาครับ ถ้าเดินผ่านเตียงไหนไปแล้ว สังเกตดีๆจะเห็นมีนักศึกษาปี 4 คนนึงใน 3 คนหน้าตาสดชื่นดีใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน แบบว่า...รอดแล้วตู แล้วก้อเริ่มนับเคสในมือตัวเองแบบว่านับถอยหลังไปเรื่อยๆครับ หมดเมือ่ไหร่นี่แทบจะอยากกระโดดเลย บางทีก้อแอบหันไปบอกเพื่อนด้วยว่า ของกรู หมดแล้วเฟ้ยยย ^ ^ แล้วยืนมองเพื่อนๆที่มองกลับมาอย่างเคียดแค้น...

แต่แล้ววันนึงก้อถึงคิวของผมจนได้ครับ อ.แกมาหยุดอยู่ที่เตียงคนไข้ของผมเลย
"เอ้า นี่เคสใคร รายงานเคสซิ"
ให้ดิ้นตายเกลียดคำนี้จริงๆเล้ยยย
"เคสนี้คนไข้มาด้วยอาการปวดท้องครับ..."ผมเริ่มพ่นไปเรื่อยๆตามที่ท่อง คิดอยู่ในใจว่าสบายเด่ะ ดูเพื่อนโดนหม่ำมาตั้งหลายหนละ ท่องมาอย่างดี แต่มันไม่ใช่งั้นสิครับ
"แล้วคนไข้มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง" อ.ถามผม
"เป็นโรคไตครับ" ตอบอย่างฉะฉาน ก้อกรูเพิ่งท่องมานี่ ^ ^
"แล้วค่า creatinine คนไข้เท่าไหร่" เริ่มแล้วครับ เงามัจจุราชมาข้างหลังละ( creatinine เป็นค่าที่ใช้วัดการทำงานของไตครับว่าสามารถจะกรองและดูดกลับสารตัวนี้ได้ดีขนาดไหน ถ้าออกมมากเกินไปแสดงว่าการทำงานของไตแย่ลงแล้วครับ)
"เอ่อ...จำไม่ได้ครับอาจารย์" ตอบแบบซื่อๆไป เผื่อ อ. จะเห็นใจบ้าง ก้อตอบได้ตั้งเยอะแล้วแหละน่า
"คุณจำไม่ได้ได้ยังไงกัน ดูผล lab รึเปล่าเนี่ย หรือดูแค่ประวัติเฉยๆ มีความรับผิดชอบหน่อยสิ คุณดูคนไข้ให้มันดีๆหน่อยได้ไม๊"
"เอ่อ...ครับ" พูดได้แค่นั้นเองครับ แล้วเงาหัวผมก้อหายไปในปาก อ. เรียบร้อย โดนกินไปเป็นอาหารเช้าในวันที่อากาศสดใสไปเลย T-T...

เย็นวันนั้นผมเลยประชดชีวิตนั่งดูแฟ้มคนไข้ใหม่หมดตั้งแต่ ประวัติถึงผล lab จนพี่เอ็กซ์แซวเลยว่า โดนกระตุ้นหน่อย ฟิตขึ้นมาเลยเหรอเนี่ย โธ่พี่ครับ ลองไม่ฟิตดูสิ ผมได้หัวหลุดวันละ 3 เวลาหลังอาหารแน่ๆเลย อ. มาปุ๊บ หัวใจหล่นไปตาตุ่มปั๊บ หลอนสุดๆ หลังจากวันนั้นนี่เวลา อ. กำลังจะหยุดเดินที่เตียงไหนต้องแอบชะเง้อดูว่าเตียงตัวเองรึเปล่าแล้วก้อแอบดูโพยที่จดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ แต่พี่ๆก้อมาบอกทีหลังว่า อ. เค้าให้ดูโพยได้เพราะรู้ว่าคนไข้เยอะ...โธ่ก้อไม่บอกตั้งแต่ทีแรก จำจนหัวบวมเลย เฮ้อ กรำของตรู




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2548 0:12:15 น.
Counter : 4495 Pageviews.  

บทที่ 1 : เตรียมขึ้นวอร์ด...

และแล้วก็มาถึงวันที่เราจบจากปี 3 อันแสนสบายมาจนได้ พอเปิดเทอมปุ๊บ 3 วันแรกจะเป็นการแนะนำแต่ละวอร์ดก่อนที่จะขึ้น(คล้ายๆกับปฐมนิเทศรวมอ่ะคับ) โดยจะมีอาจารย์ของแต่ละวอร์ดขึ้นมาพูดเกี่ยวกับวอร์ดตัวเองสั้นๆน่ะครับ เริ่มจากวอร์ดที่ต้องขึ้นตอนปี 4 3 วอร์ด คือ ศัลย์ med.(อายุรกรรม) แล้วก้อสูติ(สูตินารีเวช)

ตอนเริ่มก้อเริ่มจาก med ก่อน(ขอเรียกงี้นะคับง่ายดี)
"เอ้า...มาพูดถึงวอร์ดของพี่ก่อนนะ(ส่วนใหญ่ อ. จะเรียกตัวเองว่าพี่นะครับ ผมก้อชอบดูไม่แก่ดี ^ ^) เค้าว่ากันว่าเป็นวอร์ดที่หนักที่สุดใน 3 วอร์ด..."
"เอ่อ อ. ครับ เท่าที่ได้ยินมานี่ วอร์ดผมหนักกว่านะครับ" อ.ศัลย์พูด..เฮ้อ เอาเข้าไป ยังไม่ทันขึ้นเลยขู่กันเห็นๆเลยนะนี่
"อ่าว งั้นเหรอ งั้นเดี๋ยวพวกคุณขึ้นมาแล้วก้อตัดสินกันเอาเองแล้วกันนะว่าอันไหนหนักกว่า"
กรำ แล้วงี้เตรียมใจไงฟระเนี่ย...
หลังจากที่ อ.ของ med พูดจบก็เป็นคิวของ อ.สูติ
"เอาล่ะ งั้นก้อมาถึงของพี่นะ พี่ๆพวกเธอเค้าว่าเป็นสวรรค์ของปี 4 บอกว่าว่างที่สุด เป็นไงเดี๋ยวพวกเธอมาดูละกัน แล้วถ้าว่างเกินไปก็บอกพี่ได้นะ เดี๋ยวหางานทำให้(โธ่ 'จารย์ ถ้าว่างแล้วพวกผมจะบอกทำหยังล่ะครับเนี่ย -_-'')" แล้ว อ.ก็พูดรายละเอียดต่อไปอีกนิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือ วอร์ดนี้ตกแล้วตกเลย ไม่มีเปิดซ่อม ซ้ำใหม่ลูกเดียว เล่นเอาพวกผมเสียวสันหลังวาบไปตามๆกันเลย(เอ๊ะ หรือผมคนเดียวหว่า??) ต่อมาสิทีเด็ด เป็นคิววอร์ดศัลย์ลงมีดเชือดบ้าง
"สวัสดีครับ ผมชื่อ อ. ... นะครับ จะมาพูดเรื่องของวอร์ดศัลยกรรม... เอ้า คนนั้นน่ะ หลับแล้ว เป็นอะไร เมื่อคืนนอนดึกเหรอ ยืนขึ้นเลยมา เอา ยืนสิ..." เอาแล้วครับลงดาบแรกกับเพื่อนที่น่าสงสารของผม
"พวกคุณนี่นะ เป็นอย่างงี้ immature กันจริงๆเลย แล้วอย่างนี้คนไข้จะมาฝากชีวิตไว้กับคุณได้ยังไงกัน เอ้า ยังคุยกันอีก เงียบหน่อยสิ พูดแล้วยังไม่สำนึกอีก..." คราวนี้หย่อนเป็นปืนกลยิงสาดทั่วห้องล่ะครับ
"เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันได้ละ..." หลังจากพี่แกพูดจบก้อเดินจากไป เหลือให้ นักศึกษานั่งมองกันตาปริบๆ เฮ้อ เจองี้ตั้งแต่วันแรกเลย จะเอาไงกะกรูวะเนี่ย...

ปล.หลังจากนั้นตอนกินข้าวเจอพี่ๆครับ เลยแอบถามว่า อ. เค้าดุรึเปล่า ปรากฎว่าพี่เค้าบอกว่า พูดอย่างงี้ทุกปีแหละน้อง ที่จริงใจดี ติงต๊องจะตายไป...อ่าว แล้วเล่นมาขู่กันตั้งแต่วันแรก ไอ้เราก้อหลงกลัวแทบแย่ เฮ้อ...-_-''




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2548 23:29:35 น.
Counter : 4830 Pageviews.  

อะไรคือ Ward??

ฮี่ๆๆ ในที่สุดก้อได้ลองเข้ามาเขียน blog จริงๆจังๆซะที หลังจากที่ลองงมโข่งกะเรื่องเปลี่ยน background ไปมะวาน(ที่จริงมะเช้าแฮะ 0.15 -_-'') เอ้า เข้าเรื่องเห๊อะ

มีคนงงกันไม๊เนี่ยว่า ward คือ อะไร ความจริงถ้าแปลกันเป็นภาษาไทยง่ายๆเค้าก็เรียกกันว่า หอผู้ป่วย น่ะครับ(แต่สำรหรับผมนะ ผมว่าใช้ ward เข้าใจง่ายกว่ากันเย้ออออ ^ ^) พูดให้ง่ายๆก็คือ ที่ๆเราจะให้ผู้ป่วยไปนอนพักรักษาตัวนั่นแหละครับ ส่วนใหญ่จะแบ่งๆกันไปตามแผนกต่างๆ เช่น วอร์ดอายุรกรรม สำหรับผู้ที่มารักษาโรคทางอายุรศาสตร์ เช่น พวกเบาหวาน หัวใจ ไข้เลือดออก ฯลฯ ,วอร์ดศัลยกรรม สำหรับผู้ที่เข้ามาผ่าตัดและพักฟื้น(ทั้งที่จงใจแล้วก้อไม่ได้จงใจแต่อย่างใด) เป็นต้น โดยที่แต่ละวอร์ดนั้นก้อจะมีแพทย์ทางสาขานั้นๆ มาเดินราวน์(Round) ก้อประมาณว่า เดินดูอาการ สารทุกข์สุขดิบ (บางที่มีประเพณี"กินหัวนักศึกษาแพทย์" เพิ่มเติมเข้ามาด้วยคับ T_T) โดยถ้าเป็นในโรงเรียนแพทย์มักจะมากันเป็นหมู่คณะ จนบางทีญาติผู้ป่วยอาจจะงงได้ว่า ที่โรงพยาบาลมีจัดมหรสพอะไรรึเปล่า หรือว่าจะมีการเชิดสิงโตขึ้น ฮี่ฮี่ฮี่ โดย 1 ขบวน(ขอเรียกเป็นขบวนนะครับ) จะประกอบด้วย อาจารย์ แพทย์ประจำบ้าน(แพทย์ที่จบแล้ว แล้วมาเพื่อเรียนต่อเฉพาะทาง) บางทีเด็กๆจะเรียกกันว่า พี่ Dent ซึ่งมาจาก Resident(ไม่ใช่หมอฟันนะคร้าบบ) แล้วก้อมีพี่ Extern ก้อคือพี่ๆปี6 ที่กำลังจะจบแล้ว(บางทีพี่พยาบาลจะเรียกว่า น้องเอกซ์ ครับ แต่ไม่ใช่ X-men หรือชื่อเหมือนกันหมดแต่อย่างใด) อาจมี ปี5 มาร่วมขบวนด้วย แล้วสุดท้ายก้อ...แฮ่ม...พระเอกของงาน ปี 4 นี่แหละครับ

เอาล่ะ ก้อพอจะรู้อะไรคร่าวๆกันแล้วนะครับ แล้วหลังจากนี้ก้อคงจะเป็นเรื่องที่ผมเจอๆมาบน ward นั่นแหละครับ แล้วคุณจะรู้ว่า หมอ...มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด อิอิ




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2548 18:15:59 น.
Counter : 11304 Pageviews.  

1  2  

Holy light
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Holy light's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.