มิสาเลิกเพิร์ส....ง่ายนิดเดียว

 

นิทานเรื่องนี้ สอนให้แม่รู้ว่า
การเร่งเด็กมากเกินไปก็ไม่ดี
จงปล่อยเด็กให้เค้าได้มีพัฒนาการตามวัยของเค้าดีที่สุด

 



ที่กิ๊กคิดอย่างงี้เพราะ มีหลายๆเรื่อง ที่กิ๊กก็คาดหวัง(อยู่ลึกๆ)

ให้มิสาเค้ามีพัฒนาการบางอย่าง ก่อนวัยของเค้า
ก็เหมือนแม่ๆหลายๆคนแหละ อยากให้ลูกเก่ง ..
ถ้าลูกเราทำอะไรได้ก่อนวัย
โห...พัฒนาการน้องดีกว่าเด็กวัยเดียวกันนะคะ อะไรแบบนี้
(อย่าปฎิเสธว่าคุณไม่ใช่แม่แบบนี้ 555)
แต่เผอิญว่า จากหลายๆอย่างของมิสา ทำให้กิ๊กรู้ว่า
มิสาเป็นเด็กตามเกณฑ์ 555
คือ อย่าไปเร่ง อย่าไปลุ้นมาก...
ถ้าถึงวัยที่เค้าจะทำอะไรได้ เค้าก็จะทำได้เอง
เช่น คว่ำได้ 4 เดือน คลานได้ 7 เดือน พูดได้ 1 ขวบ เดินได้ 1.2 ขวบ
(อันนี้ไม่ถือว่าช้านะ เพราะเค้าบอกว่า 1- 1 ขวบครึ่ง)
ไม่มีอะไรเร็วกว่าเด็กปกติ ไม่มีอะไรเลอเลิศ แต่ไปตามเกณฑ์ปกติ





 


จริงๆอย่างเรื่องฝึกนั่งกระโถน (เลิกเพิร์ส)
กิ๊กก็เคยคิดฝึกมิสานะ ตั้งกะขวบ 4 เดือนอ่ะ
เอาแบบไวๆเลย
อยากให้ลูกมีพัฒนาการล้ำหน้าไง 555
แต่มันไม่ได้อ่ะ มิสายังพูดไม่คล่องเลย
แค่ทำท่าชี้ๆ และที่สำคัญ มิสาไม่ยอมนั่งกระโถนด้วย
กิ๊กซื้อ combi อย่างแพง 3 พันกว่าบาทให้
แต่มันเหมือนใหญ่ไป เพราะมิสาตัวเล็ก เวลาเค้านั่ง ขามันจะกางมากไป ไม่พอดี
โทษกระโถนเลย 555
แล้วพอมานึกถึงเรื่อง ความเป็นเด็กตามเกณฑ์ของมิสา
กิ๊กเลยล้มเลิกเรื่องการฝึกไป
ไม่รู้ว่า จะต้องให้เค้าเลิกไวทำไมด้วย กิ๊กคิดนะ เพื่อประหยัดเพิร์สเหรอ ?? ก็ไม่เกี่ยว 555
แล้วอ่านเจอถึงวิธีเลิกเพิร์สของหลายๆคน ดูเหนื่อยอ่ะ
พอเด็กฉี่ราด ก็ต้องมาคอยเช็ด คอยอะไร...คือ แม่อ่ะเหนื่อย
หรือ ไม่ก็ต้องปูผ้า ปูอะไรรอบบ้าน
กิ๊กมันพวกขี้เกียจ เลยให้ใส่ไปงั้นแหละ 555
บางคนบอก หยุดเลย ไม่ออกนอกบ้าน 1 อาทิตย์ เพื่อเลิกเพิร์สให้ได้อะไรแบบนี้
กิ๊กก็ไม่สามารถอ่ะค่ะ...



++ ภาพเด็กป่วย..ที่ดูเหมือนไม่ป่วยเลยซักนิด เหอ เหอ++


กิ๊กก็เลยรอไปเรื่อยๆ
จนมิสาครบ 2 ขวบ มิสาก็สามารถบอก อึ ได้
บอกนี่หมายถึง บอกก่อนที่จะอึนะคะ
ก่อนหน้านี้ มิสาเค้าบอก ฉี่ได้ อึได้ แต่ว่า จะบอกหลังจาก ฉี่หรืออึแล้ว 555
คือ เป็นการรายงาน ว่าชั้นฉี่แล้วนะ อึแล้วนะ 555
แต่อย่างที่บอก ไม่ได้เร่งรัดจะฝึก ก็เลยไม่ได้ไปบอกเค้าว่า มิสาต้องบอกก่อนสิคะ อะไรแบบนี้
แต่พอ 2 ขวบ มิสาเค้าก็บอก “จะอึ” พอเปิดดูเพิร์ส...เฮ้ย ยังไม่อึนี่หว่า
ก็เลยรีบอุ้มเค้าไปนั่งส้วม (ไม่ได้ฝึกกระโถนด้วย เพราะไม่นั่ง)
หลังจากนั้น เค้าก็จะบอก อึ...เราก็พาไปนั่งส้วม...จบ !
ก็ไม่เคยพลาดเลย 100%

 




ตอนแรกก็ได้แต่ อึนะ แต่ฉี่เค้ายังไม่บอก (คือ บอกตอนฉี่ไปแล้วเหมือนเดิม)
ประมาณ 2 ขวบ 1 เดือน กิ๊กเลยแกล้งถามเค้า เวลาพาไปอึก็จะถามว่า ฉี่ด้วยมั้ยคะ
ทำให้เค้าเริ่มรู้จัก คำว่า ปวดฉี่ เพื่อที่จะบอก ฉี่ ได้ก่อนที่จะ ฉี่ จริงๆ
แล้วก็ไม่ยากเลย เพราะตอนนี้เค้าพูดคล่องแล้วไง
เค้าก็บอก จะฉี่ จะอึ เองได้ตลอด
ซึ่งจะบอกว่า ตลอดการฝึกของกิ๊ก กิ๊กให้มิสาใส่แพมเพิร์สตลอดค่ะ กันเหนียว
(บอกแล้วเป็นแม่ที่ขี้เกียจ 555)
หมายความว่า ใส่มันทั้งวันน่ะแหละ
แต่มิสาเค้าจะถามก่อน จะฉี่ ฉี่ได้มั้ยอ่ะ...
กิ๊กก็จะบอกเค้า อย่าเพิ่งฉี่นะคะ ไปห้องน้ำก่อน เค้าก็จะรู้
แต่ถ้าไปข้างนอก พอเค้าถาม ฉี่ได้มั้ยอ่ะ...
ถ้ามันไม่มีห้องน้ำ กิ๊กก็จะบอกเลย ฉี่ใส่เพิร์สเลยค่ะ
คือ มิสาจะขออนุญาตก่อนตลอด 555
เพราะฉะนั้น การเลิกเพิร์สของมิสา กิ๊กเลยไม่เคยต้องมาก้มหน้าก้มตาเช็ดพื้นเลยซักครั้ง

เคยพลาดแค่ 1 ครั้ง เพราะบอกไม่ทัน ครั้งเดียวจริงๆ...


กิ๊กคิดว่า มันฝึกได้ง่าย ก็เพราะ เค้าพูดได้แล้วนี่แหละ...



++ ปากเธอจะเลอะไปไหน++



พอครบ 2 ขวบ 2 เดือน กิ๊กก็เลิกให้ใส่เพิร์สเลย โดยเริ่มจากตอนอยู่บ้านก่อน
แต่ออกข้างนอก ก็ยังใส่ เพราะกลัวเค้ากลั้นไม่ได้นาน แล้วมันไม่มีห้องน้ำ
แต่ก็ไม่เคยพลาด เธอจะถามก่อนทุกครั้งอยู่ดี
มาเลิกแบบไม่ใส่เลย แม้จะออกนอกบ้าน ตอน 2 ขวบ 4 เดือน
ที่คิดว่า มิสาพอจะกลั้นได้บ้างแล้ว
แต่ก็ยังใส่ตอนนอน เพื่อที่จะได้นอนนานๆ
(แต่ถึงใส่ ก็ไม่เคยเปียกเลยนะ เพราะก่อนนอนจะให้ฉี่ก่อน แล้วเธอก็ไม่ฉี่เลยยันเช้า)


++ ซนได้อีก @ เมเจอร์ อเวนิว ++

สรุป กิ๊กเลยรู้สึกว่า การเลิกเพิร์สของมิสาง่ายนิดเดียว
ไม่เหนื่อยเลย ไม่มีอะไรต้องเครียด
แค่รอให้ถึงวัยที่เค้าพร้อมแค่นั้นเอง




Create Date : 26 กรกฎาคม 2555
Last Update : 26 กรกฎาคม 2555 23:00:42 น.
Counter : 7981 Pageviews.

6 comment
Terrific 2 or Terrible 2


อันที่จริง เรามักจะได้ยินคำว่า terrible 2 กันมากกว่าเนอะ
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า terrible ..สำหรับเด็กวัย 2 ขวบ
ทั้งเป็นวัยต่อต้าน เป็นตัวของตัวเอง เอาแต่ใจสารพัด
กิ๊กเองก็ได้ยินกิตติศัพท์ความเอาแต่ใจของเด็กวัยนี้มาเยอะเหมือนกัน
เด็กบางคนก็ถึงกับกรี๊ดๆๆๆ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หรือไม่ก็เอาแต่ใจ โน่นนี่ก็ “ไม่ๆๆๆ” จนพ่อแม่นี่ปรี๊ดแตกกันไปร้อยตลบ
แล้วที่ตลก คือ ส่วนมาก พอครบ 2 ขวบปุ๊บ เด็กๆก็มักจะเป็นทันที
โดยที่ไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไงว่า ชั้นครบ 2 ขวบแล้วนะ...แผลงฤทธิ์ได้ล่ะ 555





ส่วนคำว่า Terrific นี่กิ๊กไปอ่านเจอมาทีหลัง
ซึ่งจริงๆ มันมาก่อน Terrible อีกนะ
เนื่องจาก เด็กๆวัย 2 ขวบเนี่ย จะเป็นวัยน่ารักน่าชัง ช่างพูด ทำอะไรก็ตลก
ฝรั่งเค้าก็เลยขนานนามวัยนี้ว่า Terrific 2
แต่เนื่องจากความน่ารัก มักจะมาพร้อมกับความปวดหัว (ดังที่บอกไปแล้ว)
เลยมีคนตั้งคำว่า Terrible 2 ออกมาเป็นขั้วตรงข้ามกันให้ขำเล่นๆ
แล้วบังเอิญ Terrible 2 ก็โด่งดังกว่าเสียด้วยสิ 5555
เราเลยมักจะได้ยินคำว่า Terrible 2 กันมากกว่า
(ประวัตินี่กิ๊กอ่านมาอีกทีนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย)
แต่สำหรับตัวกิ๊กเอง กิ๊กก็เตรียมตัวรับมือกับ Terrible 2 นี่พอสมควรนะ
เนื่องจาก ก็รู้ตัวอยู่ว่า ลูกเราก็ไม่ได้เป็นเด็กเลี้ยงง่ายขนาดนั้น
ไอ้ความงอแงงี่เง่ามันก็มีอยู่บ้าง ก็เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เป็น Terrific 2 กับเค้าหรอก 555





แต่ไปๆมาๆ พอครบ 2 ขวบเป๊ะ
มิสาก็กลายเป็นเด็กน่ารักขึ้นมากมาย (จากเดิมก็น่ารักอยู่แล้วนะ ในสายตาพ่อแม่ 555)
พูดจาก็เก่งขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น ทำอะไรก็ตลก
ให้กิ๊ก (และคนที่คุ้นเคย) ได้หัวเราะกันทั้งวันอ่ะ
หรือว่า เป็นเพราะเดิม มิสาไม่ได้เป็นเด็กดีมากมายอะไรอยู่แล้วด้วยมั๊ง 555
คือ เค้าก็มีงอแงอะไรบ้าง เอาแต่ใจอยู่บ้าง
เพราะงั้น พอ 2 ขวบ ก็เลยดูไม่ได้มีอาการหนักหนาอะไร 555





ซึ่งตอนแรกเนี่ย กิ๊กว่าจะเขียน blog นี้ ตั้งแต่ตอนมิสาได้ 2 ขวบ 1 เดือน
กิ๊กก็เลยจะบอกว่า สำหรับกิ๊ก มิสาเป็น Terrific 2 จริงๆ
คือ เป็นวัยที่ช่างน่ารักเหลือเกิน
พูดจาว่านอนสอนง่าย
เจอใคร ให้สวัสดี ก็สวัสดี...ก้มหัวซะจนจะแตะพื้น 555
(จนคนที่ได้รับไหว้ ต้องบอกว่า พอแล้วลูก หัวจะแตะพื้นอยู่แล้ว 555)
ใครให้อะไร ก็จะไหว้ ขอบคุณค่ะ ทุกครั้ง (ไหว้เองเลยไม่ต้องบอก)
เล่นของเล่นเสร็จ ก็จะเก็บของเล่นทุกครั้ง
อ่านนิทานเสร็จ ก็เอานิทานไปเก็บ
รู้จัก เข้าแถว ต่อแถว ไม่มีการแซงคิว
รู้จัก “การแบ่งปัน” คือ แบ่งหนังสือเพื่อน แบ่งของเล่นให้เพื่อน
(มิสาไม่เคยแย่งของเล่นเพื่อน ไม่เคยทำร้ายร่างกายเพื่อนอยู่แล้ว)
คือ ถือว่าเป็นเด็กดีเลยอ่ะ
มีเอาแต่ใจบ้าง ก็นิดๆหน่อยๆ ไม่ถึงกับร้องไห้กรี๊ดๆอะไร





อ่านมาเหมือนจะดีใช่มั้ยคะ
แต่เนื่องจาก ณ วันที่กิ๊กเขียน blog นี้จริงๆ มิสาอายุ 2 ขวบ 5 เดือนแล้วค่ะ
ซึ่งมันทำให้กิ๊กพบว่า มิสาก็มีอาการ Terrible 2 อยู่เหมือนกันนะ 555
(ไม่มีอะไร perfect จริงๆ 555)
อาการแรกๆเริ่มเกิดขึ้นตอนเข้า 2 ขวบ 4 เดือนค่ะ
เริ่มจาก กิ๊กให้มิสา สวัสดีผู้ใหญ่ แล้วมิสาก็บอกว่า “ไม่สวัสดี”
กี่คนๆ ก็ไม่สวัสดี จนกิ๊กโมโห...เอ๊ะ ! ลูกเราเป็นอะไร เคยทำ แล้วมาไม่ทำ
ตอนนั้นยังไม่ได้คิดถึง Terrible 2 นะ คิดว่าเป็นเฉพาะเรื่อง
แต่หลังจากเรื่องนี้ แล้วก็จะมีเรื่องเก็บของเล่น
พอบอกให้เก็บของเล่น....มิสาก็จะ “ไม่เก็บของเล่น”
มันมาอีกแล้วครับท่าน...อิแม่เริ่มเดือด
หรืออย่างเวลาเลือกเสื้อผ้าให้ ถ้าแม่เลือกตัวนี้ เธอก็จะ “ไม่เอา จะเอาตัวนี้ดีกว่า”
รวมๆเหตุการณ์หลายอย่าง กิ๊กก็เลยคิดว่า นี่ล่ะ เป็นอาการ Terrible 2 แล้วล่ะ
คือ เป็นวัยต่อต้าน เป็นตัวของตัวเอง
แต่มิสาเค้าจะเป็นเรื่องเดียว คือ “ไม่ๆๆๆๆ”
แต่เค้าจะไม่เอาแต่ใจมาก ไม่ถึงกับร้องกรี๊ด ร้องไม่หยุด ดิ้นพราดๆ อะไรแบบนี้ไม่เป็น
คงเป็นเพราะกิ๊กกับพี่หยี่ ปรามเค้าไว้ด้วยแหละ
ถ้าเค้าร้องเพราะความเอาแต่ใจ
กิ๊กกับพี่หยี่จะบอก “เงียบ” แบบจริงจัง(น้ำเสียงดุเลย)
ทำแบบนี้กับเค้าทุกครั้ง...เค้าก็จะเรียนรู้และเงียบทุกครั้งที่เราบอก
ทำให้ไม่เลยเถิดไปถึงการร้องไม่หยุดหรือร้องกรี๊ด...
(ก็นับว่ายังดีที่เอามิสาอยู่)





ส่วนการจัดการกับ อาการ “ไม่” ของมิสา
หลังจากที่กิ๊กตั้งสติได้ว่า มันคือ Terrible 2
มันจะทำให้กิ๊กใจเย็นลงค่ะ (คือ เราเข้าใจว่าเป็นวัยของเค้า ไม่ได้คิดว่า เค้านิสัยเป็นอย่างนี้)
เวลาพูดคุยกับเค้า ก็ต้องใช้จิตวิทยามากขึ้น คือ เหนื่อยมากขึ้นน่ะแหละ
อย่างถ้าอยากให้เค้าใส่เสื้อตัวนี้ เราก็อย่าให้ใส่ตัวนี้แต่แรก
เพราะรู้เลยว่าเค้าจะไม่เอา
เราก็ต้องทำเป็นหยิบมา 2 ตัว (ที่เราคิดว่าโอเคทั้ง 2 ตัว 555)
แล้วให้เค้ามีสิทธิ์ได้เลือกเองจาก 1 ใน 2 แบบนี้
ก็ทำให้เค้าใส่เสื้อที่เราเลือกให้ได้
หรือถ้าจะให้ทำอะไรจริงๆ ก็ต้องโน้มน้าว หาเหตุผลเด็กๆ ที่ทำให้เค้าเข้าใจง่ายๆ
ยอมทำตามเราได้ง่ายๆ ไม่ต่อต้านมาก





แต่จริงๆ ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่กิ๊ก ก็ยังทำไม่สำเร็จ
เช่น บอกให้สวัสดี มิสาก็ยังคง “ไม่”เหมือนเดิม
(เหมือนเค้า memory คำนี้ในหัวยังไงไม่รู้ >_<)
เก็บหนังสือนิทาน ก็ยังทำบ้างไม่ทำบ้าง แล้วแต่อารมณ์
(คุณครูแนะนำว่า ถ้าไม่เก็บ หนังสือนั่นต้องหายไปเลย
กิ๊กก็ทำตามนะ เอาไปซ่อน แต่เนื่องจากมิสามีนิทานเยอะจัด
พอเล่มนี้หายไป เธอก็ไม่สน เพราะเธอมีเล่มอื่น เหอ เหอ
ตอนนี้ ได้เล่มโปรดมาและ ทำให้หายไปเรียบร้อย มิสาก็เริ่มรู้สึกตัวแล้ว
เลยเริ่มจะเก็บหนังสือขึ้นมาบ้างแล้ว ก็ต้องรอดูต่อไป)





สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ พ่อแม่ก็คงต้องยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องต่อไปค่ะ
คิดว่า พอพ้นวัยตรงนี้ไปได้ เค้าก็น่าจะเริ่มดีขึ้น
ประกอบกับมิสาไปรร.แล้วค่ะ
ขนาดไปมาแค่ 3 วัน ตอนนี้มิสาก็สวัสดีคุณครูแล้วค่ะ
(วันแรกๆไม่สวัสดีค่ะ ยังมีอุดมการณ์แน่วแน่อยู่ 555)
ก็ช่วยๆกันเนอะ ทั้งที่รร.และที่บ้านด้วย ก็ร่วมมือกัน
กิ๊กก็หวังว่า อีกไม่นาน ไอ้อาการ “ไม่ๆๆๆ” ทั้งหลายของมิสาจะหายไป
และมิสาจะกลับมาเป็นเด็กน่ารักว่านอนสอนง่ายเช่นเดิมค่ะ
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^





Create Date : 11 มิถุนายน 2555
Last Update : 11 มิถุนายน 2555 22:03:42 น.
Counter : 2772 Pageviews.

2 comment
เมื่อเวทีแห่งนี้...ไม่มีพี่เลี้ยงแล้วอีกต่อไป...
blog นี้ กิ๊กขอเขียนต่อเนื่องจาก blog ที่แล้ว
เพราะจริงๆมีอะไรต้องขยายความเยอะ 555
แต่ blog ที่แล้ว ยกให้เป็นเรื่องวันเกิดมิสาดีกว่า...


อย่างที่บอกว่า ข่าวดี(ร้าย)รับปีใหม่ของกิ๊ก
ก็คือ การที่พี่เลี้ยงของมิสาลาออก
ซึ่งจริงๆถือเป็นข่าวร้ายนะคะ ที่กิ๊กเขียนว่า ข่าวดีอ่ะ กิ๊กประชดชีวิตตัวเอง 555
(คือ มีเพื่อนๆหลายคนดีใจด้วยกะกิ๊ก กิ๊กเลยต้องบอกว่า จริงๆกิ๊กเศร้านะเออ 555)


พอรู้ว่าพี่เลี้ยงลาออก มันก็เกิดอาการเซ็งเล็กน้อย
เพราะตอนแรกคิดว่าเค้าจะอยู่กับกิ๊กนาน นานจนมิสาเข้ารร.
และกิ๊กมีน้องให้มิสาด้วยซ้ำ
แต่พออยู่ดีๆมาลาออก ก็เซ็งเลย...



++ โฉมหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่ เหอ เหอ ++


อันที่จริงกิ๊กไม่ได้กลัวลำบากที่จะเลี้ยงลูก (ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นแม่ที่ถูกสปอยล์พอควร เหอ เหอ)
แต่เรื่องแรกเลยที่คิดถึง คือ การป้อนข้าว ป้อนนมมิสา 555
เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ขวัญทำได้เพียงคนเดียว
เนื่องจากมิสาเป็นเด็กกินข้าว+นมยากมากค่ะ
ถ้ากิ๊ก คุณแม่ หรือพี่หยี่ป้อนนี่ ชีจะลีลาเยอะมากกก
แต่ถ้าพี่เลี้ยงป้อน ก็กินได้จนหมด (แต่น่าจะหืดขึ้นคอพี่เลี้ยงเหมือนกัน 555)


เรียกว่า ถ้าวันไหนพี่เลี้ยงลา หรือว่า กิ๊กพามิสาไปต่างจว.
ก็รู้กันเลยว่า มิสานน.ลดแน่นอน...กลับมาต้องมาขุนกันใหม่ 555
แบบว่า มันไม่สามารถจริงๆ กินได้ไม่กี่คำ ...แม่มันต้องโบกมือลาค่ะ


ตอนหลังพี่เลี้ยงเค้าจะรู้..
ถ้าเค้าลาไป เค้าจะรีบกลับมาก่อนมื้อเย็น เพื่อมาป้อนข้าวมิสา
เพราะเค้ากลัวว่าน้องจะอดข้าว 555 (และนน.จะลดทันที 555)
(แถมถ้าเค้ารู้ว่าจะพามิสาไปหาหมอฉีดวัคซีน
ช่วงนั้นขวัญจะขุนน้องเป็นพิเศษ เพราะอยากให้นน.น้องเยอะๆ 555)







เพราะฉะนั้น สิ่งที่กิ๊กกังวลมากที่สุด คือ
แล้วจะป้อนข้าวมิสายังไง(วะ)

คือ ไอ้คนที่ป้อน ก้ต้องแม่มันแน่นอนล่ะ 555
แต่ไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาป้อน
แค่เรื่องนี้เองจริงๆนะ


ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็รู้ว่าคงไม่สบายเหมือนก่อน
แต่ก็คงไม่ได้ลำบากอะไรมาก
เช่น เวลาไปห้าง ก็คงไม่มีพี่เลี้ยงคอยอุ้มมิสา (ดีเหมือนกัน จะได้งัดเอารถเข็นมาใช้ซะที)
เวลาไปกินข้าวกันกับพี่หยี่ ก็คงกินไม่ได้เต็มที่ ต้องผลัดกันกิน (ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องอิ่มมาก)
งานบ้านต่างๆเกี่ยวกับมิสา เช่น เตรียมอาหาร , ซักผ้า รีดผ้ามิสา ก็คงต้องเป็นเราที่ทำ
(ก็ดีอีกเหมือนกัน ถือเป็นการออกกำลังกาย)
555 ให้กะลังใจตัวเองสุดๆ





อีกเรื่องที่สำคัญ คือ เวลาที่กิ๊กทำงาน ใครจะดูมิสา
เพราะแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานออฟฟิศ เข้า 8 โมง ออก 5 โมง
แต่กิ๊กก็ยังต้องเข้าไปดูที่ออฟฟิศบ้าง
ซึ่งเวลาไป ก็จะให้พี่เลี้ยงเค้าไปเลี้ยงมิสาที่ออฟฟิศ เพราะทำห้องเด็กเอาไว้ให้
แต่ถ้าไม่มีพี่เลี้ยง แล้วกิ๊กจะไปทำงานยังไง
เพราะเรายังไม่ใช่ full time mom ซะทีเดียว
ยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่
อันนี้ยังงงๆ ไม่รู้จะทำไง แต่เบื้องต้นก็คือ ต้องลดเวลาทำงานที่ออฟฟิศลงแน่นอน





...........

..................


.............................



..........................................














..........................................................



หลังจากกังวลมากมาย...
เมื่อเวลาผ่านไป ณ วันที่เขียน คือ 1 เดือน
กิ๊กก็รู้เลยว่า...
การได้ใช้เวลาอยู่กับลูกจริงๆ
มันมีความสุขมากๆๆๆๆๆ

กิ๊ก happy มากๆๆๆๆๆจริงๆๆๆๆ





แม้ว่าจริงๆ กิ๊กยังไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่างให้มิสานะ
เพราะว่า ตอนนี้เราไม่มีลูกจ้าง
เวลาเลี้ยงมิสาที่บ้าน กิ๊กก็ต้องทำงานบ้านไปด้วย
ทำกับข้าวมิสาไปด้วย
แต่การได้ใช้เวลาอยู่กับเค้า
มันดีมากๆๆๆอ่ะค่ะ


มันเหมือนว่า เราไม่ได้พลาด moment ใดๆของเค้าไปเลย
ซึ่งตอนที่มีพี่เลี้ยง มันก็ยังไม่ได้เต็มที่อย่างงี้
อย่างที่บอกคือ จะเหมือนถูก spoil หน่อยๆ ก็จะสบาย
แต่พอต้องอยู่กับเค้าตลอด ก็เหนื่อยนะ เหนื่อยมาก
แต่ก็มีความสุขมาก ได้ทั้งหัวเราะ + ร้องไห้ตลอดเวลา 555






อาจจะเพราะมิสา 2 ขวบด้วย เกี่ยวป่าวไม่รู้
มิสาพูดเก่งมากๆๆๆ รู้เรื่องทุกอย่าง
เวลาเห็นเค้าพูดอะไรตลกๆ ก็จะขำ
เห็นเค้าทำอะไรน่ารักๆ ก็จะหัวเราะ
คือ มันมีความสุขอ่ะ
เวลาเลี้ยงเค้าไป กิ๊กก็คิดตลอดนะว่า เออ happy ว่ะ 555
(เหมือนคนบ้า ที่แบบเหนื่อยจนหน้ามัน แต่ก็ยังยิ้มได้ ประมาณนั้น)


เหตุผลที่กิ๊กเขียน blog นี้ขึ้นมา
เพราะ มีอยู่วันนึง คุณแม่กิ๊กพูดขึ้นมา ทำนองว่า
ชอบเหรอ อยู่บ้านเลี้ยงลูกแบบนี้
คือ ประมาณว่า กิ๊กเคยเป็นสาวออฟฟิศไง
แล้วในมุมมองคุณแม่ ท่านจะมองว่า มันดีกว่า
ได้ทำงาน ได้มีเงินเดือน(เยอะๆ)ใช้


พอคุณแม่พูด กิ๊กตอบได้อย่างไม่ลังเลเลย
ว่า กิ๊กมีความสุขมากๆๆๆ
ถึงกิ๊กเหนื่อย แต่กิ๊ก happy
พูดจริงๆนะ ไม่ได้ประชดด้วย
คุณแม่ก็อึ้งไปเลย 555



กิ๊กเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่หยี่
พี่หยี่ถามว่า ให้กลับไปทำงานเอาอีกมั้ย
กิ๊กบอก ไม่เอา กิ๊กชอบแบบนี้
นึกแล้ว ก็ดีใจที่ขวัญลาออก ไม่งั้นกิ๊กคงไม่ได้ใช้ชีวิตกับลูกแบบนี้
ขอบคุณขวัญ ที่ลาออก 555







ส่วนเรื่องกินข้าว กิ๊กค้นพบวิธีทำให้มิสากินข้าว
คือ ต้องเล่านิทานขณะกินข้าว 555
เล่าไป กินไป แม่มันคอแห้งไปหมด 555
วันนึงต้องเล่าไม่รู้กี่ครั้ง
(คือ เรื่องเดิมๆนั่นแหละ แต่มิสาจะให้เล่าซ้ำๆ เรื่องใหม่ๆ ก้ไม่เอา)
กินข้าว 3 มื้อ + ป้อนนม 2 มื้อ
(ใช่ค่ะ อ่านว่า ป้อนนม เพราะมิสาไม่กินนม ต้องใช้วิธีป้อนเหมือนกินข้าวเลยค่ะ )


ตอนแรกก็หืดขึ้นคอเลย
แต่พอผ่านไปซัก 4-5 วัน มันก็จะเริ่มชิน
เริ่มหาวิธีนู่นนี่มาหลอกล่อได้ ก็จะเริ่มอยู่ตัวขึ้น
(แต่ก็เหนื่อยอยู่ดี ไม่ใช่ไม่เหนื่อย)


จริงๆวิธีที่ทำให้มิสากินข้าวได้ง่ายๆเลยนะ
คือ ให้เล่นมือถือ (หรืออาจจะเปิดทีวี)
คือ ทำให้เค้าเพลินๆ แล้วก็ป้อนไปได้เรื่อยๆ
(เด็กคนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ยคะ ?)
แต่กิ๊กไม่อยากใช้วิธีพวกนี้
คือ ที่บ้านจะตกลงกันเลยว่า ไม่อยากให้เล่นมือถือ ไอแพด และไม่ให้ดูทีวี
จะใช้ก็แต่เวลาที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ออกไปกินข้าวนอกบ้าน
ต้องใช้จริงๆ เพราะไม่สามารถเอานิทานไปเล่าเป็นเล่มๆได้ 555
ก็อนุโลม ให้เล่นมือถือ เพราะไม่งั้นไม่กินข้าวเลย เล่นเละเทะอย่างเดียว





กับอีกเรื่อง คือ เวลาไปทำงานที่ออฟฟิศ
อันนี้ก็ให้เด็กที่ร้านช่วยดูให้ 555
พี่ๆทุกคน ดูมิสาได้หมด
ซึ่งกิ๊กไม่อยากจะเชื่อ เพราะถ้าใครอ่านเรื่องมิสามา
จะรู้เลยว่า มิสาเป็นเด็กที่ไม่อยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ยาย
เรื่องฝากให้คนอื่นเลี้ยง โดยไม่มีกิ๊กนี่ไม่ต้องพูดถึง จับยังไม่ให้จับเลย
แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้เพราะวัยด้วยรึป่าว
มิสาดีขึ้นมาก ไม่ติดแม่เป็นตังเมแล้ว
อยู่กับใครก็ได้ อารมณ์ดี
(ส่วนเรื่องอุ้มนี่แล้วแต่ ถ้าสนิทแล้วก็ให้อุ้ม แต่คนแปลกหน้าจะไม่ให้อุ้ม)
เวลาทำงาน กิ๊กก็ปิดห้องทำงานได้เลย
ให้เค้าอยู่กับพี่ๆที่ร้านได้ แบบที่ไม่ต้องเห็นกิ๊ก
ก็ถือว่า สบายเลยทีเดียว


สรุปว่า ปัญหาต่างๆที่คิดว่าเป็นปัญหา ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
แต่ยังไม่ได้ดังใจหน่อยตรงที่ กิ๊กไม่มีเวลาเล่นกับมิสามากนัก
เพราะอย่างที่บอก กิ๊กต้องทำงานบ้านด้วย
อย่างอยู่บ้าน ก็อยากสอนหนังสือเค้า อยากเล่านิทาน (5 มื้อยังไม่พอ 555)
อยากเล่นวาดรูป อยากต่อจิ๊กซอว์ฯลฯ
แต่มันก็กลายเป็นว่า กิ๊กชวนมิสาไปตากผ้าด้วยกันนะลูก 555
มิสาเล่นเองนะ แม่ขอทำกับข้าวก่อน อะไรแบบนี้
แต่ก็โอเคอ่ะ เพราะว่า มิสาก็เล่นเองได้แล้ว
และกิ๊กก็ได้มีโอกาสพามิสาไปเรียนเสริมข้างนอกมากขึ้น


ก็รอให้หาเด็กทำงานบ้านได้ก่อน
คิดว่าคงทำอะไรให้มิสาได้เต็มที่กว่านี้
แต่ก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเอง
เพราะว่า พ.ค.นี้ มิสาก็จะไปรร.แล้วค่ะ
ชั้นเตรียมอนุบาล อิอิ





สุดท้าย อยากบอกตรงนี้เลยว่า
คุณแม่ท่านไหน มีโอกาสได้เป็น full time mom
คุณโชคดีมากๆๆๆนะคะ
อย่าลืมคว้าโอกาสนั้นไว้
ยิ่งวัยขวบกว่า - 3 ขวบ
เป็นวัยที่น่ารักมากๆๆๆค่ะ
มีเวลาให้เค้าเต็มที่
พอลูกโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้ค่ะ
จริงๆนะ
confirm อิอิ






Create Date : 20 มกราคม 2555
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 17:10:13 น.
Counter : 1925 Pageviews.

8 comment
ฉลองมิสาครบ 2 ขวบ กับข่าวดีรับปีใหม่ 2012 (5/1/2012)

มามะ ประเดิม blog แรกของมิสา 2 ขวบ ด้วยงานวันเกิดมิสากันเลย
แต่อย่างที่จั่วหัวไว้ งานนี้กิ๊กมีข่าวดีรับปีใหม่ 555

ข่าวดีที่ว่าก็คือ ได้เป็น full-time mom เต็มตัวคร๊าบบบ
แต่อันนี้ประชดนะ คือ จริงๆต้องบอกว่า ได้เป็นทั้งพี่เลี้ยงเด็ก + นังแจ๋ว จึงจะถูกมากกว่า 555

เหตุเกิด เพราะ พี่เลี้ยงมิสาลาออกอย่างกะทันหัน
(พี่ขวัญ ที่กิ๊กเคยเขียนสรรเสริญเยินยอถึงนั่นแหละค่ะ เธอลาออกแล้ว)
พี่ขวัญไม่สบาย แล้วก็บอกว่า แม่เรียกกลับไปรักษาตัวที่บ้าน (พม่า)
ขวัญบอกว่า จะกลับบ้าน วันที่ 31 ธันวาเลยค่ะ 555
ข่าวดีรับปีใหม่จริงๆใช่ป่ะ

ตอนแรกขวัญบอกว่าจะลาออก แต่ว่าน้องสาวของขวัญ ซึ่งเป็นเด็กทำงานบ้านของกิ๊ก จะยังอยู่
(เค้าทำด้วยกัน 2 คนพี่น้อง)
กิ๊กก็ยังไม่เครียดเท่าไร่
แต่ไม่ทันข้ามปีใหม่ดี วันที่ 2 ม.ค. คุณน้องสาวของขวัญ
ก็มาบอกว่า จะไปส่งพี่สาวที่พม่า และจะโทร.กลับมาบอกอีกทีว่าจะกลับมารึป่าว...
(ซึ่งแปลได้ว่า คงไม่กลับ เพราะถ้ากลับ ก็ต้องบอกว่า กลับแน่)
ซึ่งพอรู้ว่า เด็กทำงานบ้านจะไม่อยู่เท่านั้นแหละ
กิ๊กเครียดมากกก เครียดจนท้อ จนอยากจะร้องไห้ เหอ เหอ

แต่ก็นะ...ชีวิตต้องสู้กันต่อไป
ก็มาคิดแผนกับพี่หยี่ว่าทำยังไงดี ใครจะเลี้ยงมิสา
เพราะปกติ เวลากิ๊กไปทำงานที่เคพีเอ็น ก็จะเอาพี่ขวัญไปด้วย
เค้าก็ไปเลี้ยงมิสาที่นั่น กิ๊กก็นั่งทำงานในห้องทำงานไป
แต่ถ้าขวัญไม่อยู่แล้ว และกิ๊กเอามิสาไปนั่งทำงานด้วย ก็คงไม่ได้ทำแน่
สรุป ก็คือ ลดเวลาทำงานของกิ๊กให้น้อยลง เพราะต้องมาเลี้ยงมิสา
ช่วงทำงาน ก็อาจจะให้คุณแม่มาช่วยดูให้
เพราะยังไงคุณแม่ก็มาค้างที่บ้านให้อยู่แล้ว แต่คุณแม่จะดูยาวๆไม่ได้
เพราะมิสาซนมากกกก เวลาดูมิสาคุณแม่จะเหนื่อยมาก แล้วก็ไม่ได้กินข้าวกินปลา

และนี่ก็เป็นที่มาของคำว่า full time mom เต็มตัว
(เพราะก่อนหน้านี้เป็น half working half mom 5555)

ซึ่งกิ๊กก็คงไม่หาพี่เลี้ยงเด็กแล้ว เพราะว่าพ.ค.นี้ มิสาก็เข้ารร.แล้ว
และกิ๊กก็จะมีน้องให้มิสาอีกคน อิอิ
แต่เด็กทำงานบ้าน ยังไงก็ต้องหาอยู่ดี
เพราะถ้าไม่มี แม่บ้านคนนี้ ตายแน่ๆจ้า 555


Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


เอาล่ะ ทีนี้มาเข้าเรื่องวันเกิดของมิสาดีกว่า
จริงๆตอนแรก คิดแผนไว้หลายอย่างมาก
อยากชวน the gang ของมิสา มาเลี้ยงไอติมกันที่ร้าน More Ice
หรือไม่ก็ จัด party วันเกิดอย่างง่ายๆให้มิสาที่ More Ice
(มีร้านไอติมของตัวเองอยู่แล้ว จะไปใช้บริการร้านอื่นทำไม ใช่ป่ะ ? อิอิ)
แต่พอเจอข่าวดีรับปีใหม่ พี่ขวัญไม่อยู่ ลูกจ้างไม่มี...party ต่างๆขอพับเก็บไว้ก่อนละกัน
เหลือเพียงงานวันเกิดง่ายๆอย่างพอเพียง 555

เริ่มจากตอนเช้า ว่าจะมิสาไปใส่บาตร แต่มิสาดันไม่ตื่น
กิ๊กก็ไม่อยากอุ้มไปทั้งหลับๆ เดี๋ยวใส่บาตรไป รมณ์ไม่ดีไป จะไม่ได้บุญ 555
ก็เลยปล่อยหลับไปก่อน
พอสายๆ ก็พาไปทำสังฆทานที่วัดพระศรีฯ
ทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา (ไม่แน่ใจว่าดีรึป่าว แต่เอาน่า หยวนๆ มีเจตนาดีน่ะ)
มิสาชอบมากๆๆ

ไม่มีรูปถ่ายเลย
เพราะแม่มันต้องคอยจับมิสา ไม่สามารถถ่ายรูปไปด้วยได้

แล้วตอนเย็นก็กลับมาเป่าเค้กวันเกิดที่บ้าน
สมาชิกมีแค่ มิสา พี่หยี่ กิ๊ก คุณตามิสา คุณยายมิสา และน้ากลอย
เรียกว่า เป็นงานเล็กๆ แต่อบอุ่นนะคะ
งานนี้ ก็เลยเอาเค้กเล็กๆ แค่คัพเค้ก พอให้มิสาได้เป่าเทียน และกินเค้กแบบขำๆ








เป่าเทียนเสร็จ เจ้าของวันเกิดไม่รอช้า รีบชิมเค้กทันที 555





ส่วนของขวัญวันเกิด ถ่ายรูปไม่ทัน 555
(บอกแล้ว แม่มันยุ่ง เลยไม่ได้คิดว่าต้องถ่ายอะไรตอนไหนบ้าง)


เอาเป็นว่า วันเกิดปีนี้ของมิสา เราจัดงานอย่างพอเพียงละกันนะลูกนะ
แม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ก็อบอุ่นในแบบของครอบครัวของเรานะจ๊ะ



Create Date : 15 มกราคม 2555
Last Update : 30 มกราคม 2557 12:12:07 น.
Counter : 1377 Pageviews.

6 comment
1  2  

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments