All Blog
เลือกหมอ + เลือกรพ. ฝากครรภ์ + แพ้ท้อง
กิ๊กเคยตรวจภายในก่อนท้องกับคุณหมอผู้หญิงท่านนึง
ที่รพ. BNH (รพ.ประจำอยู่แล้วอ่ะค่ะ)
ซึ่งคุณหมอท่านนี้ก็ใจดี พูดจาดี ถามอะไรก็ตอบหมด
ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าถ้าท้อง ก็คงเอาหมอคนนี้แหละ
เพราะก็เคยเห็นอะไรกันมาแล้ว 555



แต่พอเอาเข้าจริง ก็เริ่มกังวล
เพื่อนๆก็แนะนำหมอมีชื่อมากันหลายๆท่าน
เราก็เลยลังเล


พอจะเลือกหมอ เรื่อง รพ. ก็จะควบคู่กันมาด้วย
เลือกไว้ 2 รพ. คือ BNH เพราะไปประจำ
กับ บำรุงราษฎร์ เพราะเคยไปส่องกล้องลำไส้ใหญ่ที่นี่ แล้วประทับใจดี
(ที่ตรวจท้องผูกก่อนท้องอ่ะค่ะ)


แต่เหตุผลง่ายๆที่เลือก BNH เลย เพราะว่าใกล้บ้าน
ไปมาสะดวก ถ้าวันอาทิตย์รถไม่ติดนี่ 10 นาที ก็ถึง
คือ คิดว่าฝากท้องเราต้องไปทุกเดือน บางทีมีเหตุฉุกเฉินมีอะไร
เลือกที่ไปมาสะดวกดีกว่า



พอตัดสินใจเลือก BNH ที่นี้ก็มาเลือกหมอ
อย่างที่บอกว่ากิ๊กมีหมอผู้หญิงที่ถูกใจอยู่
แต่ที่รพ.นี้ เค้าก็จะมีหมอที่ดังๆอยู่เหมือนกัน
แต่ปัญหาของหมอดังๆ คือ คนไข้เยอะ คิวแน่น
เพราะฉะนั้นเค้าจะไม่ค่อยมีเวลาให้เรา
แล้วเรายิ่งเป็นคุณแม่มือใหม่ มันก็อยากถามนู่นนี่เยอะแยะตามประสา



กับอีกอย่าง คือ หมอดังๆ จะรอคิวนานมาก
ขนาด book เวลาไว้แล้ว เอาเข้าจริงๆ เพื่อนบอกว่า ก็เลทเป็นชม.ๆ
กิ๊กรู้สึกว่าจะเสียเวลา + เสียสุขภาพจิตไปหน่อย



สรุป ก็เลยกลับมาเลือกคุณหมอผู้หญิงท่านเดิม
ซึ่งหลังจากไปหามาหลายครั้งแล้ว
ก็รู้สึกดีทุกครั้งเลยค่ะ
คุณหมอพูดจาดี ให้คำแนะนำตรงไปตรงมา ทำให้เราคลายกังวลหลายเรื่อง
(ยิ่งเวลาอัลตราซาวน์นะ คุณหมอบรรยายได้ขำกลิ้งมากๆ 555)
ถามอะไรก็ตอบหมด ไม่มีเร่งเลย

เพราะงั้น ก็เลยรู้สึกสบายใจ อยากไปหาคุณหมอทุกเดือน อิอิ
(จริงๆคือ อยากซาวทุกเดือนด้วย แต่มันแพง !!!)




อาการแพ้ท้อง



หลังจากที่ได้รู้ตัวว่าท้องแน่ๆแล้วเรา กิ๊กก็เริ่มกังวลกับอาการแพ้
สารภาพว่า ใจจริง อยากแพ้เยอะๆๆๆไปเลย 555
เพื่อนๆงงกันป่าว ว่าอีนี่มันบ้ารึป่าวเนี่ย 555



แต่จริงๆก็คือ กิ๊กเห็นบรรดาเพื่อนๆที่เค้าแพ้กันเยอะ จนขับรถไม่ได้เนี่ย
สามีเค้าก็ขับรถไปรับไปส่งที่ทำงานกัน
กิ๊กเป็นพวกขี้เกียจขับรถอ่ะ ก็อยากให้พี่หยี่ขับไปรับไปส่งบ้าง 5555
ต๊าย ตาย เหตุผลปัญญาอ่อนชิมิคะ แต่ก็..แค่นี้จริงๆอ่ะ 555


แต่ก็รู้แหละ อยากได้อะไร มักไม่ค่อยได้กะเค้าหรอก
ดังนั้น อาการแพ้ของกิ๊กจึงน้อยมากก


กิ๊กเริ่มแพ้ท้องตอนประมาณเกือบๆ 8 สัปดาห์
(ตอนไปญี่ปุ่น 6 สัปดาห์ สบายมาก ไม่มีแพ้เลย )
คือ คลื่นไส้บ้าง พะอืดพะอม ขมๆปากบ้าง ในระหว่างวัน
และมีอาเจียนบ้าง ประมาณวันละ 1 ครั้ง หลังเลิกงาน



รู้เวลาดีมั้ยล่ะ....ไม่มีให้แม่ได้อู้งานซักกะติ๊ด เฮ้อ
ที่ทำงาน เค้าเลยไม่มีใครเห็นใจเลย เค้าคิดว่าเราไม่แพ้ ทำงานได้สบายๆ


และนอกจากไม่แพ้มากแล้ว
กิ๊กยังเกิดอาการอยากกินไปหมดทุกอย่าง (ยกเว้นอะไร ติดตามต่อไป)
เป็นผลให้ นน. ช่วง 3 เดือนแรกนั้น ขึ้นมา 2 โลเลย
คนอื่นเค้ามีแต่นน.ลดกันเพราะแพ้ อาเจียน กินไม่ได้
อีนี่เล่นขึ้นมา 2 โล
(หมอให้แค่โลเดียว เพราะส่วนใหญ่แม่ๆจะกินไม่ค่อยได้)
ไม่รู้จนคลอดนี่นน.จะเพิ่มเท่าไร่...เง้อออ



ป่วย


ใช่ว่า กิ๊กไม่แพ้เลยแล้วจะสบายนะ
กิ๊กกลับมีอาการเหมือนตัวเองไม่สบายๆอยู่ตลอดเหมือนกัน
คือ อาการแพ้มันอาจจะไม่ได้ออกมาในรูปของการคลื่นไส้อาเจียน
แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมันทำให้กิ๊ก มีอาการที่แย่ๆ อยู่ 3 อาการ



ซึ่งช่วงที่ป่วยๆหยุดๆเนี่ย กิ๊กก็กลัวมากก
กลัวว่ามันเป็นไปตลอดจนกระทั่งคลอด
ไม่ได้คิดว่ามันมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนช่วงแพ้
แต่พอจริงๆ หลังจาก 13 week ไปแล้ว
อาการเหล่านี้ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
ก็เลยทำให้รู้ว่า สงสัยมันจะเป็นอาการแพ้ของเรานี่เอง



1. ท้องอืด

จากเดิมที่เป็นคนท้องอืดง่ายอยู่แล้ว
พอท้อง ทีนี้ซุปเปอร์อืดไปเลย
จะอืดมาก ตั้งกะหลังอาหารเที่ยงเป็นต้นไป
แบบกินอะไรแทบไม่ค่อยจะลงเลย แม้แต่น้ำ ก็ไม่ค่อยกิน
ทำให้ท้องผูกอีก (ส่วนท้องผูกนี่ เป็นประจำอยู่แล้ว เลยคิดว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะท้อง)



2. ปวดหลัง

ตั้งกะเกิดมา 30 กว่าปี กิ๊กไม่เคยมีปัญหาการปวดหลังเลย
อยู่ดีๆ ช่วงประมาณ 8 week ก็มาปวดหลังซะได้
มันปวดๆๆ ตั้งกะช่วงบ่ายๆไปเหมือนกัน พอตกเย็น – ค่ำ มันก็ร้าวไปที่ขา
จะก้มที ปวดชะมัด….
แต่จะดีหน่อย คือ พอนอน แล้วตื่นตอนเช้าก็หาย
แล้วบ่ายๆก็ปวดใหม่อีก


ถามเพื่อน เพื่อนก็ว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับท้อง เพราะท้องยังเล็กมาก
แต่กิ๊กก็งง ว่าจะเป็นได้ไง เพราะไม่ใช่โรคประจำตัวเรามาตั้งกะต้น
เพิ่งจะมาเป็นนี่แหละ


ทนปวดไปได้ 2 อาทิตย์ ถึงคิดได้ว่าไปหาหมอดีกว่า เหอ เหอ
หมอก็บอกว่า มีสิทธิ์เกิดจากการท้องได้ เพราะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
กระดูกอาจจะทำการปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
แล้วหมอก็ให้ยาพารามาทาน (ได้แค่นี้แหละ)...จบข่าว

ซึ่งเราก็ไม่อยากกินยาหรอก
เพราะถ้ากิน ก็ต้องกินทุกวัน ก็เลยทนๆไป


3. ปวดหัวไมเกรน
เป็นอาการที่ทรมานที่สุดในโลก เพราะกิ๊กเป็นไมเกรนอยู่แล้ว
แต่ปกติ พอปวดปุ๊บ กิ๊กก็กิน Cafagot (ยาแก้ไมเกรน) ปั๊บ
อาการก็หาย...เลยทำให้ไม่เดือนร้อนกับการเป็นไมเกรน


หมอบอกว่า ปกติคนท้อง...อาการไมเกรนจะไม่ค่อยเป็น
ช่วงก่อน 2 เดือน กิ๊กก็ไม่มีอาการปวดไมเกรนเลย
ก็ยังนึกดีใจว่า เออ ดีจัง

แต่ดีใจได้ไม่นาน พอเข้าเดือนที่ 2 อาการปวดไมเกรนเริ่มถามหา
ซึ่งพอท้อง หมอไม่ให้ทาน Cafagot ให้ทานแค่พารา
ซึ่งบอกได้เลยว่า แค่พารามันเอาไม่อยู่จริงๆ
แล้วพอเอาไม่อยู่ บางทีก็ปวดไปเลยแบบ 3 – 4 วันติด ทรมานมาก

หมอไมเกรน (ที่เคยไปหา) บอกว่า ถ้ารู้สึกเหมือนปวดไมเกรน
ให้เริ่มกินยาตั้งกะปวดนิดๆ เพราะถ้าปล่อยให้ปวดนาน
มันจะหายยากขึ้น
แต่พอเราท้อง พอปวดนิดๆ เราก็ไม่อยากกินยาใช่ป่ะ
ก็รอๆๆๆไป จนปวดเยอะ ทนไม่ไหว ก็ถึงกิน
แล้วมันก็ไม่หาย ก็ปวดไปเรื่อยๆเป็นวันๆ
กลุ้มใจมากๆๆๆ



แต่ในที่สุด พอช่วง 13 week อย่างที่บอก
ก็คือตอนหยุดยาวอาสาฬหฯ
พี่หยี่ตั้งข้อสังเกตุว่า กิ๊กไม่ปวดไมเกรนเลยนิ
กิ๊กก็นึกว่า สงสัยเพราะไม่ต้องไปทำงาน ก็เลยไม่เครียด 555
แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงไปทำงาน ก็ไม่ปวดแล้ว
สรุป กลายเป็นว่าไม่ปวดไปเลย
(ณ วันที่อัพเดท จากวันที่ปวดครั้งสุดท้ายน่าจะครบเดือนได้แล้วที่ไม่ปวด
ซึ่งถือว่า น้อยกว่าตอนยังไม่ท้องซะอีกอ่ะ
ตอนนั้นปวดเดือนละ 1-2 ครั้งได้....เย้ เย้ เย้ )



แปลก



นอกจากอาการป่วยดังกล่าวข้างต้น
กิ๊กก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงแปลกๆ
อย่างทึ่เค้าบอกว่า อะไรที่ชอบ พอท้องก็ไม่ชอบ
แต่อะไรที่ไม่ชอบ พอท้องก็มาชอบ อะไรแบบนี้
เห็นทีจะจริง...แต่ของกิ๊กจะมีแต่ที่ชอบ ก็กลับไม่ชอบมากกว่า

กิ๊กได้คัดอาการแปลกๆที่ว่า เรียงตามความ surprise ของตัวเอง และคนรอบข้าง
เริ่มจาก อันดับน้อยสุด



3. อาการเกลียดของหอม

เพราะปกติ กิ๊กเป็นคนชอบอะไรหอม
สบู่หอม เทียนหอม อโรมา อะไรต่างๆ ต้องเลือกกลิ่นก่อน


แต่มาหลังท้อง....ไม่ชอบเลยยย
คือ กลิ่นหอม มันก็ยังหอมนะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเหม็น
แต่ว่า รู้สึกว่า มันฉุนอ่ะ แบบฉุนไป เวียนหัว
อย่างสบู่ ก็ต้องใช้สบู่เด็กที่ไม่มีกลิ่น แป้งก็แป้งเด็ก
พวกเทียนหอม น้ำมันหอมที่เคยจุดนี่ เก็บไปเลย
ขนาดผ้าที่ซัก ก็ไม่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะถ้ามันติดเสื้อเนี่ย
เวียนหัวอ่ะ เหอ เหอ


2. อาการเกลียดอาหารญี่ปุ่น
ถ้าใครติดตามไดกิ๊กมาตั้งกะสมัยแรกๆ
จะรู้ว่ากิ๊กกับพี่หยี่ ชอบอาหารญี่ปุ่นมากก
เป็นอะไรที่ชอบเหมือนกันตั้งกะเป็นแฟน

แต่พอท้อง โดยเฉพาะหลังกลับจากทริปฮอกไกโด
ก็เกิดเอียนอาหารญี่ปุ่นซะงั้น
(แต่ตอนอยู่ญี่ปุ่นไม่เป็นเลยนะ มีแต่อยากกินนู่น อยากกินนี่ )
ตอนแรกพี่หยี่ก็นึกว่า สงสัยเพราะเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นเลยไม่อยากกิน
แต่พอเวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะอยากเลย
เห็นข้าวปั้น เห็นปลาดิบ ทนไม่ได้เลยอ่ะ
ถ้าดูทีวีอยู่นี่ต้องรีบเปลี่ยน
เป็นเอามากจริงๆ


คนที่ซวย คือ พี่หยี่ เพราะแต่ก่อนชอบเหมือนกัน
พอกิ๊กไม่กิน พี่หยี่เลยไม่ได้กินไปด้วย


แต่พี่หยี่ก็ปรับตัวได้
โดยการไปกินตอนข้าวกลางวัน (ทำงานคนละที่อยู่แล้ว)
ไปถึงก็สั่ง set lunch กิน ไม่ว่าจะฟูจิ จะ Zen
ตอนหลังมาบอกว่า ดีเหมือนกัน กินคนเดียว ประหยัดดี 555


อาการที่ต้องยกให้เป็นอันดับ 1 เลย

คือ อาการอยากอยู่บ้าน ไม่อยากออกไปไหน 5555

งงมั้ยคะ



คือ แบบว่า จริงๆแล้ว กิ๊กเป็นพวกชอบเที่ยวไง
ถ้าไม่ได้ไปเที่ยว ก็จะอยู่บ้านไม่ติดหรอก
ต้องออกไปห้าง ไปหานู่นนี่กิน ไปสปา
ไป one day trip ไปบ้านแม่ คือ อยู่ไม่ติดบ้านอ่ะ

แต่พอท้อง หลังกลับจากญี่ปุ่น ก็เกิดอาการเนือยขึ้นมาเลย
อยากอยู่บ้าน ไม่ไปไหนทั้งนั้น
รู้สึกว่า ออกไปมันร้อน มันเหนื่อย ก็ไม่อยากไปอ่ะ


คือถ้า อยากไป แต่ไปไม่ได้ เพราะต้องระวังนู่นนี่ก็ว่าไปอย่าง
มันก็จะไม่ happy
แต่นี่คือ ไม่อยากไปเอง การอยู่บ้าน ก็เลยทำให้ happy มากๆ
นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ดูทีวีไรงี้


คนรู้จักทุกคน งงมาก ว่าไอ้กิ๊กเป็นอะไร อยู่ติดบ้านเป็นด้วยเหรอ
เวลามีคนถาม เสาร์-อาทิตย์นี้ไปไหน
ปกติ กิ๊กก็จะมีคำตอบตลอด ไปหัวหิน ไปนู่น ไปนี่
มาคราวนี้....ก็จะบอกว่า ไม่ไปอ่ะ อยู่บ้าน
ทุกคนจะงงกันมาก 555


เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นไปแล้วนะ
คือ กลับจากญี่ปุ่น ก็มีไปหัวหินครั้งเดียว
แล้วก็ไม่ได้ไปไหนแล้วอ่ะ
เก็บ voucher ท่องเที่ยวไว้ไปช่วง 4-6 เดือน (ที่หมอว่าปลอดภัย)
หยุดยาว 5 วัน (อาสาฬห) ก้ไม่ไปไหน อยู่บ้านอ่ะ


แต่สำหรับเรื่องเที่ยวอ่ะ ก็ยังอยากไปอยู่นะคะ
แต่จะเป็นแนวพักผ่อนจริงๆอ่ะ
คือ ไปถึงก็นอนโรงแรม เย็นออกไปหาไรกิน กลับมานอน chill
คือขอแค่นี้อ่ะ จะให้ไปตะลอนนู่นนี่ หาที่เที่ยว หาร้านกาแฟ หาสปา อะไรงี้
ไม่เอาอ่ะค่ะ ขอแบบพักจริงๆ



เปื่อย


ก่อนจบ ขอบันทึกการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง
เป็นอาการที่เรียกว่า ออกแนวโทรม 555


คือ ตั้งกะท้อง กิ๊กเกิดอาการ ไม่มีอารมณ์อยากแต่งตัวอย่างแรง
คือ เสื้อผ้า ไม่ซื้อ (เงินเหลือเป็นกอบเป็นกำ) หน้าเหน่อไม่แต่ง
ผมเผ้ากระเจิดกระเจิงโทรมมากก
เสื้อผ้าก็ใส่เก่าๆไปนั่นแหละ เน้นสบายพุงเป็นหลัก
หน้าก็โทรม...แรกๆ ขี้เกียจล้างหน้าอีกตะหาก สิวขึ้นเห่อเลย
ตอนหลังดีหน่อย ล้างหน้าทุกวัน สิวหายหมดแล้ว


เพื่อนๆส่วนใหญ่ เลยทายว่าจะได้ลูกชาย
เพราะแม่โทรมเหลือเกิน
วันๆไม่ทำอะไร...นอนอืดอยู่บ้าน
กินๆ นอนๆ..
ใครก็ทายว่าลูกเราจะขี้เกียจ 555


และด้วยความโทรม ก็ไม่ค่อยอยากไปไหน
ไม่อยากเจอเพื่อน เดี๋ยวมันเห็นว่าเราโทรม
ไม่อยากออกงาน งานแต่งนี่ไม่อยากไปเลย 555
เพื่อนชวนไปต่างจว.ก้ไม่อยากไป เพราะไม่อยากตากแดด ไม่อยากเหนื่อย
(คือ ไปกะเพื่อนมันก็จะลุยๆกัน ไม่ทะนุถนอมเหมือนไปกับพี่หยี่)
สงสัยว่า จนคลอดเนี่ย เพื่อนมันคงขับไล่ไปจากลุ่มแน่ๆ
เพราะไม่ไปไหนกับใครเค้าซักงาน



เพื่อนๆมีอาการอย่างงี้กันบ้างมั้ยคะ....เง้อออ



แต่ก็มีที่ๆนึง ที่ชอบไปมากๆ...ไว้เดี๋ยวค่อยๆมาเฉลยดีกว่า
พี่หยี่บอกว่า เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ อิอิ



ปล. ว่าจะไม่เขียนยาว ก็ยาวอีกล่ะ อย่างว่า นานๆเขียนที เรื่องที่เขียนก็เลยเยอะอ่ะค่ะ ขออภัยที่ทำให้เพื่อนๆต้องใช้เวลานาน อิอิ



Create Date : 31 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 17:53:44 น.
Counter : 2039 Pageviews.

0 comment
มีน้องแล้วจ้า ตอนแรก กำเนิด "น้องเวนิซ" อิอิ (12/5/09)
ก่อนอื่นต้องขอเล่าเท้าความนิดนึงถึงเรื่องที่จะมีน้องเนี่ย
กิ๊กกับพี่หยี่แพลนกันไว้ตั้งกะก่อนแต่งแล้วว่า
จะอยู่ด้วยกันแบบ 2 คนใช้ชีวิตตามประสาสามีภรรยา (ข้าวใหม่ปลามัน อิอิ)
ซัก 2 ปีก่อน แล้วถึงจะปล่อยให้มีน้อง
แต่ไปๆมาๆ เที่ยวเพลินกันไปหน่อย 555
แบบว่า ช่างเที่ยวทั้งคู่
KPI ในการเริ่มมีน้องของกิ๊กก็เปลี่ยนไป
คือ ปีนึง เราจะมีโอกาสไปเที่ยวทริปต่างประเทศยาวๆกัน 1 ทริป
ทีนี้ กิ๊กก็อยากไปอยู่ 2 ประเทศ

คือ สวิส กะ อีตาลี

กิ๊กเลยบอกพี่หยี่ว่า
กิ๊กจะท้องก็ต่อเมื่อได้ไปสวิส กะ อิตาลี ครบก่อน 555



เดิมทีพี่หยี่ก็กะว่า
ไปแบบที่กิ๊กชอบปีนึง แล้วก็สลับแบบที่พี่หยี่ชอบปีนึง
แต่ด้วยขำขู่ประการฉะนี้แล้ว
หลังจากที่ไปสวิส
พี่หยี่ถึงกับต้องยอมเอาทริปแบกเป้เนปาลเลื่อนถอยออกไป
แล้วก็เอาทริปอิตาลีมาไว้ในปีถัดไป
(ถัดจากสวิส เพื่อนจำได้ใช่มั้ยคะ ว่ากิ๊กไปสวิสมาเมื่อปีที่แล้ว)
เพื่อกิ๊กจะได้ยอมมีน้องซะที 555



หลังจากที่ปีนี้ เราตกลงกันว่าปีนี้เราจะไปอิตาลีกันนะ
เรา 2 คน ก็เริ่มคุยกันว่า เออ หลังกลับมา
ก็คือ ครึ่งปีหลังของปี 52 ก็จะเริ่มปล่อยให้มีน้องกันล่ะ
แต่ว่าน้องจะมาเมื่อไร่ ก็แล้วแต่น้องละกัน



ต้นปี 52 กิ๊กก็ไปคุยกับคุณหมอ
มีการตรวจภายในเพื่อเตรียมตัวมีน้อง
แล้วก็มีไปส่องกล้องลำไส้ใหญ่
เพื่อแก้ไขปัญหาท้องผูก
เนื่องจากกิ๊กติดยาถ่ายมาก ต้องกินทุกวัน ไม่กินไม่ออก
จนปัจจุบัน ปัญหานี้ก็ยังแก้ไม่ได้อยู่ดี..



ตัดภาพมา เหตุการณ์ก่อนไปอิตาลี
ก็มีเพื่อนสนิทกิ๊กคนนึง
(นั่นก็คือ เพื่อนจุ๋ม เดี่ยวมือหนึ่งของกิ๊กแอนด์เดอะแกงค์นั่นเอง)
บอกว่าให้เอา “น้องเวนิซ” มาฝากด้วย 555
แล้วมันก็ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ
มันบอกว่า ชื่อเล่น เวนิซ ชื่อจริง “เวนิสา” ชื่อฝรั่ง “เวนิซ่า”
เหอ เหอ เอากะมันสิ



กิ๊กก็เลยมาคุยกับพี่หยี่ขำๆ ว่า
เออ น้องเวนิซก็น่ารักดีนะ อิอิ
พี่หยี่ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย...
และแล้ว process ของการ Made in Venice ก็เริ่มขึ้น 555



แต่ด้วยความที่เรากะจะมีน้องเวนิซกันแบบขำๆ
เราทั้งคู่ก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
กลับมาจากอิตาลีก็ทำตัวปกติ
ไม่ได้คิดว่าจะมีน้องแต่อย่างใด...



ประมาณวันศุกร์ที่ 8 พ.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดวิสาขฯ
กิ๊กพาคุณแม่ไปเที่ยวพัทยา
ซึ่งไปพักที่ Zthrough by the Zign
ซึ่งห้องที่จองเป็นแบบ pool access
เพราะคุณแม่อยากว่ายน้ำมากๆๆ
ซึ่งจริงๆมันเป็นกำหนดที่ปจด.กิ๊กต้องมาแล้ว
กิ๊กถึงกับต้องภาวนาว่า ปจด.อย่าเพิ่งมานะ
เพราะถ้ามาก็อดว่ายน้ำ หมดสนุกกันพอดี
อุตส่าห์เสียค่าที่พักแล้ว เดี๋ยวไม่คุ้ม 555




ปรากฏว่า วันที่ไปปจด.ก็ยังไม่มา ดีใจมากๆๆ
เย็นนั้นก็ว่ายน้ำแหลก จนหน้าซีด ปากสั่น มือเหี่ยวไปหมด คุ้มสุดๆ 555



คิดว่า เออ พรุ่งนี้ปจด.มาก็ไม่เป็นไรแล้ว เพราะว่ายจนคุ้มแล้ว...
ปรากฏวันรุ่งขึ้น ปจด.ก็ยังไม่มา
ตอนเช้าก็ว่ายน้ำอีก เอาให้คุ้มไปเรยย...
แต่มีเรือ่งที่น่าแปลกใจตรงที่ว่าช่วงนั้น พอกิ๊กกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว
ท้องจะอืดมากๆๆๆ ต้องกินแอร์เอ๊กซ์ตลอด
ทั้งๆที่ตั้งแต่กิ๊กไปปรึกษาหมอเมื่อตอนต้นปี
อาการท้องอืดหายไปแล้ว ไม่เคยต้องกินแอร์เอ็กซ์อีกเลย



วันอาทิตย์ มีนัดกับเดอะแกงค์ (เพื่อนจุ๋ม แอนด์ผองเพื่อน)
ไปงานทำบุญบ้านของเพื่อนที่จ. ราชบุรี ก็ไปกันทั้งวัน...
แล้วก็มีเรื่องตลกตอนกินข้าวเย็นกัน
เพราะวันนั้นกิ๊กท้องอืดมากก
กินข้าวเย็นได้น้อยๆสุดๆ
ซึ่งผิดวิสัย เพราะปกติในกลุ่มเพื่อน(ทุกๆแก็งค์)จะรู้กันว่า
กิ๊กเป็นคนกินเก่งมากกก

พอวันนั้นกินได้น้อย เพื่อนมันก็ทักว่า เดี๋ยวนี้ไอ้กิ๊กกินน้อยจัง
ซึ่งกิ๊กเอง จะเป็นคนยอมไม่ได้
ถ้ามีใครมาว่าตัวเองกินน้อยย 555 (หยั่งงี้ก็มีด้วยนะ)



แต่ว่าท้องมันอืดจริงๆอ่ะ
ก็เลยต้องแก้ตัวกับเพื่อนๆว่า เนี่ย ท้องอืด
สงสัยเป็นเพราะกินเป๊ปซี่ตอนกลางวัน (กินไปแค่ 2 อึก)
แบบว่า ยังไงก็ไม่ยอมที่ใครมาว่ากินน้อย
พร้อมกับควักแอร์เอ๊กซ์มากินให้เพื่อนเห็นว่า
ชั้นท้องอืดจริงๆนะยะ ไม่ได้ฟอร์ม 555



จนวันจันทร์ ไปทำงาน ปจด. ก็ยังไม่มา
ซึ่งบอกเลยว่า ไม่ได้สงสัยว่าจะท้องเลยนะ
แค่คิดว่ามันคงมาเลท
(ปจด.กิ๊กมาเลทบ้าง แต่มาครบทุกเดือนไม่เคยขาด)
แต่พอดีได้คุยกับน้องที่ทำงาน
เรื่องที่เทสต์ตั้งครรภ์ เพราะกิ๊กไม่รู้จัก
และกิ๊กคิดว่าจะเทสต์ได้ ต้องท้องได้ 2-3 เดือนอะไรแบบนี้
แต่น้องที่ออฟฟิศบอกว่า ปจด.ไม่มาแค่วันเดียวก็เทสต์ได้แล้ว...
เย็นนั้นกิ๊กเลยบอกให้พี่หยี่แวะซื้อมาลองหน่อยดีกว่า
เอาน่าขำๆ ไม่ได้ซีเรียส (ขำๆตลอดอ่ะ เหอ เหอ)
ส่วนตัวเองไม่กล้าซื้อ..อายน่ะ 555



ตอนเย็น พี่หยี่โชว์ที่เทสต์ บอกว่าซื้อมาแล้วนะ
แต่เค้าบอกว่า เทสต์ตอนเช้าจะได้ผลสุด
เอาไว้เทสต์ตอนเช้าละกัน...
กิ๊กยังพูดเลยว่า ถ้าพรุ่งนี้เช้า ปจด.มา
พี่หยี่ได้เสียเงินฟรีแน่ อิอิ



เช้าวันรุ่งขึ้น (วันอังคาร) รีบปลุกพี่หยี่
เข้าไปลุ้นในห้องน้ำด้วยกัน คือ ที่ลุ้นเนี่ย ก็กะขำๆเลยนะ
แบบลองทำฟอร์มล่วงหน้าว่า
ถ้าถึงเวลาลุ้นจริงๆจะเป็นไง 555
ปรากฏพอเทสต์ออกมา 2 ขีดคับ...



งงไปเลยท่านผู้อ่าน…



หลังจากที่อ่านผลจากกล่องเทสต์
(เพราะไม่รู้ว่ากี่ขีดคืออะไร 555)
พี่หยี่เข้ามากอดกิ๊กทีนึง ประมาณว่า
เราจะได้เป็นพ่อคนแม่คนกันแล้วนะ แต่ว่ากิ๊กยังไม่เชื่อ 555



ถ้ามีคนถามความรู้สึกแรกที่รู้เนี่ย ดีใจล่ะสิ...
ก็ต้องบอกว่า มันเป็นความงงมากกว่า แบบ งงๆ ยังไม่ค่อยเชื่อ...
ใจกิ๊ก ยังคิดว่า 50:50 เลยด้วยซ้ำ
กะว่าจะรอต่อไปเผื่อปจด.จะมาเลท (เอากะเค้าสิ เหอ เหอ)




ส่วนพี่หยี่ ก็ไม่รู้ว่าที่เทสต์มันชัวร์แค่ไหน
รีบโทรไปถามพี่สาว (ซึ่งมี่น้องมาแล้ว)
ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่า ที่เทสต์มันแม่น 99% แล้วแหละ…



แต่เราก็ยังงงๆกันว่า เฮ้ย มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
(ง่ายจริงๆนะ คือ ครั้งเดียวติดจริงๆ)



แล้วพอดีวันศุกร์ที่จะถึงนั้น
ก็จะไปญี่ปุ่นกันแล้วก็คิดกันว่า
เอาไว้ไปญี่ปุ่นกลับมาค่อยไปหาหมอละกัน
ใจกิ๊กยังรอ เผื่อว่าปจด.อาจจะมา
หรือถ้าท้องจริง อายุครรภ์ก็ยังน้อยอยู่
น่าจะหาหมอทัน แบบว่าไม่ต้องรีบ...



ขับรถไปทำงาน โทรคุยกัน
ต่างคนต่างไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่จะไปหาหมอ
แต่ใจกิ๊กก็กังวลนะ กว่าจะกลับจากญี่ปุ่น
สงสัยกังวลตายแน่เลย ท้องไม่ท้องฟระ อะไรแบบนี้
แต่ก็ไม่กล้าบอกพี่หยี่ ...
คือ เชื่อพี่หยี่อ่ะ พี่หยี่บอกให้กลับมาก่อนก็ได้
เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเรา บ้าไปป่าว...



ปรากฏ ประมาณ 10 โมงเช้า พี่หยี่โทรมา บอกว่า
พี่นัดหมอไว้แล้ว ที่ BNH เดี๋ยวกลางวันจะขับมารับไปหาหมอนะ 5555



ขำเลย...



สุดท้าย ต่างคนต่างคิดเหมือนกัน แต่ไม่มีใครพูด...
แล้วพี่หยี่ลงทุนมาก ทำงานอยู่สำโรง
ขับรถมารับที่ลาดพร้าว
พาไปหาหมอที่สาธร เหอ เหอ แสดงว่า เห่อกว่า อิอิ



พบคุณหมอเพื่อตรวจปัสสาวะว่าท้องจริงป่าว 555
คุณหมอก็บอกว่าผล positive ค่ะ



ตั้งท้องแล้ว นับอายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์ค่ะ



หลังจากนั้น ก็ปรึกษาคุณหมอเรื่องจะไปเทียวญี่ปุ่น
ต้องขึ้นเครื่องบิน จะเป็นอะไรรึป่าว (คือ กังวลไปสารพัด)
คุณหมอก็บอกว่า ไม่เป็นอะไร แต่เวลาเที่ยวห้ามเดินเยอะ
อย่าทำอะไรจนเหนื่อยมาก ฯลฯ



ซึ่งก็เรา 2 คน ก็คิดว่าน่าจะโอเค
เพราะไม่ได้เที่ยวแบบแบคแพค เพราะเราขับรถเที่ยวกันเอง
แถมยังมีหม่าม๊า (sponsor ใหญ่ อิอิ) กะพี่ชายพี่หยี่ไปด้วย
เราก็คงเที่ยวกับแบบ chill chill อยู่แล้ว
ไม่ได้สมบุกสมบันมาก...



แต่จริงๆอยากสารภาพว่า
ตอนคุณหมอ อธิบายอะไรต่างๆนั้น
รู้เลยว่า ไอ้อาการเหมือนหูอื้อ ฟังอะไรไม่รู้เรื่องมันเป็นยังไง
เพราะกิ๊กนะ ไม่ได้ฟังหรอก ทำท่าเหมือนตั้งใจฟัง
แต่จริงๆในใจมันมัวแต่คิดว่า

นี่เราท้องแล้วเหรอ

เราจะเป็นแม่คนแล้วเหรอ ๆๆๆ ซ้ำๆอยู่อย่างงั้น
เรียกว่า ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาออกไปเลยอ่ะ เหอ เหอ



นี่แหละค่ะ สำหรับปฐมบทแรกของว่าที่คุณแม่คนใหม่ อิอิ
น้องอาจจะมาเร็ว (และง่าย) กว่าที่คาดไว้นิดหน่อย
แต่ก็ถือว่า เราทั้งคู่ก็พร้อมแล้ว
ทั้งทาง physically (การเงิน) + mentally (จิตใจ แต่อันนี้อาจจะแกว่งได้นิดๆ 555)



มีเพื่อนหลายคน ถามว่า
ทำไมรู้เร็วจัง (รู้ตอน 5 สัปดาห์)
ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะมีเลยนะ
ปจด. มาตรงเลยเหรอ อะไรแบบนี้


อันที่จริง ก็ต้องขอบคุณน้องอ้อ (น้องที่ออฟฟิศ)
ผู้แนะนำที่เทสต์ ให้กิ๊กรู้จักมากกว่า
คือพอรู้ว่า มันมีที่เทสต์ ซึ่งมันเทสต์ได้หลังปจด.ขาดแค่ 1 วัน
กิ๊กก็เลยอยากลองเทสต์ดู (แม้จะแบบขำๆก็เถอะ)



แต่ก็รู้สึกดี ที่เรารู้ตัวเร็ว
เพราะมันทำให้เรา ระมัดระวังตัวได้เร็วขึ้น
เริ่มทานอาหารที่มีประโยชน์ (และงดอาหารที่เป็นโทษ)
ได้เร็วขึ้นด้วย







นี่เราจะเป็นแม่คนแล้วเหรอเนี่ย ตื่นเต้นๆๆๆๆ



ปล. (อันนี้ติดเรตเล็กน้อย ผู้ที่ยังไม่แต่งงานไม่ควรอ่าน) ก่อนจบ ขอบันทึกเรื่องการนับอายุครรภ์ของตัวเองเอาไว้หน่อย (บอกแล้วว่าจะขอบันทึกละเอียดๆ) คือ สำหรับคนที่ตั้งใจมีน้องเนี่ย การนับอายุครรภ์ ก็คงไม่ยากเท่าไร่ เพราะคงมีการจดวันแรกที่มีปจด.ครั้งสุดท้าย รวมทั้งวันที่ปฏิบัติการกันเอาไว้อยู่แล้ว แต่สำหรับคนไม่ตั้งใจอย่างกิ๊กเนี่ย มันก็เหมือนจะยากก...


แต่ว่า สำหรับคู่เรา ไม่ยากเลย เพราะ ปฎิบัติการน้องเวนิซ เกิดขึ้นในคืนที่เราค้างที่เวนิซ 555 แล้วหมอก็ถามว่า วันแรกของปจด.ครั้งสุดท้ายคือ เมื่อไร่ คำถามนี้ กิ๊กนึกแทบไม่ออก แต่มานึกขึ้นได้ว่า เดือนก่อน เราไปเที่ยวเกาะช้าง (ดูตามลิงค์ได้ค่ะ) เราพักห้องแบบจากุชชี่ และในวันสุดท้ายนี่เอง ที่ปจด.กิ๊กมา ทำให้กิ๊กอดแช่จากุชชี่ ปล่อยให้พี่หยี่ได้แช่จากุชชี่ chill chill อยู่คนเดียว โดยมีเราคอยเก็บภาพ...นึกได้ดังนี้แล้ว กิ๊กก็เลยจำได้แม่นว่าคือวันที่เท่าไร่...โชคดีเลยที่มีเหตุการณ์ทำให้เรานึกออก (ได้เที่ยวนั่นเอง 555) ทำให้การกำหนดอายุครรภ์ของเราค่อนข้างแม่นยำค่ะ



Create Date : 31 ตุลาคม 2552
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 8:44:07 น.
Counter : 1073 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments