All Blog
บทสนทนาสั้นๆ แต่มีความหมาย (6/10/2010)


คั่นเวลาการรำลึกความหลังของ group blog นี่หน่อย
ว่าด้วยบทสนทนากับพี่หยี่ เมื่อกี๊นี้เลย

ที่ต้องขอเอามาบันทึกออกสื่อ
ไม่ใช่เพราะพี่หยี่ไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้นะ
แต่เป็นเพราะพี่หยี่พูดหลายทีเหมือนกัน
กิ๊กก็รู้สึกปลื้มนะ แต่แบบ...เป็นคนไม่แสดงออก
ไม่ก็แสดงออกด้วยการหัวเราะกลบเกลื่อน
แล้วพี่หยี่ก็จะต่อว่า...
หาว่าเราไม่มีโหมดซึ้งอะไรกับเค้าบ้างเลย

คราวนี้เลยแก้ตัว..
บันทึกทันที 555
เรื่องมีอยู่ว่า

เมื่อกี๊พี่หยี่เพิ่งกลับจากไปงานแต่งงานมา
พอกลับมา ก็พูดทำนองว่า
ไปงานแต่งงานคนอื่นแล้ว..ก็จะคิดว่า เราก็เคยแต่งงานมาแล้ว ?!?
งงมะ...
กิ๊กเลยถามว่า



กิ๊ก : แล้วไง...อยากแต่งใหม่ ?

พี่หยี่ : ให้แต่งกะใครล่ะ

กิ๊ก : (เวงกำ ..ผัวชั้น ทำไมถามงี้)... ก็แต่งกะอีเหียกนี่ไง (ตอบแบบแซวตัวเอง เพราะนั่งให้นมลูกอยู่ สภาพดูไม่จืด)

พี่หยี่ : ถ้าแต่งกะอีเหีอกนี่เอา....ถ้าแต่งกับคนอื่นไม่เอา

กิ๊ก :


บทสทนาที่อาจจะดูเล็กน้อย
แต่อยากบอกพี่หยี่ว่า

เราซึ้งนะ



Create Date : 06 ตุลาคม 2553
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 22:11:40 น.
Counter : 933 Pageviews.

4 comment
รำลึกความหลัง (4) : Surprise วันเกิดสุดประทับใจ (25/2/2006)
ฉลองวันเกิดปีที่กิ๊กถือว่าเป็นปีที่ประทับใจสุดๆเลย
คือ ปีที่พี่หยี่พาไปฉลองที่ village farm วังน้ำเขียวค่ะ
เลยขอเลือกเรื่องนี้มาลงในบล๊อคอีกครั้งนะคะ
แต่ไม่มีรีวิวที่พักนะคะ เพราะรีวิวทำไปแล้ว
อยู่ในหมวด stay in my style แล้วค่ะ
ไปดูกันเอาเองที่นั่นละกันนะ 555


+ + + + + + + + + + + + + +


ในที่สุดทริป Village farm ของกิ๊กก็เป็นจริงซะที
หลังจากเจอโรคเลื่อนมา 2 ครั้งแล้ว
ตอนแรกเลย กิ๊กจองไว้ตั้งกะ 14 ม.ค. กะว่ายังหนาวอยู่ คงโรแมนซ์สุดๆ

พอวันที่ 14 เตรียมตัวอย่างดี กะว่าบ่ายๆออก
เพราะพี่หยี่ต้องไปทำงานวันเสาร์ แต่โดดครึ่งวัน
ปรากฏว่าต้องเลื่อนเพราะพี่หยี่งานไม่เสร็จ

เลยเลื่อนไปวันที่ 4 กุมภา ก็ปรากฏว่าพี่หยี่ติดงานปีใหม่ที่โรงงานอีก

เลย แบบว่าไม่ไหวแล้ว ให้พี่หยี่จัดการโทรเลื่อนเองละกัน
พี่หยี่ก็เลยมาเลือกเอาวันที่ 25 ซึ่งเป็นวันเกิดกิ๊กพอดี

ซึ่งวันนี้พี่หยี่ก็จัดการ ลากิจเรียบร้อยเลย
กลัวว่าถ้าโดดเฉยๆอาจโดนกักตัวไม่ให้ออกมาได้
แต่ขอโทษนะคะ ช่วงนี้ร้อน + อ้าวสุดๆ
ก็คงไม่เหลือความโรแมนซ์ แล้วล่ะค่ะ

เลย..แบบว่า (อีกที) ไม่คาดหวังอะไรใดๆในแง่ความสวยงาม

เนื่องจาก มันนานเกินไปค่ะ !!

จองนานจนลืมข้อมูลไปหมดแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ต้องแวะอะไรที่ไหน เนื่องจาก หมดไฟ เจ้าค่ะ !!

ห้องที่พี่หยี่จองให้พัก คือ ห้อง Memory ค่ะ
ราคาห้อง รวม dinner สำหรับ 2 คน ราคาอยู่ที่ 6,000 บาท (ปี 2006 นะ)

ซึ่งเรื่องห้องเนี่ยมีเรื่องตลก ( ปนเศร้าของพี่หยี่ )
คือ ตอนแรกเลยเนี่ย เราจองห้อง Green Leaves ไ
ปซึ่งราคามันจะแค่ 4,800 บาท (ถูกสุดของ Swiss Chalet)
แต่พี่หยี่ เค้าอยาก surprise วันเกิดกิ๊ก
พี่ท่านก็เลยโทรไปเปลี่ยนเป็น Memory
เพราะห้องนี้เป็นห้องเดียวที่สามารถมองวิวสวยๆ จากบนเตียงได้
และก็มีระเบียงห้องกว้างที่สุด เห็นวิวสวยที่สุด ประมาณนั้น
(พี่แกถามข้อมูลเองเสร็จสรรพ)
กะให้กิ๊กเห็นแล้ว surprise ประทับใจสุดๆ

ปรากฎว่า มาถึงห้องก็แล้ว จนหลับไปตื่นนึงก็แล้ว
อีนี่ ก็ไม่รู้สึกอะไร ยังคงคิดว่าเป็นห้อง Green Leaves ที่จองมา
แถมยังบอกว่า เนี่ย ถ้าห้องละ 4,800 เราก็ว่ามันแพงไป ไม่คุ้ม 55555

พี่หยี่เลยต้องเฉลย ถามเราว่า ห้องนี้เหมือนในรูปที่ดูมารึป่าว
แต่ปรากฎ อิชั้นจำไม่ได้แล้วค่ะ
ก็บอกแล้วว่า ดูมานานมั่กๆๆๆ แล้ว จำไม่ได้
พี่หยี่เลยบอกว่า นี่มันไม่ใช่ห้อง Green Leaves นะ
มันห้อง Memory นะ ราคาตั้ง 6,000 กะจะให้ surprise ซะหน่อย
แต่อีนี่ไม่รู้เรื่องเล้ยยยยย 5555

ตกเย็น เรา 2 คน ก็ไป dinner กันที่ห้องอาหารของรีสอร์ทน่ะแหละ (ราคารวมในแพคเกจ)
ต้องบอกว่า ระหว่างที่ทานเนี่ย เค้าจะมี ดนตรีสด เป็นไวโอลิน กะเปียโน มาเล่น
แล้วก็ให้ขอเพลงได้ด้วย

อยู่ๆก้ได้ยินเพลง Happy Birthday ขึ้น
ไอ้เราก็นึกว่าของเราค่ะ
ประมาณว่า พี่หยี่ เซอร์ไพรส์ ไรเงี้ย
ก็ยังงงๆ เอ๊ะ ! จะมาให้เป่าเค้ก เซอร์ไพรส์ อะไรตอนนี้
ยังเพิ่งกินสลัดอยู่เลย

ปรากฎว่า เป็นของโต๊ะรุ่นคุณน้าคุณอาน่ะค่ะ เป็น 10 คนเลย
โต๊ะนั้นมีคนเกิดวันนี้เหมือนกัน
แปร่วว !!

แต่ก็เฉยๆ ไม่ได้คิดไรมาก
ก็กินต่อไปเรื่อยๆ

พอถึงช่วงทาน main dish อยู่ ก้ได้ยินเสียงเพลง
HBD ขึ้นอีกครั้งค่ะ
ก็ เอ๊ะ ! ของเรารึป่าว
(ยังไม่เข็ดค่ะ ก็โต๊ะเค้าร้องไปแล้วนี่)

ตื่นเต้น ๆๆๆๆๆ

ปรากฏว่า ของโต๊ะคุณน้า 10 คน นั่นเหมือนเดิมค่ะ

คราวนี้ เค้าเอาเค้กมาด้วย แล้วก็เป่าเทียนกัน
เฮ้ออออ เริ่มยั๊วะค่ะ ปลงแล้ว ไม่มีแน่ตู
รอจนทาน main dish เสร็จ
เตรียมตัวกินของหวาน

ปรากฎว่า มีเพลง HBD ขึ้นมาอีกแล้วค่ะ
ไอ้เราก็... เออ ของโต๊ะนั้นชัวร์ อะไรจะร้องกันอยู่นั่นฟะ
ไม่เกรงใจคนเกิดวันเดียวกัน (แต่ไม่ได้อะไร)บ้างเล้ยยย

คราวนี้ยอมแพ้แล้วค่ะ ไม่ใช่ของเราแน่นอน......



แต่ปรากฎว่า...

พนักงานเค้าเอา Smiley มาวางไว้ตรงหน้าเราค่ะ
(คือเค้าเดินมาจากด้านหลัง เราเลยมองไม่เห็นเลย)

อุ๊ย !! ตื่นเต้นอ่ะ งง ด้วย

แล้วโต๊ะคุณน้า 10 คน ก็หันมามองเราหมดเลย เพราะเค้าได้ยินเพลง HBD
เค้าก็คงงงอ่ะค่ะ ว่าวันเกิดใครอีก

แล้วทุกคนในร้าน ก็เลยร่วมร้องเพลง HBD ให้เรากันหมดทุกคนเลยค่ะ



เขิน...

เขินนน..จริงๆนะ

happy ๆๆๆๆ มากๆเลยยยย....


แล้วพอเพลงจบ เราก็เลยเป่าเทียน
พอเทียนดับ ปรากฏว่า พนักงานร้าน เค้าก็ถือช่อดอกไม้ช่อเบ่อเริ่มมาให้พี่หยี่
แล้วพี่หยี่ก็มอบช่อดอกไม้ให้เรา
แล้วทุกคนในร้าน ตบมือกันเกรียวอ่ะค่ะ



โอ๊ยยย เซอร์ไพรส์ + งง + ซึ้ง + ประทับใจ มากๆๆๆ จริงๆ

เหมือนในหนัง ในละคร จริงๆนะ
บรรยายความรู้สึกตื้นตันไม่ถูกค่ะ
มันงงไปเลย เขินด้วย

คืออย่างเค้กเนี่ย ก็ยังแอบคิดนิดๆว่า เออ อาจจะมี เซอร์ไพรส์
(แต่หลังจากเจอ โต๊ะคุณน้า 10 คน ร้องไป 2 รอบ ก็หงิ๊ดแล้วค่ะ)

แต่ดอกไม้เนี่ย ไม่คิดค่ะ !!

เพราะพี่หยี่อยู่กะเราตลอด เค้าจะเอาดอกไม้มาจากไหนล่ะ ??
แล้วชนบทขนาดนี้ ไม่มีร้านดอกไม้อ่ะค่ะ
เลยเป็นอะไรที่ไม่ได้ expect เลยว่าจะได้
คือถ้าได้จริงๆ ก็แอบคิดว่า มันน่าจะได้ตั้งกะตอนเช้า
ที่พี่หยี่มารับที่บ้านแล้ว
พอมาโดนเซอร์ไพรส์ตอนนี้ ก็เลยอึ้งเล็กน้อย


แล้ว moment นั้น ก็ยังเป็นอะไรที่...
แบบ..ประทับใจ
จังหวะมันดีด้วยอ่ะค่ะ

รูปดินเนอร์ของเรา 2 คน





เสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องพักค่ะ
กิ๊กเองก็นึกว่า โอเค จบพิธีการฉลองวันเกิดเรียบร้อย
แต่ปรากฏว่า พี่หยี่แอบเอาของขวัญซ่อนไว้ใต้หมอนกิ๊กค่ะ
ไอ้เราก็เช่นเคย ไม่ได้รู้เรื่องหรอกจะนอนอย่างเดียว

จนพี่หยี่ต้องบอกว่า...

เออ จัดหมอน จัดอะไรให้มันเรียบร้อยก่อนนอนได้มั้ย

กิ๊กก็ว่า เอ๊ะ จะจัดทำไมวุ้ย
ไม่ได้เป็นคนเนี๊ยบ เรียบร้อยขนาดนั้นซะหน่อย
พอจัดไป ก็เลยได้เจอเจ้ากล่องนี้ค่ะ





ก็เลย surprise มากๆๆ (อีกแล้ว) แต่ที่ปลื้มมากกว่ามูลค่าของของ
ก็คือ พี่หยี่บอกว่า เพิ่งไปเลือกซื้อให้เมื่อคืน ซึ่งตอนแรกเนี่ยพี่หยี่บอกไว้แล้วว่า ไม่มีของขวัญนะ
ถือว่าเลี้ยงทริปนี้หมดเลยก็แล้วกัน กิ๊กก็โอเค

แต่ปรากฏว่า พอคืนวันศุกร์ พี่หยี่กลับจากบ้านกิ๊ก
ซึ่งก็ประมาณ 4 ทุ่มแล้ว
แต่พี่แก กลัวไม่มีของขวัญให้กิ๊ก ก็อุตส่าห์แวะเซ็นทรัล

(พี่แกบอกว่า ต้องขอบคุณเซ็นทรัล midnight sale ด้วย ถ้าไม่ midnight ห้างคงปิดไปแล้ว)
แล้วก็ไปเลือกเจ้าชิ้นนี้มา


ปลื้มค่ะ ปลื้มให้ความพยายาม + ความใส่ใจของแฟนเรา


เลยกลายเป็น ดูเหมือนเราไม่ค่อยสนใจของไป 5555
แต่เท่านั้นยังไม่พอค่ะ พอเราจัดหมอนตัวเองแล้ว (ตามที่พี่หยี่สั่ง)
พี่หยี่ก็บอกว่าให้จัดหมอนให้เค้าด้วย
คราวนี้เริ่มรู้แกว มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่ใต้หมอนแน่ๆเลย

และก็มีจริงๆค่ะ เป็นการ์ดวันเกิดค่ะ !!!





ดูรูปแล้วเพื่อนๆอาจจะขำนะคะ อิอิ

แต่สำหรับกิ๊ก ปลื้มมากๆๆๆ ค่ะ (อีกแล้ว) เพราะการ์ดนี้พี่หยี่ทำเองค่ะ
ดูปุ๊บก็อดขำไม่ได้ ทำเอาพี่แกหน้าเหี่ยว

แต่จริงๆ ก็เราปลื้มอ่ะค่ะ

คิดดูสิผู้ชายที่มีนิสัยแข็งๆ เรียนพวกวิดวะ ทำงานโรงงาน
แล้วมาประดิดประดอยทำการ์ดให้เรา มันน่าปลื้มมั้ยล่ะคะ
ตัวการ์ด เป็นกระดาษประมาณ 20 แผ่น และก็เอามาเรียง
เขียนข้อความถึงเรา มีการตกแต่งตัวอักษร แล้วก็มีวาดรูปด้วย
แล้วยังเจาะรู ร้อยด้วยเชือกแดงอีก

กิ๊กว่า มันเป็นอะไรที่ ตั้งใจทำมากๆอ่ะค่ะ

พี่หยี่บอกว่า ตื่นมาทำตั้งแต่ตี 5 อ่ะค่ะ
ปลื้มสุดๆอีกแล้วง่ะ เพราะพี่เค้าไม่มีเวลาเลย
เมื่อคืนก็เดินซื้อของให้กิ๊กจนห้างปิด
แล้วตอนเช้า ยังต้องมารับกิ๊กตั้งกะ 9 โมงอีกอ่ะ
เค้าบอกว่า เลยต้องรีบตื่นมาทำตั้งกะตี 5
แค่นี้กิ๊กก็ซึ้งจนไม่รู้จะซึ้งไงแล้วอ่ะค่ะ



++ ช่อดอกไม้ที่พี่หยี่ให้ ++


ก่อนจบตอนนี้...
ฝากรูปหวีทๆของทริปนี้ซักหน่อยดีกว่า อิอิ
























Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 22:41:02 น.
Counter : 2478 Pageviews.

0 comment
รำลึกความหลัง (3) : ครั้งเราเป็นแฟนกัน (6/9/2004)

หลังจากที่เราคบกันได้ 6 เดือน
พี่หยี่ก็ขอกิ๊กเป็นแฟนอย่างเป็นทางการค่ะ
ทำหยั่งกะไอ้ที่ผ่านมาไม่ใช่แฟน 555
(ภาษาดาราเค้าเรียกกันว่า คนที่เราสนิทที่สุด 555)

วันนั้นเป็นวันที่ 6 กันยา 2547
ตอนนั้นเราคบกันได้ 6 เดือน
ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย เรา 2 คนจะมีวันครบรอบที่เริ่มต้นรู้จักกันอยู่
คือวันที่ 4 ของทุกๆเดือน (วันที่เจอกันที่ Trekking Thai)
แต่เดือนนั้น วันที่ 4 เราไม่ว่าง เราก็เลยนัดกันเป็นวันที่ 6 มากินข้าว
ฉลองการคบกันครบ 6 เดือนของเรา


กิ๊กอยากไปกินบุฟเฟต์ที่ตึกใบหยกมากๆ
ก็เลยบอกพี่หยี่ว่าไปกินกันที่นั่นดีกว่า
จัดแจงหาเบอร์โทร ให้พี่หยี่โทรไปจองเสร็จสรรพ
เหมือนไปกินข้าวกันปกตินั่นแหละ แต่อาจจะดูโรแมนติกนิดนึง
พอใกล้ถึงวันนั้น พี่หยี่ก็เตือนตลอด ไม่ให้ใส่กระโปรงไป
เดี๋ยวลมพัด แล้วโป๊ คือพี่หยี่เค้าเป็นคนซีเรียสเรื่องนี้มากๆอ่ะค่ะ
กิ๊กก็งงจริงๆนะ อะไรจะห่วงขนาดนั้น เพราะมันกินอยู่ในห้องแอร์อ่ะ
ไอ้เราก็อยากใส่กระโปรงสวยๆไง
แต่ก็คิดว่า เวลาขึ้นไปชมวิว อาจจะลมแรงก็ได้


ตอนเช้าคุยกัน ก็ยังย้ำอีกนะว่า วันนี้ไม่ได้ใส่กระโปรงมาใช่มั้ย

พอตกเย็นพี่หยี่มารับที่ออฟฟิศ เพื่อจะไปตึกใบหยกกัน
แล้วก็บอกว่าจะแวะเอาเอกสารจากป่าป๊าก่อน ที่โรงแรมสุโขทัย
กิ๊กก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ขับรถขึ้นทางด่วนไปลงพระราม 4
พอถึงพระราม 4 ก็มีสายเข้า พี่หยี่ก็คุยๆ เสร็จแล้วก็หันมาบอกว่า
ป่าป๊าเปลี่ยนที่เอาเอกสาร เป็นที่โรงแรมบันยันทรีแทน
กิ๊กก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นทางผ่าน
พอขับมาถึง บันยันทรี พี่หยี่ก็ให้กิ๊กลงไปด้วย


ตอนแรกก็จะไม่ลง เพราะแค่เอาเอกสารแป็บเดียว ทำไมต้องลง
แต่พี่หยี่ว่า ให้ไปหวัดดีป่าป๊าหน่อย ก็เลยลงไป
พี่หยี่ก็พาเดินไปเรือ่ยๆ บอกชมโรงแรมไปด้วย เพราะกิ๊กไม่เคยมา
แล้วพี่หยี่ก็พาขึ้นลิฟท์ไปชั้นไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าสู๊ง สูง

ซึ่งกิ๊กเองก็พอจะรู้ว่าที่โรงแรมเนี้ย
มีห้องอาหาร Vertigo อยู่ที่ชั้น 61
เคยอ่านจากในหนังสือ แล้วก็ฝันอยากมานั่งซักครั้ง (ครั้งเดียวพอ เพราะมันแพง)
ก็เลย เออ ดีเหมือนกัน ขึ้นไปดูหน่อยว่าเป็นไง
พอขึ้นไปถึง พี่หยี่ก็ไปคุยกะพนักงาน กิ๊กก็เริ่ม เอ๋อๆ แล้ว

พี่หยี่บอกว่าจองไว้ชื่อ ... นะ

กิ๊กก็งงสิคะ

แล้วพนักงานก็บอกว่า โต๊ะยังไม่เรียบร้อยดี ให้เรา 2 คนไปนั่งคอยที่ Bar ก่อน

ตอนนั้นเอง...กิ๊กก็เลยถึงบางอ้อแล้ว
ว่าพี่หยี่พามา Surprise วันครบรอบ (คบกัน)
ที่ Vertigo โรงแรมบันยันทรีค่ะ...กรี๊ดดด



มิน่า ทำไมพี่หยี่ถึงซีเรียสเรื่องกระโปรงจริงๆ
เพราะข้างบนลมแรงมาก
โชคดีที่ฝนไม่ตกด้วยนะเนี่ย
ระหว่างนั่งเล่นที่บาร์ (ก็บนชั้น 61 น่ะแหละ) ก็ถ่ายรูปกันไป
แต่ว่ามันมืดๆอ่ะค่ะ ก็เลยไม่เอามาโชว์นะ

พอถึงเวลาอาหาร เราก็นั่งทานกันไปเรื่อยๆ
ซักพัก พี่หยี่ก็ขอไปเข้าห้องน้ำ
แล้วก็หายไปนานมากกกกกก
จนชักยั๊วะ..ปล่อยให้เรารอนานอ่ะ ไปเข้าถึงไหนฟระ
แต่พอกลับมาเท่านั้นแหละค่ะ
พี่หยี่ก็หอบช่อกุหลาบช่อใหญ่มาให้ด้วยอ่ะ Smiley



กรี๊ดดดดด

กิ๊กก็ตื่นเต้น..เอ๊ะ เอามาให้ทำไมนี่

แล้วพี่หยี่ก็บอกว่ามีของขวัญอยู่บนช่อดอกไม้ด้วย ให้แกะดู
ปรากฏว่ามีกรอบรูปเล็กๆเขียนว่า Yee Smiley KiK ด้วยค่ะ อิอิ


นี่ไงรูป..น่ารักมะคะ มีวาดรูปหัวใจเล็กๆเต็มไปหมดเลยนะ





แล้วพอเปิดกรอบรูปข้างหลังดู..รู้มะ ข้างในเขียนว่าไง





น่ารักจริงๆ....สามีชั้น



............



และนับจากวันนั้น เรา 2 คนก็เป็นแฟนกันค่ะ อิอิ

มาคุยๆกันภายหลัง ก็รู้สึกว่าพี่หยี่เตรียมการอย่างดี
อย่างเรื่องที่บอกไม่ให้ใส่กระโปรง
บอกว่า ป่าป๊านัดเอาเอกสาร ครั้งแรกไม่ใช่ที่บันยันทรีด้วยนะ
เพราะพี่หยี่กลัวกิ๊กจับได้ ต้องบอกว่าไปสุโขทัยก่อน
มีการทำเป็นรับโทรศัพท์ บอกว่าเปลี่ยนที่

แล้วยังต้องสั่งดอกไม้มาส่งที่โรงแรมอีก
ที่ไปเข้าห้องน้ำช้าๆ นั่นก็เพราะไปเตรียมดอกไม้มานั่นล่ะ


ปลื้มค่ะ ปลื้ม
ประทับใจเนอะ


ก่อนจบ

ฝากรูปช่อดอกกุหลาบแดง ณ วันนี้ไว้หน่อยคะ อิอิ





กิ๊กยังเก็บช่อดอกไม้ทุกช่อที่พี่หยี่ให้นะคะ
ถึงแม้ดอกไม้จะเหี่ยวไปแล้ว
แต่ความรู้สึกดีๆ ไม่มีวันจางนะคะ
ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ



ปล. บันทึกหน้านี้เขียนไว้ก่อนที่จะแต่งงานค่ะ แต่หลังจากที่กิ๊กแต่งงานแล้ว กิ๊กก็ย้ายออกจากบ้านตัวเอง มาอยู่บ้านพี่หยี่...กลับบ้านไปอีกที คุณตามิสา (คุณพ่อกิ๊ก) จัดการเนรเทศซากดอกไม้ทั้งหมดไปแล้วค่ะ เสียใจจนแทบร้องไห้ แต่ก็ทำไรไม่ได้



Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 22:40:46 น.
Counter : 1447 Pageviews.

0 comment
รำลึกความหลัง (2) : ครั้งเราพบกัน ตอนจบ (4-7/3/2004)
หลังจากกลับมาจากทริปแล้ว
พอวันจันทร์ กิ๊กก็ยังมีกลับมาฝันหวานนิดๆหน่อยๆ
คุยกับน้องสาวเรื่องไปปิ๊งคนในทริปมา
นั่งรอว่าเค้าจะโทรมาหาเรามั้ย 555



พอเย็นวันจันทร์ ก็มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา
กิ๊กก็รับ ปรากฏว่าเป็นพี่หยี่ค่ะ อิอิ
พี่หยี่บอกว่าอัดรูปมาแล้ว จะนัดเจอกัน เพื่อจะเอารูปมาให้กิ๊ก



ในใจกิ๊กก็คิดว่า เออ เร็วดีแท้เนอะ เพิ่งผ่านมาวันเดียว อัดรูปเสร็จแล้ว
น่าจะมี something wrong อิอิ
แต่ก็ไม่กล้าไปคนเดียวอ่ะ ก็เลยไปชวนพี่หน่อย (พี่ที่ไปด้วยกัน) ให้ไปเป็นเพื่อน
ปรากฏว่าพี่หน่อยไม่ไปอ่ะ (เพราะตั้งใจเปิดโอกาสให้รึป่าวก็ไม่รู้ เอิ๊ก เอิ๊กสส์)



แต่ถึงพี่หน่อยไม่ไป กิ๊กก็ต้องไป ก็หัวใจมันเรียกร้องง่า 555



เรานัดกันที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวค่ะ
แต่พอดีที่ทำงานกิ๊กเป็นทางผ่านของพี่หยี่ก็เลยให้มารับที่ทำงานซะเรยย



เจอครั้งนี้ กิ๊กออกจะแปลกใจมากๆ
เหมือนเจอคนไม่คุ้นเคย
เพราะพี่หยี่มาในชุดทำงาน ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล๊คง่ะ
ดูแปลกไปเป็นคนละคน
เพราะตอนที่เจอ เราเจอแต่แบบใส่ชุดลุยๆ กางเกงเดินป่า หน้าตาขำๆ
พอมาคราวนี้ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ 5555



พอไปถึงเซ็นทรัล ก็ยังเลือกร้านไม่ถูก
พี่หยี่ถามว่าชอบอาหารญี่ปุ่นรึป่าว
กิ๊กบอกว่าชอบ
ก็เลยไปกิน ฟูจิ กัน



และที่ฟูจิ นี่เองค่ะ ที่ทำให้เรา 2 คน รู้จักกันมากขึ้น
และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรา 2 คน อยากคบกันแบบจริงๆจังๆขึ้นมา




เรานั่งกินกันไปคุยกันไป ตั้งแต่ 6 โมง ถึง ร้านปิดอ่ะค่ะ น่าจะ 4 ทุ่มได้
แบบว่า มีเรืองคุยกันเยอะแยะมากกกก
แล้วก็คุยกันอย่างถูกคอ ออกรสออกชาติที่สุด




บอกจริงๆว่า พอคุยปุ๊บ มันก็รู้สึกเลยว่า " ใช่ " อ่ะ

เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก



รู้สึกเลยว่า อยากลองคบคนๆนี้ดูจัง
เวลามันเหมือนเร็วนะ แต่ว่า คนที่ใช่จริงๆ มันไม่ต้องดูนานนะ
คือ ต่างคนต่างชอบ ต่างคนต่างคิดตรงกัน
มันก็ไม่ต้องพูดมากไง




พอวันอังคาร เรา 2 คน ก็โทรคุยกันอีก
คือช่วงอาทิตย์แรกนี่ นับเวลากันแบบ วันต่อวัน
ทุกๆวันเราจะเรียนรู้อะไรๆเพิ่มขึ้น
และทุกๆวันจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว



ช่วง 3-4 วันแรก คุยโทรกันถึงเกือบเช้าทุกวัน
แล้วเราก็พบว่า เรา 2 คน ชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่างมากๆๆๆๆ

ลองดูนะว่ามีอะไรบ้าง



ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน Smiley

ชอบหมาเหมือนกัน Smiley

ชอบกินเนื้อเหมือนกัน

ชอบกิน steak เหมือนกัน

ชอบกินพิซซ่าหน้าเดียวกัน (ไอแลนด์ดีไลท์ ของ พิซซ่าฮัท)

ชอบกินไอติมรสเดียวกัน (คือ chocolat peanut butter ของสเวนเซ่น) Smiley

ชอบดูหนังเหมือนกัน

ชอบร้องคาราโอเกะเหมือนกัน

….

…..

....

ฯลฯ

หรือ แม้แต่ผักจิ้มน้ำพริก(กะปิ) ยังชอบเหมือนกัน นั่นคือ มะเขือยาวชุบไข่ (ไม่ชอบชะอม)

และที่สำคัญที่สุด ก็คือ



ชอบเที่ยวเหมือนกันทั้งคู่ค่ะ !!!!

(อันนี้สำคัญมากๆจริงๆ)




จริงอยู่นะว่าเราก็คงมีข้อแตกต่างกันบ้าง

แต่แค่นี้ กิ๊กก็รู้สึก surprise แล้วอ่ะ ที่มีคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันได้มากขนาดนี้
Life style เรา 2 คนคล้ายกันมากๆ
พี่หยี่ชอบนวด กิ๊กเองก็ชอบไปสปา
พี่หยี่เข้าฟิตเนส กิ๊กเองก็ไปแอโรบิก สวนรถไฟบ่อยๆ
เรา 2 คน เคยสนใจใน โยคะ (แต่เลิกแล้วทั้งคู่ 555)
เรา 2 คน ชอบไป ดูหนัง
ไปเที่ยว (ต่างจังหวัด)
ไปร้องคาราโอเกะ
สมัยเรียนเราเป็นเด็กกิจกรรมทั้งคู่
เราชอบออกค่ายเหมือนกัน
ซึ่งมันก็แสดงถึง ทัศนคติหลายๆอย่างที่เหมือนกันด้วย



คือพอรู้หยั่งงี้แล้ว
ต่างคนต่างคิดเลยว่า

Smiley ถ้าเราอยู่ด้วยกันจริงๆ เราต้องมีความสุขอ่ะ Smiley



เวลาคุยกัน เราจะชอบหลายๆอย่างเหมือนกันตลอด
จนตอนหลัง เอามาลุ้นกันว่า เฮ้ยย ดูสิว่าจะเหมือนกันรึป่าว ขำดีอ่ะ
เช่น

อยากรู้ว่าพี่หยี่ชอบร้องเพลงรึป่าว เพราะกิ๊กไม่ชอบร้องไง

กิ๊ก : กิ๊กไม่ชอบร้องเพลงนะพี่ (คิดในใจว่า จะต่อว่า....แต่ว่าชอบร้องคาราโอเกะมากกก)

พี่หยี่ : อ้าว กิ๊กไม่ชอบร้องเพลงเหรอ (แอบผิดหวัง) แต่พี่อ่ะ ชอบร้องคาราโอเกะ มากๆเลยนะ

กิ๊ก : เย้ยยยย กิ๊กกะลังจะต่อว่า กิ๊กไม่ชอบร้องเพลง แต่ชอบร้องคาราโอเกะอ่ะพี่



คือ ดูดิ ขนาดบทลองใจกัน ก็ยังมาชอบอะไรๆเหมือนกันอีก

ตลกดีมั้ยคะ



หรืออย่างเรื่อง กินผัก
พี่หยี่บอกกิ๊กว่า เค้าไม่ชอบกินผัก คือ แทบไม่กินเลยทุกชนิด
แต่มียกเว้นอย่างนึง คือ เวลากินน้ำพริก พี่หยี่จะชอบกินมะเขือยาวชุบไข่มาก กินแค่อย่างเดียว
ซึ่งมันก็คือของโปรดของกิ๊กเลย สมัยเรียนเมืองนอก คิดถึงน้ำพริกกะปิ ก็ตำกินเองคนเดียว
ผักจิ้ม ก็มีอย่างเดียวที่ชอบ (อย่างอื่นขี้เกียจทำ) ก็คือ มะเขือยาวชุบไข่นี่แหละ

คือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ก็ยังชอบเหมือนกันได้

พี่หยี่เอง เค้าก็งงมากๆอ่ะ
อะไรจะมีคนชอบเหมือนเราได้มากขนาดนี้



หลังจากคุยกันได้ 4 วัน
มันก็เหมือนกับเราตกลงปลงใจที่จะคบกันดูแล้วล่ะค่ะ
เพราะเราคุยกันรู้เรื่อง ชอบอะไรเหมือนๆกัน
และที่สำคัญ แม้ว่าจะคุยกัน 4 วัน แต่เรารุ้สึกเหมือน รู้จักกันมานาน ค่ะ
คุยแล้วเหมือนคนคุ้นเคยกันมากๆๆๆ

เชื่อมั้ยคะ....



แต่ว่ายังไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมาหรอกนะ
(รู้ๆกันอยู่ในใจ)



เย็นวันศุกร์เราก็นัดเจอกันค่ะ
เดทแรก ไปกินที่ร้าน Bale ที่ลาดพร้าว 35
วันเสาร์ ก็ไปเดินงานท่องเที่ยวด้วยกัน


วันจันทร์ กิ๊กต้องพาลูกชาย (แบมบี้) ไปหาหมอฉีดยา พี่หยี่ก็มารับที่บ้าน
แล้วก็พาหมาไปหาหมอด้วยกัน


คือ กิ๊กพาเข้าบ้านเร็วมาก 555
ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ คือ รู้สึกว่า เราอยากจะคบคนๆนี้แล้ว
ก็อยากจะให้ผู้ใหญ่รับรู้ด้วย
คือ หมายหมั้นปั้นมือมากไง 555
อายุอานาม ณ ขณะนั้น ก็ 27 ปีแล้วอ่ะค่ะ ถ้าจะคบใครก็อยากจะจริงจังถึงขั้นแต่งงาน
คงไม่มีเวลาให้มาลองคบเล่นๆหนุกๆ เผื่อเลือกไรงี้หรอกนะ
เพราะงั้น ก็อยากจะมั่นใจก่อนว่า พี่เค้าจะรับกับครอบครัวเราได้
และที่บ้านเรา ก็โอเคกับพี่เค้าด้วย
ก็เลยพาเข้าบ้านพี่เค้าเลย



วันแรกที่พาพี่หยี่เข้าบ้าน ก็พาลูกชายไปหาหมอเลย
ซึ่งกิ๊กก็ถามพี่หยี่นะว่า โอเครึป่าว คือมันเหมือน activity ประจำวันมากๆ
เราไม่ได้ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง เหมือนเดททั่วๆไป
ซึ่งพี่หยี่ก็บอกว่า พี่ชอบแบบนี้ เพราะอยากทำอะไรร่วมกัน
ถ้าอีกหน่อยคบกันจริงๆจังๆ เราก็ต้องร่วมทำกิจกรรมเหล่านี้ด้วยกันอยู่แล้ว
มันไม่ใช่ว่า อะไรๆก็ต้องกินข้าว ดูหนัง กินข้าว ช๊อปปิ้ง
เพราะงั้นการคบกันตั้งแต่เริ่มต้นของกิ๊กกะพี่หยี่
จึงมีความหมายเหมือนกับว่า เราได้เริ่มต้นที่จะ “ศึกษา”กัน อย่างเป็นทางการแล้วนะ

โดยที่ยังไมได้บอกว่า เราเป็นแฟนกัน



การเริ่มต้นของเราทั้งคู่ ไม่มีช่วงจีบค่ะ 5555
ถ้าจีบก็คงซัก 1 อาทิตย์มั๊งคะ
เวลาใครถาม จีบกันนานมั้ย กิ๊กก็จะแบบ..หัวเราะๆ ไม่มีช่วงจีบง่ะ



แต่กิ๊กก็ไม่ได้คิดมากอะไรเลยนะคะ กลับภูมิใจซะอีก
(ไม่ได้คิดว่า แฟนชั้นต้องมาตามง้อ ตามจีบเป็นปีๆอะไรหยั่งงี้)
คงเพราะมันเหมือน เราต่างก็ถูกใจกันอยู่ทั้งคู่แล้วไง
คุยกันแล้วมัน “ใช่” อ่ะ
เราไม่ต้องมา “ดูๆ” กันไปก่อน (เพราะเราไม่ใช่ดารา 555)
เพราะ ต่างคนต่างรู้อยู่แล้ว



บางคนอาจจะใช้เวลาดูกันนานๆ เพราะเค้าอาจจะยังไม่ถูกใจในอะไรบางอย่าง
ไม่มั่นใจว่าคนนี้ดีจริงหรือ ใช่จริงหรือ
แต่สำหรับกิ๊กกะพี่หยี่ มันไม่มีความรุ้สึกตรงนี้มาขวางเลยไง

มันรู้สึกแต่ว่า คนนี้ใช่ คนนี้ดี

“คนนี้แหละ”



แค่คบกัน เดือนแรกๆ
เราเคยมองหน้ากัน แล้วก็แบบว่า

“คนนี้หรือ ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเรา” 5555

เหมือน sense มันบอก ว่า คนนี้นี่แหละ จริงๆนะ



และอีกอย่างที่กิ๊กรู้สึกดีมากๆคือ
เรา 2 คน คบกันเพราะความรู้สึก ความชอบ ความถูกใจ ในตัวตนของกันและกันจริงๆ
เพราะในสมัยนี้ อายุมาขนาดนี้ ก็มักจะดูอะไรๆมากกว่าการปิ๊งกันแบบสมัยเรียน
สมัยเรียน เออ คนนี้น่ารัก นิสัยดี ก็ชอบ เก็บไปพร่ำเพ้อ
แต่สมัยนี้ ดูเยอะ ต้องดูหน้าที่การงาน ดูฐานะ ดูการศึกษา ฯลฯ
คือ องค์ประกอบเยอะแยะไปหมด
แต่เรา 2 คน ไม่ได้มองถึงตรงนั้นเลย (ถึงแม้กิ๊กจะปิ๊งพี่หยี่ที่ วิดวะ จุฬา ในตอนแรกก็เถอะ 555)
กิ๊กไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าที่การงานพี่หยี่คืออะไร
(ตอนนั้นพี่หยี่ทำงานกับหน่วยงานอิสระ เงินเดือนก็นิดดียว)
ที่บ้านเค้าทำอะไร ฐานะเป็นไง
คือเราไม่ได้ใส่ใจอะไรกันตรงนั้นไง
เลยรู้สึกว่า เออ เรา pure กันมากๆ
ไม่มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ซึ่งกับยุคปัจจุบัน มันแทบจะไม่มีแล้ว
โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนใหญ่ก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตกันทั้งนั้น





แล้วจริงๆช่วงจังหวะตอนเราคบกันแรกๆนั้น มันมีอะไรลงตัว (เหมือนดวงจริงๆอ่ะ)
หลายๆอย่าง แบบเข้าล๊อคพอดีเลย
เช่น เรือ่งแฟนเก่าของเรา 2 คน (แต่ขอไม่เอ่ยถึงบุคคลที่ 3 นะ)
หรือ พี่หยี่ย้ายที่ทำงานพอดี ซึ่งย้ายมาฝั่งโซนที่ทำงาน + ที่บ้านกิ๊กเลย
แถมงานใหม่ยังเลิกงาน 5.30 ทุกวัน เพราะงั้น เค้าก็จะมารับกิ๊กที่ทำงานตลอด
ไปนู่น ไปนี่ด้วยกัน happy มากๆ
เจอกัน 6 วัน ต่อสัปดาห์
ความรักงอกงามรวดเร็ว 555
คือ ถ้าไมได้ย้ายงาน มันก็ไกลกัน โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ ก็อาจจะช้ากว่านี้ไง



นอกจากนี้....



กิ๊กเคยเป็นคนเชื่อเรื่องดวงมากนะคะ

คิดเสมอว่า เราต้องเจอคนที่เป็นเนื้อคู่เรา และคนๆนั้นก็ต้องเป็นคนที่ “ใช่” สำหรับเรา

แต่หลังจากคบพี่หยี่ไปได้ซักพัก
กิ๊กก็แยกแยะ ระหว่าง

คนที่ใช่ vs เนื้อคู่

ออกจากกันค่ะ เพราะกิ๊กไม่รู้หรอกว่าพี่หยี่จะเป็นเนื้อคู่รึป่าว
(เนื้อคู่ในที่นี้มีความหมายในเชิง ดวง อ่ะค่ะ)
แต่กิ๊กรู้ว่าพี่หยี่ ใช่ แน่ๆค่ะ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่สนหรอก เนื้อคง เนื้อคู่
เพราะรู้สึกว่า คนที่ใช่ และถูกใจได้ขนาดนี้ หายากมากกว่า คนที่ดวงจะเข้ากับเราได้อีก



คบกันได้ประมาณ 3 เดือน กิ๊กก็ขอพี่หยี่ไปดูดวง
ตอนแรกจะขอดูตั้งแต่แรกแล้ว เพราะสมมติดวงไปกันไม่รอด กิ๊กก็จะเลิกค่ะ 555
แบบว่าเชื่อมั่กๆไง คบกันแล้ว ไม่ดี จะคบไปทำไม
แต่พี่หยี่ขอเวลา 3 เดือน
ซึ่ง 3 เดือน ก็พอจะทำให้กิ๊กเลิกเชื่อเรื่องดวงไปได้แล้วล่ะ
หมายความว่า จะดวงสมพงษ์หรือไม่ ก็ไม่สน จะคบอ่ะ



ที่นี้พอไปดูด้วยกัน ก็ไม่ได้ลุ้นอะไรมากหรอก
เอาหนุกๆ
ปรากฏว่า หมอดู (ที่ดูกันประจำ) เอาดวงเรา 2 คน ไปดู

แล้วก็บอกว่า เรา 2 คน เป็น "คู่สมพงษ์กัน" Smiley
คบกันไปจะได้แต่งงานกัน ดวงสนับสนุน ซึ่งกันและกันดีมากๆ
ถือว่าเป็นคู่กันเลยทีเดียว ไม่มีทางแคล้วคลาดกัน
แต่งกันไปก็จะดีทั้งคู่




โห กิ๊กฟังแล้วมือไม้เย็น น้ำตาไหลเลยอ่ะ
ไม่ได้เว่อร์นะ แต่นึกออกมะคะ
มันเหมือน ปาฏิหาริย์อ่ะ
อะไรมันจะเป๊ะๆๆๆขนาดนั้น
ไม่นึกไม่ฝัน
คือคิดแล้วว่า ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็จะคบแหละ
แต่นี่ “ดวง” ก็ยังใช่ ยังส่งเสริมกันอีก



กิ๊กออกแนวเชื่อเรือ่งดวงอยู่แล้วไง
แล้วก็รู้ว่า มันยาก ที่จะเจอคนที่ดวงมาสมพงษ์กันเป๊ะๆๆๆ



ก็เลยตื่นเต้นมาก
แต่พี่หยี่เค้าไม่ได้ดีใจอะไรหรอก
เพราะเค้าเฉยๆกะเรือ่งดวง (ผู้ชายกะดวงนี่ไม่ถูกกันจริงๆเลยนะ)



แต่หลังจากนั้นนะ
ไม่ว่าจะไปดูหมอไหน
ทุกๆหมอก็จะบอกประมาณว่า เป็นเนื้อคู่กันหมดอ่ะ
ไม่ว่าจะเป็นดวงไทย ดวงจีน เลข 7 หลัก ไพยิปซี
หรือแม้แต่ ดูอะไรก็ไม่รู้ที่มันเป็นรูปบ้านๆอ่ะ ไม่รู้มีใครเคยดูรึป่าว



คือหมอเค้าเอาดวงไป แล้วก็วาดเส้นออกมา เป็นหลังคาสามเหลี่ยม เป็นตัวบ้านอะไรประมาณนี้
แล้วเค้าก็บอกว่า เนี่ย ประกอบกันเป็นบ้านได้พอดีเป๊ะ ไม่มีอะไรขาดหายเลย
แสดงว่าดวงเป็นคู่กันดีมาก



ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าดีรึป่าว เพราะกิ๊กไม่เคยดูแบบนี้ไง

แต่เอามาคุยให้พี่หน่อยฟัง พี่เค้าบอกว่า มันยากมากเลยนะ
ที่ดวง 2 คน จะประกอบกันออกมาเป็นบ้านได้
ถ้าทำได้แสดงว่าเป็นคู่จริงๆ อยู่กันจะมีความสุข
พอรู้ กิ๊กก็เลยตื่นเต้นใหญ่ เหอ เหอ



เรื่องนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อมากอ่ะนะ ต้องดูกันไปยาวๆ
จุด ending ของการเป็นแฟน
ก็คือการได้แต่งงาน


แต่ทั้งนี้ การแต่งงาน ก็ยังไม่ใช่จุด ending ของชีวิตคู่เนอะ
มันเป็นแค่ จุดเริ่มต้นเท่านั้นเองอ่ะค่ะ


ของงี้ ก็ต้องดูกันไปยาวๆๆๆๆ เนอะ



Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley



ณ วันที่กิ๊กอัพเดทเรื่องนี้ กิ๊กก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
แต่ ณ วันที่มิสาได้มาอ่านบล๊อคนี้
กิ๊กหวังว่า มิสาก็คงได้คำตอบแล้วนะว่า พ่อกับแม่เค้าเป็นเนื้อคู่กันจริงรึป่าว...

ใช่มั้ยลูก ?





Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 22:40:25 น.
Counter : 666 Pageviews.

0 comment
รำลึกความหลัง (1) : ครั้งเราพบกัน (4-7/3/2004)
ขอเล่าก่อนว่า จริงๆแล้วกิ๊กเคยเขียน diary online ที่เว็บอื่นมาก่อน
แต่เนื่องจากเว็บนั้นเป็นเว็บเล็กๆ (แต่เพื่อนๆที่นั่นอบอุ่นมากๆนะคะ)
กิ๊กก็เลยกลัวว่า สิ่งที่เขียนไป มันอาจจะเก็บได้ไม่นาน
และมองว่า อยากแชร์พวกรีวิวที่เที่ยว ที่พักที่ต่างๆที่ได้ไปมาให้กลุ่มคนที่กว้างมากขึ้น
ก็เลยมาเริ่มเขียนลงที่ bloggang ด้วย
(แต่ที่เขียนลง diary จะมีเรื่องราวละเอียดกว่า เยอะกว่า เพราะเป็นส่วนตัวกว่า)

แต่แล้ว ในที่สุด diary online เว็บนั้น ก็ต้องปิดตัวลง
ด้วยเหตุผลบางประการ (เค้าย้ายเป็นเว็บอื่น แต่กิ๊กชอบแบบเดิมมากกว่า)
ทำให้ไม่สามารถเข้าไปอัพเดทอะไรเพิ่มเติมได้
แต่เปิดเว็บเอาไว้ สามารถเข้าไปอ่านได้อย่างเดียว

ขอแปะลิงค์เว็บไว้ตรงนี้เลยละกัน
ไม่รู้ว่า เว็บจะมีอยู่ถึงวันไหน..
ทันมิสาโต แล้วได้มาอ่านรึป่าว 555

target='_blank'>//my.diarylove.com/cutekik25/


อย่างไรก็ตาม...ด้วยความกลัวข้อมูลจะหายหมด
และอยากรวบรวมเรื่องราวของตัวเองมาไว้ที่เดียวกัน
เลยจะขอเอาเรื่องราว(บางเรื่อง)ที่เขียนไว้ที่เว็บนั้น มาแปะไว้ที่นี่ด้วยละกัน

ขอย้ำว่า เรื่องที่เอามาแปะ เป็นเรื่องที่เขียน ณ ตอนนั้นๆ
อะไรบางอย่างก็อาจจะไม่อัพเดท
แต่กิ๊กขอเอามาทั้งดุ้น ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
เพราะเป็นความทรงจำ ณ เวลา นั้นๆ

เริ่มด้วย ตอนแรก...

เป็นตอนที่กิ๊กกับพี่หยี่ได้พบ + รู้จักกันครั้งแรกค่ะ



Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley



เหตุที่อัพไดวันนี้ ก็เกิดจาก ความน่ารักของกลุ่มคนกลุ่มนึง
ที่มีต่อกิ๊กกะพี่หยี่
แม้มันจะเล็กๆน้อยๆ แต่เรา 2 คน ก็อดประทับใจไม่ได้



แต่ก่อนจะรู้ว่าอะไร
ต้องเล่าเรื่องก่อน เรือ่งนี้มันมีที่มาค่ะ



กิ๊กกับพี่หยี่รู้จักกันเพราะเราไปเที่ยวทริปเขาสกด้วยกันค่ะ
ผ่านทางเว็บไซต์ //www.trekkingthai.com

(ใครอยากทราบว่า เขาสก คืออะไร อยู่ที่ไหน ก็เช็คจาก link เค้าเลยนะคะ)



ทริปนี้เราไปเมื่อ 5-7 มีนา 2547 ค่ะ
กิ๊กไปกะพี่ทำงานชื่อ พี่หน่อย ค่ะ

ส่วนพี่หยี่ก็ไปกะกลุ่มเพื่อนของเค้าประมาณ 7 คนได้



ครั้งแรกที่เห็นพี่หยี่เลย กิ๊กไม่ได้ปิ๊งพี่เค้านะ
(แต่พี่หยี่บอกว่า เค้าปิ๊งกิ๊กตั้งแต่ครั้งแรกที่กิ๊กเดินเข้ามาแล้ว)
แต่แบบว่า รู้สึกว่าเค้าตลกดี เค้าชอบยิงมุข (กับกลุ่มเพื่อนของเค้า)



ผ่านไปวันแรก ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนตอนกลางคืน พวกเราไปพักบนแพที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
ก็มีมานั่งจับกลุ่มเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงกันสนุกสนาน

ตอนนั้นกิ๊กก็เริ่มสนใจนิดๆ คือรู้สึกว่าเค้าเฮฮาดี
และที่ชอบก็คือ พี่หยี่เค้าดื่มเบียร์ด้วย
กิ๊กมันพวกประหลาดไง จะชอบคนที่แบบ cool cool หน่อย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่(พอเป็น)



แต่ก็ยังไม่ได้อะไรมากนะ
วันรุ่งขึ้น ก็มีไปปีนถ้ำน้ำลอด
พี่หยี่เค้าเดินนำไปก่อน แต่ก็ย้อนกลับมาช่วยคนอื่นๆให้ข้ามน้ำไปได้
แต่กิ๊กก็ไม่ได้สังเกตอีกอ่ะ เพราะเค้าช่วยทุกคนไง



จนกระทั่งตกกลางคืน คืนนี้เราไปพักบ้านต้นไม้กัน
ก็มีมานั่งจับกลุ่มเล่นไพ่กัน 555
แรกๆก็มี 2-3 วง
พอดีตอนนั้นกิ๊กมือดีมาก แบบว่าไพ่ป๊อกตลอดเลยอ่ะ
พี่จิบ (คนนี้แหละคือแม่สื่อตัวจริง)ก็บอกให้พี่หยี่มาเล่นกะกิ๊ก แบบมือเดียวกัน แชร์เงินกันไรงี้
เพราะกิ๊กมือดีมาก ป๊อกตลอด
วงไพ่ก็เลยรวมเป็นวงเดียว โดยมีกิ๊กเล่นไพ่มือเดียวกะพี่หยี่ เหอ เหอ



ซึ่งก็จากเหตุการณ์เล่นไพ่กันนี่แหละค่ะ
ที่ทำให้กิ๊กรู้สึกปิ๊งพี่หยี่ขึ้นมาบ้าง
Smiley
คือมันไม่ได้ถึงกับว่าอยากเป็นแฟนอะไรหรอกนะ
แค่แบบว่า เราคุย รับมุขอะไรต่างๆเข้าขากันดีอ่ะ



ไม่รู้เพื่อนๆเคยเป็นกันมั้ย
เหมือนกะคนบางคน เพิ่งได้รู้จัก แต่พอยิงมุข แซวกันอะไรกัน
เราก็รู้สึกว่า เออ เข้าแก๊บอ่ะ (เข้าใจศัพท์นี้กันมั้ยเนี่ย)
มันไม่ได้ว่ามาจีบออกหน้าออกตา
แต่คุยกันธรรมดาแล้ว หนุกดี เข้าขาไรเงี้ย




คืนนั้น วงไพ่จบลง
กิ๊กก็มีเริ่มคิดบ้างแล้วว่า เอ๊ เค้าสนใจเราบ้างป่าววะ 555
แต่ก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง
แต่ก็กลับไปนอนฝันดีเลยแหละ อิอิ Smiley



วันรุ่งขึ้นเราต้องไปปีนเขา ไปดูดอกบัวผุดกัน
กิ๊กก็เริ่มคอยสังเกตและ ว่าถ้าพี่เค้าชอบเรา เค้าก็ต้องมาคอยเทคแคร์ไรงี้
แต่ไปๆมาๆก็ไม่รู้ง่ะ พี่หยี่เนียนมากก
คือพี่หยี่ก็มาคอยช่วยจับมือ เวลาปีนไรเงี้ยนะ
แต่ก็ไม่ได้ตลอด เพราะเค้าก็มีคอยดูแลน้องๆในกลุ่มเค้าด้วย

แต่ก็รู้สึกดีนะ



และที่สำคัญเริ่มได้คุยกันอย่างเป็นทางการ
เพราะเพื่อนคนนึงในกลุ่มพี่หยี่เค้าคุ้นหน้ากิ๊ก เพื่อนคนนี้ชื่อกวาง
เค้าคิดว่าเป็นเด็กคณะเดียวกัน รุ่นเดียวกันกับกิ๊ก
พี่หยี่ก็เลยหาเรือ่งมาถามกิ๊กว่าจำกวางได้รึป่าว



ถามกันไปถามกันมา
กิ๊กก็รู้ว่าพี่หยี่เป็นเด็ก วิดวะ จุฬา ค่ะ 5555
เพื่อนๆคงจำได้นะ ว่ากิ๊กเป็นคนบ้าเด็กคณะนี้ขนาดไหน




ทีนี้เลยเริ่มปิ๊งจริงจังขึ้นมาอีกนิด
คือ กิ๊กบอกก่อนนะคะ
เพื่อนๆบางคนอาจจะไม่เคยไปเที่ยวทริปลักษณะแบบกึ่งๆแบกเป้ นอนเต็นท์เท่าไร่
ซึ่งลักษณะทัวร์ของ TKT เค้าจะเป็นแบบนั้น
แล้วกิ๊กเองเนี่ย เป็นคนชอบเที่ยวแบบนี้นะ (ถึงได้เลือกไปกับเค้าไง)
แต่ว่า ตอนนั้นกิ๊กเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ก็ไม่รุ้หรอกว่าคนที่จะไปทริปประเภทนี้
จะเป็นคนกลุ่มไหนบ้าง
คิดเอาว่าคนที่มาเที่ยวแบบนี้ คงเป็นแนวโหดๆ เซอร์ๆ รักป่า ผจญภัยอะไรเทือกนั้นไง



เพราะงั้น ยิ่งถ้าเรื่องจะแบบมาหาแฟน
ก็ยิ่งไม่ได้ expect ว่าจะมาเจอคู่ เจอแฟน อะไรในทริปแบบนี้



แต่ที่นี้ พอเรามารู้ทีหลังว่า เออ เจอกลุ่มคนที่จริงๆแล้วก็คล้ายๆกันนี่แหละ
ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องโหด เซอร์ ลุย อะไรขนาดนั้น
มันก็เลย รู้สึกเหมือน ฟลุ๊กๆอ่ะ
เพราะขนาดไปเล่าให้เพื่อนๆฟังทีหลัง ทุกคนก็บอกไม่น่าเชื่อทั้งนั้น
ว่าเราจะไปเจอกันในที่แบบนี้
(คือมันไม่ใช่ไปทัวร์เมืองนอกแล้วเจอกัน มันจะแบบ เออ พอจะปิ๊งกันได้ไง)



ทีนี้พอรู้ว่า เออ เป็นวิดวะ จุฬานะ
มันก็เริ่มมีเรื่องคุยมากขึ้น เพราะสังคมคล้ายๆกัน
สมัยเรียนมหาลัยก็ชอบทำกิจกรรม ไปค่าย ไปชมรมเหมือนๆกัน
ก็เลยรู้สึกดีขึ้นมา
Smiley



ขากลับขึ้นกรุงเทพ ปรากฏว่ารถตู้คันพี่หยี่เสียค่ะ
ก็เลยแวะจอดที่ปั๊ม
ตอนนี้แหละ มีเรื่องฮา (ที่กิ๊กอาจจะฮาไม่ออกแล้ว) ที่จำมาจนถึงวันนี้คือ
ระหว่างรอรถซ่อม ก็มีเล่นดูดวง ดูโหงวเฮ้งกัน
พี่ที่ไปด้วยกันเค้าดูลายมือเป็น ส่วนกิ๊กพอจะดูโหงวเฮ้งได้นิดๆหน่อยๆ (งูๆปลาๆ)
ก็เลยเปิดสำนักขึ้น

พี่หยี่ก็มาดูด้วย
ที่จำแม่นคือ กิ๊กดูหัวพี่หยี่ ทีนี้ขมับแก ค่อนข้างกว้าง (กว้างมากก)
ซึ่งลักษณะแบบนี้น่ะ จะได้คู่ครองเอาใจ
กิ๊กก็เลย ทายเสียงดัง (แบบหมอลักษณ์ฟันธงเลย) บอกว่า

“พี่ อย่างพี่อ่ะ เมียเอาใจ”

ซึ่งตอนนั้น ทายไป ใครจะไปคิดว่านังเมียที่ว่า มันจะคือเราเองหว่า 555




แต่แล้ว อยู่ดีๆ เราก็มีเหตุให้จากกันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เพราะรถตู้คันกิ๊ก เกิดจะกลับขึ้นมาก่อน
ทิ้งให้อีกคันซ่อมกันต่อไป
เค้าก็เลยเรียกขึ้นรถ



ตอนที่ขึ้นรถแล้ว ก็บ๊าย บายกัน ใจหายนิดหน่อย
เชื่อมั้ย ในใจกิ๊กยังคิดถึงพี่หยี่เลยนะ
(ซึ่งยังจำแม่นมาจนถึงทุกวันนี้จริงๆ)


กิ๊กคิดว่า น่าเสียดายจัง ชีวิตนี้ ก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆที่ทำให้ 3 วันที่ผ่านมาของกิ๊ก เป็น 3 วันที่มีความสุข




คือกิ๊กเป็นคน sensitive ไง มันเหมือนเราเจอคนถูกใจ แต่ก็ทำไรไม่ได้มาก
คิดว่า ชีวิตนี้ก็ไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วอ่ะ ไม่รู้จะมาเจอกันได้ไง

แต่เวลาที่ผ่านมา ถึงแม้จะแค่ 3 วัน แต่ก็เป็นสีสันเล็กๆน้อยๆให้ชีวิต สดใส ซาบซ่าได้ 555


ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าไปๆมาๆ

คนที่คิดว่า ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสเจอกัน
จะเป็นคนที่เราจะต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต


(คิดแล้ว ก็ขนลุกขึ้นมาเลยอ่ะ)



กลับมาบ้าน ก็ยังมาเล่าให้น้องสาวฟังว่าไปปิ๊งคนในทริป
แล้วก็รอดูว่า เอ เค้าจะมีนัดเจอกันหลังทริปอะไรอีกมั้ย
จริงๆก็มีแลกเบอร์โทรอะไรกันไปแล้ว
ถ้าเค้าสนใจเรา เค้าก้ต้องโทรมา



แต่มาถึงนี่แล้ว คงไม่ต้องเล่าต่อแล้วใช่มั้ยคะ
ว่าพี่หยี่โทรหากิ๊กรึป่าว อิอิ



อะไรที่ไม่น่าเชื่อ มันก็เกิดขึ้นได้เสมอ
กิ๊กคิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตเหมือนกันนะ

กิ๊กกับพี่หยี่เรียนที่มหาลัยเดียวกันกัน รุ่นต่างกัน 1 ปี

เป็นเด็กกิจกรรมชั้นยอดทั้งคู่

ไปชมรม ทำอบจ. ไปก้าวใหม่ เป็นพี่บ้าน ฯลฯ

ทำอะไรหลายๆอย่างน่าจะพร้อมๆกัน

แต่ก็ไม่เคยเจอกันเลย




วันเวลาผ่านไปหลายปี....

แล้วเราก็มาเจอกันที่ “เขาสก” ซึ่งอยู่ห่างกทม.ไปหลายร้อยกิโลเมตร



เหมือนเพลง หากันจนเจอ เลยอ่ะ



แล้วยิ่งพอเรารู้จักกันมากขึ้น
เราก็รู้ว่า มันเหมือนเราอยู่ใกล้กันนิดเดียวอ่ะ
เพื่อนพี่หยี่ เพื่อนกิ๊กนี่รู้จักกันเป็นลูกโซ่ไปหมดเลยอ่ะ เหมือนคนโน่นก็รู้จักคนนี้
คนนี้ก็รู้จักคนนั้น
สังคมมันใกล้กันมากๆๆๆ
แต่ทำไม เราไม่รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้นนะ



ทุกอย่างคงรอเวลาที่เหมาะสมเนอะ....






เอาล่ะ มาเข้าเรื่องที่กิ๊กบอกไว้แต่แรกว่ากิ๊กประทับใจคนกลุ่มนึงค่ะ
(555 นานเลยเนอะ อ่านกันเพลินจนลืม)

เนื่องจาก เรา 2 คนพบกันจาก TKT กิ๊กก็เลยอยากขอบคุณทาง TKT เค้าหน่อย


ก็เลยไป msn คุยกับ คุณรุ่ง ที่เป็น staff พาเราไปเขาสกครั้งนั้น
คุณรุ่งรู้ข่าวนี่ ดีใจใหญ่
ก็เลยบอกว่าจะ โพสต์กระทู้ให้
และแล้ว ก็ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ คลิ๊กไปตาม link ด้านล่างเลยนะ



//board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=9&topic_no=81691&topic_id=82381&&page=1




ปล. ลิงค์ที่ให้ จริงๆทางเว็บลงให้ตั้งแต่ปีที่แต่งงานกันแล้ว (ปี 2550) ตอนแรกนึกว่า ป่านนี้ลิงค์คงหายไปแล้ว ปรากฏลองคลิ๊กเข้าไปดู ก็ยังคงอยู่ค่ะ...ขอบคุณทางเว็บมากๆๆๆนะคะ ที่ยังเก็บไว้ให้




Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 20:17:38 น.
Counter : 689 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments