All Blog
คิดถึงวันพุธ (31/3/10)


ทำไมต้องเป็นวันพุธ ???

ตั้งแต่มิสาเกิดมา วันพุธจะเป็นวันที่กิ๊กกลัวที่สุด
ทำไมน่ะเหรอคะ...

เพราะเป็นวันที่ต้องเลี้ยงมิสาคนเดียวค่ะ แหะ แหะ

ปกติคุณแม่กิ๊กจะมาช่วยเลี้ยงวันจันทร์-อังคาร
แล้วก็กลับไปวันพุธ ประมาณว่าขอกลับไปดูแลบ้าน 1 วัน
แล้วก็กลับมาใหม่วันพฤหัส-ศุกร์

ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็จะลุยกันกับพี่หยี่ 2 คน

อาจจะมีเลี้ยงเดี่ยวบ้าง ช่วงคุณแม่ไปซื้อกับข้าว
หรือพี่หยี่ไป chill out นอกบ้าน
แต่ก็จะไม่นานมาก

พอได้เลี้ยงคนเดียวทั้งวันนี่
บอกได้คำเดียวว่า "กลัว"

จริงๆมิสาก็ไม่ได้เลี้ยงยากนะ
แต่ว่า มันก็เป็นอะไรที่ "ใช้พลังงาน" เราเยอะเหมือนกัน

แล้วมิสาเป็นเด็กติดอุ้ม ติดคน
คือ ถ้าเค้าตื่นอยู่ ก็ต้องเล่นด้วย คุยด้วย
ไม่สามารถวางบนเบาะ แล้วก็ "หนี" ไปทำอะไรๆได้นานๆ (เข้าห้องน้ำ ยังพอได้นะ)
เรียกว่า วันๆไม่ต้องทำอะไร เลี้ยงมิสาอย่างเดียว

(ซึ่งอันนี้ เคยบ่นตั้งกะแรกๆ แต่ก็ "สำนึก" ได้ว่า ไอ้ maternity leave นี่บริษัทเค้าก็ให้หยุดมาเลี้ยงลูกนี่ฟระ แล้วยังจะอยากไปทำอะไรอีก )

เช้ามาพอพี่หยี่อาบน้ำมิสาเสร็จ
กิ๊กก็รับช่วงต่อเลย (พี่หยี่อาบน้ำ กินข้าว ไปทำงาน)
ข้าวปลาไม่ต้องกิน น้ำท่าไม่ได้อาบ 555
(จริงๆ จะทำก็ได้ แต่ต้องตื่นแต่เช้า ก่อนมิสาตื่น ซึ่งก็ตื่นไม่ไหว 555)
จนกว่ามิสาจะหลับรอบเช้า ก็จะแว๊บๆไปกินข้าว
ซึ่งก็ลุ้นๆไปว่า she จะง่วงตอนไหน
แล้วก็รอมิสาหลับอีกรอบ
สำหรับการอาบน้ำ ซึ่งมักจะเป็นหลังเที่ยง เหอ เหอ

ปลุกปล้ำกันไปทั้งวัน
จนพี่หยี่กลับมาประมาณ 5-6 โมงเย็นนู่นล่ะ
ถึงจะโล่งใจ 555

แต่ก็ต้องถือว่า วันพุธ เป็นวันที่กิ๊กจะได้ใกล้ชิดมิสาที่สุด
เล่นกับเค้า คุยกับเค้าทั้งวัน
มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีนะ

แล้วที่นี้...วันพุธที่ 31 มีนาคม 2553
จะเป็นพุธสุดท้ายที่กิ๊กจะได้ลุยเดี่ยวกับมิสาแล้ว
เพราะพุธถัดมา เราจะไปเที่ยวปราณบุรีกัน
อีกพุธนึง ก้จะเป็นสงกรานต์
และหลังสงกรานต์ กิ๊กก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว

หมดเวลาที่จะได้ปลุกปล้ำกับมิสา 2 คนอย่างเคย

อยู่ดีๆ ก็รู้สึกคิดถึงวันพุธขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะมันจะไม่มีวันที่กิ๊กได้อยู่กับมิสา 2 ต่อ 2 แล้วอ่ะ

ถึงจะเหนื่อย...แต่ก็มีความสุขนะ
เลยรู้สึกเศร้าเล็กๆ...เฮ้อออ



Create Date : 17 เมษายน 2553
Last Update : 17 เมษายน 2553 22:25:53 น.
Counter : 740 Pageviews.

0 comment
หนีลูกดูหนัง (3/3/10)

หลังจากไม่ได้ดูหนังมาเกือบปี
ตั้งกะตอนรู้ว่าท้องนู่นเลย
ก็ให้มีอาการแทบจะลงแดง 555
เพราะปกติเป็นคนชอบดูหนัง
ปีที่แล้ว ก็พลาดไปตั้งหลายเรื่อง
Harry potter, 2012, New Moon ฯลฯ

ตอนแรก ก็ยังคิดไม่ตกว่าเมื่อไร่จะได้ไปดูหนังฟระ
คงต้องรอจนกว่ามิสาจะโตพอที่จะฝากไว้กับใครๆได้
เพราะเวลาไป ก็ต้องไปกะพี่หยี่
ไอ้ครั้นจะให้ไปคนเดียว แล้วให้พี่หยี่เลี้ยง ก็ยังมิกล้าขนาดนั้น


จนกระทั่งไปอ่านเจอว่า มีแม่ๆเค้าไปดูหนังรอบดึกกัน (ตอนลูกหลับแล้ว)
เลยปิ๊งไอเดีย ...งั้นเราก็ไปรอบดึกได้นี่นา

ปกติพอนอนหลับ มิสาจะตื่นกินนมรอบแรกประมาณตี 2 หรือ ตี 3
ถ้าเราดูหนังรอบดึกสุด รอให้มิสาหลับก่อน อาจจะรอบ 4 ทุ่ม
แล้วกลับมาตี 1 อะไรแบบนี้ ก็พอลุ้นนะ อิอิ


กิ๊กมีหนังเรื่องนึงที่อยากดูมากสุดๆ
อยากดูตั้งแต่ตอนท้องแล้ว เพราะเป็นหนังฟอร์มยักษ์
แล้วใครๆที่ไปดูมาก็บอกว่า สนุกกันทุกคน
ก็คือเรื่อง Avatar

ซึ่งก็โชคดีว่า หนังเรื่องนี้เข้าฉายโรง 3 มิติด้วย
ซึ่งหนังโรงจริงๆอ่ะ ออกไปตั้งนานแล้ว
แต่ว่าในโรง 3 มิติยังมีอยู่

เลยให้พี่หยี่เช็คดู
ก็มาได้วันดีเดย์ คือ วันที่ 3 มีนา 53
เพราะเป็นวันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายเป็นวันสุดท้าย !!!

เลยเกิดแผน หนีลูกดูหนังขึ้น
โดยให้คุณแม่มาช่วยนอนเฝ้ามิสาในห้องกิ๊กกะพี่หยี่ให้หน่อย
รับปากเป็นมั่นเหมาะว่า มิสาไม่ตื่นหรอก
เพราะมิสานอนยาวแล้ว นอน 3 ทุ่มกว่าจะตื่นก็ตี 3 นู่นแหละ
เป็นอย่างงี้มาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว 555

คุณแม่ก็กลัวมาก เพราะบอกว่า แม่รับดูแต่กลางวัน
กลางคืนขอบายนะจ๊ะ เพราะแม่นอนไม่ค่อยหลับ ไม่อยากตื่นกลางดึก
แต่กิ๊กก็รับประกันอย่างดี

สุดท้าย คุณแม่ต้องยอม

ก็เลยได้ไปดูหนังกับพี่หยี่สมใจ
หลังจากที่ไม่ได้ดูมาเกือบปี


ส่วนมิสาน่ะเหรอ
พอกิ๊กกะพี่หยี่กลับมา ตอนตี 2
คุณแม่บอกว่า...ตื่นมาร้องไห้จ้า ตั้งกะตี 1 อ่ะ 5555

อ่ะแหม...งานนี้สงสารคุณยายาจริง จริ๊งงงง



Create Date : 13 เมษายน 2553
Last Update : 17 เมษายน 2553 22:42:25 น.
Counter : 711 Pageviews.

0 comment
เย้...อิแม่ได้ออกจากบ้านไปซ๊อปปิ้งแล้ววว (15/2/09)

อิอิอิ
ไม่รู้จะเขียนบันทึกหน้านี้เอาไว้ใน group blogไหนดี
ขอมาแฝงตัวไว้ในบันทึกของหนูมิสาหน่อยละกันนะ 555

ด้วยความที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอด
แบบไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน นอกจากไปรพ.
เพราะลูกกินนมจากเต้าตลอด
และการหัดขวดยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ทำให้การได้ออกจากบ้านครั้งแรกของแม่มัน "ลั่นล๊า" สุดๆ 555
(จนต้องขอเก็บมาบันทึกไว้)

จริงๆ ไม่ได้กะจะมาออกเอาวันนี้หรอก
วางแผนไว้ว่า ขอเป็นวันเกิดตัวเอง (25 กุมภา)
ซักวันละกันที่จะให้คุณแม่ช่วยเลี้ยงมิสาให้
ซึ่งตอนนั้นก็หัดขวดไปได้เกือบเดือนแล้ว
การดูดขวดน่าจะดีขึ้น

แต่ที่ทำให้ปิ๊งไอเดียหนีเที่ยว ทั้งๆที่เพิ่งหัดขวดไปได้แค่อาทิตย์กว่า
เพราะพอดีกิ๊กดันเจ็บนม คือ นมมันคัดนั่นแหละ
แต่คัดเป็นก้อนเลย ก้อนใหญ่มากก
แล้วก็เกิดอาการ panic ว่ามันจะหายหรือเปล่า หรือจะเป็นหนอง จะอักเสบ
เครียดมากมาย
ทุกคนเลยบอกให้ ยังไงวันจันทร์นี้ ไปหาหมอซะ
คุณแม่จะอยู่เลี้ยงมิสา+ป้อนนมจากขวด (ยากมากก)ให้

แต่ปรากฏพอตอนกลางคืน ให้นมลูกไป
ไอ้ก้อนๆมันก็สลายหายไปซะอย่างงั้น 555
เลยไม่ต้องไปหาหมอแล้ว
แต่ก็แบบ อารมณ์อยากออกจากบ้านพุ่งกระฉูด
ไหนๆก็ทำใจไว้แล้ว
ขอไปเซ็ทรัลหน่อยละกัน 555

สรุป ก็เลยได้ออกจากบ้านไปลั๊นลาตามลำพังที่เซ็นทรัลจนได้
ด้วยความที่ไม่ได้ขับรถนานมาก 3 เดือนกว่า (ถือว่านานที่สุดแล้ว)
ตอนแรกทุกคนก็เป็นห่วงว่าจะกลับมาขับได้รึป่าว
แต่กิ๊กนึกๆดู..ตอนไปเมืองนอกใหม่ๆ 6 เดือนแรกก็ไม่ได้ขับเลย
แต่พอได้ขับปุ๊บ ครั้งแรกก็ขับได้ ไม่มีปัญหา (แถมคนละฝั่งด้วย)
เลยมั่นใจว่า ขับได้แน่นอน

ปรากฏไอ้ขับอ่ะ ขับได้
แต่หลงทางคับ 555
จริงๆไม่เชิงหลงหรอก แต่ดันขับไปทางไปทำงาน
เพราะมันชิน แต่จริงๆไปห้างมันต้องไปอีกทางนึง
แหม อยู่บ้านมาเดือนกว่า...ถนนหนทางดูไม่คุ้นตาเล้ยย 555

กำหนดเวลาไว้ว่าจะไปประมาณ 2 ชม. รวมเดินทางด้วย
แต่สุดท้าย ก็ทำไม่ได้
ไปซื้อเสื้อผ้าให้มิสา แล้วเสื้อผ้าเนี่ย ก็กินเวลาสุดๆ
เดินไปเกือบ 2 ชม. อยู่แผนกเสื้อผ้าเด็กอย่างเดียว
ของแม่มันยังไม่ได้ซักอย่าง

สุดท้ายต้องรีบๆๆๆ เดินจนขาจะขวิด
ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กิน
แบบว่า คิดถึงลูก 555
ต้องรีบกลับบ้าน
รวมเวลาออกไปทั้งสิ้นประมาณ 3 ชม.

แต่ไม่เป็นไร
เพราะตอนนี้แม่มันได้ใจแล้ว อิอิ
มั่นใจว่าคุณยายเลี้ยงได้
เพราะถ้ามิสาหิว ยังไงก็ดูดจากขวดได้
เอาไว้ออกไปอีกดีกว่า 555



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 17 เมษายน 2553 22:23:27 น.
Counter : 1513 Pageviews.

17 comment
คนขับแท๊กซี่
คนขับแท็กซี่ในความคิดชั้น ชั้นคิดว่าเป็นอาชีพที่น่าเห็นใจแท็กซี่มีเกลื่อนเมือง แต่ไม่มีคนนั่ง

คนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในประเภท "หาเช้ากินค่ำ"

หลังจากได้ใช้บริการแท็กซี่บ่อยขึ้นในระยะหลัง ทำให้ชั้นรู้สึกคุ้นเคยกับคนขับแท็กซี่

แรกๆที่ได้นั่ง...จะออกแนวรำคาญ ถ้าคนขับมาชวนคุยนู่น คุยนี่ ..

อารมณ์ประมาณว่า..อยากนั่งเงียบๆคนเดียว (จะได้มั้ยยยย)

แต่หลายๆครั้ง ได้คุยกับคนขับ แล้วก็รู้สึกว่า แต่ละคนมีความคิดดีๆอย่างไม่น่าเชื่อ สวนทางกับมุมมองเก่าๆที่เราคิดว่า คนขับแท็กซี่อาจมีการศึกษาไม่สูงนัก

เรื่องท๊อปฮิต ที่พี่แท็กซี่ชอบคุยมากๆ นั่นก็คือ เรื่องการเมือง ลองถ้าใครได้คุย จะออกรสออกชาดมากกก ตัวชั้นเองไม่ได้ถนัดเรื่องนี้นัก แต่พอฟังพี่แท็กซี่คุยให้ฟัง ก็ได้มุมมองใหม่ๆมาหลายเรื่อง

เรื่องรองลงมาก็คือ เรื่อง ตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจจราจร อันนี้คุยทีไร พี่ท่านก็จะมันส์ทุกที ชั้นได้ความรู้เรื่องช่องโหว่ของกฎหมาย (จราจร) มาก็หลายครั้ง (แต่ถูกต้องรึป่าว นี่ก็อีกเรื่องนะ)

และอีก topic ที่เป็นที่นิยม ก็เป็นเรื่องชีวิตครอบครัว ความลำบากต่างๆนาๆ เวลาฟัง ก็เพลินดี ทำให้ได้กำลังใจ เหมือนกับว่า คนที่ลำบากกว่าเรายังมีนะ บางเรื่องฟังแล้วน้ำตาจะไหล เฮ้ย อะไรจะลำบากได้ขนาดนี้ (วะ)เนี่ย

ตอนหลังๆ เลยเป็นฝ่ายชอบชวนแท็กซี่คุยซะเองเลย ซึ่งก็ไม่ค่อยผิดหวัง แท็กซี่คุยเก่งเกือบทุกคน คงเป็นเพราะวันๆไม่ได้คุยกับใครมั๊ง ไม่มีเพื่อนร่วมงาน คนที่จะคอยคุยด้วย ก็มีแต่ผู้โดยสารนี่แหละ

ปกติเวลาจ่ายค่าแท็กซี่ ชั้นมักจะจ่ายแบบพอดี อย่างดีก็ปัดเศษให้ 1 บาทมั่ง 3 บาทมั่ง ให้มันเต็มสิบไปเลย ด้วยสาเหตุว่าขี้เกียจได้เหรียญกลับมา

มีอยู่วันนึง ชั้นนั่งแท็กซี่ไปกับคุณอา เพื่อไปทำธุระที่ ดิโอล์ด วันนั้น คนขับแท็กซี่เป็นผู้หญิง เธอเล่าให้ฟังถึงชีวิตครอบครัวของเธอ ที่มีเธอเป็นหัวเรือใหญ่ เพราะสามีไม่ได้เรื่อง ไม่ทำงาน แถมยังติดเหล้า และเธอยังมีภาระส่งลูกสาวตัวน้อยเรียนอีก ฟังดูแล้วน่าสงสารมากๆ ถามว่าทำไมไม่เลิกกับสามีไปซะ แล้วจะได้เลี้ยงลูกแค่คนเดียว เธอตอบไม่ได้....บอกได้แต่ว่า จะเลิกก็เลิกไม่ได้...เออ นะ เข้าใจได้ว่า..ชีวิตคนเรา บางทีก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด...

ตอนลงจากรถ มิเตอร์ขึ้นราคาที่ 67 บาท คุณอาชั้นให้ไป 100 บาท บอกคนขับว่า ไม่ต้องทอน

พอลงจากรถ ชั้นหันไปถาม ทำไมให้เยอะจัง ให้แค่ 70 ก็พอ

คุณอาหันมามองแก้วกาแฟในมือชั้น ที่มีกาแฟเหลืออยู่เกือบ 3 ใน 4 แก้ว แล้วกำลังจะถูกทิ้งลงถังขยะ พลางบอกว่า ดูสิ กาแฟ แก้วละตั้ง 40-50 กินไปนิดเดียวก็ทิ้ง ทิ้งเงิน 30 บาท ไม่เสียดายเหรอ

ชั้นอึ้ง...

เสียน้อย เสียยาก เสียมาก เสียง่าย ... อาจจะไม่ตรงซะทีเดียว แต่ความรู้สึก เหมือนกับว่า จะให้เงิน 30 บาทแก่คนซักคน ซึ่งมันมีค่ากับเค้ามาก กลับคิดแล้วคิดอีก แต่กับของง่ายๆ เช่น กาแฟแก้วละ 40-50 หรือบางทีเป็นร้อย ดูด 2 จ๊วบ ก็ทิ้งได้ ไม่เคยคิดว่าทิ้งเงินเลยนะนั่น

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..ทุกครั้งที่นั่งแท็กซี่ ชั้นจะคิดถึงเรื่องนี้เสมอ ยิ่งบางครั้งได้ฟังเรื่องราวชีวิตต้องสู้จากพี่คนขับ ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร บางทีถ้ามีโอกาสให้ค่าจ้างเพิ่มจากที่มิเตอร์ขึ้น ชั้นไม่เคยรีรอเลยซักครั้ง เพราะรู้สึกว่า สำหรับเค้าแล้ว มันมีค่า..เสมือนกับว่า” ให้ทิป “เค้าก็แล้วกัน

ขับรถวันนึงๆ จะได้ซักเท่าไร่เชียว ค่าเช่ารถก็แพงอยู่ แล้วแท็กซี่บนท้องถนนก็มีมาก เรียกว่าต้องลุ้นกันวันต่อวันทีเดียวเชียว ว่าเงินที่ได้จะพอกับค่าเช่ารึป่าว

เคยไปหลายประเทศ การใช้แท็กซี่เป็นพาหนะ มักจะเป็นพาหนะสาธารณะที่ราคาแพงที่สุด เริ่มต้นที ก็เกือบร้อย หรือร้อยกว่าๆ วิ่งแป๊บเดียว มิเตอร์ขึ้นเอาๆ ถ้าเลี่ยงได้ควรใช้ รถเมล์ รถใต้ดิน รถไฟฟ้า ฯลฯ จะดีกว่า

เห็นจะมีแต่เมืองไทยนี่แหละ ที่ค่าแท็กซี่ถูกที่สุด เริ่มต้นแค่ 35 บาท เคยนั่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จากตลาดกลับบ้าน ด้วนเรตต่ำสุด แบบมิเตอร์ไม่เขยื้อน ก็ 35 บาท มาวันนี้ผ่านไป 10 ปี นั่งจากตลาดเหมือนเดิม ค่าแท็กซี่ก็ยัง 35 บาท !!!

ค่ารถเมล์ รถแอร์ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ค่าเครื่องบิน ค่ารถไฟ ทุกอย่างขึ้นหมดแล้ว แต่ค่าแท็กซี่ยังไม่ขึ้นค่ะ…

ถ้ามีโอกาสได้นั่งแท็กซี่...ลองคุยกับพี่คนขับดูสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่า...

ทิป 10-20 บาท มีค่ามากมายค่ะ..

ปล. บล๊อคอ่านยากนิดนึง และอาจจะไม่ค่อยสวย จะค่อยๆหาทางศึกษาแก้ไขนะคะ



Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 29 มกราคม 2552 17:05:36 น.
Counter : 702 Pageviews.

1 comment
เปิด group blog ใหม่ - เรื่องราวทั่วไป พบได้ในชีวิตประจำวัน ในมุมมองของเจ้าของ blog
อยากมีงานเขียนของตัวเองมานานแล้วค่ะ เพราะเป็นคนชอบเขียนๆๆๆ (ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนเป็น พิมพ์ๆๆๆ แล้วสินะ)

เคยเขียนแต่จำพวก diary ของตัวเอง หรือไม่ก็ รีวิว ที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว...

แต่จริงๆแล้ว ความอยากเขียนมีมากกว่านั้นค่ะ

อยากบันทึกเรื่องราว เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง พบได้บ่อยบ้าง ไม่บ่อยบ้าง ตามความคิด ตามจินตนาการ ตามมุมมองของตัวเอง

แต่ไม่อาจหาญกล้า เข้าไปรวมกลุ่มอยู่กับ "งานเขียน - บทประพันธ์" กะเค้าได้

ขอแทรกตัวเล็กๆ อยู่ใน หมวด "ไดอารี่ - ประสบการณ์ชีวิต" ละกันนะคะ



Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 29 มกราคม 2552 17:05:17 น.
Counter : 771 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments