All Blog
มิสากับ Ice Skate บทที่ 4 : Skate Bangkok 2020 การแข่งขันครั้งสำคัญ (11-13/12/2020)
หลังจากแข่ง Skate Asia 2019 ไปเมื่อเดือนสิงหา ปี 62 .. ครั้งนั้น แม้ไม่ได้รางวัลอะไร แต่มิสามีใจสู้เต็มเปี่ยม ไม่เสียกำลังใจแม้แต่น้อย บอกแม่ว่า อยากเรียนต่อ อยากแข่งอีก มิสาชอบทำโปรแกรม ... เราพักเรียนไอซ์สเก็ตไปพักนึง เพราะหมดคอร์สที่ลานพระราม 9 พอดี จากนั้นแม่ตัดสินใจให้มิสาลองเปลี่ยนลาน เปลี่ยนโค้ชดูบ้าง เพราะ เราก็เรียนกันที่ลานพระราม9 มาได้ 2 ปีกว่าแล้ว (จะได้เปลี่ยนที่ช้อปปิ้งบ้าง แม่คิด 555) แม่มาดูลานของ Subzero ที่เมกะบางนา เล็งหาโค้ช พอได้โค้ช ได้ตารางว่าง ก็จัดการจองคอร์สแล้วให้มิสาเริ่มเรียนกับโค้ชใหม่ ... การเรียนดำเนินไปเรื่อยๆ ตอนแรกแพลนกับโค้ชจะแข่งช่วง พค. 63 แต่ไปๆมาๆ มีโควิดมาตั้งกะต้นปีเลย ลานก็ปิดด้วย การแข่งก็เลื่อน ก็เลยเลื่อนไปเรื่อยๆ แต่ในระหว่างที่ลานปิด โค้ชก็มีให้เด็กๆเรียนแบบ off Ice ด้วย บางทีก็เรียนออนไลน์ บางทีก็ไปบ้านโค้ช แม่ก็ไปนั่งรอ (ไม่มีให้เดินช้่อปปิ้งด้วย 555) แต่แม่ก็ยอม เพราะโค้ชบอกว่า อยากให้ฝึกอยู่เรื่อยๆ พอลานเปิดจะได้ ไม่ต้องฟื้นมาก ...


พอกลางปี ลานเปิด เราก็เริ่มลงลานกันใหม่ ช่วง สค , ตค ก็มีแข่งที่เชียงใหม่ กับภูเก็ต แต่แม่ไม่ได้ให้มิสาลงแข่ง เพราะรู้สึกถึงความยุ่งยากในการแข่ง ^^" คือ ต้องบินไป ต้องหอบชุด หอบอุปกรณ์อะไรไปเยอะแยะ กองเชียร์ก็ตามไปไม่ได้ 555 สรุปรอแข่งที่กทม. ก็มาลงตัวที่ Skate Bangkok ซึ่งแข่งช่วงธันวา 20 ที่ลานเมกะเองนี่แหละ ... ครั้งนี้โค้ชให้มิสาลงแข่งโปรแกรมเดี่ยว 2 โปรแกรมเลย คือ Solo - F1 กับ Drama Spotlight -
F1 มิสาเลือกเพลง Speechless (เพลงประกอบหนัง Aladdin) และก็โปรแกรมคู่ เป็นโปรแกรมสั้นๆอีก 1 โปรแกรม รวม 3 โปรแกรม ... ตอนแรก แม่คิดว่า เอาที่เป็นเพลงเดี่ยวๆ เพลงเดียวพอมั้ย เพราะมัน 1.30 นาที กลัวลูกจำท่าไม่ได้ แล้วก็ท่าจะปนกัน 555 เวลาซ้อมจริงๆก็น้อยด้วย เพราะโค้ชต้องส่งเด็กแข่งเชียงใหม่ กับภูเก็ต ให้เสร็จก่อนด้วย ถึงจะมาดูโปรแกรมเราเต็มๆ แต่สรุป โค้ชก็บอกว่า 2 โปรแกรมเลยค่ะแม่ น้องทำได้ 555


การฝึกซ้อมโปรแกรม 2 โปรแกรมหลักเริ่มต้นเพียงแค่เดือนกว่าๆก่อนแข่ง  แม่รู้สึกว่าเวลาน้อยมาก ยิ่งตอนลองทำโปรแกรมครั้งแรก มิสายังท่าทางเก้ๆกังๆ โค้ช(และแม่)นี่กุมขมับเลย 555 แต่แม้จะเวลาน้อย แต่มิสาก็ตั้งใจมาก เราเพิ่มเวลาเรียนเป็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเพิ่มวันธรรมดาหลังเลิกเรียน ที่เราต้องเดินทางไปถึงเมกะบางนา(จากพระราม2) กว่าจะกลับถึงบ้าน มิสานี่สลบทุกรอบ ^^" .... ยิ่งโดยเฉพาะสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน มิสาขยันซ้อมมากๆ ไปซ้อมทุกวัน ... วันอังคาร มีซ้อมใหญ่ตั้งแต่ 2 ทุ่ม - 4 ทุ่ม (คือ มันดึกมาก นึกว่าจะหมดพลัง แต่ก็ยังตั้งใจ) ...วันพุธ ก็ไปซ้อม .. วันพฤ จริงๆมิสานัดเพือนดูหนังและจะไปเล่นบ้านเพื่อน แต่พอแม่อธิบายเหตุผล โดยบอกว่า การแข่งมีเพียงครั้งเดียว แต่บ้านเพื่อนไปเมื่อไหร่ก็ได้ หนูก็เข้าใจ ก็ไปซ้อมกับโค้ชอีก ... วันศุกร์ กะว่าจะให้พัก สบายๆ เพราะจะแข่งวันเสาร์ แต่มิสาก็ขอแม่ให้พาไปซ้อม เราก็ไปซ้อมกันถึงที่ลานสำโรง (เพราะเมกะมีแข่งแล้ว) มิสาซ้อมเองคนเดียวเกือบ 2 ชม. ... คือ แม่รู้สึกว่ามิสาทุ่มเทมากๆ อดทนฝึกซ้อมมากๆ ไม่มีบ่น ไม่มีอิดออดเรื่องซ้อมเลย ... ก่อนแข่ง แม่บอกมิสาเลย ว่าหนูชนะแล้วนะ สำหรับแม่หนูชนะตั้งแต่ก่อนแข่งซะอีก 💕


แข่งคราวนี้ แม่รู้ว่ามิสากดดันตัวเองมากๆ คราวที่แล้วมิสาบอกชิลล์เพราะแข่งครั้งแรก ไม่ได้หวังอันดับใดๆ แต่ครั้งนี้มิสาตั้งใจ เพราะอยากได้เหรียญบ้าง ... ก่อนแข่งก็มีเหตุให้ใจแป้วอยู่บ้าง ทั้งป่วยด้วย(เป็นหวัด ไม่หายซักที เพราะอยู่ลานไอซ์ตลอด) หรือซ้อมอยู่ดีๆ ก็ล้มเข่ากระแทก(แรงด้วย)ในท่าที่ไม่เคยล้ม จนต้องหยุดเรียนไปอาทิตย์นึง หรือแม้แต่ท่าหมุน ซึ่งเคยทำได้ดี อยู่ดีๆไม่กี่วันก่อนแข่ง ก็หมุนแล้วเซ หมุนกี่ทีก็เซ คือ ทำเอาความมั่นใจหายไม่กล้าหมุน กลัวล้ม แต่ก็นับว่าใจยังสู้ เรียกความมั่นใจ จนกลับมาทำท่าต่างๆได้เหมือนเดิมในที่สุด ....


พูดถึงเรื่อง หมุนไม่ได้ก่อนแข่ง แม่ต้องบันทึกซะหน่อย เพราะ two-foot spin มิสาทำได้มานานมากๆแล้ว เรียกว่าได้ก่อนจบเรียนกลุ่ม level 10 ด้วยซ้ำ แต่จำนวนรอบอาจจะน้อยกว่านี้ แต่ยังไงก็ไม่เคยเซ หรือ ล้ม ... วันดีคืนดี ก่อนแข่งประมาณ 2 อาทิตย์ หมุนแล้วเซ แล้วล้มซะอย่างงั้น คือ ใจเสียเลย ทั้งมิสาเอง และแม่ด้วย (และคงจะโค้ชด้วย 55) แล้วคือ จะทำยังไงกันดี ท่าหลักของการแข่ง จะมาฝึกทรงตัวตอนนี้ มันใช่เหรอ ?? แม่คิดๆๆๆว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆก็คิดถึงเรื่องว่า มิสาไม่สบาย คัดจมูกมาเป็นเดือน แล้วไม่หายซักที เนื่องจาก เราก็มาลานตลอดทั้งเดือน มันก็ไม่หายเพราะพอจะหาย ก็มาเจอเย็นอีกแล้วเป็นหยั่งงี้ตลอด (แม่ไม่ได้หาหมอ เพราะคิดว่าหวัดธรรมดา ก็กินยาแก้แพ้เอา) แล้วมันเป็นนานมาก มันจะเกี่ยววอะไรกับโพรงจมูก ไปจนถึงหู ไปจนถึงระบบการทรงตัวรึป่าว เลยตัดสินใจพาไปหาหมอก่อนแข่ง 1 อาทิตย์ ปรากฏหมอบอกว่า เกี่ยวค่ะแม่ !! เพราะน้องเป็นนาน แล้วโพรงจมูกบวม มันต่อกันไปหมด แม่เลยขอยา เอาแบบแรงสุด (เวลานี้ ขอแรงสุดค่ะ เพราะอีก 1 อาทิตย์แข่ง ^^")  พอได้ยาฆ่าเชื่อซัก 3 วันก็ดีขึ้น ... พอวันพฤหัส ที่ซ้อมครั้งสุดท้ายกับโค้ช โค้ชบอก น้องกลับมาหมุนได้แล้วค่ะ 555 แม่นี่ขำเลย บอกโค้ช แม่ให้ยาแรงสุดกับน้องแล้วค่ะ หมอบอกว่า ที่หมุนแล้วเซ เพราะมันเกี่ยวกับการเป็นหวัดของน้อง ... วันศุกร์เลยไปซ้อมเองอีกที ก็หมุนได้เรียบร้อย พร้อมแข่งวันเสาร์ ... เรียกว่า หายอย่างเส้นยาแดงผ่าแปดมากๆ (ลองคิดดูว่า ถ้าไม่หาหมอ แล้วหวัดยังไม่หาย จะเป็นยังไง T_T)



 
โปรแกรม 1 : Solo - Free Style 1 - Female 10 Y









โปรแกรม 2 : Drama Spotlight - Free Style 1 Female 10-11 Y










 
โปรแกรม Drama Spotlight มิสามีเซเล็กน้อย แต่โดยรวมจริงๆคือ ดีมาก พอแข่งเสร็จ แม่กับน้ากลอยมารอดูคะแนน แม่ยังบ่นกับน้ากลอย เสียดายจังไม่น่าเซเลย อยากให้ได้อันดับดีๆเพราะไม่รู้จะได้เรียนต่อมั้ย (อันนี้เรื่องยาว เดี๋ยวเล่าอีกที) น้ากลอยก็สงสารหลาน ... ปรากฏ พอคะแนนขึ้น มิสาอยู่อันดับแรก ได้ Gold แม่นี่กรี๊ดเลยย น้ำตาแตก 555 แบบน้ำตาแตกจริงๆ ดีใจมากๆๆๆๆ บอกเลย นี่คือ น้ำตาไหลด้วยความดีใจ ครั้งที่ 3 ในชีวิต 555 (ครั้งที่ 1 เอ็นทรานส์ติด, ครั้งที่ 2 พ่อขอแต่งงาน และครั้งนี้ ลูกสาวแม่ได้เหรียญทอง 555)




โปรแกรมที่ 3 เป็นโปรแกรม Jump & Spin อันนี้ คู่กับเพื่อนอีกคน ของมิสาเป็น Jump (เพราะ Jump ได้ดีกว่า มิสายัง one foot spin ไม่ค่อยได้เลย) ส่วนเพื่อนก็ spin ไป เพราะเค้า spin ดีกว่า 555 โปรแกรมนี้ ก็ได้เหรียญทองกันมา ร่วมกับอีกทีมด้วย ... 


ในการแข่งขัน แม้จะมีผิดพลาดบ้าง แต่แม่ขอชื่นชมมิสาในความมีสติ The Show must go on ของแท้ ... มิสาสามารถเรียกพลังกลับคืนมา และแสดงจนจบได้อย่างดี เรียกว่า มีสติมาก ..... และในที่สุด จากความพยายามของลูกสาวในการแข่งขันครั้งนี้ มิสาก็ได้ เหรียญอย่างที่ตั้งใจ ... เย้ๆๆๆ ... 😊👏🏻👏🏻👏🏻 #Soproudofyou #2goldmedals 🥇🥇 #1bronzemedal 🥉#misa10years





Create Date : 27 มิถุนายน 2564
Last Update : 27 มิถุนายน 2564 17:49:00 น.
Counter : 1059 Pageviews.

0 comment
Misa's diary : มุมบวก เจอพิษโควิด รร.ปิด 14 วัน
กิ๊กมักคิดเสมอว่า ในความโชคร้าย ก็จะมีความโชคดีอยู่ด้วยเสมอ ขึ้นกับมุมมองของเรา ครั้งนี้ก็เช่นกัน ...

ในบันทึกนี้ จะขอไม่ดราม่าเรื่องโควิดนะคะ แค่อยากบันทึกเรื่องมิสา


เล่าย้อนนิดนึงว่าเมื่อ ต้นเดือนกพ.ที่ผ่านมา กิ๊กและพี่หยี่ได้เดินทางไปทำงานที่โปรตุเกส โดยก่อนไปโปรตุเกสเราได้แวะเที่ยวที่ปารีส 2 วัน และไปโปรตุเกสต่อ รวมทั้งสิ้น 13 วัน พอกลับมา ทางรร.โทรแจ้งให้เด็กๆหยุดเรียน 14 วัน เพราะพ่อกับแม่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเราก็ยินดีปฎิบัติตาม แต่ตอนนั้นคือ สงสารมิสามากๆ สิตานั้นไม่เท่าไหร่ อยู่อนุบาล ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว แต่มิสาคือ ป.4 มันเริ่มมีเนื้อหาวิชาการ มีสอบ มีส่งงาน แล้วนี่คือ หยุด 14 วัน ก็จะไม่ทันเพื่อน ซึ่งตอนที่รร.โทร.มา กิ๊กเองเดาได้เลยว่ามิสาต้องเสียใจมากๆๆแน่ๆ นางเป็นเด็กไม่ชอบหยุดเรียน ตั้งแต่ประถมมา คือ ไม่อยากหยุดเลย สาเหตุเพราะนางไม่อยากทำงานตามเพื่อนๆ มันเยอะ งานค้างเยอะ 555 คือ ไม่ใช่ขยันเรียนอะไรหรอก แต่ขี้เกียจตามเก็บงาน 555 เพราะฉะนั้น บ้านเราแทบจะไม่ลาหยุดเลย ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ อย่างไปเที่ยวก็ต้องไปหยุดยาว (คนล้านแปดก็ต้องยอม) กับปิดเทอม แค่นั้น ทำให้สิตาก็อดเที่ยวไปด้วย 555 เคยให้เธอลาหยุดเพราะไปเที่ยว แบบซื้อ voucher ที่ต้องใช้วันหยุด เธอโวยวายเยอะมาก จนกิ๊กเหนื่อยใจ ในเมื่อลูกอยากไปรร.ขนาดนั้น ก็เชิญค่ะ !

เพราะฉะนั้น ถ้าต้องขาดเรียน 14 วันขนาดนี้ ก็นะ โวยวายแน่นอน ... และก็เป็นจริงดังคาด พอเธอรู้ เธอเสียใจมากๆๆๆ หนูไม่อยากหยุดเรียนเลย บลาๆ ซึ่งกิ๊กกับครูประจำชั้นก็มีการคุยกันไว้แล้ว คือ ทางรร.ก็เข้าใจเด็กที่ต้องลาหยุด ก็จะมีการส่งงาน ส่งการบ้านมาทางไลน์ ให้เลื่อนสอบได้ คือ มีมาตรการต่างๆ แบบที่เรี่ยกว่าไม่ให้กระทบกระเทือนการเรียนมากนัก (แต่มันก็เรียนได้ไม่เท่าเด็กที่ไปรร.อยู่แล้ว) กิ๊กรู้ว่ามิสาจะห่วงเรื่องตามเก็บงานตามเพื่อนๆมากที่สุด ก็เลยคุยกับลูก

กิ๊ก  : เรื่องงานไม่ต้องห่วงลูก ครูเค้าจะส่งมาให้ทางไลน์ เราก็อยู่บ้านก็ทำได้ ส่วนสอบครูเค้าจะให้เลื่อนได้ทุกวิชา
มิสานั่งเงียบซักพัก ก็พูดขึ้นว่า

มิสา : หนูเป็นห่วง 3 วิชา คือ คณิต วิทย์ และอังกฤษ
แม่ : เลข ไม่เป็นไรมั๊ง เพราะเดี๋ยวครูก็ส่งแบบฝึกมาทางไลน์ (คือ ยังเข้าใจว่าลูกกลัวทำงานไม่ทันเพื่อน)
มิสา : แต่เลขมันต้องฟังครูนะคุณแม่ ถ้าเราไม่ได้เรียนที่ครูสอนมันจะไม่เข้าใจวิธีคิด
แม่ : อืมม มันก็จริง แต่วิทย์ไม่ต้องนี่ เดี๋ยวพอจะสอบครูเค้าก็จะมีชีทสรุปให้อ่าน
มิสา : วิทย์ ก็ต้องมีการทดลอง ถ้าเราไม่ได้ทำการทดลอง เราก็จะไม่เข้าใจนะ
แม่ : อืมม
มิสา : เวลาสอบวิทย์ หนูไม่ได้อ่านจากชีทหรอก หนูรู้อยู่ก่อนอ่านชีทอีก เพราะมันมีทดลอง มันทำให้หนูเข้าใจ ชีทแค่มาอ่านทวนๆ
แม่ : อืมม (เริ่มสังเกตอะไรบางอย่างได้)
มิสา : อังกฤษก็เหมือนกัน หนูต้องฟัง teacher อธิบาย ไม่งั้นก็ไม่เข้าใจ มีแค่ dictation เท่านั้นที่จำเอา แต่นอกนั้นก็ต้องให้ครูสอน


มิสาพูดจบหน้าเศร้าๆ แล้วก็บอกว่า คุณแม่ให้ครูอัดคลิปตอนสอนมาเปิดให้หนูดูได้มั้ยอ่ะ หนูจะได้เข้าใจ

แม่นี่เศร้าแทนลูกเลย (คือ รู้สึกผิดที่ทำให้ลูกต้องหยุดเรียน) แต่เหนือความเศร้า จากที่คุยกับมิสา แม่รู้สึกว่า มิสามีความอยากเรียนรู้มาก เค้าอยากเข้าใจในบทเรียนต่างๆ ทุกวิชา มีแต่คำว่า หนูอยาก เข้าใจ เข้าใจ และเข้าใจ คือ ไม่ได้มาจากกลัวได้คะแนนไม่ดีหรืออะไร หรือแค่อยากทำงานให้เสร็จๆตามเพื่อน แต่มาจาก "ความอยากเรียนเพื่่อให้เข้าใจจริงๆ" ... แม่ปลื่มเลยนะ ณ จุดนี้ รู้เลยว่า การที่เราให้ลูกเรี่ยนรร.ทางเลือก (ในอนาคตจะเป็นไงไม่รู้) แต่ ณ จุดนี้ รรได้จุดประกายความอยากเรียนรู้ ความอยากเข้าใจบทเรียน (ที่มีครูสอน)ให้กับมิสา ในวัยป.4 นี้ เค้าไม่ได้มุ่งแต่ท่องๆ สอบๆ แต่เค้าอยากเรียนรู้มากกว่า ซึ่งกิ๊กว่า เป็นอะไรที่สำคัญมากๆสำหรับเด็ก ทำยังไงให้เค้ามีความใฝ่รู้ อยากเรียนรู้ให้มากที่สุด เราควรสนใจกระบวนการตรงนี้มากกว่า มุ่งไปที่ผลลัพธ์ แบบสอบให้ได้ที่ 1 หรือ สอบได้เกรด 4 หมด สำหรับเด็กยุคนี้ มันหมดเวลาแล้ว ที่เราจะสนใจแต่เป้าหมาย แต่ควรให้เค้ามีความอยากเรียนรู้ แล้วกระบวนการเรียนรู้(โดยวิธีต่างๆ)มันจะตามมาเอง 


ซึ่งกิ๊กก็เลยคุยกับคุณครูถึงเรื่องนี้ ว่าจะอาจจะมีการสอนนอกเวลาให้กับมิสา เพราะกิ๊กคิดว่า ในเมื่อเด็กคนนึง อยากเรียนรู้ขนาดนี้ คือ ไม่ควรปล่อยผ่านอ่ะ ... แต่ว่าในที่สุด เนื่องจากสถานการณ์โควิดมันแย่ลง ไปๆมาๆ รร.ก็ประกาศปิดทั้งหมด 14 วันไปเลย แล้วก็มีการเรียนออนไลน์แทน (ทุกคน) ซึ่งการเรียนออนไลน์ ก็หนักหน่วงอยู่ 555

บันทึกนี้ แค่อยากบันทึกไว้ว่า แม้ว่าจะเป็นเรื่องเศร้าที่ต้องหยุดเรียน แต่ก็ทำให้แม่ได้เห็นอะไรบางอย่างในตัวลูก ^_^

 



Create Date : 04 มีนาคม 2563
Last Update : 4 มีนาคม 2563 15:02:59 น.
Counter : 905 Pageviews.

0 comment
Sita's journal : สิตาเป็นเด็กตลก #1
จริงๆแล้วคำพูดของลูกตอนเป็นเด็กๆเนี่ย มันมีอะไรตลกๆเยอะเลย อยากจะบันทึกไว้ทั้งหมด แต่กว่าจะคิดได้ ก็ 6 ขวบแล้วค่ะ 555

เริ่มเรื่องแรกเลย

ระหว่างนั่งอยู่บนรถ เรา 4 คนพ่อแม่ลูก ก็คุยกันถึงเรื่องว่า ถ้าแม่ไม่ได้แต่งงานกับพ่อแล้วจะเป็นยังไง

พี่หยี่ : ถ้าแม่เค้าไม่ได้แต่งกับพ่อนะ เค้าก็คงต้องไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น
มิสา : ทำไมอ่ะ
พี่หยี่ : ก็ผู้หญิง ก็ต้องอยากแต่งงานอ่ะ
สิตา : แต่งกับพ่อก็ดีนะ ... ตลกดี 555
กิ๊ก : 555 ความดีของพ่อ มีแค่นี้เหรอลูก ^^"

แหม นึกว่าเธอจะบอกว่า ถ้าไม่แต่งกับพ่อ ก็ไม่มีพวกหนูอะไรแบบนี้ เธอดันบอกว่า พ่อตลกดีซะนี่ 12


อีกเรื่องนึงตอนเปิดเทอมใหม่ อ.2

เปิดเทอมใหม่ ในฐานะพี่กลาง(อ.2) ก็ต้องดูแลน้องเล็ก(อ.1)ที่เพิ่งมารร.ครั้งแรก
พี่สิตาก็มีความเห่ออยู่ไม่น้อย ... และเมื่อได้ facetime กับน้ากลอย ก็ต้องเล่าซะหน่อย

สิตา : น้ากลอยรู้มั้ยหนูดูและน้องอะไร
น้ากลอย : ไม่รู้ค่ะ น้องอะไรคะ
สิตา : ให้น้ากลอยทาย
น้ากลอย : โอ้ว ชื่อมีเป็นพันๆชื่อ น้าจะทายถูกมั้ย 555 ใบ้ให้น้าหน่อยสิ
สิตา : ชื่อที่คล้ายๆเค้กอ่ะ
น้ากลอย : คุ้กกี้? (ไม่ใช่) โดนัท? (ไม่ใช่) ไอติม? (ไม่ใช่) ... แล้วน้าก็ทายชื่อของหวานอีกมากมาย
สิตา : ไม่ใช่เลย
น้ากลอย : น้าไม่รู้แล้วอ่ะ เฉลยเถอะ
สิตา : ก็น้องเคทไง
น้ากลอย : ^^"


ถามจริง จะมีใครทายถูกมั้ยเนี่ย 555

อีกเรื่องนึง แสดงถึงความเป็นตัวตนของเธอ

เพื่อนๆอ.2ของสิตา มีแก๊งค์อยู่ 2 แก๊งค์ คือ แก๊งค์ฮีโร่ และแก๊งค์เจ้าหญิง และเด็กแสบอย่างสิตาก็อยู่แก๊งค์ฮีโร่อย่างไม่ต้องสงสัย 555 แถมเป็นผู้หญิงคนเดียวในแก๊งค์ด้วย วันนึงสิตากลับมาฟ้องแม่ว่า

สิตา : หนูออกจากแก๊งค์ฮีโร่แล้วนะ
แม่ : ทำไมล่ะลูก
สิตา : ก็หนูวิ่งช้าที่สุดเลยอ่ะ หนูเลยออกจากแก๊งค์แล้ว
แม่ : ถ้างั้นหนูก็จะไปเข้าแก๊งค์เจ้าหญิงแล้วสิ (แม่ดีใจ อิอิ)
สิตา : ไม่ ! หนูจะหัดวิ่งให้เร็วขึ้น แล้วไปเข้าแก๊งค์ฮีโร่เหมือนเดิม
แม่ : จ้า .. เอาที่สบายใจเลยลูก ^^"


แหม่ อุตส่าห์ดีใจนึกว่าจะได้ไปอยู่แก๊งค์เด็กผู้หญิงแล้วเชียว... 
อ่ะ บันทึกต่ออีกหน่อย ตอนนี้อยู่ อ.3 แล้ว ก็จะมีปัญหา โดนเพื่อนคนนึงชอบตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งค์ และถ้าใครทำไรไม่ถูกใจก็จะไล่ออกจากแก๊งค์ แน่นอน สิตาก็โดนไล่ออกจากแกงค์ กลับบ้านร้องไห้ประจำ ... จนเวลาผ่านมาเทอม 3 สิตามีเพื่อนสนิทเป็นเด็กผู้หญิง (คาดว่าเพิ่งคิดได้) แล้วเธอก็ยังโดนไล่ออกจากแก๊งค์เหมือนเดิม

แม่ : สิตา หนูก็ไม่ต้องไปอยู่แก๊งค์ฮีโร่แล้ว หนูมีปุณแล้วนี่
สิตา : ก็หนูเสียดายอ่ะ หนูเป็นผู้ร่วมตั้งแก๊งค์มาตั้งแต่อ.1นะ
แม่ : 555 จ้าๆ

เธอถือว่าเธอเป็นผู้ก่อตั้งแก๊งค์เลยอ่ะ เออ.. ก็เข้าใจเธอนะ ^^"



Create Date : 28 มกราคม 2563
Last Update : 28 มกราคม 2563 15:28:44 น.
Counter : 573 Pageviews.

0 comment
Misa's Dairy : เมื่อการกอดกลายเป็นรางวัลของมิสา (24/1/2020)

สมัยที่มิสาเรียนเปียโนใหม่ๆ (เริ่มเรียนตอน 6 ขวบ) กิ๊กมีวิธีจูงใจให้เธอซ้อมเปียโนโดยการทำตารางสะสมแต้ม ซ้อม 1 ครั้ง(วัน)ได้ 1 แต้ม ซึ่งแรกๆเลย ก็เอาแค่ 7 แต้ม (คือ 1 อาทิตย์) เพื่อแลกของที่อยากได้ 1 อย่าง แบบเอาให้เร็วหน่อย จะได้ไม่รู้สึกว่ายากจนหมดกำลังใจ แต่ถ้าอยากได้ของที่แพงหน่อย ก็จะต้องเพิ่มแต้ม เช่น 7+7+7 อะไรแบบนี้ จากนั้น พอการซ้อมเริ่มอยู่ตัวขึ้น แต้มก็จะเพิ่มขึ้น เป็น 10 แต้ม 14 แต้ม ถึง 20 แต้ม ถึงจะได้ของ 1 ชิ้น ... แรกๆนี่คือ ซ้อมปุ๊บต้องแปะแต้ม ลืมก็ต้องแปะย้อน แบบห้ามเสียสิทธิ์(ที่ซ้อมไปแล้ว 555) แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ บางทีก็ลืมบ้างอะไรบ้าง จนมาเข้าปีที่ 3 นี่แหละ ที่เริ่มต้องสอบแล้ว ก็รู้ว่าต้องซ้อมเพื่อสอบ ซ้อมเพื่อต้องเล่นให้ดีขึ้น เป้าหมายที่จะเก็บแต้มแลกของก็ค่อยๆลดลง ลืมแปะแต้มอยู่บ่อยๆ ล่าสุดคือ แปะไว้ 40 แต้ม แต่ยังไม่รู้จะแลกของอะไร :) 

และปีนี้ มิสาก็ 10 ขวบแล้ว กิ๊กก็เลยบอกมิสาว่า ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าเราต้องซ้อมเปียโนเพื่ออะไร มันไม่ใช่เพื่อแต้ม เพื่อแลกของแล้วนะ แม่ขอยกเลิกการสะสมแต้มเปียโนก็แล้วกัน แต่รางวัลของการซ้อมจะเป็น "กอดแน่นๆจากแม่แทน :)" ... พอมิสาได้ยิน ก็หัวเราะ แล้วเรา 2 คนแม่ลูกก็กอดกันแน่นๆๆๆๆ :) จริงๆ เรื่องกอดเนี่ย กิ๊กก็พูดขำๆไปงั้นแหละ เหมือนให้มิสาขำๆ ให้รู้สึกว่าแม่มีอะไรให้นะ 555 แต่ว่าเป็นอะไรที่ไม่เสียเงิน อิอิ คือ เค้ารู้หน้าที่แล้วว่าต้องซ้อมเปียโน ไม่จำเป็นต้องมีรางวัลอะไร

แล้วหลังจากวันนั้นไม่นาน ... มีอยู่วันนึง มิสาก็ซ้อมเปียโนเสร็จ คือ กิ๊กก็ฟังอยู่นั่นแหละ เพราะต้องคอยดูเค้าบันทึกการซ้อมด้วย(ครูเปียโนให้ทำ) แต่พอซ้อมเสร็จเราก็แยกย้ายกัน ... พอถึงเวลานอน มิสาก็เข้ามากอดกิ๊ก แล้วบอกว่า"คุณแม่บอกว่า จะให้กอดแน่นๆเป็นรางวัลที่หนูซ้อมเปียโน วันนี้คุณแม่ยังไม่ได้กอดหนูเลยนะ ^^" ... กิ๊กนี่อึ้งเลย ... เลยรู้ว่า เด็กๆไม่ว่าจะโตขนาดไหน เค้าก็ยังอยากให้แม่กอดอยู่ดีเนอะ :) เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่ประทับใจนะ (ปนรู้สึกผิดนิดๆที่ไม่ได้กอดลูก 555) รู้เลยว่า ลูกรู้สึกว่ากอดของเรามีค่าเป็นรางวัลให้กับเค้าจริงๆ 

 

 

แล้ววันนี้ ... คุณกอดลูๆแล้วรึยังคะ



Create Date : 24 มกราคม 2563
Last Update : 24 มกราคม 2563 15:52:18 น.
Counter : 1133 Pageviews.

1 comment
มิสากับ Ice Skate บทที่ 3 : การแข่งไอซ์สเก็ตครั้งแรก


จริงๆแล้ว แม้ว่าเราจะมีเป้าระยะกลางนั่นคือ เรียน Academy จนจบ level 10 แต่แม่เองก็แอบมีเป้าหมายอีกอย่างในใจคือ อยากให้มิสาลองแข่งไอซ์สเก็ตซักครั้ง เพราะการแข่งไอซ์สเก็ตนั้น จริงๆแล้วแม่มองว่ามันเหมือนการโชว์(แสดง)มากกว่า เพราะเวลาที่เราเรียน เราจะเรียนเป็นท่าต่างๆ เช่น การหมุน การกระโดด แต่การแข่ง(ประกอบเพลง) มันจะเป็นการร้อยเรียงท่าต่างๆที่เรียนมา ออกมาเป็นโชว์ประกอบเพลง คือ เราจะได้รู้ว่า ทาต่างๆนั้นที่เราเรียนมา ผลสำเร็จของมันจะเป็นยังไง (ก็คือ เป็นโชว์ๆนึงนั่นเอง) แม่เลยไม่ใช้คำว่า แข่ง กับมิสา แต่แม่จะบอกมิสาว่า เป็นการแสดงไอซ์สเก็ตแทน 555 เพื่อลดความกดดัน เพราะเราไม่ได้แข่งเพื่อเอาแพ้เอาชนะ แต่เราแข่งเอาประสบการณ์มากกว่า ... แต่ถึงจะพูดว่าแสดง ก็พูดไปเถอ 555 ยังไงมิสาก็ยังไม่ยอมๆๆๆๆท่าเดียว แม่ก็เลยกะว่า เดี๋ยวเอาให้จบ level 10 ก่อน แล้วจะให้มิสาลองแข่งแมทช์เล็กๆซักครั้งนึง ก่อนที่จะตัดสินใจว่า จะไปต่อกับไอซ์สเก็ต หรือ จะจบกันแค่นี้

ตามกำหนด มิสาจะเรียนจบ level 10 ประมาณเดือนกรกฎา แต่ซักประมาณพฤษภา มิสาก็เร่ืมๆพูดว่า หนูชักอยากแสดงแล้วสิ ... แม่นี่ ฮึ ! แม่หูฝาดไปรึป่าว 555 และไหนๆลูกพูดมาเองแล้ว แม่ก็ต้องสนอง 555 แม่ก็เลยจัดการคุยกับโค้ชว่าอยากให้มิสาแข่งไอซ์สเก็ตดูบ้าง ซึ่งตอนนั้น แมทช์ใกล้ๆเลย ก็มี Skate Asia 2019 ซึ่งจัดขึ้นเดือนสิงหา แต่อันนี้จะเป็นแมทช์ใหญ่เลย แบบทั้ง asia เลย กับมีอีกอันเป็น Skate Pattaya ซึ่งจัดประมาณเดือนตุลา ก็จะเป็นแมทช์เล็กๆ ใจแม่ก็อยากให้เอาแมทช์เล็กๆก่อน เพราะเป็นครั้งแรก ก็อยากให้ได้เหรียญอะไรบ้าง เผื่อเป็นกำลังใจเล็กๆ จะได้อยากเรียนต่อ 555 (เป็นเป้าหมายซ่อนเร้น) แต่โค้ชบอก ไหนๆก็แข่งแล้ว เอาแมทช์ใหญ่ไปเลยแม่ ... แม่ก็เลย เอาตามใจโค้ชละกัน ... แล้วในที่สุด มิสาก็ได้ลงแข่งใน Skate Asia 2019 ซึ่งลงไว้ 2 โปรแกรม ก็คือ 1. Spot Character ในระดับ Delta (ระดับนี้ ก็คือ เป็นระดับสูงสุดของมิสา  ซึ่งก็ต้องสอบก่อน เพื่อจะได้ดูว่าจะได้แข่งในระดับไหน อันนี้ก็เหมือนกัน ที่แม่คิดว่าจะให้มิสา แข่งในระดับที่ต่ำกว่าความสามารถจริงนิดหน่อย 555 แต่โค้ชบอกว่า มันจะเหมือนแกล้งเด็กนะคะ ^^" กับอีกอย่าง แม่ไม่แน่ใจว่า มิสาจะเรียนต่อรึป่าว ก็เลยเอาระดับสูงสุดที่เค้าสอบได้ละกัน ก็จะได้เก็บประกาศนียบัตรไว้ให้มิสาดูตอนโต 555) อันนี้เป็นการแข่งแบบใช้เพลง และ 2. Solo Com ในระดับ Delta อันนี้จะเป็นการแข่ง 3 ท่าบังคับของระดับ Delta

มิสามีเวลาในการซ้อมประมาณ 7 สัปดาห์ (ก็คือ เรียน 7 ครั้ง) ก่อนการแข่งครั้งนี้ ตอนซ้อม มิสายังดูชิลล์ๆอยู่มากๆ พอแม่ลองถามดูว่าเป็นไง มิสาก็จะบอกว่า หนูชอบทำโปรแกรม (ก็คือ ทำโปรแกรมเพื่อแข่ง) เพราะมันได้เอาท่ามาต่อๆกัน มันสวยดี 555 แม่ก็ดีใจนะ แต่ก็แอบคิดว่า ยังไม่เจอของจริง เพราะความน่ากลัว มันจะอยู่ที่ตอนลงแข่งจริง ตอนลงลาน ลงไปโชว์คนเดียวในลาน โดยมีคนดูรอบลานเต็มไปหมด และมีกรรมการคอยให้คะแนนอยู่ ซึ่งแม่คิดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ธรรมดาสำหรับเด็กขี้เขิน ขี้อายแบบมิสาแน่ๆ แม่กลัวมิสาจะตืนเต้น จนเข็ด อาจจะไม่อยากเรียนต่อแล้วก็ได้ 555 ... มิสายังคงชิลล์เรื่อยๆ จนมาถึงวันแข่งเลยนั่นแหละ ที่ความรู้สึกตื่นเต้นเริ่มมา ซึ่งแม่คิดว่มาช้ามากกก เพราะแม่ตื่นเต้นมาเป็นเดือนๆ 555 แต่ถึงแม้จะตื่นเต้น แม่ว่ามิสาก็ดูนิ่งกว่าที่คิด (ไม่เหมือนตอนสอบเกรดเปียโน อันนั้นคือ ตืนเต้นจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะเข้าห้องสอบ) ตอนจะลงแข่ง ก็เดินไปกับโค้ชเลย แม่กับพ่อยังไม่ทันเป่าหัวให้พรเลย 555 แต่แม่ก็เลย เลยตามเลย ไปทำอวยโน่นนี่ กอดให้กำลังใจ เดี๋ยวจากไม่ตื่นเต้นจะตื่นเต้นเอา ก็เลยปล่อยมิสาไปกับโค้ชเลย แล้วก็ไปเก็บตัวข้างๆลานประมาณ 20 นาที ก็ถึงเวลาลงแข่ง...

++ มิสาเลือกเป็นมู่หลาน...เพลงที่ใช้คือ Reflection++
 








มีคลิปด้วยค่ะ
 


กับอีกโปรแกรมนึง คือ Solo Com

 









 
ก่อนแข่ง แม่กับมิสาก็คุยกันแล้วว่า นี่เป็นการแข่งครั้งแรก เราก็แข่งเอาประสบการณ์ก่อน แข่งให้รู้ว่า การทำโปรแกรมมันเป็นยังไง ความรู้สึกเมื่อลงลานไปโชว์คนเดียวท่ามกลางคนดูเยอะๆมันเป็นยังไง เราจะยังไม่ซีเรียสเรื่องเหรียญว่า ต้องได้เหรียญทอง เหรียญเงินอะไร ซึ่งผลออกมาก็คือ ได้เหรียญปลอบใจ ^^" (คือ ไม่ได้เหรียญจริงๆ 555) แต่ถึงแม้จะเตรียมใจกันมาแล้ว แม่ก็ยังแอบกลัวว่ามิสาจะเสียใจรึป่าว แล้วไหนจะต้องมาคิดว่าจะเรียนต่อมั้ยอีก แต่ปรากฎว่า มิสาไม่เสียใจเลย บอกว่า เป็นครั้งแรกเนอะคุณแม่ แล้วก็ไม่เสียกำลังใจด้วย กลับบอกว่าจะสู้ต่อด้วยซ้ำ มิสาบอกว่า คราวหน้าหนูไม่เอาอันดับสุดท้ายแล้วนะ ^^ คือ นี่เป็นอะไรที่แม่ชื่นชมหนูมากๆ คือ ใจสู้จริงๆ แล้วเราก็ไม่ต้องแม้แต่มานั่งคุยกันเลยด้วยซ้ำว่าจะเรียนต่อรึป่าว เพราะมิสาแสดงออกชัดมากว่าไปต่อ สู้ต่อแน่นอน 422 แม่ภูมิใจมากๆ



Create Date : 22 สิงหาคม 2562
Last Update : 25 มิถุนายน 2564 17:05:43 น.
Counter : 1589 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments