All Blog
รำลึกความหลัง (2) : ครั้งเราพบกัน ตอนจบ (4-7/3/2004)
หลังจากกลับมาจากทริปแล้ว
พอวันจันทร์ กิ๊กก็ยังมีกลับมาฝันหวานนิดๆหน่อยๆ
คุยกับน้องสาวเรื่องไปปิ๊งคนในทริปมา
นั่งรอว่าเค้าจะโทรมาหาเรามั้ย 555



พอเย็นวันจันทร์ ก็มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา
กิ๊กก็รับ ปรากฏว่าเป็นพี่หยี่ค่ะ อิอิ
พี่หยี่บอกว่าอัดรูปมาแล้ว จะนัดเจอกัน เพื่อจะเอารูปมาให้กิ๊ก



ในใจกิ๊กก็คิดว่า เออ เร็วดีแท้เนอะ เพิ่งผ่านมาวันเดียว อัดรูปเสร็จแล้ว
น่าจะมี something wrong อิอิ
แต่ก็ไม่กล้าไปคนเดียวอ่ะ ก็เลยไปชวนพี่หน่อย (พี่ที่ไปด้วยกัน) ให้ไปเป็นเพื่อน
ปรากฏว่าพี่หน่อยไม่ไปอ่ะ (เพราะตั้งใจเปิดโอกาสให้รึป่าวก็ไม่รู้ เอิ๊ก เอิ๊กสส์)



แต่ถึงพี่หน่อยไม่ไป กิ๊กก็ต้องไป ก็หัวใจมันเรียกร้องง่า 555



เรานัดกันที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวค่ะ
แต่พอดีที่ทำงานกิ๊กเป็นทางผ่านของพี่หยี่ก็เลยให้มารับที่ทำงานซะเรยย



เจอครั้งนี้ กิ๊กออกจะแปลกใจมากๆ
เหมือนเจอคนไม่คุ้นเคย
เพราะพี่หยี่มาในชุดทำงาน ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแล๊คง่ะ
ดูแปลกไปเป็นคนละคน
เพราะตอนที่เจอ เราเจอแต่แบบใส่ชุดลุยๆ กางเกงเดินป่า หน้าตาขำๆ
พอมาคราวนี้ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ 5555



พอไปถึงเซ็นทรัล ก็ยังเลือกร้านไม่ถูก
พี่หยี่ถามว่าชอบอาหารญี่ปุ่นรึป่าว
กิ๊กบอกว่าชอบ
ก็เลยไปกิน ฟูจิ กัน



และที่ฟูจิ นี่เองค่ะ ที่ทำให้เรา 2 คน รู้จักกันมากขึ้น
และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรา 2 คน อยากคบกันแบบจริงๆจังๆขึ้นมา




เรานั่งกินกันไปคุยกันไป ตั้งแต่ 6 โมง ถึง ร้านปิดอ่ะค่ะ น่าจะ 4 ทุ่มได้
แบบว่า มีเรืองคุยกันเยอะแยะมากกกก
แล้วก็คุยกันอย่างถูกคอ ออกรสออกชาติที่สุด




บอกจริงๆว่า พอคุยปุ๊บ มันก็รู้สึกเลยว่า " ใช่ " อ่ะ

เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก



รู้สึกเลยว่า อยากลองคบคนๆนี้ดูจัง
เวลามันเหมือนเร็วนะ แต่ว่า คนที่ใช่จริงๆ มันไม่ต้องดูนานนะ
คือ ต่างคนต่างชอบ ต่างคนต่างคิดตรงกัน
มันก็ไม่ต้องพูดมากไง




พอวันอังคาร เรา 2 คน ก็โทรคุยกันอีก
คือช่วงอาทิตย์แรกนี่ นับเวลากันแบบ วันต่อวัน
ทุกๆวันเราจะเรียนรู้อะไรๆเพิ่มขึ้น
และทุกๆวันจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว



ช่วง 3-4 วันแรก คุยโทรกันถึงเกือบเช้าทุกวัน
แล้วเราก็พบว่า เรา 2 คน ชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่างมากๆๆๆๆ

ลองดูนะว่ามีอะไรบ้าง



ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน Smiley

ชอบหมาเหมือนกัน Smiley

ชอบกินเนื้อเหมือนกัน

ชอบกิน steak เหมือนกัน

ชอบกินพิซซ่าหน้าเดียวกัน (ไอแลนด์ดีไลท์ ของ พิซซ่าฮัท)

ชอบกินไอติมรสเดียวกัน (คือ chocolat peanut butter ของสเวนเซ่น) Smiley

ชอบดูหนังเหมือนกัน

ชอบร้องคาราโอเกะเหมือนกัน

….

…..

....

ฯลฯ

หรือ แม้แต่ผักจิ้มน้ำพริก(กะปิ) ยังชอบเหมือนกัน นั่นคือ มะเขือยาวชุบไข่ (ไม่ชอบชะอม)

และที่สำคัญที่สุด ก็คือ



ชอบเที่ยวเหมือนกันทั้งคู่ค่ะ !!!!

(อันนี้สำคัญมากๆจริงๆ)




จริงอยู่นะว่าเราก็คงมีข้อแตกต่างกันบ้าง

แต่แค่นี้ กิ๊กก็รู้สึก surprise แล้วอ่ะ ที่มีคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันได้มากขนาดนี้
Life style เรา 2 คนคล้ายกันมากๆ
พี่หยี่ชอบนวด กิ๊กเองก็ชอบไปสปา
พี่หยี่เข้าฟิตเนส กิ๊กเองก็ไปแอโรบิก สวนรถไฟบ่อยๆ
เรา 2 คน เคยสนใจใน โยคะ (แต่เลิกแล้วทั้งคู่ 555)
เรา 2 คน ชอบไป ดูหนัง
ไปเที่ยว (ต่างจังหวัด)
ไปร้องคาราโอเกะ
สมัยเรียนเราเป็นเด็กกิจกรรมทั้งคู่
เราชอบออกค่ายเหมือนกัน
ซึ่งมันก็แสดงถึง ทัศนคติหลายๆอย่างที่เหมือนกันด้วย



คือพอรู้หยั่งงี้แล้ว
ต่างคนต่างคิดเลยว่า

Smiley ถ้าเราอยู่ด้วยกันจริงๆ เราต้องมีความสุขอ่ะ Smiley



เวลาคุยกัน เราจะชอบหลายๆอย่างเหมือนกันตลอด
จนตอนหลัง เอามาลุ้นกันว่า เฮ้ยย ดูสิว่าจะเหมือนกันรึป่าว ขำดีอ่ะ
เช่น

อยากรู้ว่าพี่หยี่ชอบร้องเพลงรึป่าว เพราะกิ๊กไม่ชอบร้องไง

กิ๊ก : กิ๊กไม่ชอบร้องเพลงนะพี่ (คิดในใจว่า จะต่อว่า....แต่ว่าชอบร้องคาราโอเกะมากกก)

พี่หยี่ : อ้าว กิ๊กไม่ชอบร้องเพลงเหรอ (แอบผิดหวัง) แต่พี่อ่ะ ชอบร้องคาราโอเกะ มากๆเลยนะ

กิ๊ก : เย้ยยยย กิ๊กกะลังจะต่อว่า กิ๊กไม่ชอบร้องเพลง แต่ชอบร้องคาราโอเกะอ่ะพี่



คือ ดูดิ ขนาดบทลองใจกัน ก็ยังมาชอบอะไรๆเหมือนกันอีก

ตลกดีมั้ยคะ



หรืออย่างเรื่อง กินผัก
พี่หยี่บอกกิ๊กว่า เค้าไม่ชอบกินผัก คือ แทบไม่กินเลยทุกชนิด
แต่มียกเว้นอย่างนึง คือ เวลากินน้ำพริก พี่หยี่จะชอบกินมะเขือยาวชุบไข่มาก กินแค่อย่างเดียว
ซึ่งมันก็คือของโปรดของกิ๊กเลย สมัยเรียนเมืองนอก คิดถึงน้ำพริกกะปิ ก็ตำกินเองคนเดียว
ผักจิ้ม ก็มีอย่างเดียวที่ชอบ (อย่างอื่นขี้เกียจทำ) ก็คือ มะเขือยาวชุบไข่นี่แหละ

คือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ก็ยังชอบเหมือนกันได้

พี่หยี่เอง เค้าก็งงมากๆอ่ะ
อะไรจะมีคนชอบเหมือนเราได้มากขนาดนี้



หลังจากคุยกันได้ 4 วัน
มันก็เหมือนกับเราตกลงปลงใจที่จะคบกันดูแล้วล่ะค่ะ
เพราะเราคุยกันรู้เรื่อง ชอบอะไรเหมือนๆกัน
และที่สำคัญ แม้ว่าจะคุยกัน 4 วัน แต่เรารุ้สึกเหมือน รู้จักกันมานาน ค่ะ
คุยแล้วเหมือนคนคุ้นเคยกันมากๆๆๆ

เชื่อมั้ยคะ....



แต่ว่ายังไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมาหรอกนะ
(รู้ๆกันอยู่ในใจ)



เย็นวันศุกร์เราก็นัดเจอกันค่ะ
เดทแรก ไปกินที่ร้าน Bale ที่ลาดพร้าว 35
วันเสาร์ ก็ไปเดินงานท่องเที่ยวด้วยกัน


วันจันทร์ กิ๊กต้องพาลูกชาย (แบมบี้) ไปหาหมอฉีดยา พี่หยี่ก็มารับที่บ้าน
แล้วก็พาหมาไปหาหมอด้วยกัน


คือ กิ๊กพาเข้าบ้านเร็วมาก 555
ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ คือ รู้สึกว่า เราอยากจะคบคนๆนี้แล้ว
ก็อยากจะให้ผู้ใหญ่รับรู้ด้วย
คือ หมายหมั้นปั้นมือมากไง 555
อายุอานาม ณ ขณะนั้น ก็ 27 ปีแล้วอ่ะค่ะ ถ้าจะคบใครก็อยากจะจริงจังถึงขั้นแต่งงาน
คงไม่มีเวลาให้มาลองคบเล่นๆหนุกๆ เผื่อเลือกไรงี้หรอกนะ
เพราะงั้น ก็อยากจะมั่นใจก่อนว่า พี่เค้าจะรับกับครอบครัวเราได้
และที่บ้านเรา ก็โอเคกับพี่เค้าด้วย
ก็เลยพาเข้าบ้านพี่เค้าเลย



วันแรกที่พาพี่หยี่เข้าบ้าน ก็พาลูกชายไปหาหมอเลย
ซึ่งกิ๊กก็ถามพี่หยี่นะว่า โอเครึป่าว คือมันเหมือน activity ประจำวันมากๆ
เราไม่ได้ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง เหมือนเดททั่วๆไป
ซึ่งพี่หยี่ก็บอกว่า พี่ชอบแบบนี้ เพราะอยากทำอะไรร่วมกัน
ถ้าอีกหน่อยคบกันจริงๆจังๆ เราก็ต้องร่วมทำกิจกรรมเหล่านี้ด้วยกันอยู่แล้ว
มันไม่ใช่ว่า อะไรๆก็ต้องกินข้าว ดูหนัง กินข้าว ช๊อปปิ้ง
เพราะงั้นการคบกันตั้งแต่เริ่มต้นของกิ๊กกะพี่หยี่
จึงมีความหมายเหมือนกับว่า เราได้เริ่มต้นที่จะ “ศึกษา”กัน อย่างเป็นทางการแล้วนะ

โดยที่ยังไมได้บอกว่า เราเป็นแฟนกัน



การเริ่มต้นของเราทั้งคู่ ไม่มีช่วงจีบค่ะ 5555
ถ้าจีบก็คงซัก 1 อาทิตย์มั๊งคะ
เวลาใครถาม จีบกันนานมั้ย กิ๊กก็จะแบบ..หัวเราะๆ ไม่มีช่วงจีบง่ะ



แต่กิ๊กก็ไม่ได้คิดมากอะไรเลยนะคะ กลับภูมิใจซะอีก
(ไม่ได้คิดว่า แฟนชั้นต้องมาตามง้อ ตามจีบเป็นปีๆอะไรหยั่งงี้)
คงเพราะมันเหมือน เราต่างก็ถูกใจกันอยู่ทั้งคู่แล้วไง
คุยกันแล้วมัน “ใช่” อ่ะ
เราไม่ต้องมา “ดูๆ” กันไปก่อน (เพราะเราไม่ใช่ดารา 555)
เพราะ ต่างคนต่างรู้อยู่แล้ว



บางคนอาจจะใช้เวลาดูกันนานๆ เพราะเค้าอาจจะยังไม่ถูกใจในอะไรบางอย่าง
ไม่มั่นใจว่าคนนี้ดีจริงหรือ ใช่จริงหรือ
แต่สำหรับกิ๊กกะพี่หยี่ มันไม่มีความรุ้สึกตรงนี้มาขวางเลยไง

มันรู้สึกแต่ว่า คนนี้ใช่ คนนี้ดี

“คนนี้แหละ”



แค่คบกัน เดือนแรกๆ
เราเคยมองหน้ากัน แล้วก็แบบว่า

“คนนี้หรือ ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเรา” 5555

เหมือน sense มันบอก ว่า คนนี้นี่แหละ จริงๆนะ



และอีกอย่างที่กิ๊กรู้สึกดีมากๆคือ
เรา 2 คน คบกันเพราะความรู้สึก ความชอบ ความถูกใจ ในตัวตนของกันและกันจริงๆ
เพราะในสมัยนี้ อายุมาขนาดนี้ ก็มักจะดูอะไรๆมากกว่าการปิ๊งกันแบบสมัยเรียน
สมัยเรียน เออ คนนี้น่ารัก นิสัยดี ก็ชอบ เก็บไปพร่ำเพ้อ
แต่สมัยนี้ ดูเยอะ ต้องดูหน้าที่การงาน ดูฐานะ ดูการศึกษา ฯลฯ
คือ องค์ประกอบเยอะแยะไปหมด
แต่เรา 2 คน ไม่ได้มองถึงตรงนั้นเลย (ถึงแม้กิ๊กจะปิ๊งพี่หยี่ที่ วิดวะ จุฬา ในตอนแรกก็เถอะ 555)
กิ๊กไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าที่การงานพี่หยี่คืออะไร
(ตอนนั้นพี่หยี่ทำงานกับหน่วยงานอิสระ เงินเดือนก็นิดดียว)
ที่บ้านเค้าทำอะไร ฐานะเป็นไง
คือเราไม่ได้ใส่ใจอะไรกันตรงนั้นไง
เลยรู้สึกว่า เออ เรา pure กันมากๆ
ไม่มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง ซึ่งกับยุคปัจจุบัน มันแทบจะไม่มีแล้ว
โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนใหญ่ก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตกันทั้งนั้น





แล้วจริงๆช่วงจังหวะตอนเราคบกันแรกๆนั้น มันมีอะไรลงตัว (เหมือนดวงจริงๆอ่ะ)
หลายๆอย่าง แบบเข้าล๊อคพอดีเลย
เช่น เรือ่งแฟนเก่าของเรา 2 คน (แต่ขอไม่เอ่ยถึงบุคคลที่ 3 นะ)
หรือ พี่หยี่ย้ายที่ทำงานพอดี ซึ่งย้ายมาฝั่งโซนที่ทำงาน + ที่บ้านกิ๊กเลย
แถมงานใหม่ยังเลิกงาน 5.30 ทุกวัน เพราะงั้น เค้าก็จะมารับกิ๊กที่ทำงานตลอด
ไปนู่น ไปนี่ด้วยกัน happy มากๆ
เจอกัน 6 วัน ต่อสัปดาห์
ความรักงอกงามรวดเร็ว 555
คือ ถ้าไมได้ย้ายงาน มันก็ไกลกัน โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ ก็อาจจะช้ากว่านี้ไง



นอกจากนี้....



กิ๊กเคยเป็นคนเชื่อเรื่องดวงมากนะคะ

คิดเสมอว่า เราต้องเจอคนที่เป็นเนื้อคู่เรา และคนๆนั้นก็ต้องเป็นคนที่ “ใช่” สำหรับเรา

แต่หลังจากคบพี่หยี่ไปได้ซักพัก
กิ๊กก็แยกแยะ ระหว่าง

คนที่ใช่ vs เนื้อคู่

ออกจากกันค่ะ เพราะกิ๊กไม่รู้หรอกว่าพี่หยี่จะเป็นเนื้อคู่รึป่าว
(เนื้อคู่ในที่นี้มีความหมายในเชิง ดวง อ่ะค่ะ)
แต่กิ๊กรู้ว่าพี่หยี่ ใช่ แน่ๆค่ะ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่สนหรอก เนื้อคง เนื้อคู่
เพราะรู้สึกว่า คนที่ใช่ และถูกใจได้ขนาดนี้ หายากมากกว่า คนที่ดวงจะเข้ากับเราได้อีก



คบกันได้ประมาณ 3 เดือน กิ๊กก็ขอพี่หยี่ไปดูดวง
ตอนแรกจะขอดูตั้งแต่แรกแล้ว เพราะสมมติดวงไปกันไม่รอด กิ๊กก็จะเลิกค่ะ 555
แบบว่าเชื่อมั่กๆไง คบกันแล้ว ไม่ดี จะคบไปทำไม
แต่พี่หยี่ขอเวลา 3 เดือน
ซึ่ง 3 เดือน ก็พอจะทำให้กิ๊กเลิกเชื่อเรื่องดวงไปได้แล้วล่ะ
หมายความว่า จะดวงสมพงษ์หรือไม่ ก็ไม่สน จะคบอ่ะ



ที่นี้พอไปดูด้วยกัน ก็ไม่ได้ลุ้นอะไรมากหรอก
เอาหนุกๆ
ปรากฏว่า หมอดู (ที่ดูกันประจำ) เอาดวงเรา 2 คน ไปดู

แล้วก็บอกว่า เรา 2 คน เป็น "คู่สมพงษ์กัน" Smiley
คบกันไปจะได้แต่งงานกัน ดวงสนับสนุน ซึ่งกันและกันดีมากๆ
ถือว่าเป็นคู่กันเลยทีเดียว ไม่มีทางแคล้วคลาดกัน
แต่งกันไปก็จะดีทั้งคู่




โห กิ๊กฟังแล้วมือไม้เย็น น้ำตาไหลเลยอ่ะ
ไม่ได้เว่อร์นะ แต่นึกออกมะคะ
มันเหมือน ปาฏิหาริย์อ่ะ
อะไรมันจะเป๊ะๆๆๆขนาดนั้น
ไม่นึกไม่ฝัน
คือคิดแล้วว่า ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็จะคบแหละ
แต่นี่ “ดวง” ก็ยังใช่ ยังส่งเสริมกันอีก



กิ๊กออกแนวเชื่อเรือ่งดวงอยู่แล้วไง
แล้วก็รู้ว่า มันยาก ที่จะเจอคนที่ดวงมาสมพงษ์กันเป๊ะๆๆๆ



ก็เลยตื่นเต้นมาก
แต่พี่หยี่เค้าไม่ได้ดีใจอะไรหรอก
เพราะเค้าเฉยๆกะเรือ่งดวง (ผู้ชายกะดวงนี่ไม่ถูกกันจริงๆเลยนะ)



แต่หลังจากนั้นนะ
ไม่ว่าจะไปดูหมอไหน
ทุกๆหมอก็จะบอกประมาณว่า เป็นเนื้อคู่กันหมดอ่ะ
ไม่ว่าจะเป็นดวงไทย ดวงจีน เลข 7 หลัก ไพยิปซี
หรือแม้แต่ ดูอะไรก็ไม่รู้ที่มันเป็นรูปบ้านๆอ่ะ ไม่รู้มีใครเคยดูรึป่าว



คือหมอเค้าเอาดวงไป แล้วก็วาดเส้นออกมา เป็นหลังคาสามเหลี่ยม เป็นตัวบ้านอะไรประมาณนี้
แล้วเค้าก็บอกว่า เนี่ย ประกอบกันเป็นบ้านได้พอดีเป๊ะ ไม่มีอะไรขาดหายเลย
แสดงว่าดวงเป็นคู่กันดีมาก



ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าดีรึป่าว เพราะกิ๊กไม่เคยดูแบบนี้ไง

แต่เอามาคุยให้พี่หน่อยฟัง พี่เค้าบอกว่า มันยากมากเลยนะ
ที่ดวง 2 คน จะประกอบกันออกมาเป็นบ้านได้
ถ้าทำได้แสดงว่าเป็นคู่จริงๆ อยู่กันจะมีความสุข
พอรู้ กิ๊กก็เลยตื่นเต้นใหญ่ เหอ เหอ



เรื่องนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อมากอ่ะนะ ต้องดูกันไปยาวๆ
จุด ending ของการเป็นแฟน
ก็คือการได้แต่งงาน


แต่ทั้งนี้ การแต่งงาน ก็ยังไม่ใช่จุด ending ของชีวิตคู่เนอะ
มันเป็นแค่ จุดเริ่มต้นเท่านั้นเองอ่ะค่ะ


ของงี้ ก็ต้องดูกันไปยาวๆๆๆๆ เนอะ



Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley



ณ วันที่กิ๊กอัพเดทเรื่องนี้ กิ๊กก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
แต่ ณ วันที่มิสาได้มาอ่านบล๊อคนี้
กิ๊กหวังว่า มิสาก็คงได้คำตอบแล้วนะว่า พ่อกับแม่เค้าเป็นเนื้อคู่กันจริงรึป่าว...

ใช่มั้ยลูก ?





Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 22:40:25 น.
Counter : 666 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments