พามิสาไปสแกนลายนิ้วมือ(ลายผิวมือ) @ P-PAC (5/4/13)




เอาจริงๆเลยนะ ...
เรื่องของศาสตร์ลายผิวมือเนี่ย เดิมกิ๊กก็ไม่เชื่อถือเท่าไร่ 555
รู้จักศาสตร์นี้จากเวลาที่เราไปเดินพวกงาน BBB
แล้วก็คิดว่า มันจะช่วยไรว้า...
เวลาเค้าแจกแผ่นพับนี่ เดินหนีเลยอ่ะ 555


กับอีกเรื่อง กิ๊กไปเจอตย.นึงจากชีวิตจริงๆ
ขอเอามาเล่าเป็นอุทาหรณ์ละกัน (อย่าคิดว่านินทาเลยนะ)
เนื่องจากทำรร.ดนตรีอยู่..
ก็มีคุณแม่คนนึง (เป็นชาวต่างชาติ) พาลูกชายมาเรียนเปียโน
อายุประมาณ 5 ขวบ...
แต่ลูกเค้าไม่เรียนเลย อยู่ในห้องก็ดื้อ ไม่เรียน
มีทำร้ายร่างกายครูด้วย
คือ เรียนไม่ได้เลย เด็กไม่เอาเลย
เปลี่ยนครูไปประมาณ 2-3 คน
สุดท้าย เลยบอกคุณแม่ว่า น้องคงยังไม่พร้อมจะเรียนจริงๆค่ะ
ฝ่ายคุณแม่ ก็เหวอไปเลย ไม่ยอม คิดว่าลูกเรียนได้
เหตุผลเพราะอะไรรู้มั้ยคะ...
คุณแม่บอกว่า พาน้องไปสแกนลายผิวมือมา
แล้วเค้าบอกว่า น้องเป็นเด็กมีพรสวรรค์ด้านดนตรี !

ตึ่งโป๊ะ !
เฮ้ออ...คือ เรายังไม่ต้องมองถึงว่า เค้าไปสแกนที่ไหน
ตรงรึป่าว จริงรึป่าวนะ
เอาแค่ว่า เราควรจะดูตัวเด็กเป็นหลักก็พอค่ะ
มันอาจจะถูกที่น้องมีพรสวรรค์ แต่ยังไม่ถึงเวลารึป่าว
หรือจริงๆ น้องไม่ชอบ ไม่ได้มีพรสวรรค์เลย
คือ กิ๊กเลยคิดว่า เราไม่ควรจะเอาศาสตร์พวกนี้มาเป็นตัวกำหนด
มาเป็นตัวบีบให้เรารู้สึกว่า ลูกเราต้องเก่งอันนี้ ต้องเรียนแบบนี้
(และอัพเดท ข้อมูลล่าสุด หลังจากเลิกเรียนไป 2 ปีผ่านไป
น้องกลับมาใหม่ ก็ยังเรียนไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ
ชวนเพื่อนป่วนในห้องหมด T_T")




อันที่จริง กิ๊กอยากให้ลูกรู้จักตัวเองนะ
อยากให้เค้าค้นหา ให้เค้ารู้ว่า เค้าชอบ เค้าถนัดอะไร
เพราะเราอยากให้เค้าได้เรียน ได้มีอาชีพที่เค้าชอบ เค้าถนัด
(ซึ่งจะนำมาซึ่งความสุขในชีวิต ^^)
ซึ่งกิ๊กคิดว่า คนที่จะบอกเค้าได้ดีที่สุด คือ ตัวของเค้าเอง
ไม่มีใคร หรือ ศาสตร์ใดที่จะบอกเค้าได้
เราถึงเลือกรร.ทางเลือกให้กับลูก
รร.ที่ไม่ปิดกั้นให้ลูกอยู่แต่ในกรอบ ต้องเรียน ต้องเอนทรานซ์ตามๆกันไป


แต่ท้ายที่สุด พอเริ่มเลี้ยงๆเค้าไป ก็เริ่มงงๆ 555
ว่าเอ๊ะ จะพาเค้าไปทางไหนดี
คือ มันเหมือนเราต้องการไกด์ไลน์เล็กน้อย
เลยย้อนกลับมาดู...
รู้ไว้ไม่เสียหาย..
ก็เลยลองดูซะหน่อย...
แต่กิ๊กคิดว่า จะไม่เอาผลของการสแกนมาเป็นตัวกำหนดอนาคตลูกเด็ดขาด !!
เราก็เลี้ยงเค้าไป ปล่อยเค้าให้คิดให้ชอบอย่างอิสระนี่แหละ
แต่มันจะตรงรึป่าว ก็ค่อยๆดูไป



เอ๊ะ ! ทำไมชั้นนิสัยแบบนี้เนี่ย
เริ่มต้นด้วยความไม่เชื่อ...
สุดท้าย ตัวเองเสียเงินเพราะความอยากลองตลอดๆๆๆ 5555
(เหมือนเทสต์ภูมิแพ้ไง 555)


อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวกิ๊กนะ
พี่หยี่ไม่เห็นด้วยแน่นอน 555
กิ๊กเลยบอกว่า ตอนกิ๊กพาไป พี่ไม่ต้องไป
แต่ขอไปนั่งฟังผลด้วยกันเป็นพอ...
พี่จะเชื่อไม่เชื่อก็อีกเรื่อง 5555


พอคิดจะไป ก็หาข้อมูลนิดหน่อย
ตามประสาเป็นคนไม่เลือกมาก 555
อะไรที่เป็นเจ้าแรก ดั้งเดิม ทำมานาน
กิ๊กก็เลือกเจ้านั้น 555
ก็เลยเลือกของ P-PAC เพราะคิดว่าเป็นเจ้าแรกๆ 555
เอาเข้าจริง กิ๊กคิดว่า software ของแต่ละที่มันก็น่าจะคล้ายๆกันแหละ
ที่ต่างกัน คือ นักวิเคราะห์มากกว่า
ซึ่งถ้าเค้าเจอเคสเยอะ ประสบการณ์เยอะ
การอ่านผล ก็น่าจะมีแนวโน้มถูกต้องมากขึ้น



จากนั้น กิ๊กก็โทร.ไปนัดสแกนลายผิวมือค่ะ
กิ๊กพามิสาไปตอนอายุ 3.3 ขวบค่ะ
(ช่วงเดียวกับภูมิแพ้ค่ะ เพราะมิสาปิดเทอมพอดี
ก็รีบๆทำซะก่อนไปเที่ยวอเมริกา)
ราคา ณ เมษา 56 ก็ 7,000 บ.ค่ะ
ถ้ามีคนรุ้จักแนะนำก็ลด 10% เหลือ 6,300 บ.


ในการสแกน ก็จะมีทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือ ฝ่ามือ และฝ่าเท้าด้วยนะคะ
ไม่บรรยายอะไรมาก ลงรูปละกัน อิอิ




























หลังจากสแกนเสร็จ เค้าก็จะนัดให้เราไปฟังผลกับนักวิเคราะห์ค่ะ
แต่วันนั้นจะไม่ให้เด็กไปด้วยนะคะ (เพราะจะไปกวนทำให้ฟังไม่ได้ค่ะ 555)
กิ๊กก็ไปกับพี่หยี่...


หลักของที่นี่เลย เค้าจะเน้นให้เรา ส่งเสริมในจุดที่เด่น ของลูกค่ะ
อะไรที่เป็นข้อด้อย ก็ไม่ต้องไม่สนใจ ไม่ต้องไปพยายามฝึกหรือเสริม
เพราะมันเป็นจุดด้อยของเค้า (ก็ปล่อยไป เพราะเสริมไปก็ไม่มีประโยชน์)
แต่ถ้าอะไรที่เด่น ก็เสริมเลยค่ะ สนับสนุนให้ดีๆขึ้น
(ซึ่งต่างกับบางที่ ที่จะบอกว่า มีจุดด้อยอะไรก็ให้ฝึกเพิ่ม
อันนี้แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนนะคะ)


แล้วหลักนึงที่ชอบ เพราะสอดคล้องกับที่รร.ของมิสามาก คือ
เด็กอายุ 0-6 ขวบ..ควรให้เล่นเป็นหลักค่ะ
เล่นเยอะๆๆๆๆๆๆเข้าไว้
ตอนถามว่า น้องควรเรียนอะไรดีคะ (หมายถึง ณ 3 ขวบ ควรเสริมอะไร)
นักวิเคราะห์เค้าตอบเลยว่า
" ให้น้องเล่นให้เยอะที่สุดครับ" 555
เพราะเด็กวัยนี้ เป็นวัยที่ต้องการเล่น การเล่น ก็คือการเรียนรู้ของเค้า
แบบว่า ชอบใจมากอ่ะ ^_^
จะวิชาการ ขีดเขียนหนังสืออะไร ไม่ต้องทั้งนั้น
เน้น เล่นไว้ก่อน เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่ต้องการการปิดกั้นทักษะใดทักษะหนึ่ง
เค้าต้องทดลอง ต้องฝึกใช้หลายๆทักษะก่อน
เพราะฉะนั้น ยังไม่ต้องลงลึกในแต่ละทักษะประมาณนั้น อิอิ
(แต่เราก็ทำไม่ได้หรอกนะ 555 มันก็มีบ้าง แต่อาศัยว่าลูกชอบ)


ซึ่งผลหลักๆจะขอยกตย.ให้อ่าน 1 เรื่องนะคะ
(คือ พิมพ์หมดไม่ไหว ฟังมา 2 ชม.ค่ะ 555)




- มิสาเป็นเด็กที่ถนัดด้านภาษา ด้านศิลปศาตร์ มากที่สุด อาชีพที่เหมาะ คือ ประชาสัมพันธ์ หรือ นักการทูต ทำนองนั้น...ส่วนพวกสายวิทย์ คณิตวิเคราะห์อยู่อันดับท้ายๆค่ะ 555


--> อย่างข้อนี้ พอเราฟัง ก็ยังงงๆนะ ว่าลูกเราเนี่ยนะ จะเป็นพวกประชาสัมพันธ์ มนุษยสัมพันธ์ดี 555 เพราะมิสาเป็นเด็กคุ้นกับคนยากมาก กับคนแปลกหน้าเค้าจะไม่คุยเลย หลบหลังแม่ ถ้าใครอ่านบล๊อคมาแต่ต้นๆจะรู้เลย คือ เค้าเป็นเด็กพูดเก่งนะคะ เก่งมากกกกก พูดไม่หยุด แต่เฉพาะกับคนที่เค้าคุ้นๆ เช่น พ่อแม่ ยาย อะไรแบบนี้เท่านั้น เราก็รู้ว่าลูกเราพูดเก่ง แต่คนอื่นจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด 555....แต่ๆ ณ ตอนที่เขียนนี่ มิสา 3.11 ขวบ มิสาหายกลัวคนแปลกหน้าเป็นปลิดทิ้งค่ะ (ไม่รู้เพราะวัย หรืออะไร แต่มันหน้ามือเป็นหลังมือเลย ไว้จะเขียน blog เรื่องนี้แยกอีก blog) กล้าพูด กล้าคุย และเป็นเด็กที่ชอบภาษามากๆๆๆๆ เค้าขอเรียนภาษาอังฤษเอง ซึ่งกิ๊กไม่ได้สอนเค้า 2 ภาษามาก่อนนะคะ สอนแบบไทยๆของเรานี่แหละ ไม่ได้เน้นภาษาด้วย ...พอดีมีเพื่อนมาชวนให้ไปเรียนภาษาจีน กิ๊กก็พาไปทดลองเรียนงั้นแหละ แต่ปรากฎมิสาชอบมากกกกกค่ะ กลับมานับเลขภาษาจีนตลอด เห็นศัพท์อะไรก็จะถามว่าภาษาจีนว่าอะไร (พอดีพี่หยี่พอพูดได้ค่ะ ส่วนกิ๊ก เป็น 0 ค่ะ) จริงๆเราก็ยังไม่อยากเน้นนะ แต่เราเห็นว่า ลูกพูดเองเลยว่าอยากเรียน อย่างปีใหม่ รร.หยุด มิสาจะถามหาเลยว่า ทำไมเราไม่ไปเรียนภาษาจีน คือ amazing มากก 555 เราเลยรู้สึกว่า ลูกเราชอบอ่ะ เราก็ไม่ปิดกั้นค่ะ (จริงๆรร.ขอความร่วมมือ ยังไม่ให้เรียนนะ พวกภาษาเนี่ย 555) ตอนนี้ก็เรียนภาษาจีนอยู่ ส่วนภาษาอังกฤษยังหารร.ที่ถูกใจ+ใกล้บ้านไม่ได้ กิ๊กก็เลยสอนเอง จากการอ่านนิทานอะไรแบบนี้เอาน่ะค่ะ มิสาก็ชอบนะ เค้าจำศัพท์เก่งมาก บางคำไทย-จีน บางคำไทย-อังกฤษ ไม่มีกฏตายตัวค่ะบ้านเราเอาแบบธรรมชาติ 5555




พอเรามานั่งคิด เออ...มันก็ตรงนะ 555
พอเป็นไกด์ไลน์ได้ ว่าลูกเราสนใจ ชอบอะไรทางไหน
ซึ่งเราก็พร้อมสนับสนุนเค้าค่ะ
แต่อันนี้ก็ต้องดูกันต่อไปนะคะ
ดีไม่ดี เธออาจจะเบื่อซะก่อน 555
ก็ไม่เป็นไร ให้เธอทดลอง ให้เค้าค้นหาตัวเองไปก่อน
ทดลองหลายๆอย่าง จะได้ดูว่าชอบแบบไหนมากที่สุดเนอะ อิอิ


ไว้ถ้าผลยาวๆเป็นไง ...ไว้จะมาอัพเดทอีกทีนะคะ
^^



Create Date : 03 มกราคม 2557
Last Update : 3 มกราคม 2557 16:46:08 น.
Counter : 8971 Pageviews.

5 comments
  
อ่านแล้วก็ลุ้นตามค่ะ ยังไงขอให้มีความสุขกันมากๆนะคะ เป็นเด็กดีน่ารักแบบนี้ตลอดเลย ขอโหวตให้เรื่องนี้ด้วยค่ะ
โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 9 มกราคม 2557 เวลา:11:06:08 น.
  
ผลสแกนจะเป็นแค่ไกค์บอกทางว่าเด็กเด่นด้านไหน นำจุดเด่นมาช่วยจุดที่น้อย และสำคัญที่สุด คนที่สแกนต้องเข้าใจถึง 1.ธรรมชาติของเด็กว่าเป็นแบบไหน 2.สิ่งแวดล้อมไหนที่เหมาะกับเขา และ3.จะกระตุ้นศักยภาพยังไง แต่สุดท้ายผมคิดว่าพ่อแม่คงจะทำยังไงให้ลูกมีความสุขในชีวิตมากกว่าครับ
ปล.ผมเป็นนักวิเคราะครับรบกวนทิ้งเบอร์เผื่อมีคนสนใจปรึกษาได้ฟรีครับ 087-4507233 ขอบคุณมากครับ
โดย: ชาญชัย IP: 49.230.175.84 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:48:07 น.
  
ขอบคุณค่ะที่เอามารีวิว กำลังหาข้อมูลอยู่เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: บลู IP: 61.91.203.165 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา:10:24:50 น.
  
รบกวนสอบถามค่ะ ทำไมทางรร.ถึงขอว่ายังไม่ให้เรียนภาษาคะ ขอบคุณมากค่ะ
โดย: Jen IP: 58.8.78.231 วันที่: 19 มกราคม 2560 เวลา:19:46:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments