จิตคิดว่ากลัวตาย จะแก้ไขอย่างไร จึงจะไม่กลัวตาย
หากจิตเราเกิดคิดว่ากลัวตาย
เราจะทำอย่างไร มีวิธีแก้ไขไหมครับ
ที่จะไม่ให้กลัวตายครับหลวงตา


โอ้โห ไม่มีใครไม่กลัวตายหรอกฮะ รับรองเลยฮะ
แต่ถ้าฝึกไปนานๆนะฮะ ท่านว่าเรื่องตายมันเป็นธรรมชาติ
มันรู้ว่าเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครไม่ตายหรอก ตาย
ทำไปเหอะท่านบอก ทำไปแล้วจะรู้ว่ามันกลัวหรือไม่กลัว
นี่คือผล ผลที่ฝึกมานานๆหลายปีอ่ะ มันกลัวตายหรือเปล่า
ถ้ายังกลัวตายยังไม่ใช่นะฮะ ต้องฝึกใหม่ฮะ ต้องฝึกไปเรื่อยๆ
จนกว่ามันจะไม่กลัวนะฮะ เพราะมันรู้ฮะ ไม่มีใครไม่รู้หรอกฮะ
ต้องตายอ่ะ รู้ทุกคนนั่นแหละ แต่มันยังกลัวอยู่ไง มันยังไม่ถึงไง
มันยังไม่เข้าใจมาก เพียงแต่เข้าใจระดับกลางๆ
ระดับปลายๆหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีใครไม่กลัว กลัวทุกคนฮะ
ฝึกไปเรื่อยๆฮะ อย่าหยุดก็แล้วกัน

ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ท่านว่า ใช้อิริยาบถปกติที่เราทำงานนี่แหละ
เช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ใช้อย่างเนี้ย ใช้ปกติธรรมดา
ตอนที่เรามีชีวิตอยู่อย่างเนี้ย ตอนว่างๆเนี่ยแหละ
บางคนบอกไม่มีเวลาว่างไม่จริง นั่งรถไปทำงานก็ว่าง
ขับรถไปทำงานก็ว่าง นั่งรถเมล์ไปทำงานก็ว่าง กินข้าวก็ว่าง
ก่อนนอนก็ว่าง ตื่นนอนก็ว่าง อาบน้ำก็ว่าง แค่ทำตรงนี้ก็โอเคแล้วนะฮะ
ไม่ต้องไปนั่งในห้องพระก็ได้หรอก ทำแบบเนี้ย ทำอย่างที่หลวงตาว่าเนี้ย
จะดียิ่งกว่าธรรมดานะฮะ แค่นี้นี่ก็อยากจะให้สัมผัส ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ
ถ้าทำกันจริงๆไม่กี่วันนะฮะ บางคนไวมากนะฮะ

เรื่องโลกวิญญาณเรื่องเล็กนะฮะ เนี่ยสวดบทเนี้ย สัมผัสได้แน่ๆนะฮะ
ความรู้สึกแน่ๆเลยฮะ อย่างในบ้านเราเนี่ย ถ้าสวดทุกวันเนี่ย
รู้แน่ๆเลยว่ามีวิญญาณอะไรอยู่ อย่าไปกลัวนะฮะ อย่าไปกลัว
ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงจะกลัว บางคนเลิกสวดก็มีนะฮะ
หลายคนมากฮะ เพราะสัมผัสแล้ว มันไม่น่ากลัวนะฮะ
แต่เขาเห็นแล้วมันน่ากลัวเฉยๆ ไม่น่ากลัวอะไรฮะ เป็นเรื่องปกติ
เราเวลาตายก็เป็นโลกวิญญาณเหมือนกัน

ที่มา :
หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556



Create Date : 04 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 7:18:11 น.
Counter : 718 Pageviews.

0 comment
มนุษย์ชอบดูหนังดูละคร สื่อที่ออกมาไม่ดี มีอิจฉาริษยากัน คนที่ทำหรือคนที่ดู มีกรรมต่อกันอย่างไร
ทุกวันนี้มนุษย์ชอบดูหนังดูละคร สื่อที่ออกมา เช่น
ไม่ดี มีอิจฉา มีริษยากัน คนที่ทำหรือว่าคนที่ดูต้องรับกรรม
หรือมีกรรมต่อกันไหมครับหลวงตา


มันก็เกี่ยวฮะ มันเป็นลูกโซ่กันฮะ คนทำหนังถ้าไม่ทำอย่างนั้น
ใครจะไปดูล่ะ ใช่ไหม ว่าตามสภาพของความเป็นจริงฮะ
ไปว่าใครไม่ได้ฮะ เราไปดูเอง มันจบที่เราไง ใช่ไหม
ถ้าดูเป็นปัญญามันก็ดูได้ฮะ

แล้วกรรมเกิดที่เราไหมฮะหลวงตา สมมติถ้าดูแล้วอินไปด้วย

ถ้าเราไม่รับ มันก็ไม่เป็นอะไรนะฮะ เราดูได้ ดูให้เป็นปัญญา เข้าใจไหม
ใช้ตาหูจมูกลิ้นกายเนี่ย ให้กิดปัญญาท่านบอก เขาดูเอ็งไม่ดูไม่ได้หรอก
เอ็งก็ดูให้เป็นปัญญาท่านบอก ไม่เห็นยากเลย

ไม่ใช่ไปอยู่ที่ไหนก็ไปเป็นจรเข้ เขาเรียกจรเข้ มันไม่ใช่ ใช่ไหม
ก็บอกแล้วว่าคนในโลกเราเนี้ย มันก็มีทั้งดีและไม่ดี นั่นแหละใช่ไหม
เราก็ใช่ว่าจะดีใช่ไหม
ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเนี่ย มันก็เหมือนกันท่านว่า แล้วเอ็งจะไปอยู่ที่ไหนในโลกเนี่ย อย่าไปเป็นจรเข้ท่านบอก ดูๆไปเถอะ ดูให้มันเป็นท่านบอก ไม่เห็นมันยากตรงไหนเลย

ที่มา :
หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556



Create Date : 04 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 7:18:29 น.
Counter : 326 Pageviews.

0 comment
คนทำกรรมฐานควรรู้อะไร ,สังคมที่ผิดศีลธรรมแต่ชอบทำทานควรแนะนำอย่างไร
คนทำกรรมฐานควรจะต้องรู้อะไร

คืออยากให้รู้ว่า ไอ้ความรู้สึก บางคนฝึกกรรมฐานมานานนะเนี่ย
บางคนมีนานแล้ว อยากใช้ให้ความรู้สึก
ตอนนี้เราพิจารณาตัวเราเองไหมว่า
ความรู้สึกเราที่ทำเนี่ย มันบวกหรือมันลบมาก บวกมาก

ตราบใดที่เรายังมีตาหูจมูกลิ้นกายนะฮะ มันรับเข้าออกที่ใจเราเนี่ย
มันทำยังไงไว้ที่ใจนะฮะ มีเกลียด มีรัก มีชอบ มีหลง มีเพลิน
มีอะไรมั่วไปหมดเลยฮะ ปิดมันไม่ได้แล้วตา ปิดใจมันไม่ได้
มันไวมากเลยฮะ บางคนยังไม่เห็นเลย ได้ยินเสียงแค่นั้นแหละ
สวนไปเลยฮะ มันเบรคยากนะฮะ มันต้องใช้กรรมฐานการสวดมนต์
เบรคมัน ค่อยๆเบรคมัน เบรคในสิ่งที่ไม่ดีออกไป

เพราะเราต้องการอายุ เราไม่ต้องการโรคฮะ โรคที่ไม่พึงปรารถนา
โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดัน เราไม่ต้องการ
อย่ามาใกล้เรา เราไม่เอา เราสวดมนต์ไว้ฮะ มันไม่มาหรอก
เพราะจิตเรากำลังนึกถึงแต่ความดีอยู่ มันไม่มา มาไม่ได้
เราไม่ปล่อยช่องว่างให้มันมา แค่นี้โรงพยาบาลก็ห่างจากเราอยู่แล้วฮะ
ไม่ใช่เป็นนิดๆหน่อยก็กินยานะฮะ ไม่ใช่นะ ทนฮะ
บางอย่างต้องทนหน่อย



สังคมที่ผิดศีลธรรม แต่ทุกวันนี้ก็ชอบทำทาน
ชอบปฏิบัติเป็นเพราะอะไร และจะแนะนำอย่างไรครับหลวงตา


แนะนำใครอ่ะ เขาก็สวดมนต์นะฮะ คนเราอยากดีทุกคนอ่ะนะฮะ
แต่บางครั้งโดยธรรมชาติของการดำรงชีวิตเนี่ยใช่ไหม
ซึ่งเราไม่ว่าใครฮะ เพราะการดำรงชีวิตของปัจจุบันของคน
คนในยุคปัจจุบัน เพราะอะไรรู้รึเปล่า เพราะวัตถุเจริญไง
ถ้าเราติดมันมาก มันก็ต้องทำ บางอย่างก็ต้องทำ จะให้ทำไงอ่ะ
มันแก้ไขได้ฮะ เราก็อยู่ได้ อยู่กับใครก็ได้ เราไปกับใครก็ได้ด้วย
แต่เราทำกรรมฐานสวดมนต์ หลีกไง เราหลีก หลีกด้วยจิต
แบบเดียวกับบวชในนั่นแหละ เหมือนกันเป๊ะเลย ไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร
ไม่มี

สมัยก่อนพระ ตอนที่ยังไม่บวชนะ เพื่อนมันชวนไปกินเหล้ายังไปเลย
เราก็ไปกินโค้กไง มันร้องเพลงเราก็ร้องด้วยไง เราก็อยู่กับเขาได้ฮะ
ไม่เห็นมันว่าอะไรกับเรา เราก็ไปตีกลองมั่งตีอะไรให้มัน
มันก็เพลิดเพลินไป มันก็ไม่เกลียดเรา ก็อยู่กับมันได้ไง ไม่เห็นเป็นไรเลย
วันหลังมันไม่ชวน เพราะเหล้ามันแพงไง โค้กมันแพง และกับมันแพง
เรากินกับกับโค้กอย่างเดียวเลย เราสั่งมาเรื่อยฮะ เท่ากันไง จ่ายเท่ากันไง
มันก็ไม่ชวนแล้วฮะ กับมันแพงนะฮะ เราสั่งมาเยอะๆเนี่ย
แพงกว่าเหล้านะฮะ

ที่มา :
หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556



Create Date : 04 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 7:18:46 น.
Counter : 387 Pageviews.

0 comment
ทำบุญล้างบาปได้จริงหรือเปล่า
ทำบุญล้างบาปได้จริงหรือเปล่าครับหลวงตา

บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาปฮะ ก็อย่าไปคิดถึงมันก็หมดเรื่องฮะ
ใช่ไหม ผัวเมียที่มันด่ากันทุกวันเนี่ย เพราะมันคิดฮะ
มันอยู่ด้วยกัน มันบันทึกทุกวันใช่ไหม พอด่ากัน ก็มารวดเดียวจบ
มาหมดล่ะ สิ่งที่ไม่ดี บันทึกไง ตัวบันทึกไง จิตเป็นตัวบันทึก
นั่นล่ะ เห็นชัดๆเลยล่ะ ก็อย่าไปคิดถึงมัน ก็สวดมนต์ไง สวดมนต์ไง
ให้มันลืมไง สวดบ่อยๆมันก็เกิดความเคยชิน มันก็ลืมฮะ

แก่ฮะ เตรียมตัวแก่ ไม่มีใครไม่แก่ ตายด้วย อ้าว หมั่นสวดมนต์นะฮะ
หมั่นห้อยพระ อย่าไปเชื่อเขาว่า พระไม่จำเป็นต้องห้อย
พระมีพลังนะ เพราะงั้นครูบาอาจารย์สมัยโบราณเขาไม่ทำหรอก
ท่านทำบรรจุพลังงานฮะ แต่ละองค์ท่านบรรจุไว้นะฮะ
มันเป็นสื่อของพลังงานที่ท่านทำไว้ในโลกฮะ
เพียงแต่เรานึกถึงพระที่เรากำเนี่ย พลังงานจะมาที่พระ

สมัยหลวงตาลาหลวงปู่ไปออก ตอนบวชใหม่ๆอ่ะ ไปลาท่าน
ท่านให้พระมาองค์หนึ่งฮะ เป็นรูปท่านเอง ท่านบอกเอ็งอยากเข้าใจ
เรื่องสามโลกธาตุ เอ็งถามพระองค์เนี้ย พระที่ท่านให้เป็นรูปท่าน
มันบันทึกไว้อยู่ท่านบอก ท่านบอกท่านสร้างบารมีมานาน
เพียงแต่เอ็งน้อมจิตเข้าไปที่พระเนี้ย พระเนี้ยก็จะคล้ายๆสไลด์
มีทั้งหมดเลยท่านบอก มีอยู่ในพระ เป็นสื่อพลังงาน เหมือนกับ
ระบบคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันเนี้ยฮะ เหมือนกันเลย
ก็เหมือนนะฮะ มองภาพท่านอ่ะ ตาเรามองท่านอ่ะ มองภาพ
จิตเราจะมองเห็นพลังงาน ถ้าเรามองบ่อยๆ
เอาภาพท่านมาวางไว้ข้างหน้า มองแล้วก็สวดไปเรื่อยๆ แล้วก็หลับตา
พอภาพหายไป ก็ลืมตาดู ทำอย่างนี้สลับกันไป ไม่ใช่เพ่งนะท่านบอก
ไม่ อย่าไปเพ่ง เนี่ยสูตรนี้ไวที่สุดแล้วท่านบอก

เป็นกรรมฐานที่อยู่ในพุทธานุสสติ ธัมมา สังฆานุสสติ
อยู่ในไตรสรณคมณ์ท่านบอก มันจะไม่ไปไหน
ภาพท่านก็จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ท่านหลอกให้เราอยู่
ให้จิตมันอยู่ ไม่ใช่อะไร จิตเอ็งยังไม่อยู่ตอนนี้ท่านบอก
ถ้าจิตอยู่แล้วเนี่ย เอ็งจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นท่านบอก ทีนี้จิตเราไม่อยู่
เข้าใจไหม เราภาวนามันไม่อยู่นะฮะ ถ้าไม่มีที่จับ ไม่มีที่ยึด
เหมือนเราภาวนาอะไรก็ช่างอ่ะ ถ้าเรานึกถึงพระพุทธรูปด้วยเนี่ย
นั่นเป็นกุศโลบายให้มันอยู่ท่านบอก ถ้ามันอยู่แล้วมันใช้ได้ท่านบอก
เอ็งบังคับมันได้ทั้งนั้นอ่ะ ตอนนี้เอ็งยังบังคับมันไม่ได้หรอก
ถ้าเอ็งไม่ฝึก มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วท่านบอก จิตมันไว บางคนถามว่า
อ้าว ผมอ่ะเวลานอนสวดหลับไป ยังฝันร้ายอยู่อ่ะ ทำไมล่ะ
เอ็งรู้หรือเปล่าว่ามันไวท่านบอก มันไปแปบเดียวเท่านั้นอ่ะ
กำลังจะหลับพอดีเลยมันไปแวบ ฝัน กรรมมันดึงท่านบอก บางอย่างอ่ะ

แล้วเอ็งไม่เห็นพระไตรปิฏกเหรอท่านบอก พระที่ท่านนึกถึงจีวรเนี่ย
แปบเดียว ยังไปเกิดเป็นเล็นเลยท่านว่า มันไว จิตมันไว
เพราะฉะนั้นต้องฝึกมัน ฝึกในการเวียนว่ายตายเกิด
ฝึกมันท่านว่า อย่าปล่อยเวลาทิ้งเปล่าๆ อย่าไปเรียนด้านเดียวท่านว่า
เรียนโลกอย่าไปเรียนด้านเดียว มันต้องเรียนธรรมด้วย เพราะเรา
นับถือพระพุทธศาสนาท่านบอก ต้องสอนลูกหลานให้มันฝึก
ให้มันสวดมนต์ ให้มันภาวนามั่ง ก่อนนอนก็ให้มันกราบพระก็ยังดี
ในอนาคตมันก็เป็นกำลังที่ดี

เพราะฉะนั้น เราต้องฝึกนะฮะ
เตรียมตัวที่จะเป็นประโยชน์ในอนาคตนะฮะ ประโยชน์กับโลกวิญญาณ
ก็ได้นะฮะ ประโยชน์กับคนก็ได้ฮะ อย่างน้อยๆมีอะไรเกิดขึ้น
เราก็รอดแล้ว เพราะความรู้สึกเรามี ถ้าเราฝึก สิ่งที่ดีเราก็รู้
สิ่งที่ไม่ดีเราก็รู้ เราก็หลีกเอาไง พลังงานที่ไม่ดีเนี่ย
มันจะมาหาเราไม่ได้หรอกฮะ รับรองเลยฮะ แม้แต่ภัยพิบัติ
ภัยธรรมชาติ แม้แต่เชื้อโรคที่เรากินเข้าไปเนี่ย
ถามว่าเราสวดบ่อยๆเนี่ย พลังงานที่ดีมาเนี่ย
มันไม่สามารถจะแทรกเข้ามาได้หรอก เหมือนกับที่เราคิดดีอยู่เนี่ย
สิ่งที่ไม่ดีมันก็แทรกเราไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกันมันคือธรรมชาติท่านว่า
มันไม่ใช่อะไรซับซ้อนหรอกท่านบอก ไม่มี ไม่มีซับซ้อน ธรรมชาติน่ะ
ธรรมะน่ะ ไม่ซับซ้อน ว่ากันจริงๆ ท่านว่า ว่ากันจริงๆเห็นๆนี่แหละท่านว่า
นั่นน่ะมีประโยชน์พูดถึง แล้วมันง่ายด้วยท่านบอก มันไม่ยาก
มันยากที่เขาว่านะ ไม่ยาก เรานึกว่ามันยาก โอ้โห ไปทำกรรมฐาน
ยากมากเลยฮะ ไม่ใช่ ไม่ยาก นึกเมื่อไรก็เป็น ไม่ยาก ไม่เห็นยากเลย
แล้วมีประโยชน์ด้วย เราอยู่กับใครก็ได้นะตานี้ อยู่กับใครก็ได้นะในโลกนี้
อยู่ได้หมดล่ะ แล้วเราก็ไม่ว่าใครด้วย เราว่าเราตัวเอง เราว่าตัวเราเอง
เราไม่ว่าใคร จบ จบไหม ไม่มีใครเลวสุดๆ ไม่มีใครดีสุดๆหรอก
ยกเว้นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ คนเรามีทั้งดีและไม่ดีแหละ
ปรับที่เราก็จบ

ที่มา :
หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556



Create Date : 03 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 7:19:06 น.
Counter : 536 Pageviews.

0 comment
พระ,แหวนที่หลวงตาแจกใส่เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวได้ไหม
พระที่หลวงตาแจกใส่เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวได้ไหมครับ

มีคนถามเยอะตั้งแต่สมัยหลวงปู่ยังอยู่แล้วนะฮะ จิตเราก็มีดีกับไม่ดี
เอาจิตเรานี่แหละท่านบอก เอ็งคิดดีได้ตลอดเวลาหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ดีหรือไม่ดีก็อยู่ด้วยกัน ใช่ไหม เออ เวลาเราคิดดี
สิ่งที่ไม่ดีมันก็ไปแล้ว มันไม่อยู่หรอก มันคิดไม่ได้ ตัวเราเป็นตัวดูด
เพราะฉะนั้นของดีท่านบอกว่า มันอยู่ที่ไหนก็คือดี ไม่เกี่ยวท่านบอก
จะเข้าห้องน้ำ ไปไหนไปเถอะ ทำได้ทุกอย่างท่านบอกที่โลกมนุษย์ทำ
แปลกไหม หลวงปู่ท่านสอนแปลกไหม ก็ดีไม่ดี ก็อยู่ที่เราไง
ถ้ามันดีอยู่แล้ว อยู่ที่ไหนก็คือดีท่านบอก เพราะฉะนั้นใส่ไปเลย
ใส่ไปที่ไหนก็ได้

ประคำยาวแล้วเวลานั่งพระจะอยู่ต่ำมากก็ไม่เกี่ยวใช่ไหมครับหลวงตา

ไม่เกี่ยวฮะ

นะครับ ความศักดิ์สิทธิ์ก็ยังอยู่

อยู่ฮะ

ครับ ถามรวมให้เลยนะครับ แหวนด้วยนะฮะ ใส่ได้ตลอด

ใส่ซักผ้าก็ได้ฮะ ล้วงไหนก็ได้ท่านบอก ไม่เป็นไร ถามท่านหนักๆท่านบอก แล้วเอ็งเกิดมาจากไหนท่านบอก จบเลยตอนนี้
ไม่มีใครถามเลยตอนหลัง

ที่มา :
หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556



Create Date : 03 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 7:19:30 น.
Counter : 1077 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  

basicka
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog