Bancha
Group Blog
 
All blogs
 

มนุษย์เงินเดือน

  กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้

ยังมีมนุษย์เงินเดือน
ทำงานงกงกทุกเดือน
ใครตักใครเตือนก็ไม่ฟัง

เริ่มต้นจากความสนุก
จนมาเป็นทุกข์ในหนหลัง
เมื่อสุขภาพเริ่มผุผัง
เมื่อความสัมพันธ์เริ่มจืดจาง

ตาจ้องคอมพ์จนเป็นต้อ
พี่น้องแม่พ่อเหินห่าง
มิตรสหายห่างหายไร้ร้าง
รอยยิ้มความเบิกบานจางลง

ทำงานหนัก ยิ่งนับวัน ยิ่งหนัก
ไม่ได้พัก อยู่ในตึกพิศวง
มีพนักงานเดินวนงงงง
หลงอยู่ในเขาวงกตแห่งเงินเดือน

ตอนแรกทำด้วยความสนุก
ตอนหลังความสุขคล้อยเคลื่อน
บ้างคิดเพียงเพิ่มเงินเดือน 
บ้างการเลื่อนขั้นคือเส้นชัย

จากเคยทำงานเพื่อทำงาน
กลายเป็นทำเพื่อบ้านหลังใหญ่
กลายเป็นทำเพื่อของกินของใช้
กลายเป็นอยากได้รถแพงแพง

กลายเป็นหาเงินเพื่อรักษาสุขภาพ 
ต้องซื้อกองทุนชื่อแผลงแผลง
เพื่อนำหลักฐานไปแสดง
หักลบและกลบภาษี

กลายเป็นทำงานแล้วอ้างลูก
อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีดี
แต่สิ่งที่ลูกอยากมี
พ่อแม่กลับมีให้ไม่เพียงพอ

สิ่งนั้นก็คือเวลา
พ่อแม่กลับมาหยอกล้อ
นั่งกินข้าวหัวเราะเยินยอ
ลูกได้แต่นั่งรอกดไอแพด

มนุษย์เงินเดือนอยากเป็นอิสระ
อยากชนะหลุดจากกรงขัง
แต่กำแพงเงินเดือนมันสูงจัง
ยากที่จะพังมันลงมา

ยิ่งทำ ยิ่งก่อ ก็ยิ่งสูง
ยิ่งพูน ยิ่งเพิ่ม เป็นอภิมหา
กำแพงเงินเดือนมหึมา
ใครเล่าจะกล้าทุบมันทิ้ง

จึงติดอยู่กับกำแพงเงินเดือน
ไม่ยอมลดเลื่อนหลายสิ่ง
ไลฟ์สไตล์หรูหรายากจะทิ้ง
หลายสิ่งต้องใช้เงินซื้อ

รสนิยมสูงตามเงินเดือน
ดินเนอร์กับเพื่อน รถรา มือถือ
กำแพงที่สองของมนุษย์เงินเดือนนั้นคือ
รสนิยมที่เพิ่งก่อขึ้นมา

สองกำแพงขนาบชีวิต
ต้องติดอยู่ในนั้นแหละหนา
หากลดกำแพงหนึ่งลงมา
อีกหนึ่งไม่ช้าย่อมลดลง

อิสระห่างแค่กำแพงกั้น
อิสระนั้นใช่อะไรที่ไหน
อิสระจากสายตาใครใคร
อยู่ เที่ยว กิน ใช้ ในแบบเรา

ใช้น้อยก็ไม่ต้องหาหนัก
ได้พัก ได้เพื่อน ได้ลูกเต้า
กำแพงเงินเดือนที่โอบล้อมเรา
มั่นคง แต่ก็กักขังเราไปพร้อมกัน .!




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2558 15:40:11 น.
Counter : 646 Pageviews.  

ระวัง!! มด9พันธุ์ ในสมองคน

  ระวัง!! มด9พันธุ์ ในสมองคน

(ant)(ant)(ant)(ant)
***************
ตามปกติแล้ว คนเราจะ "คิดลบ" 
เพื่อความอยู่รอดของเราค่ะ 
เช่น สมัยก่อนที่เราเป็นมนุษย์ถ้ำ 
หากมนุษย์เรา เห็นพุ่มไม้ไหว ๆ 
สมองของเราจะคิดลบก่อนเลยว่า 
ข้างหลังพุ่มไม้นั้น อาจเป็น "เสือ" ที่จะทำอันตรายเรา 

เราจะไม่ "คิดบวก" ว่า ข้างหลังพุ่มไม้นั้นเป็น "กระต่าย" เพื่อเรา จะจับไปเลี้ยงดูเล่น   

การคิดลบแบบนี้นี่เองละค่ะ 
ที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ของเรา "อยู่รอด" มาจนถึงทุกวันนี้  
แต่เนื่องจากปัจจุบัน เสือทั้งหลายได้ถูกจับไปไว้ในกรงเกือบหมดแล้ว
ถึงขั้นถูกคนไล่ล่า จนแทบหมดป่าด้วยซ้ำไป 
เพราะงั้น โอกาสที่เราจะเจอสัตว์ป่าจริง ๆ 
เข้ามาทำร้าย จึงมีโอกาส  น้อยมั่กมาก 

แต่ "สมอง" ตามธรรมชาติ ของเรา 
ดันวิวัฒนาการ ตามไม่ทันความเจริญทางวัตถุภายนอก  ก็ยังติดกับการคิดลบแบบนี้อยู่ ทำให้เราที่มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ในเมืองใหญ่ มีความทุกข์กันเกินความจำเป็น  

ซึ่งการคิดลบแบบนี้
ทำให้เกิด "มด" ตัวที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตเรา  
ซึ่งมดตัวที่ว่านี้ คือ 
Automatic Negative Thoughts : ANTs  
ซึ่งก็หมายถึงการเป็น "คนคิดลบโดยอัตโนมัติ" 

Dr. Daniel G. Amen 
ซึ่งเป็นจิตแพทย์ชื่อดังของ USA กล่าวว่า 
ในสมองของคนเรามี "มดอยู่ 9 สายพันธุ์" 
ที่ทำให้เราเกิดความทุกข์  
เรามาลองดูว่า มีมดสายพันธุ์ไหนบ้าง ที่อยู่ในสมองของเรา 

1. สายพันธุ์ "เสมอ" และ "ไม่เคย" (ANT 1 "Always" and "Never") 
มดสายพันธุ์นี้มีมากที่สุด เช่น เคยไหมที่เราชอบคิดว่า 
"เขาไม่เคยฟังฉันเลย" "ฉันผิดพลาดเสมอ" "เขาขึ้นเสียงกับฉันทุกครั้ง"  
ซึ่งจริง ๆ แล้ว เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนี้ 
แต่สมองจะคิดแบบเหมารวม
โดยที่จริงแล้ว เขาก็ฟังเราบ้าง เราก็ทำถูกบ้างผิดบ้าง หรือ บางทีเขาก็รับฟังเราไม่ได้ขึ้นเสียงกับเราทุกครั้ง เป็นต้น 

2. สายพันธ์ "เมินสิ่งดี ดูสิ่งลบ" (ANT 2 "Focusing on the Negative") 
มดสายพันธุ์นี้ ทำให้เรามองแต่เฉพาะด้านลบ
เช่น "ล้างรถทีไร ฝนตกทุกที" แต่จริง ๆ แล้ว 
เราล้างรถ 10 ครั้ง ฝนอาจจะตก 1 ครั้ง 
แต่เรามัก Focus ไปที่ความคิดด้านลบ   

3. สายพันธุ์ "หมอดูซาดิสต์" (ANT 3 "Foutune Telling")
มดสายพันธุ์นี้ร้ายกาจมาก เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตเรา 
เช่น เราคิดว่า "เดี๋ยวตอนที่เราขึ้นไปพูดบนเวที คนคงหัวเราะเยาะเราแน่" 
ซึ่งการคิดแบบนี้ จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นผิดปกติ มือสั่น ขาสั่น เสียงสั่น และลืมบท ทำให้เวลาขึ้นไปพูด คนก็จะหัวเราะเยาะเราจริง ๆ 

4. สายพันธุ์ "อ่านใจไปเรื่อยเปื่อย" (ANT 4 "Mind Reading") 
มดสายพันธุ์นี้ ชอบเดาใจ คิดไปเองในแง่ลบ เช่น เห็นคนจับกลุ่มคุยกัน 
ก็คิดว่า "คนพวกนั้น กำลัง นินทาเราแน่ ๆ เลย"  หรือ 
หัวหน้าพูดอะไรในภาพรวมในที่ประชุมก็คิดว่า 
"หัวหน้ากำลังหมายถึงเราแน่เลย"
ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นการคิดไปเอง 

5. สายพันธุ์ "รู้สึก...แต่ไม่นึกคิด" (ANT 5 "Thinking with Your Feelings") 
 มดพันธุ์นี้ ทำให้เราชอบมีความรู้สึกต่อสิ่งต่าง ๆ ในแง่ลบ 
เช่น "ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนเกินของหน่วย" "ฉันรู้สึกว่าใคร ๆ ก็ไม่รักฉัน" ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความรู้สึกของเราเอง ไม่ใช่ความรู้สึกที่คนอื่นมีต่อเรา 

6. สายพันธุ์ "หมกมุ่นอยู่กับอดีต" (ANT 6 "Guilty of Beating) 
มดสายพันธุ์นี้ทำให้เราชอบย้อนคิดถึงอดีต เช่น
ติดคำพูดว่า "ถ้าเพียงแต่ตอนนั้น เราไม่ตัดสินใจผิด ชีวิตเราคงไม่เป็นแบบนี้" หรือ 
"ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าพูดกับพ่อแม่อย่างนั้นไปเลย"  
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไม่ควรเอา อดีตเป็น "ห้องขัง" ชีวิตเรา 
แต่ควรใช้อดีตเป็น "ห้องเรียน" ที่เราจะไม่ทำแบบนั้นอีก 

7. สายพันธุ์ "ตราหน้า แล้วด่าให้ยับ" (ANT 7 "Labeling")
มดพวกนี้ ชอบตราหน้าคนอื่น  
เช่น "ไอ้พวกรากหญ้า คิดไม่เป็น"  "ไอ้พวกคนจีนเสียงดัง" 
"ไอ้พวกเด็กเจนวายหัวดื้อ"  ซึ่งแท้จริงแล้ว 
มีคนรากหญ้ามากมายที่หัวดีกว่าคนจบปริญญาเอก 
มีคนจีนมากมายที่มีกิริยาเรียบร้อย 
และมีเด็กเจนวายมากมายที่น่ารักและเคารพผู้ใหญ่ 

8. สายพันธู์ "เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น" (ANT 8 "Personalization") 
มดพันธุ์นี้มาจากนิทานเรื่องหนึ่ง ที่มีไก่ตัวหนึ่งลุกออกไปขันทุกเช้า 
พอวันหนึ่ง ไก่ป่วยหนักมาก ลูก ๆ ก็บอกว่า พ่อวันนี้ไม่ต้องไปขันหรอก 
แต่พ่อบอกว่าไม่ได้หรอก
 "เพราะพ่อขัน ตะวันจึงขึ้น 
ถ้าพ่อไม่ออกไปขัน ดวงอาทิตย์จะไม่ขึ้น แล้วโลกจะแย่แน่"  
ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด หลงตัวเอง คิดว่าตัวเอง คือคนสำคัญเกินเหตุ 

9. สายพันธุ์ "คุณน่ะทำ" (ANT 9 "Blame") 
มดสายพันธุ์นี้น่ากลัวที่สุด เพราะจะทำให้เราคิดว่า 
ที่ชีวิตเราเป็นแบบทุกวันนี้ เพราะ 
พ่อแม่ หัวหน้า เพื่อน สังคม ฯลฯ เป็นต้นเหตุ  
มดสายพันธุ์นี้ทำให้เรา "โทษคนอื่น" 
โดยไม่ยอม หันมาดูตัวเอง 
ซึ่งการคิดแบบนี้ เป็นการคิดแบบ "เหยื่อ" 
คือ คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อของการกระทำของคนอื่น
ซึ่งทำให้ชีวิตหมดพลัง และไร้คุณค่า อีกทั้งจะไม่ยอมปรับปรุงตัว

เป็นไงบ้างค่ะ  ยาวหน่อย 
แต่ก็คิดว่ามีประโยชน์มาก ๆ 
อ่านแล้วลองคิดดูนะคะ ว่า 
เมื่อไหร่ ก็ตามที่เราคิดลบ หรือมีความทุกข์ 
แปลว่า "มดตัวใดตัวหนึ่งกำลังอาละวาดอยู่ในสมองเราแล้ว!" 

รู้แล้วก็รีบกำจัดมดตัวร้ายนั้นนะคะ  เพื่อชีวิตที่มีพลังและมีความสุขของตัวเราเอง
และคนที่เรารัก กันเถอะค่ะ 

[เครดิต: ข้อความที่ส่งต่อมา ใครเขียนไม่รู้ ก้อยรู้แต่ว่าดีจ้า ]




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2558 15:37:43 น.
Counter : 942 Pageviews.  

รู้กันยัง เข้าวัดปล่อยนก บุญหรือบาป สละเวลาอ่านเรื่องนี้กันสักนิดนะครับ

  รู้กันยัง  เข้าวัดปล่อยนก บุญหรือบาป สละเวลาอ่านเรื่องนี้กันสักนิดนะครับ


เช้าตรู่วันหนึ่ง พ่อนกแม่นก กำลังเตรียมตัวออกไปหาอาหาร ให้ลูกนกน้อย ที่เพิ่งฟักออกจากไข่ พ่อนกแม่นกบินออกไป แต่ติดตาข่าย ที่พวกคนใจดำ ขึงเอาไว้ พ่อนกแม่นกบางตัว ดิ้นรนขัดขืน บางตัวปีกหัก บางตัวขาหัก บางตัวตาย ตัวที่รอด ก็ถูกจับยัดกรง แล้วขนส่งมาตามวัด ทั้งในกรุงเทพ ทั้งในต่างจังหวัด ขณะขนส่ง มีหลายตัวตาย เพราะความร้อน เพราะความแออัด ในใจของพวกมัน เป็นห่วงก็แต่ลูกน้อย ที่คอยอาหารอยู่ ลูกของพวกมันต้องอดตาย...เจ้านกน้อยคงทรมานมาก ร้องตะโกนเรียกพ่อแม่สุดเสียงด้วยความหิว แต่พ่อแม่ของมัน ถูกจับไปแล้ว
มาถึงที่วัด พวกมันก็ต้องทนแออัดอยู่ในกรงเล็กๆ และพวกมันบางตัว ถูกพวกคนที่อยากได้บุญ ปล่อยออกจากกรง พวกมันบินออกไป ด้วยความกระวนกระวาย เป็นห่วงลูกน้อย แต่มันก็บินกลับบ้านไม่ถูกแล้ว พวกมันหมดแรง และขาดใจตายในที่สุด 
ส่วนคน ก็ได้ความสบายใจ ว่าตัวเองไปวัดมา ไปทำบุญมา ไปปล่อยนกมา และก็คิดว่า ตัวเองต้องรวย ต้องสมหวัง ต้องโชคดีแน่ๆ 
คนหนอคน เพราะความงมงาย ทำให้ผู้อื่นต้องทนทุกข์ทรมาน ต้องตาย แบบนี้มันใช่บุญเหรอ
พระสงฆ์นี่ก็นะ เป็นผู้ทรงศีล แต่ทำไมไม่ห้าม ปล่อยให้ธุรกิจแห่งความตายมาอยู่ในวัด แปลกแต่จริง
พวกเราต้องช่วยกัน ต่อต้าน อย่าไปอุดหนุน ต้องช่วยกันแชร์เรื่องนี้ ถ้าไม่มีใครหยุดไอ้พวกบ้านี้ พวกเรานี่แหล่ะจะช่วยกันหยุดมัน เพื่อนๆช่วยผมด้วยนะครับ ผมทำคนเดียวไม่ไหว ช่วยกันตะโกนให้พวกงมงายได้ยิน ให้ตาสว่างกันสักที ขอบคุณครับ




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 1:55:57 น.
Counter : 1183 Pageviews.  

เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ (อ่านแล้วอึ้ง)

อยากให้อ่าน ดีมาก (เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ) :
> เพื่อน ๆ ช่วยอ่านข้อความนี้ดีมาก ชีวิตคน

> มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ
> กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต..
> แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน 5 - 6
> คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร.
> วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ
> แกก็คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป...
> อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง...
> พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก.
> เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้..
> แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง..
>
> เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดข ึ้น...
> ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที...
>
> แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา...
> จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...
> เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น...ระยะแค่นี้
> เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน...
> ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...
> ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... ฝูงลิงที่แยกย้ายกัน
> ออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ... วิ่งแห่กันเข้ามาหา
> ลิงตัวที่ถูกยิง... แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด...
> แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
> สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็กๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... แล้วก็หล่นตุ๊บ...

> ลงมาจากต้นไม้...คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...
> ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว...
> คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี...
> ลิงที่ตกลงมา...เป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง...
> เธอกำลังให้นม ลูก...
>
> ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข...ทันทีที่ถูกยิง..
> ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้.....
>
> แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้..
> เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ...
> รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย...
> เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ...
> มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ...
> พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด...
> ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ๆ..
> แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ
>
> หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว...
> จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้...
> เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน...
> คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...
> ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลย.ตลอดชีวิต..
> และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ......
> เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง...
> ชื่อว่า... ' ลิงทะโมน... '
> เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก
>
> ************ *****
>
> แม่นะหรือ... คือผู้สร้าง ทุกสิ่ง อันยิ่งใหญ่
> คือผู้รัก ลูกตน กว่าใครใคร คือผู้คอย ห่วงใย ทุกเวลา
>
> คือคนร้อน เมื่อลูกรุ่ม
> กลุ้มเรื่องทุกข์
> คือคนสุข เมื่อลูกนั้น มีหรรษา
> คือคนปลอบ เมื่อลูกเหงา เศร้าอุรา
> คือคนคอย ให้เมตตา ลูกทุกคราว
>
> เป็นสายฝน คอยช่วยให้ ลูกสดชื่น
> เป็นผ้าผืนคอยห่มให้ เพื่อคลายหนาว
> เป็นกระโถน คอยรับทุกข์ ทุกเรื่องราว
> เป็นบันได ไต่ดาว ลูกก้าวไป
> เป็นคุณครู ผู้สอนสั่งทุกอย่างหนอ
> เป็นคุณหมอ คอยรักษา จะหาไหน
> เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ดั่งใจ
> จะหาใครได้เท่าแม่เหมือนไม่มี
> สาธยาย อย่างไร คงไม่หมด
> พระคุณแม่ ยากแทนทด เหมือนปลดหนี้
> สิ่งล้ำค่าใดใด ในปฐพี
> จะเทียมเท่า คุณแม่นี้ ไม่มีเอย.
>
> ----- จบการส่งต่อข้อความ -----
>
> อย่าลืม ก่อนนอนคืนนี้ กอดแม่-พ่อสักครั้งหากท่านยังมีโอกาส.....




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2553    
Last Update : 15 สิงหาคม 2553 6:08:24 น.
Counter : 816 Pageviews.  

หลวงพ่อชา - “คนเลี้ยงไก่”

หลวงพ่อชา - “คนเลี้ยงไก่”

มีคนเลี้ยงไก่ 2 คน

คนที่ 1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ แล้วก็เก็บ "ขี้ไก่" ใส่ตะกร้ากลับบ้าน!!
แล้วทิ้งไข่ไก่ให้เน่าไว้ในโรงเรือน
เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่ง ไปด้วยกลิ่นขึ้ไก่ !!! คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่น
เหม็น!!!

คนเลี้ยงไก่คนที่ 2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ เก็บ "ไข่ไก่" ใส่ตะกร้าเอากลับบ้าน
เขาเอาไข่ไก่ลงเจียว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย ไข่ไก่ที่เหลือเขาก็
เอาไปขาย แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก.....

ในชีวิตของเรา พวกเรา เป็นคนเก็บ "ไข่ไก่" หรือ เก็บ"ขี้ไก่"

เราเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" โดยเฝ้าแต่เก็บเรื่องร้ายๆ แย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไว้ในหัวของเรา และมี
ความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน!!!

หรือเราเป็นคนที่เก็บ "ไข่ไก่" เราจดจำสิ่งที่ดีๆที่เกิดในชีวิตของเรา และมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึง
มัน!!

คนเราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่"
เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจ ฯลฯ มักจะติดอยู่ในใจ
ของเรานานเท่านาน

ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ "ไข่ไก่" กับชีวิต
ทิ้ง "ขี้ไก่" ไปเถอะ ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที ..




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2553    
Last Update : 15 สิงหาคม 2553 5:52:29 น.
Counter : 811 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

rajasit
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add rajasit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.