Bancha
Group Blog
 
All blogs
 

ความหมายของเลขประจำตัวประชาชนทั้ง 13 หลัก

ความหมายของเลขประจำตัวประชาชนทั้ง 13 หลัก

--------------------------------------------------------------------------------


หลักที่ 1 หมายถึงประเภทบุคคลซึ่งมี 8 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2527)
ประเภทที่ 2 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2527)
ประเภทที่ 3 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ในสมัยเริ่มแรก (1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2527)
ประเภทที่ 4 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชนในสมัยเริ่มแรก (1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2527)
ประเภทที่ 5 ได้แก่ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจหรือกรณีอื่น ๆ
ประเภทที่ 6 ได้แก่ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฏหมาย แต่จะอยู่ในลักษณะชั่วคราว
ประเภทที่ 7 ได้แก่ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย
ประเภทที่ 8 ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฏหมาย คือ ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว คนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย


หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 หมายถึงรหัสของสำนักทะเบียนที่ท่านมีชื่อในทะเบียนบ้านในขณะให้เลข สำหรับเด็กเกิดใหม่จะหมายถึงถิ่นที่เกิดเลยทีเดียว โดยหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงจังหวัด หลักที่ 4 และ 5 หมายถึงอำเภอ หรือเทศบาล


หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 หมายถึงกลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภทตามหลักแรก หรือหมายถึงเล่มที่ ของสูติบัตร แล้วแต่กรณี


หลักที่ 11 และ 12 หมายถึงลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท หรือหมายถึงใบที่ของสูติบัตรแต่ละเล่ม แล้วแต่กรณี


หลักที่ 13 คือ ตัวเลขตรวจสอบความถูกต้องของเลข 12 หลักแรก




 

Create Date : 11 กันยายน 2548    
Last Update : 11 กันยายน 2548 21:14:03 น.
Counter : 247 Pageviews.  

"WORK H-A-R-D กับ WORK S-M-A-R-T"

คุณมีสไตล์หรือรูปแบบการทำงานเป็นแบบไหน มาทำงานเช้ากลับบ้านดึก
หรือทำงานเสาร์-อาทิตย์อยู่เป็นประจำ คุณมีวิถีการทำงานเป็นแบบนี้หรือไม่
แล้วคุณพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มากน้อยแค่ไหน
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการทำงานหนัก หรือ Work Hard
เป็นการทำงานที่น่ายกย่องเพราะคุณได้อุทิศตนและทุ่มเทการทำงานอย่างจริงใจให้กับองค์การที่คุณอยู่
ได้รับการชื่นชมจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและคนที่คุณเกี่ยวข้องด้วย
และสิ่งที่คุณคาดหวังจากการทำงานหนักนั่นก็คือ ผลการทำงาน หรือ
Performance
ที่ดีจนได้รับการวัดและประเมินผลงานจากหัวหน้างานในระดับที่คุณพอใจ

โดยส่วนใหญ่คนที่ทำงานหนักมักจะชอบหรือพอใจให้บุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยต้องทำงานหนักเหมือนกับตนเอง
ยกย่องและยอมรับว่าการทำงานดึกๆดื่นๆ
ถ้าไม่ถึงสี่หรือห้าทุ่มยังไม่กลับบ้าน
การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในช่วงวันหยุดเป็นการทำงานที่ทุ่มเทแบบสุดๆ
ถ้าคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานชนิดที่ว่านี้
คุณมักจะได้รับความพอใจและได้รับการประเมินผลงานว่าคุณเป็นคนขยันทำงาน
มีความรับผิดชอบ และอุทิศตนให้กับบริษัทอย่างจริงใจ

แล้วทำไมคุณต้องเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกWork Hard –
การทำงานหนักของแต่ละคนจะมีหลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไป ดังนี้

a.. ว่างมากเกินไป - ไม่รู้จะไปไหน เหตุเพราะเป็นคนมีเพื่อนน้อย
หรือเป็นกลุ่มคนโสด
คิดแต่เพียงว่ากลับบ้านก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่ทำงานที่ออฟฟิตจะดีกว่า
หากคุณเป็นลูกน้องและมีหัวหน้างานที่คิดแบบนี้
คุณอาจจะติดนิสัยของการทำงานหนักตามอย่างหัวหน้างานของคุณเอง

b..ไม่ยอมปล่อยวาง – คิดแต่เพียงว่าอยากจะสะสางงานให้เสร็จในวันนี้
พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเครียด
ซึ่งงานบางอย่างคุณอาจจะปล่อยวางและเก็บไว้ทำในวันพรุ่งนี้ก็ได้
แต่คุณกลับไม่ต้องการเหตุเพราะความอยากที่อาจจะไม่จำเป็นสักเท่าไหร่
ในการสะสางหรือเคลียร์งานให้เสร็จในวันนั้น

c..จิตฟุ้งซ่านขาดสมาธิ – การทำงานที่ขาดสมาธิ
ปล่อยให้จิตคิดเรื่องโน้นทีเรื่องนี้ที
แน่นอนว่างานคงจะไม่เสร็จหรือเสร็จช้าไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
เป็นเหตุให้คุณจะต้องทำงาน ดึกๆ ดื่นๆแบบไม่ต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน

d..บริหารเวลา/งานไม่เป็น – คนบางคนมาทำงานแต่เช้ากลับบ้านเที่ยงคืน
หรือต้องนำงานไปทำที่บ้าน
เหตุเพราะไม่รู้จักบริหารเวลาและจัดเรียงลำดับความสำคัญของงาน
งานบางอย่างอาจมอบหมายให้คนอื่นช่วยทำแต่คุณกลับมาทำเอง
หรืองานบางอย่างคุณอาจจะเปลี่ยนขั้นตอนการทำงาน
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำงานชิ้นนั้นเสร็จได้ในเวลาที่รวดเร็ว

e..ปริมาณงานมีมากเกินไป –
คนบางคนต้องทำงานหนักเนื่องจากรับผิดชอบงานมากเกินไป
ปริมาณงานที่หัวหน้างานให้นั้นมากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือที่เรียกว่าWork
Load และหากคุณเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้คุณควรพูดคุยกับหัวหน้างาน
แจ้งถึงปริมาณงานที่คุณต้องรับผิดชอบ
และผลเสียที่เกิดขึ้นหากหัวหน้างานไม่รีบแก้ไข
แต่ที่สำคัญหัวหน้างานจะต้องเปิดใจรับฟังและร่วมกันแก้ไขปัญหาในสถานการณ์Work
Loadที่เกิดขึ้น

คุณพอใจกับการทำงานหนักหรือบางคนอาจจะเรียกคนประเภทที่ว่านี้ว่าเป็นพวกบ้างานมากน้อยแค่ไหน
การทำงานหนักแบบทุ่มเทจนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเพื่อนฝูง ชีวิตส่วนตัว
คุณคิดว่าคุณมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่
คุณรู้ไหมว่าคนกลุ่มนี้มักจะมีคุณภาพชีวิตไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่กลุ่มคนเหล่านี้จะหงุดหงิดง่าย
เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป บางคนถึงขนาดเป็นไมเกรน
เป็นโรคจิตหรือโรคประสาทไป

บางคนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหวเพราะไม่มีเวลาพักผ่อนหรือไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
จึงเป็นเหตุให้รู้สึกเบื่อหน่ายงาน เบื่อหน่ายชีวิต มองโลกในแง่ร้าย
และรู้สึกไม่ชอบหรือไม่รักงานที่ทำอยู่
และในที่สุดคนกลุ่มนี้ก็จะลาออกจากหน่วยงานและองค์การนั้นๆไป

จะเห็นได้ว่าการทำงานหนักนั้นเป็นรูปแบบการทำงานเพื่อให้มีผลผลิตหรือผลลัพธ์เกิดขึ้น

แต่ผลงานที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะไม่จำเป็นต้องได้มาจากการทำงานหนักก็เป็นได้
คุณเคยเห็นหรือไม่ว่าบางคนมาทำงานเช้าแต่กลับบ้านตรงเวลา
วันเสาร์หรืออาทิตย์ไม่ได้มาทำงาน ไม่ค่อยจะนำงานกลับไปทำที่บ้าน
แบบว่าทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำ
แต่ผลงานออกมาดีหรือดีกว่าคนที่ทำงานหนักเสียอีก

พบว่ารูปแบบการทำงานของกลุ่มคนเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นการทำงานแบบชาญฉลาดหรือWork
Smart และกลุ่มคนที่ทำงานแบบWork Smart
นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานแบบไม่ลืมหูลืมตา
คุณลักษณะของคนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดนั้นจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

a.. Smile – ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
ยิ้มรับกับปัญหาและพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย
ไม่ตีโพยตีพายจนขาดสติ และสภาพจิตที่ดีนี้เองจะส่งผลต่อไปยังสมาธิ
รู้ว่าควรจะทำอะไรและไม่ควรทำอะไรในสถานการณ์ใด

b..Manage –
คนที่ทำงานอย่างชาญฉลาดต้องรู้จักการจัดการหรือการบริหารงานของตนเองรู้ว่า
อะไรคืองานด่วนที่ต้องเร่งทำก่อน
รู้ว่าควรจะใช้ทรัพยากรอย่างไรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด
รู้จักบริหารเวลาให้กับงาน ครอบครัวเพื่อนฝูงและการให้เวลากับตัวเอง

c.. Analyze-
คนทำงานเก่งจะต้องสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และแยกแยะถึงผลที่จะเกิดขึ้นได้
รู้ว่าเลือกทำสิ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
หรือไม่เลือกแนวทางนี้ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
คนที่วิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำจะส่งผลให้งานที่ส่งมอบไม่ผิดพลาด
โดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขปรับปรุงงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า

d..Recognize – ตระหนักและยอมรับความสามารถหรือศักยภาพของตนเอง
โดยตระหนักว่าเรามีความรู้ทักษะ
และความสามารถอย่างไรที่จะบริหารหรือจัดการงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่หัวหน้างานมอบหมายให้ทำ

รวมถึงตระหนักถึงความสามารถของคนอื่นที่คุณเองสามารถมอบหมายงานให้ดูแลรับผิดชอบแทนคุณได้

e..Train –
หากคุณตระหนักว่าเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในทีมสามารถช่วยเหลืองานของคุณเองได้แล้วล่ะก็
คุณควรฝึกฝนสมาชิกในทีมหรือลูกน้องให้มีความสามารถในการบริหารจัดการงาน
โดยการสอนงาน การให้คำปรึกษาในการทำงาน
หรือหากคุณเป็นหัวหน้างานคุณสามารถส่งลูกน้องไปฝึกอบรมตามสถาบันที่จัดอบรมเพื่อฝึกฝนทักษะของทีมงานให้สามารถรับผิดชอบงานบางอย่างที่คุณต้องการได้

การทำงานให้ประสพผลสำเร็จมิใช่เพียงแค่ทำงานหนักกว่าคนอื่น
การนำเอางานกลับไปทำที่บ้านในวันหยุด
แต่คนทำงานที่เก่งจริงนั้นจะต้องรู้จักบริหารตนเองให้ทำงานอย่างชาญฉลาด
เพื่อให้คุณมีเวลาที่นอกเหนือจากการทำงานแล้วยังมีเวลาส่วนหนึ่งให้กับครอบครัว
เพื่อนๆ และตัวคุณเอง




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2548    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2548 0:10:54 น.
Counter : 373 Pageviews.  

**มีเหตุผลเดียวที่คุณเบื่อคน เบื่องาน **

**มีเหตุผลเดียวที่คุณเบื่อคน เบื่องาน **

คือคุณไม่กล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณอยากได้งานดี ๆ ทำ จงเริ่มทำดี ๆ กับงานของคุณ
ทำดี ๆ คือ ทำด้วยใจ ...
ทำโดยไม่กลัวความผิดหวัง และทำในสิ่งที่คุณต้องทำ
การทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความเต็มใจและตั้งใจจริง
เป็นเรื่องของคนที่เติบโตเต็มที่แล้วยังมีเกียรติ
ถ้าคุณทำงานโดยไม่เห็นว่ามันสำคัญและมีค่า
คุณก็ไม่ควรทำลายคุณค่าของงานด้วยการฝืนใจทำ

คุณจะรู้จักคนรักและมิตรสหาย ก็ด้วยการมอบหมายงานให้เขาทำ
งานจะเปิดเผยธาตุแท้ของมนุษย์
ถ้าคุณทำงานเพื่อความอิ่มท้อง จิตใจของคุณก็จะกระหายหิวและเหี่ยวเฉา
ถ้าคุณทำงานเพื่อความอิ่มใจ แม้ท้องไส้ของคุณจะไม่อิ่มเต็ม
แต่มันก็จะให้พลังและกำลังใจที่คุณต้องการ

คุณต้องมีเวลาให้กับส่วนอื่น ๆ ของชีวิต
"งานมาก" ไม่อาจใช้เป็นข้ออ้างอะไรได้
เราทุกคนจะมีเวลามากพอสำหรับทุกสิ่ง
ถ้าเรารู้จักใช้เวลาให้เป็น ถ้าเราเห็นถึงคุณค่าของแผนงาน
ไม่ว่างานอะไรก็ตาม คุณจงพอใจที่จะทำ หรือจงพอใจที่จะไม่ทำ
แต่อย่าทำด้วยความไม่พอใจ
เมื่องานที่คุณรักกำลังจะล้มเหลว อย่าสิ้นศรัทธา
แม้ว่าคุณจะสิ้นทุกสิ่ง จงศรัทธาในตัวคุณเอง
คุณยังไปได้ดีกว่าที่คุณเป็นอยู่
สิ่งใดที่ทำให้คุณล้มเหลว คุณต้องเรียนรู้ ต้องเข้าใจ และต้องเอาชนะ
ชีวิตคุณจะมีความหมายก็ตรงที่มีอุปสรรคมาท้าทายคุณ แล้วคุณ
ตั้งใจจริงที่จะไม่ยอมแพ้
งานที่ดีต้องมีปัญหาและอุปสรรค
ถ้าคุณไม่มีปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญมาท้าทาย
คุณก็ไม่อาจพบกับความรู้สึกดี ๆ ได้ในชีวิต
การค้นคว้าและขบคิดจนแก้ปัญหายุ่งยากได้สำเร็จ
การฝ่าฟันอุปสรรคหนักหน่วงจนได้ชัยชนะ
สองสิ่งนี้ให้ความรู้สึกอะไรกับคุณ คงจำได้
ชีวิตคุณถ้าไม่ได้ต่อสู้กับความยุ่งยากหนักหน่วงเสียบ้าง
ชีวิตก็คงจืดชืดน่าเบื่อหน่ายเป็นที่สุด
งานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต คุณจึงไม่ใช่รู้จักแต่จะก้าวไปเท่านั้น
คุณต้องรู้จักที่จะหยุดพักด้วย
ชีวิตจะเหมือนหนังสือที่ไม่มีวรรคตอนและย่อหน้า
ถ้าคุณไม่รู้จักว่าเวลาใดควรทำเวลาใดควรหยุด
ทำงานในวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเป็นวันที่คุณแน่ใจได้ว่าจะได้ทำ
ทำซิ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เพราะพรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ
การทำงานด้วยใจ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ของการศึกษาทั้งปวง




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 9:30:34 น.
Counter : 338 Pageviews.  

LOVE TIPS

LOVE TIPS




ความรักที่แท้จริงก็เหมือนกับเกมจิ๊กซอร์ชิ้นส่วนทั้งหมดจะสามารถค้นพบตัวเองได

ก็ต่อเมื่อแต่ละชิ้นสามารถหาชิ้นที่"ใช่"สำหรับตัวมันเอง
รบกวนคุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

แล้วคุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก

ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต


1.ระลึกเสมอว่าการจะได้พบความรั--กและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความ
เสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3Rs
3.1 เคารพตนเอง (Respect forself)
หากเราไม่เคารพตัวเองแล้วใครจะเคารพเราจงพึงสังวรณ์ไว้
3.2 เคารพผู้อื่น (Respect forothers)
เมื่อเราเคารพตัวเองแล้วเรา--ต้องเคารพคนอื่นด้วย
3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your
actions)

หากเราไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของเราแล้วใครจะมาเคารพเรารับผิดแทนเรา



4.จงจำไว้ว่าการที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
5. จงเรียนรู้กฎเพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืน--อย่างเหมาะสม


6.จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยมาทำลายมิตรภาพอันยิ
่งใหญ่ของคุณ
7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย--่ารอช้าที่จะแก้ไข
8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง
แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
10. จงระลึกไว้ว่าบางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด


11.จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดห
วนกลับ
คุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก
ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบันอย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ
ที่คุณไม่เคยไปอย่างน้อยก็ปีละครั้งเพื่อทำการลบความคิดแบบเก่าๆ
อ--อกบ้าง
17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 8:48:37 น.
Counter : 302 Pageviews.  

7 วิธีปฏิบัติตัวต่อเจ้านาย

7 วิธีปฏิบัติตัวต่อเจ้านาย


คนทำงานหลายๆ คนคงประสบกับวิถีชีวิตของคนทำงานให้ กลุ่มคนมากๆ และ ดูเหมือนเจ้านายผู้มี
อำนาจนั้นจะอยู่ไกล เกินเอื้อมเหลือเกิน โอกาสที่จะได้ แสดงฝีไม้ลายมือว่าคุณ เป็นคนมีคุณภาพนั้น ก็ดู
เหมือนจะน้อยเกินทน เพราะ เจ้านายอาจจะไม่มีเวลามากพอ หรือหมางเมิน เกิน กว่าเหตุ แต่มีวิธีง่ายๆ
ด้วย การยึดหลักการ 7 วิธีดังต่อไปนี้

1. พยายามให้น้อยที่สุดที่จะเถียงเจ้านาย จำไว้นะ ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกมากแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะเถียง
เจ้านาย ของคุณ ให้คิดเสมอว่า เขาคือผู้บังคับบัญชา และมีอำนาจในการตัดสิน งานของคุณ ถึงแม้ว่าเขา
จะไม่ใช่ผู้มีอำนาจสูงสุด แต่การจะอยู่หรือจะไป และแม้แต่การโปรโมทก็ยังคงอยู่ในการสนับสนุนของ
เขาด้วยเช่นกัน ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นฝ่ายที่ถูก ก็ขอให้เป็นในการบอกและชี้แจงมากกว่า การเถียง

2. พยายามไม่ปฏิเสธงานที่เขามอบ ควรคิดว่าคุณเป็นเพียงพนักงานหนึ่งคนที่มีหน้าที่ทำงานในส่วนของ
คุณ โดยไม่แสดง หรือเล่นบทบาทเกินหน้าที่ ควรตอบรับสิ่งที่เขามอบ หมายให้ แล้วความเจริญก้าวหน้า
ก็จะตามมาในไม่ช้า

3. รู้โอกาสในการทำคะแนน ถึงแม้ว่าคุณจะมีสมองเป็นเลิศ หรือไอเดียเป็นร้อย ก็ควรนำออกมาใช้ ให้ถูก
เวลาโดยเฉพาะเวลานั้นจะไม่เป็นการหักหน้าเจ้านาย ถ้าทำแบบนั้น เท่ากับคุณกำลังทำลายความก้าวหน้า
ของคุณ

4. สงบปากสงบคำในบางเวลา คงพบว่าหลายครั้งเจ้านายจะแสดงความผิดพลาด คุณควรเลือกที่จะมอง
ข้ามโดยไม่ต้องตะกุยตะกายหยิบมาพูดเป็นอันขาด

5. อย่าทำตัวเป็นนักฆ่าทางด้านหลัง ในเวลาที่เจ้านายจะพลาดท่าในบางเรื่อง คุณควรสงบจิตสงบใจ ไม่
นำความไปนินทาว่าร้ายเขาด้านหลัง เพราะนั่นเท่ากับคุณกำลังดับชีวิตของคุณเอง

6. งานคุณไม่ใช่งานใคร คุณควรมองว่างานของคุณคืออะไร และจงทำให้ดีที่สุดกับหน้าที่ที่รับมอบ มา
การนำตัวไปยุ่งกับงานของคนอื่นเพื่อที่จะให้เจ้านายเห็นผลนั้น เลิก คิดเสียเถิดเพราะนอกจากเจ้านายจะ
เห็นคุณทำเกินหน้าที่แล้ว เขายัง มองได้ว่าคุณน่าจะเอาเวลาทุ่มเทกับงานของคุณมากกว่า

7. ไม่คิดที่จะข้ามหน้าข้ามตาเจ้านายคุณ เจ้านายคุณคือคนที่มีหน้าที่รับรู้ความเคลื่อนไหวในการงานของ
คุณ และมีส่วนตัดสินใจให้คุณมากกว่าเจ้านายคนอื่น ๆ งานที่คุณทำ ไม่ว่าจะดีเลิศหรือน่ายกย่องแค่ไหน
ก็ไม่ควรกระโดดข้ามเจ้านายคุณ ไปหานายคนอื่น หรือโดยเฉพาะที่มีอำนาจสูงกว่า เพราะนอกจากจะเป็น
การไม่ให้เกียรติเจ้านายคุณแล้ว ยังเป็นการสร้างความหมางใจกับเจ้านาย คุณอีกด้วย




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2548    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 8:43:55 น.
Counter : 446 Pageviews.  

1  2  3  

rajasit
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add rajasit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.