วันที่ 8 บ๊ายบาย เซี่ยงไฮ้

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว คณะทัวร์เราเที่ยวคุ้มมาก เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นวันสุดท้ายแต่ก็ได้เที่ยวกันเต็มวัน เมื่อคืนนอนที่ห้องมี๊ ตื่นมาก็ไปกินข้าวเช้า เป็นมื้อเช้าที่ดีมากทีเดียว อาหารเช้าที่นี่มีแพนเค็กด้วยนะ มีส้อมกับมีด ด้วยที่อื่นมีแต่ตะเกียบ มีสลัด มัฟฟิน เค้ก เฟรนช์โทสต์ และอาหารเช้าแบบจีน มีความสุขสุด ๆ กินเสร็จขึ้นไปบนห้อง นึกได้ว่ายังไม่ได้เอาหมอนจากห้องมี๊มาคืนที่ห้อง แต่ขึ้นไปแล้วเค้าเก็บห้องแล้ว เค้าจะหาว่าขโมยหมอนเปล่านะ ทำไงดี พูดไม่เป็นซะด้วย น้องเราบอกว่าเดี๋ยวมันจัดการเอง มันก็เดินอย่างห้าวหาญไปที่พนักงานโรงแรม แล้วก็ทำมือไปที่หมอน “อื้อๆ” พนักงานงง คราวนี้เปิดผ้าปูเตียงให้เห็นหมอนชัด ๆ ทำมือเป็นรูปหมอน “อื้อ ๆ” แล้วก็ทำมือเหมือนยกหมอน หันไปทางห้องมี๊ “อื้อ ๆ” “ฮ่อๆๆ รู้แล้วน่อ” พนักงานพยักหน้าแบบเข้าใจมาก นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าภาษาใบ้คือภาษาสากล

เราจะออกจากโรงแรมกันตอน 9 โมงเช้า เราไปห้องมี๊กะว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน มี๊บอกว่าไม่ต้อง เพราะคุยกับพนักงานแล้ว ว่ามีอะไรมี๊จะกดเรียก มี๊บ้านเค้าก็จะเข้ามาช่วย ให้เราไปเที่ยวได้เลย โรงแรมใหญ่แบบนี้พนักงานไว้ใจได้อยู่แล้วไม่ฆ่ามี๊ชิงทรัพย์แน่ ๆ เราก็เลยยกขบวนไปกัน

ที่แรกที่เราไปก็คือห้างขายยาเป่าฟูหลิง คาดว่าทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว มีหนุ่มไทยมาอธิบายคุณสมบัติของยา และ สาธิตด้วยการเอามือไปลูบโซ่ที่เผาไฟมาร้อน ๆ แล้วใช้เป่าฟูหลิงโปะลงไป รอยแดงนั้นก็หายไป เค้ายังมียาอีกหลายชนิด บอกว่ามีหมอแมะมาให้แมะได้ว่าเราเหมาะจะกินยาตัวไหน เราเลยบอกให้น้องแมะ เพราะมันชอบเป็นลมพิษขึ้น เราก็ให้หมอแมะเหมือนกัน อากงแปลให้ หมอบอกว่า เวลาเรามีประจำเดือน จะปวดท้อง ปวดหัวมาก และเป็นคนหนาวง่าย ร่างกายไม่แข็งแรง ให้กินยาตัวที่เค้าแนะนำ 3 ขวด รับรองหาย (ขวดละ 150 หยวนแน่ะ) เราถามป๊าว่าป๊าเห็นด้วยมั๊ย ป๊าบอกว่าไม่แน่ใจ เรื่องยามันก็แล้วแต่ใครกินถูกกัน ให้เราซื้อไปขวดนึงก่อน ถ้าดีก็ฝากคุณไฉไลซื้อได้เราเลยซื้อมาขวดนึง กินครั้งละ 10 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ลองแกะกินบนรถ ยาเหม็นมากเลย แถมกินแล้วตกเย็นก็ปวดหัวอย่างแรงจนต้องกินยาแก้ปวด ยาอะไรฟะ

หลังจากนั้นก็ไปหาดเซี่ยงไฮ้ คุณไฉไลบอกว่าเราต้องจอดรถในสวนสาธารณะ เพราะที่จอดรถจริง ๆไกลมาก แต่เราต้องเข้าไปชอปปิ้งในร้านบังคับซัก 15 นาที เพื่อจะได้จอดรถใกล้ พวกเราโอเค ในร้านก็เป็นขนมและอาหารแห้งซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ พวกเราซื้อกันพอหอมปากหอมคอ แล้วก็เดินขึ้นบันได ไปหาดเซี่ยงไฮ้กัน เค้าเรียกว่าหาด แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่หาดเป็นเหมือนสะพานปูนกว้าง ๆ สูง ๆ เป็นทางยาว ๆ มองไปก็จะเห็นชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ กว้างประมาณแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามก็เป็นหอทีวีที่เราไปกันเมื่อคืนนี้ มองลงไปที่ทะเล มีหมาเน่าลอยอืดด้วย เหมือนคลองบ้านเราเลย วิวสวย บรรยากาศดี มีร่มกางให้นั่งชมวิวเป็นแถวยาว ๆ ตลอดสะพาน มองไปทางด้านที่เป็นฝั่งก็จะเห็นตึกทรงยุโรปเรียงกันเป็นแถว ๆ เลยมีตึก AIA ด้วย มีหอนาฬิกา และ อนุสาวรีย์ ถ้าบรรดาร่มที่กางอยู่เป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษแทนที่จะเป็นภาษาจีนนะ จะรู้สึกเหมือนอยู่ในลอนดอนยังไงยังงั้น ที่นี่เป็นจุดที่ถ่ายทำเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ถ้าเอาวิวแถว ๆ นี้ให้คนอายุซัก 40 ปีขึ้นไป ก็น่าจะบอกได้เลยว่าเป็นวิวของที่ไหน

เสร็จจากหาดเซี่ยงไฮ้เราก็ไปทานอาหารเที่ยงกัน ทางที่ไปค่อนข้างซับซ้อนและมีของขายเรียงรายน่าลงไปเดินมาก เพราะได้บรรยากาศท้องถิ่น อาหารอร่อยดีเหมือนกัน แต่เราก็ยังกินผักเป็นหลักอยู่ดี พอกินเสร็จรถยังไม่มา เราก็พาอาม่าไปเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วก็ถามอาม่าว่าจะนั่งมั๊ยเพราะเราเห็นมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวนึง อาม่าพยักหน้า ตัวทางซ้ายซิ่มสนุทรีนั่งอยู่ พี่บี๋นั่งอยู่ที่พนักเก้าอี้ เผื่อให้คนอื่นนั่งได้อีกตัวนึง เจ๊จ๋ายยืนอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ เราคิดในใจว่า

“เดี๋ยวพอเราพาอาม่าไปจะถึงเก้าอี้ เจ๊จ๋ายนี่ต้องชิงนั่งก่อนอาม่าจะเดินถึงแหงๆ” ถ้าเปลี่ยนเป็นแทงหวยต้องรวยเละอย่างเดียวค่ะ ท่านผู้ชม เจ๊จ๋ายหย่อนก้นลงไปนั่งก่อนอาม่าไปถึงไม่กี่ก้าว -_-"

หลังจากทานข้าวกลางวัน คุณไฉไลก็พาเราไปยังสวนสาธารณะเดิม เพื่อจะไปเดินที่ถนนนานกิง ตรงที่เราเห็นเป็นตึกฝรั่งเยอะ ๆ นั่นแหละ ให้เวลาเดิน 3 ชั่วโมง นัดเจอกันหน้าสวนสาธารณะ ถนนนานกิง เป็นถนนชอปปิ้งที่คึกคักมากของจีน ถนนยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีร้านและห้างตั้งเต็ม 2 ฝั่ง คนเยอะมาก มี๊เคยบอกว่า “ไปถนนนานกิง ไปดูหัวคน” คือคนเยอะประมาณประตู้น้ำบ้านเราได้ล่ะมั๊ง แต่โชคดีที่เราไปวันธรรมดา คนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เดินสบาย ๆ อากาศร้อน แบบอบ ๆ เพราะฝนจะตก เดินไปก็นึกถึงมี๊ ที่ไม่ได้มาเดินด้วยกัน มี๊เคยมาเซี่ยงไฮ้ แต่ไม่เคยมาถนนนานกิงเลย เรากับน้องแยกตัวอีกตามเคยไปเดินกัน 2 คน แวะเข้าทุกร้านที่น่าสนใจ น้องได้ขนมไส้ผลไม้แบบที่เราซื้อที่หนิงปอ แต่ไม่อร่อยเท่า เอาไปแจกเพื่อน ๆ ที่ทำงาน ราคาอันละ 1 หยวนเอง เราเดินกันไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เห็นมีขนมไส้ส้มเลย ฮือๆๆ เดินไปเดินมา เจอห้าง อิโตคินด้วยนะ ไม่น่าเชื่อเลย ได้ข่าวว่าเมืองไทยเคยมาตั้งโรงงานที่นี่แล้วเจ๊งไปแล้วนี่นา ห้างใหญ่ซะด้วยนะ แต่ไม่ได้เข้าไปเดินหรอก เพราะดูเสื้อผ้าแล้วไม่ค่อยถูกใจ

เดินไปได้ 2 ชั่วโมงเมื่อยมากเลย ก็เลยจะหาร้านนั่ง เข้าไปที่แมค โห ชุดนึงทำไมแพงจัง เราเลยย้ายร้านไป KFC ชี้สั่งชุด A เป็น Naked มันบด แล้วก็เป๊ปซี่ พอซื้อเสร็จถึงได้รู้ว่าเป็นชุดเด็กเพราะมีของเล่นแถมมาให้ด้วย เป็นไก่ KFC อยู่บนล้อหมุนได้ เลย KFC ไปหน่อยก็สุดถนน เราก็เลยข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินกลับ อีกฝั่งนึงเหมือนคลองถมบ้านเรา มีเต๊นท์มาวางขายพวกกระเป๋าเดินทาง ของประดับ ชุดทหาร และที่เรากับน้อง ตื่นเต้นมาก คือจักรเย็บผ้าอันเล็ก ๆ เย็บเองอัติโนมัติได้ด้วยสงสัยจะใช้ถ่าน แต่มันน่ารักมากเลย อันละ 200 เหรียญ เดินไปจนจะถึงสุดทางออก เจอ sex shop โอ้ ว้าว ฮ่าๆๆ เรากับน้องหัวเราะคิกคัก ๆ เราบอกน้องว่าไม่เข้าไปหรอก เพราะเราว่ามันน่าเกลียด ไม่ได้มีอะไรน่าดู น้องเลยเข้าไปคนเดียว บอกให้เราคอยอยู่ข้างหน้าร้าน เราเดินเบี่ยง ๆ ไปคอยร้านข้าง ๆ เดี๋ยวใครเค้าจะเข้าใจผิด นึกว่าเป็นกุ๊กๆ ล่ะแย่เลย สงสัยต้องคอยนานแหง ๆ ผิดคาด เข้าไปไม่ถึง 10 นาที ก็ออกมาแล้วหน้าตาพูดยาก บอกว่า

“น่าเกลียดฉิบหาย แถมซิ่มแก่ ๆ เป็นคนขายอีก”

เหอ เหอ เหอ เรารู้แต่แรกแล้วล่ะเพราะเคยไปดูที่อังกฤษ ในโซโหร้านใหญ่มาก มีเป็นดงเลย อยากบอกว่าไม่ได้น่าดู แถมน่าเกลียดอีกต่างหาก สามโมงครึ่งเราก็ไปที่สวนสาธารณะแล้ว เค้านัดกัน 4 โมงเราก็เลยไปเดินบนหาดอีกที คราวนี้ไปนั่งพัก ระหว่างนั่งอยู่เราก็มองโน่นมองนี่ไปเรื่อย เห็นธงไทยปลิวไสว มีคนไทยมาเที่ยวด้วยเราคาดว่าน่าจะเป็นข้าราชการเพราะแต่งตัวกันเรียบร้อยมาก ๆ เรากับน้องก็เลยนั่งเงียบ ๆ ซุบซิบกันว่าถ้าเรานั่งเฉย ๆ แบบนี้เค้าจะรู้มั๊ยว่าเราเป็นคนไทย เราว่าเค้าไม่รู้หรอก ออกจะตี๋ หมวย กันซะขนาดนี้ น้องนั่งไปก็บ่นไปว่าไม่เห็นมีสาวจีนหุ่นดี ๆ เลย ไม่มีแต่งตัวโป๊ ๆ เหมือนเซ็นเตอร์พอยท์ด้วย นั่งอยู่สักพักก็เห็นพี่หมวยเดินผ่านหน้าเราไป ประมาณมองไม่เห็น แล้วก็เห็นอี๊จ๋าย กับแปะประสงค์ เดินซื้อของที่ระลึกอยู่ที่ร้านใกล้ๆ กับที่เรานั่ง (อี๊จ๋ายให้แปะประสงค์มาช่วยต่อราคาของ) ไม่มีใครเห็นเราเลย ท่าเราหน้าตาเรากับน้องจะกลมกลืนกับชาวท้องถิ่นมาก เราก็เลยเรียกพี่หมวย พี่หมวยตกใจ บอกว่ามองไม่เห็น พี่หมวยซื้อของเยอะแยะเลย เค้าบอกว่าคนอื่น ๆ รออยู่ด้านล่าง เราก็เลยเดินลงไป ป๊าบอกว่าขึ้นรถเลย คุณไฉไลกับเจ็กประเวศอยู่กับมี๊ที่โรงแรม

พอขึ้นรถไปอากงก็บอกว่า “ไม่รู้จักอยู่เฝ้ามี๊มึง มี๊มึงไปโรงบางอีกรอบแล้วรู้รึเปล่า” เฮ้อ...เรารอกันอยู่บนรถให้คนขึ้นมาให้ครบ แล้วก็กลับโรงแรม ไปถึงโรงแรมประมาณ 5 โมงเย็น เจอมี๊ มี๊บอกว่าไม่เป็นไร คือเมื่อคืนปวดหลังมาก รู้สึกไม่ค่อยดี ก็เลยไปหาหมออีกทีนึง หมอเค้าก็ให้ที่ดามหลังมา แข็งแรงกว่าแบบเดิม มี๊บอกว่าดีขึ้นแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถกันไปทานอาหารเย็นที่เดิมที่ไปเมื่อคืนนี้ มื้อสุดท้ายแล้วนะเนี่ย

หลังจากทานข้าวเย็น เราก็ไปสนามบินกัน ถึงสนามบินประมาณเกือบ 2 ทุ่ม ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เจ็กประเวศประสานงานกับสนามบินและสายการบินแล้วว่าจะต้อมีรถเข็นมารับมี๊ และ เหล่าอี๊ส้มลิ้ม ส่วนที่เมืองไทยก็จะมีรถพยาบาลของรพ.ธนบุรี มารับอันนี้เป็นไอเดียเราเอง เพราะตอนแรกซิ่มสุนทรีเสนอว่าให้นั่งรถเค้าไป เค้าจะไปส่งที่โรงพยาบาล เราบอกว่าทำไมต้องให้เค้าไปส่ง มีประกัน ก็ให้รถโรงพยาบาลมารับสิ ได้นอนด้วย เพราะนั่งนาน ๆ ถึงรถจะขับนิ่มก็ทรมานหลังอยู่ดี ตอนเช็คอินกระเป๋า เราก็หลบไปแปรงฟันก่อน จะได้นอนสบาย ๆ ได้เวลาเข้าไปที่เกท ตอนผ่านเครื่อง x-ray กระเป๋า เค้าบอกให้เราหยุด แล้วค้นกระเป๋าถือของมี๊ (เรากับน้องรับผิดชอบดูแลกระเป๋าป๊า มี๊ อาม่า อากง) น้องบอกว่า มี๊ลืมเอามีดโหลดไปที่กระเป๋าใหญ่ แหงๆ แล้วก็จริง ๆ ด้วย มีดคู่ใจ ที่มี๊พกเวลาเดินทาง มีปลอกน่ารักสีแดง โดนยึดไปเรียบร้อยแล้ว ที่นี่เค้าไม่มีการโหลดตามหลังไปให้ จะยึดเอาไปเลย เราพยายามเถียงกับเค้าแต่เค้าไม่ยอมพูดกับเราเลย โกรธมาก

มี๊กับเหล่าอี๊ส้มลิ้ม อยู่หน้าประตูขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว เที่ยวนี้คนเยอะ ท่าจะไม่ค่อยมีที่ว่าง ตอนขามาเรานั่งแยกกับน้องคนละแถวเลยนั่งแถวที่เป็นเก้าอี้คู่ นอนสบาย พอได้ที่นั่งเรียบร้อย มี๊ได้ที่นั่งด้านหน้า น้องสั่งไว้เลยว่าถ้าเห็นมันหลับไม่ต้องสั่งอะไรให้มันและไม่ต้องปลุกมัน ดี ถ้ามันไม่ตื่นจะเหมาข้าวมันให้หมด มองไปด้านเยื้อง ๆ ไปทางซ้าย เห็นหนุ่มสาวจีนนอนหนุนตักกัน เราชี้ให้มันดูบอกว่าดูเด่ะ เดี๋ยวนี้คนจีนใจกล้าดีนะ น้องตอบว่ามันไม่เห็นว่าการแสดงความรักจะผิดตรงไหน มันไม่น่าเกลียดหรอก ถ้าเค้าทำออกมาแบบธรรมชาติ ไม่ใช่ตั้งใจทำเพื่อโชว์ให้คนอื่นดู ว่าชั้นมีแฟนนะ

เครื่องบินเริ่มเคลื่อนตัว และเชิดหน้าขึ้นฟ้าแล้ว เรามองท้องฟ้ามืดมิดของเซี่ยงไฮ้ ก็อดดีใจไม่ได้ เราจะได้กลับบ้านแล้ว พวกเราถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ต่างคนก็ต่างรีบกลับไปนอนเพราะว่าจะถึงดอนเมืองก็ตีหนึ่งครึ่งแล้ว ทริปนี้เป็นทริปน่าเบื่อเพราะสถานที่ท่องเที่ยวไม่มีอะไร (สำหรับเรา) แต่คนที่ไปด้วย ก็แซวกันสนุกสนานเป็นกันเอง ไกด์ก็เยี่ยม และเจ็กประเวศก็ดูแลลูกทัวร์ทุกคนเป็นอย่างดี เราบอกป๊าว่า เมืองจีนกับเราจะไม่มีทางได้มาเจอกันอีก เพราะไม่ใช่สไตล์เรา ถ้าไปประเทศอื่นเมื่อไหร่ค่อยมาว่ากันนะ หวังว่าเราจะได้ไปทริปสนุก ๆ อื่น ๆ แล้วมาเขียนบันทึกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีก สำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกท่าน ที่ติดตามจนจบนะจ๊ะ


Create Date : 14 กรกฎาคม 2549
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 21:45:28 น. 2 comments
Counter : 667 Pageviews.

 

เขียนเล่าได้สนุกดีค่ะ
น่าจะมีรูปประกอบด้วยเนาะ


โดย: spaceship วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:13:21:17 น.  

 
ิพิมพ์ได้ยาวมากน่ะครับละเอียดยิบยังกะเป็นนิยาย .. อาการเดียวกันน่ะครับผม


โดย: rackmanager.com IP: 172.20.25.72, 210.13.80.194 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:20:49:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

แบ๊น แบน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ข้อความและรูปภาพต่าง ๆ ในบลอกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความและรูปภาพใน blog แห่งนี้ไปใช้เผยแพร่และอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

[Add แบ๊น แบน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com