วันที่ 6 ตกดังตุ๊บ!

เช้านี้เราจะเดินทางจากเมืองหนิงปอ ไปผู่ถัวซาน เป็นเกาะเจ้าแม่กวนอิม ทั้งเกาะจะมีวัดหลายวัด โดยที่มีเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระประทาน ไม่ใช่พระพุทธเจ้า เกาะนี้เป็นเกาะเล็ก ๆ หลังจากขึ้นรถไปที่ท่าเรือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ต้องนั่งเรือเร็วไปอีก 1 ชั่วโมง เราคุยเรื่องเสื้อกันหนาวให้คนอื่น ๆ ฟัง แล้วก็เลยรู้ว่าเค้าไม่ได้ไปเดินกันเพราะว่าพอเดินออกมาจากโรงแรมก็มีคนตีกัน เค้าก็เลยกลัวกลับเข้าห้องกันไปหมด

พวกเราไปเดินเตร็ดเตร่กันหน้าโรงแรมก่อนจะขึ้นรถ ที่หน้าโรงแรม มีรถเข็นขายของกินข้างทางเหมือนบ้านเรา มีปาท่องโก๋แต่ชิ้นยาวกว่า, แป้งนาน เหมือนของอินเดีย เค้าคลึงแป้งแล้วทับกับผัก ทับไปทับมาหลาย ๆ ชั้น สุดท้ายก็ทำเป็นแผ่นกลม ๆ แบน ๆ แปะใส่ในภาชนะข้างในคงเป็นดินเผาข้างนอกเป็นอลูมิเนียม สักครู่ก็เอาออกมาเป็นแผ่นแป้งอบ ที่เมืองไทยก็มีเคยออกรายการโทรทัศน์ เรียกว่าโรตรีโอ่ง อยู่แถว ๆ ประชาอุทิศ เนื่องจากเราเคยไปกินมาก่อนเพราะบ้านคนรู้จักอยู่แถวนั้น (อะแฮ่ม...) เลยสวมวิญญาณไกด์ อธิบายให้ลูกทัวร์ฟัง, เสี่ยวหลงเปา แล้วก็เกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวน้ำที่นี่แป้งจะเป็นสีขาว ไม่ใช่สีเหลือง ทำรูปร่างเหมือนเกี๊ยวซ่า

เราขึ้นรถกันตอน 7 โมงเช้า ยังง่วงอยู่เลย พวกที่เดินชมอาหารเช้าเมืองจีน (รวมทั้งตัวเราเอง) ขึ้นรถเป็นกลุ่มสุดท้าย เรากับน้องไปนั่งหลังสุดตามเคย พอเดินไปถึงข้างหลังก็เจอมี๊กับซิ่มสุนทรีก่อนแล้ว มี๊นั่งอยู่เบาะหลังสุดที่เป็นแถวยาวจะได้เอนนอนและยืดแข้งยืดขาได้ พอมี๊เห็นหน้าน้องก็พูดว่า “สมน้ำหน้าอยากขึ้นมาช้า อดได้ยืดขานอนเลย” น้องเรามันก็ทำหน้าประมาณว่า “อะไรวะ” แล้วก็นั่งอยู่เบาะหน้าเรา ส่วนเบาะที่เรานั่งเป็นเบาะสุดท้ายก่อนเบาะยาว อีกฝั่งนึงเป็นแปะประสงค์ ซึ่งจองที่นั่งข้างหลังเป็นประจำเหมือนกัน มี๊มีพูดเล่นกับแปะประสงค์ว่า “เฮีย ๆ เอนนอนสิ เบาะเฮียเอนมาเราจะได้ไม่ตกเวลานอน” แปะก็หัวเราะ บอกว่ายังไม่ง่วง

มี๊กับซิ่มสุทรีคุยกันหัวเราขำกลิ้งไปตลอดทาง มีแอบนินทาคนโน้นคนนี้เป็นระยะ ๆ เราพยายามเงี่ยหูฟังแต่ฟังไม่ค่อยถนัด มีอยู่หนนึงเรากำลังมองข้างทางเพลิน ๆ มองกลับมาตรงเบาะที่ว่างข้าง ๆ อีกทีกระเป๋าที่วางเอาไว้ กลับกลายเป็นอี๊จ๋าย อยากจะเข้ามาร่วมวงคุยกับมี๊ และ ซิ่มด้วย มี๊ก็แกล้งเค้าทำไล่แบบทีเล่นทีจริง ให้เค้าไปนั่งกับป๊า เค้าก็งอนสะบัดหนีไป มี๊กับซิ่มเริ่มคุยกันเรื่องใต้สะดือ มี๊เล่าให้ฟังว่าตอนไปฮาวาย ก็มีจ่ายเงินให้สาวฮาวายโชว์โป๊ กี่เหรียญก็ไม่รู้ ถึงเวลาจริง ๆ เค้าโชว์แค่ช่วงบนไม่ยอมโชว์ช่วงล่างแล้วบอกว่า “this price is not included everything” ประมาณอยากให้เปิดช่วงล่างต้องจ่ายเพิ่มนะจ๊ะ

แล้วก็เล่าเรื่องที่ป๊าเรากับกู๋เก๊ ไปเล่นพนันที่ลาสเวกัส อยู่ริมถนนไม่มีอะไรทำเลยเอาหมวกวางที่พื้นถนน แล้วเต้นมะละกอ ส้ม กล้วย มีฝรั่งให้เงินอีกด้วย ซิ่มก็เลยเล่าบ้างบอกว่าลูกชายเค้าชวนพ่อไปเที่ยว “ป๊า ๆ เราไปเที่ยวกันมะ ไม่ต้องเปลืองเงินหรอก จ่ายแค่คนเดียวพอ ป๊าเอาข้างบน เอี้ยงเอาข้างล่างเอง ดีมั๊ยป๊า” “ไอ้ห่า แล้วกูจะได้อะไรล่ะ” ป๊าเค้าตอบ เล่าถึงตอนนี้คนหลังรถก็หัวเราะกันงอหาย

มี๊กำลังหัวเราะพร้อมกับล้มตัวลงนอน ยังไม่ทันถึงเบาะรถ รถที่เรานั่งก็กระเด้งอย่างแรง เรารีบคว้าที่จับไว้ แต่ตัวก็ยังลอยขึ้นไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดับตุ๊บก็ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าเป็นกระเป๋าตก แต่ได้ยินเสียงซิ่มสุทรีร้องขึ้นมา เราหันไปดูมี๊เรา มี๊ไม่อยู่ที่เบาะแล้ว แต่ไปนอนที่พื้นรถแทน หน้าบ่งบอกว่าเจ็บมาก และมือยกขึ้นห้าม บอกว่าอย่าเพิ่งไปจับเค้า เราเลยเรียกป๊ามาดู มี๊พูดอะไรไม่ออกเพราะกระแทกไปอย่างแรง ลักษณะที่ล้มลงไปคือลอยขึ้นแล้วกระแทกลงพื้นรถ เค้าไม่แน่ใจว่ากระดูกจะหักหรือเปล่า เลยพยายามบอกป๊าว่า “ซี่โครง ๆ” คือเจ็บที่ซี่โครง ป๊าเคยมีประสบการณ์กระดูกหัก เลยให้แปะประสงค์ช่วยกันประคองมี๊ขึ้นโดยพยายามให้อยู่ท่าเดิมก่อนแล้วค่อย ๆ พานั่งลงบนเบาะรถ

โชคดีของอี๊จ๋ายที่มี๊แกล้งไล่ไปนั่งที่อื่น ไม่งั้นอี๊จ๋ายจะต้องกลิ้งลงไปตามทางเดินแล้วหน้าไถไปกับพื้นรถแน่นอน เพราะท่านั่งที่อี๊จ๋ายมานั่งข้าง ๆ เราเป็นลักษณะเอาขาหันออกไปที่ทางเดิน จะคว้าอะไรก็คงไม่ทัน

พอนั่งถึงเบาะรถแล้วป๊าก็รีบขอยืมสายรัดจากซิ่มวิภา เป็นสายรัดใหญ่ ๆ ที่คนปวดหลังชอบคาดกัน เอามาคาดให้มี๊กันกระดูกเคลื่อน คนขับรถรีบจอดรถเข้ามาดู แล้วบอกว่าแถวนี้ไม่มีโรงพยาบาลต้องไปถึงเกาะก่อนถึงจะมีโรงพยาบาล ถามมี๊ว่าไหวมั๊ย มี๊บอกว่าไหว แต่หน้าตาเจ็บปวดมาก มี๊บอกว่าพูดไม่ออก จุก เห็นดาวเลย ถามเหตุการณ์จากคนข้างหน้า ก็คือรถเค้าขับมาเร็วมาก พอข้ามสะพานมาตรงปลายสะพานเป็นเหมือนทางขาดทำให้เป็นหลุมใหญ่ เค้าเบรคไม่ทัน ป๊าบอกว่าสบายใจได้ ไม่ร้ายแรง ไม่มีกระดูกหักแล้วเคลื่อน เพราะไม่งั้นมี๊ต้องอาเจียน เห็นมั๊ยว่าอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ซื้อประกันไว้ จะช่วยเราได้อย่างคาดไม่ถึงนะจ๊ะ อาจารย์ติ๋ว เป็นอาจารย์อยู่ที่สุพรรณ และ เป็นน้องเหล่าอี๊ส้มลิ้ม บอกว่าเข้าใจเลยว่ามี๊รู้สึกยังไง เพราะเค้าเคยตกรถเมล์ที่สุพรรณมาแล้ว

ไปถึงท่าเรือที่จะไปเกาะผู่ถัว มีทะเลาะกับคนขนกระเป๋าเล็กน้อย เพราะจะมาคิดเงินค่าขนใบละ 10 หยวน ใบไหนที่พวกเราหิ้วกันได้ ก็หิ้วกันเอง เพื่อไม่ให้มันเอาเปรียบเราจนเกินไป คุณไฉไลโกรธคนขนกระเป๋ามากเลย นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงเกาะผู่ถัว บนเรือเป็นเรือไฮโดรฟอยด์ มีโทรทัศน์ให้ดูด้วย เนื้อหาก็เป็นเพลงสวดของเจ้าแม่กวนอิม เหมือนเป็นเพลงร้องเย็น ๆ มีดนตรีบรรเลง ทำนองง่าย ๆ ซ้ำไปซ้ำมา โชคดีที่ก่อนขึ้นเรือ มีผู้ชายคนนึงเค้ามีรถเข็น เพราะเค้าพาแม่มาด้วย มี๊ก็เลยไม่ต้องเดินจากรถไปขึ้นเรือ พอถึงเกาะผู่ถัว เราก็เจอไกด์ท้องถิ่นชื่อสุบิน เป็นผู้ชายผอมๆ แต่ดูคล่องแคล่ว พูดไทยเก่ง พวกเราเลยเรียกเค้าว่าฝันดีฝันเด่น

คุณสุบินพาพวกเราขึ้นรถ รถรับส่งที่เกาะนี้ จะไม่ใช่รถประจำของเราเองเหมือนที่อื่น ๆ แต่จะเป็นรถที่วิ่งวนอยู่ในเกาะ เป็นรถขนาดประมาณรถตู้ พวกเราก็เลยต้องนั่งเบียดกันเล็กน้อย เวลาเรียกรถก็จะใช้วิทยุเรียก รอสักแป๊บก็จะมีรถมา ไกด์บอกว่าพวกเราต้องเอาสัมภาระลงจากรถให้หมดทุกครั้งที่ลงจากรถ เพราะเวลาขึ้นรถอีกทีก็จะไม่ใช่คันเดิมแล้ว มี๊เดินขึ้นรถโดยมีซิ่มสุนทรีประคองตลอดเวลา เราเป็นคนไม่ชอบวุ่นวายอยู่แล้ว ถ้าเห็นว่ามี๊ หรือ อาม่ามีคนดูแลก็จะไม่เข้าไป เพราะมันจะกลายเป็นพัวพัน วุ่นวายมากกว่าเดิม

โรงแรมที่พักชื่อโรงแรมจงซิ่นผู่ถัว คุณสุบินบอกว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรม 8 ดาว พวกเราตาโตบอกว่ามันโม้แล้ว แล้วคุณสุบินก็อธิบายเพิ่มว่า ดาวบนธงจีนมี 5 ดวง บวกดาวของโรงแรม 3 ดวงเป็น 8 ดวง โธ่ ที่แท้ก็ 3 ดาวแต่โรงแรมนี้จัดว่าเป็นโรงแรมชั้น1 ของเกาะนี้ หน้าโรงแรมเป็นเวิ้งทะเลสาป ฝั่งตรงข้ามเป็นภูเขา ข้าง ๆ โรงแรมเป็นทางเดินขึ้นเขาคดเคี้ยวสองข้างทางคดเคี้ยวนั้นก็เป็นบ้านคนซึ่งยังปลูกแบบโบราณอยู่ บางบ้านก็ทำเป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่า ที่นี่ไม่มีตึกสูง โรงแรมที่เราพักนี้ก็สูงแค่ 4 ชั้นเท่านั้นโรงแรมอื่น ๆ ก็เหมือนกัน

เราแวะโรงแรมก่อนเพื่อเก็บกระเป๋า เสร็จแล้วทุกคนก็ขึ้นรถ แวะพามี๊ไปส่งที่โรงพยาบาล ป๊ากับคุณไฉไลลงไปกับมี๊ โชคดีที่ก่อนมาทำประกันสำหรับเดินทางเอาไว้ ถ้าเราประสบอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยในต่างประเทศก็จะรักษาแล้วมาเคลมเงินคืนที่เมืองไทยได้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็มุ่งหน้าไปวัดผู่จี้ เป็นวัดแบบโบราณ บรรยากาศอยู่ริมน้ำ ริมน้ำเป็นต้นหลิว สวยมาก ตามริมน้ำก็มีคนเอาของที่ระลึกมาขาย มีชุดฮ่องเต้ ฮองเฮา แบบโบราณให้เช่าด้วย เรานึกเป็นห่วงมี๊เลยไม่มีแก่ใจจะใส่ชุด ทุกทีต้องรีบตอแหลไปเอาชุดมาใส่แล้ว สำรวจราคาชา ที่นี่ขวดละ 5 เหรียญ แพงจังไม่ซื้อหรอก ตอนยืนอยู่หน้าทางเข้าวัด มีผู้หญิงจีน เดินมาคุยอะไรกับเราไม่รู้ คงเป็นคนขายของ แต่เรากับน้องฟังไม่รู้เรื่อง (ถึงฟังรู้ก็จะทำเป็นไม่รู้ ตั้งแต่ลงจากเขาหวงซานรู้เลยว่าไม่ควรพูดภาษาอะไรเป็นทั้งนั้น) สุดท้ายเค้าก็ถามว่าเราเป็นญี่ปุ่นใช่มั๊ย เราก็ส่ายหัว ประมาณฟังไม่รู้เรื่อง แล้วเดินเข้าวัดไป

ข้างในวัดบรรยากาศสงบมาก มีต้นไม้ร่มรื่น ข้างในโบสถ์จะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป และไม่ให้เอาธูปเข้าไป เวลาจะไหว้ถ้ามีธูปก็ให้ไหว้ที่หน้าโบสถ์จะมีกระถางธูปปักไว้ให้ นักท่องเที่ยวที่นี่มีเยอะ ไกด์บอกว่าส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ เราไม่แปลกใจ เพราะคนสิงคโปร์บ้าไหว้พระ เราเฉย ๆ กับเรื่องไหว้พระ ก็เลยพาอาม่าไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมในโบสถ์เสร็จแล้วก็ออกมานั่งรอที่ใต้ต้นไม้ในวัด บรรยากาศดีจริง ๆ เค้าเก็บเงินค่าเข้าวัดด้วย

เสร็จจากวัดผู่จี้พวกเราก็นั่งรถไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับมี๊กลับ ป๊าแถลงข่าวบนรถว่า หมอที่นี่เค้าบอกว่ากระดูกหัก แต่ไม่เคลื่อนออกจากกัน หักไป 1 ซี่ เค้าเข้าเฝือกไม่เป็นบอกว่าการเข้าเฝือกเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเค้า เลยให้มี๊รัดผ้าอีลาสติกแผ่นใหญ่ ๆ เอาไว้ มี๊บอกว่ารัดแล้วก็ดีขึ้น โชคดีที่ตอนแรกใช้สายรัดของซิ่มวิภาทำให้กระดูกไม่เคลื่อน ไม่งั้นต้องผ่าตัดแน่ ๆ ถึงหมอที่นี่จะผ่าตัดไม่เป็นแต่ยาที่ให้มีสรรพคุณดีมาก และบางอย่างก็ทำจากสมุนไพร โรงพยาบาลที่นี่เหมือนเป็นมูลนิธิ คือแล้วแต่จะบริจาค ค่าเอ็กเรย์ก็แค่ 30 เหรียญเท่านั้น

กลับโรงแรมไปทานอาหารเที่ยง กินไม่ได้อีกตามเคย อาหารที่เมืองจีนแต่ละมื้อ มีกับ 8-12 อย่าง เรากินได้แค่ ไม่เกินมื้อละ 3-5 อย่าง กับข้าวมันรสแปลก ๆ จริง ๆ น้ำแกงบางที่อย่างที่นี่ก็มีแต่ความมัน และ จืด ไม่มีรถหวานหอมของเนื้อไก่เลย

ไกด์บอกว่า บ่าย 2 ถึงจะออกจาโรงแรมเรากับน้องกินเสร็จก็ขึ้นไปที่ห้อง เราบอกโจ้กับป๊าว่าเราไม่ไปเที่ยวเกาะแล้วเพราะจะอยู่เฝ้ามี๊ เราบอกมี๊ว่าไม่ชอบไหว้พระอยู่แล้ว มี๊บอกว่า “โจ๋เป็นห่วงมี๊มากกว่ามั๊ง” เราก็บอกว่าเปล่า ใครเค้าห่วงมี๊กัน มี๊บอกว่าคุณสุนทรีเค้าติมา ว่าทำไมเรากับโจ้ไม่สนใจมี๊เลย ไม่เข้ามาประคองมี๊ มี๊บอกว่ามี๊เข้าใจ และรู้นิสัยเรากับน้อง ว่าเป็นคนไม่ชอบเสนอตัว แถมนิสัยเราก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรา ขนาดตอนเราไม่สบายนอนโรงพยาบาล ยังไม่ต้องให้ใครมาเฝ้าเลย อีกอย่างเราก็เห็นว่าเค้าก็มีซิ่มช่วยประคองอยู่แล้ว เราก็ดูอยู่ห่าง ๆ

ตกเย็นคณะทัวร์ก็กลับมากัน มีคนมาเยี่ยมมี๊ด้วยเค้าเป็นคนจากบริษัทประกันในเมืองจีน ตอนแรกตั้งใจว่าจะพากันมาหลายคน มาฟังมี๊ให้วิชาการ แต่มี๊บอกเค้าล่วงหน้าแล้วว่าเจ็บหลัง คงให้วิชาการไม่ได้ เค้าก็เลยมากัน 3 คน เป็นผู้บริหารของบริษัทที่นั่น เอากระเช้าผลไม้มาให้ และ หนังสือที่เป็นรูปภาพบนเกาะผู่ถัว เค้าบอกว่ารู้ว่ามี๊คงไม่ได้เที่ยวเกาะ เลยเอาหนังสือเล่มนี้มาให้ มี๊ซาบซึ้งมาก เพราะเค้ามาแล้วไม่ได้อะไร แถมต้องนั่งรถแล้วก็ต่อเรือ แล้วก็ต่อรถ กว่าจะมาถึงที่นี่ เค้าบอกว่าไว้วันหลังค่อยเชิญมาให้วิชาการแล้วกัน

อาหารเย็นเราเป็นอาหารเจ เราชอบกินผักอยู่แล้วก็กินได้เยอะเป็นพิเศษ แต่พวกที่ทำเลียนแบบหมูเห็ดเป็ดไก่นี่เราก็ไม่กิน เพราะมันคือหมี่กึง เราค่อนข้างจะต่อต้านอาหารเจเลียนแบบชอ เพราะมันเหมือนไม่ตั้งใจจะกินเจ แต่มีอยู่จานนึงอร่อยมากทำเป็นรูปร่างเหมือนปลา ข้างนอกเป็นฟองเต้าหู้ยัดไส้ผัดกระหล่ำปลีราดน้ำเปรี้ยวหวาน เต้าหู้เค้าเหนียวและหอมมาก

เราตั้งใจแล้วว่าจะไม่เที่ยวเกาะ ก็เลยอยู่กับมี๊ ดูทีวี สังเกตว่าโฆษณาที่นี่เร็วมาก ประมาณสปอตละ 10-15 วินาที แค่บอกชื่อสินค้าและคุณสมบัติอย่างรวดเร็วแล้วก็เปลี่ยนสปอต แต่ทำได้น่าสนใจมาก ดูมีลูกเล่นและเน้นความสดใน มีตัวการ์ตูนเข้ามาเล่นด้วย โชคดีที่มีอยู่ช่องนึงเป็นหนังจีน, เกาหลี มี sub ภาษาอังกฤษ และ จีน เราก็เลยดูพอรู้เรื่อง ไม่งั้นเบื่อแย่ ก็ช่องอื่นฟังไม่รู้เรื่องเลยนี่นา

วันนี้ไม่ได้เที่ยวไหนนะ พรุ่งนี้จะพากลับเซี่ยงไฮ้แล้ว เย้ๆๆ



Create Date : 14 กรกฎาคม 2549
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 21:57:09 น. 2 comments
Counter : 393 Pageviews.

 
ขอให้มี้หายไวไว นะคะ


โดย: C'est Si Bon (C'est Si Bon ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:1:54:47 น.  

 
คุณ C'est Si Bon ขอบคุณมากค่ะ ทริปนี้เราไปมาหลายปีแล้ว ตอนนี้มี๊หายแล้วค่ะ


โดย: แบ๊น แบน วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:10:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

แบ๊น แบน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ข้อความและรูปภาพต่าง ๆ ในบลอกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าจะเป็นการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความและรูปภาพใน blog แห่งนี้ไปใช้เผยแพร่และอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

[Add แบ๊น แบน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com