ปฏิบัติการตามหาข้อมูล

ชะเอิงเงย ชะเอิงเงย เจ้าขาเอ๊ย

คราวที่แล้วเมาท์ไปว่าจะมาบอกวิธีทำวีซ่า

ไม่เอาดีก่าาาาา ถอยดีก่าาาา เปลี่ยนใจล่ะ เป็นการกวาดหาข้อมูล

ก็แหม ! แบบว่านึกขึ้นได้ พรายกระซิบว่า เพ่ๆ ไหนจะไปเมืองจีน

ก็ต้องหาที่เรียนหน่อยดิ เออ! นั่นดิ แล้วเค้าหากันไงอ่ะ

ก็เอาแบบที่เราหาล่ะกัน

------------------------------------------------------------
บทเรียนที่สอง : การหาข้อมูลสถานที่เรียน

ดิสอิส แผนที่ประเทศจีน



ตอนแรกที่หาข้อมูลก็เอาแผนที่ที่หามาได้จากความช่วยเหลือของอากู๋นี่แหละ

มาเพ่ง เพ่ง เพ่ง ว่าอยากไปที่ไหนดี

จริงๆแล้วเนี่ย พยายามไปในที่ๆไม่ค่อยมีคนรู้จักจะดีเป็นพิเศษ

เพราะถ้าคนรู้จักเยอะเนี่ย คนไทยก็เยอะ เพราะเมื่อคนไทยเยอะ ก็ได้พูดไทยเยอะ

เพราะถ้าพูดภาษาไทยเยอะ ก็ทำให้พูดแต่ไทย ไทย ไทย

แล้วบทสรุปคือ เรียนภาษาจีน แต่ได้ไทยกลับมาอย่างแน่นอน

ควรหลีกเลี่ยงเมืองที่คนไทยพลุ่งพล่าน เดือดดาด หยุบหยับ (อันหลังนี่ออกแนวแบคทีเรีย)

จริงแล้วถ้าอยากไปไหนก็ไป(เถอะ) แล้วค่อยดูว่าจะไปเรียนที่ไหน

หลักคือ หาเมืองที่มีรถเข้าถึงสะดวกๆน่ะ เป็นใช้ได้ล่ะ เอาเป็นว่ามองไปแล้วไม่ใช่

มีแต่เขา กับเขาไรงี้ ตายพอดี บ้าบอ แบบนั้น

หรือไม่ก็อยากไปไหนก็ไปเลย เช่น อยากไปปักกิ่ง

เหตุผลคือ จะได้ภาษาจีนกลางแบบแน่แท้ อันนี้ถ้ามีเงินเป็นถังๆ

ก็ทำเถิด แต่ประมาณงบน้อย เบี้ยน้อยหอยน้อย ไปอยู่ปักกิ่ง

ค่าเทอมเฉียดแสนต่าโน่นนี่นั่นก็เดือนเป็นหมื่น

ข้าพเจ้าว่าท่านล้มเลิกความตั้งใจเถิด หาเมืองเล็กๆน่าอยู่ๆ ใกล้ๆกันก็ได้

เรามาเลือกเจกันก่อน เจก็มณฑล จิราไง ฮ่าๆๆๆ แป๊ก



คำแนะนำควรเลือกเมืองเอกของมณฑลเป็นสำคัญเพราะการคมนาคมนะดี(หน่อย)

อย่าไปเลือกชนบทมากประเภท นั่งรถสามวันเจ็ดวันก็ยังไม่ถึง ตายค่า ตาย

ตายกันพอดี แบบนั้นก็นั่งรากงอกกว่าจะถึง

จากนั้นก็พึ่งอากู๋ กูเกิล ดูๆว่าในเมืองนั้นมีมหาวิทยาลัยอะไรบ้างสอนภาษาจีน

งั้นไหนๆก็ไหน แนะนำมหาวิทยาลัยที่เรากำลังเรียนอยู่ล่ะกัน

แต่น แต๊น แตน !!!!!!

มหาวิทยาลัยชนชาติกวางสี

ไม่ได้โฆษณาดูกันชัดๆ เอาเว็บไปเบิ่งได้เลย

//www.gxun.edu.cn

หรือ หรือ เรามาง้อเอเจนซี่กันหน่อย

กรณีอยากไปเมืองแบบคนรู้จัก

แนะนำให้เปิดเว็บเอเจนซี ยังไงมันก็มีข้อมูลโรงเรียน

แล้วเราก็ไปค้นหาต่อเองในอากู๋ ฮ่า ฮ่า ประหยัดแรง

ไม่ต้องหาเอง งิงิ ไหนๆก็ไหนๆแล้วเอเจนซี่ ก็มาแว๊บๆ หน่อยนึงก็ได้

อ่อ เหตุผลส่วนตัวเราเองที่ไปมหาวิทยาลัยนี้อ่ะนะ เพราะเรามีเพื่อนน่ะ

ฮ่า ฮ่า กร๊ากกกกกกกกก

ต่อๆ

แนะนำนิดนึง อย่าไปเชื่อค่าเรียนในเว็บเอเจนซี่มาก มันเกินจริง

ทำตกใจ ราคาจริงจะน้อยกว่านั้นหน่อย แต่ลำบากที่เราต้องติดต่อเอง

แล้วจากนั้นก็ต้องรวบรวมข้อมูลค่ะคือ

1.ค่าเทอม เทอมล่ะเท่าไหร่
2.ค่าหอ เทอมล่ะเท่าไหร่
คือว่าต้องรู้ก่อนเตรียมเงินไปเท่าไหร่น่ะ เงินเป็นปัจจัยสำคัญสุด ไม่มีอาจตายได้

3.วันเปิดเรียน เปิดเมื่อไหร่ล่ะ

แต่ปกติเนี่ย วันเปิดเรียนของเมืองจีนก็ประมาณ กุมภาพันธ์ และกันยายน ไม่มีเทอมสาม

แค่นั้นเอง กุมภาพันธ์จะประมาณสัปดาห์ที่สามของเดือน แล้วกันยายนจะสัปดาห์แรก

เพื่อความชัวร์ให้โทรไปถาม (ภาษาอังกฤษก็ได้) รับรองว่าเค้าพูดได้

ไหนๆก้ไหนๆใช้ภาษาอังกฤษที่สั่งสมมาโชว์ทั่วโลกให้เหตุสักยภาพคนไทย

ฮ่า ฮ่า ฮ่า กร๊ากกกกก

แต่ส่วนใหญ่นะ ค่าเทอมเนี่ย มันจะประมาณคิดเป็นเงินดอลล่าห์ 750 ดอลล่าห์ ต่อเทอม

นี่ยังไม่นับค่าหอนะ ค่าหอก็ตกประมาณเทอมล่ะ 200 ดอลล่าห์ ประมาณนี้

คือเค้ากะว่าเวลาค่าเงินหยวนมันขึ้นลงขึ้นลงจะได้กำไรประมาณนี้ล่ะมั้ง

ส่วนการสมัครเหรอ ไปสมัครที่นู่นสิ

ปกติแล้วเนี่ยถ้าเรียนภาษาก็ไม่ต้องทำไรหรอก

เตรียมตัว เตรียมเงิน เตรียมใจไป แล้วบินไปสมัครนู่นเลย ขำๆเอง

อ่อ เอกสารที่ใช้ก็

รูปถ่าย สำคัญมากเพราะว่ายังไงต้องเอาไปทำวีซ่านักเรียนที่จีน

อาจจะงง ไม่ต้องงงเพราะเราจะไม่ขอวีซ่านักเรียนจากไทยไป

ยุ่งยาก ขอวีซ่าท่องเที่ยวไปอ่ะดีแล้ว แล้วไปเปลี่ยนที่โน่น ไปตรวจสุขภาพที่โน่นด้วย

รูปถ่ายเอาแบบใหญ่ๆหน่อย สองนิ้ว ไรงี้ พื้นที่ขาวนะ อย่าหลงลืมไม่เอาไปล่ะ ซวย

ติดรูปถ่ายแบบ 1 นิ้วไปด้วยก็โอเค ไว้ไปทำบัตรนักศึกษา บัตรห้องสมุด บัตรว่ายน้ำ

บัตรสนามกีฬา ฯลฯ แล้วแต่อยากใช้อะไร

คือบัตรที่จีนเนี่ย แยกไม่เกี่ยวกัน ไม่ใช่ว่าบัตรนิสิตใบเดียวเป็นเอทีเอ็ม ห้องสมุดแบบนั้น

ไม่ใช่

สรุปรวมๆล่ะกัน

ไปดูมาอยากไปไหน หาดูว่าอยากเรียนที่ไหน ไปถามเค้าค่าเทอม ค่าหอ วันเปิดเทอม

ต่อด้วย เตรียมเอกสาร รูปถ่ายหนึ่งและสองนิ้ว พาสปอร์ต

แค่นี้แหละ หมดล่ะ จริงๆ ให้ดิ้นตายดิ ไม่โม้ๆ ไม่ใช่สมรักษ์

เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยต่อว่าต้องไปขอวีซ่าไงล่ะกัน วันนี้เหนื่อยล่ะ หุหุ

โชคดีสำลีแปะหัว กร๊ากกๆๆๆ

Create Date : 07 สิงหาคม 2552 Last Update : 7 สิงหาคม 2552 22:02:28 น. Counter : 2193 Pageviews.
Share Tweet