Group Blog All Blog
|
Grimm, TV Series 2011-2017
Grimm (TV Series 2011-2017): Score 8.5/10 เพิ่งได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จบค่ะ มีทั้งหมด 6 ซีซั่น และเอาเวลากินเวลานอนชั้นไปทั้งหมด! เป็นซีรีส์แนวดาร์กแฟนตาซีค่ะ ว่าด้วยเรื่องของตำรวจนักสืบ นิก เบิร์กฮาร์ต ผู้ที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นทายาทของ กริมม์ นักล่าในตำนานผู้พิชิตเหล่าสิ่งมีชีวิตพันธุ์ผสมครึ่งคนครึ่งปีศาจที่ในเรื่องเรียกว่า เวเซน ซึ่งเรื่องก็เริ่มจากการไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยของนิก ที่มองเห็นภาพหลอนแปลกๆ เช่นว่า เห็นหน้าคนเป็นปีศาจ ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือความสามารถของกริมม์ นั่นเอง ปูมหลังในอดีตของเขาก็ค่อย ๆ คลายออกเรื่อย ๆ ว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นใครมาจากไหนและมีหน้าที่ทำอะไร นิกเป็นกริมม์ และเป็นตำรวจด้วย จึงทำให้เขาพบกับคดีฆาตกรรมสยองขวัญ และแปลกประหลาดมากมายเกินกว่าคนธรรมดาจะหาเหตุผลได้ ซึ่งนั่นทำให้เขาเปิดใจยอมรับว่ามีโลกของเวเซนอยู่จริง และใช้ความสามารถของกริมม์ทำคดีไปเรื่อย ๆ และก็หลุดเข้าไปในโลกของเวเซนอย่างลึกซึ้ง จนไปเกี่ยวพันกับเรื่องลึกลับซับซ้อนมากมาย ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา และคนรอบตัวของเขาไปตลอดกาล จะไม่ขอเล่าเรื่องมากไปกว่านี้ เพราะเดี๋ยวกลายเป็นสปอยล์จะไม่สนุก แต่ขอแนะนำตัวละครเด่น ๆ เพิ่มเติมจากในเรื่อง เช่น แฮงก์ คู่หูตำรวจนักสืบของนิก, จ่าวู ผู้ช่วยงานสืบสวนที่กรมตำรวจ, จูเลียตต์ แฟนสาวของนิก, อดาลินด์ เวเซนแม่มดที่เรียกว่า เฮกเซนบีสต์, ผู้กองเรนาร์ด หัวหน้างานของนิก, มอนโร เวเซนหนุ่มพันธุ์ บลูตบาต, โรซาลี เวเซนสาวพันธุ์ฟลุคช์บาว และตัวละครเวเซนอื่น ๆ ที่จะนำความตื่นเต้นมาให้ในทุก ๆ ตอน สิ่งที่่น่าสนใจอีกเรื่องคือ หนังสือกริมม์บุ๊ค ที่บรรจุเรื่องราวของเวเซนและบรรพบุรุษชาวกริมม์ ซึ่งนิกใช้ค้นหาตัวเวเซนพร้อมทั้งวิธีปราบเวเซนแต่ละชนิด เชื่อว่าหากดูซีรีส์จนจบ คุณอาจจะเกิดอยากได้กริมม์บุ๊ค ขึ้นมาตะหงิดๆ ก็ได้ จุดที่ชอบไม่แพ้กันคือ พล็อตเรื่องมีความทวิสต์ไปมา เดาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง พอให้มีอรรถรส และตัวละครมีพัฒนาการและเปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่ง ซึ่งมันคือจุดที่ทำให้เรามือลั่น ต้องกดดูตอนต่อไปเรื่อย ๆ จนจุดไม่ได้นั่นเอง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวแฟนตาซี และไม่กลัวเลือด ปีศาจ มีภาพแหวะๆ นิดๆ ถ้าผ่านมันไปได้ จะดูเรื่องนี้สนุกมากกกกก หาดูได้จาก NetFlix นะคะ ควรรีบก่อนมันจะหายไป (เหมือนเรื่อง Merlin ฮือออออ) Jurassic World 2 ทีมนุ้งบลูของเจ้
Jurassic World 2: Fallen Kingdom (2018) Score: 9/10 Intro กรี๊ดสนั่น และรีบพาตัวเองเข้าไปดู ณ วันแรกที่หนังเข้าทันที ทีมไดโนเสาร์ และผู้ชื่นชอบจักรวาล Jurassic ไม่ควรพลาดอยู่แล้วค่ะ ไปดูรอบแรกๆก็ดีเหมือนกันนะคะ มีเพื่อนร่วมกรี๊ดเต็มโรงเลย
Story Part เรื่องพล็อตไม่ต้องพูดถึง ก็ว่าไปตามท้องเรื่อง สู้กันไปมา จับไดโนเสาร์หลุด มีเพาะพันธุ์ใหม่ให้โหดกว่า คอนเซ็ปต์ตอกย้ำว่าไดโนเสาร มีหลอกล่อนิดหน่อยให้สนุกสน อาจจะเพราะปูพื้นให้เรื่องไ มีตัวละครเดิมๆตั้งแต่ JSP แวะมาให้คิดถึงงุงิมุมิบ้าง Acting Part โอเวน คือเรื่องดีของภาคนี้ คือได้โชว์หล่อ โชว์เท่อย่างที่แฟนๆรอคอย ส่วนแม่สาว แคลร์ มหากาพย์ส้นสูงนั้น รอบนี้นางปรับลุค เป็นคาวเกิร์ลนิดๆ จะไม่ได้โดนครหาเรื่องรองเท้าทั้งเรื่อง พาร์ทแอ็คติ้งไม่ได้มีไรโดดเด่น เพราะเรื่องไปหนักทางน้องๆไดโนเสาร์มากกว่า ภาคนี้ขายความไดโนเสาร์ได้มากพอควร เด่น ๆ ก็ต้องยกให้ บลู และ ทีเร็กซ์ นี่แล Production Part Action & CG ตระการตา ประทับใจ ดูเพลินๆ มีสะดุ้งตุ้งแช่บ้างให้ไม่เบื่อ
Like: ในส่วนของน้องบลูตอนเด็กๆนั้น ก็จะน่ารัก คิวท์ๆหน่อย จริงๆนี่ก็รักนางตั้งแต่ภาคก่อน ภาคนี้มาขยี้ความน่ารักมุ้งมิ้งไปอีก Dislike: พล็อตอ่อนแอมากมาย เดาได้หมด ยังดีที่แอคชั่น และ CG ดีงามมาช่วยไว้ อีกนิดที่ไม่ชอบคือ รู้สึกเหมือนไดโนเสาร์มีความสัตว์เลี้ยงไปนิดๆ เลยทำให้ดูแล้วเฝือๆไปหน่อย Who Should Watch? คนรักจักรวาล Jurassic และ ทีมคนรักไดโนเสาร์ไม่ควรพลาดค่ะ Tips: ถ้าจำชื่อตัวละครตั้งแต่ Jurassic Park ภาคแรกได้หมด จะอินมากเป็นพิเศษ และมี end credits กะปุ๊กกะปิ๊กให้แว่บนึงด้วย ไม่ต้องรีบลุกออก รอดูกันเนอะๆๆ - พบกันใหม่กับหนังเรื่องหน้าค่ะ - จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ Ready Player One: เกมกับการหลีกหนี
Ready Player One (2018) Score: 8/10 Intro คงจะถูกใจคอเกมกันเป็นอย่างมากกับหนังเรื่องนี้ ที่จำลองภาพในเกมมาเล่าได้อย่างสนุกสนานและไฮเทค และยังอุตส่าห์หยิบเกร็ดช่วงยุค 80-90' มาแทรกไว้ได้อย่างเนียนๆ ทั้ง i hate myself for loving you และกันดั้ม ที่เชื่อว่าคนที่รู้จักย่อมจะคิดถึงและรู้สึกคุ้นเคยแน่ๆ
Story Part เนื้อเรื่องไม่มีอะไรพิเศษ ว่าด้วยเรื่องของโลกอนาคต ที่ผูุ้คนมักหลีกหนีจากความวุ่นวายและหดหู่ในชีวิตจริง แล้วไปสร้างตัวตนในโลกใหม่ในไซเบอร์ กับจักรวาลเกมที่ชื่อว่ "โอเอซิส" ซึ่งที่นั่น ก็สร้างมาเสมือนโลกแห่งความจริง มีการสะสมเงินในเกม และนำมาซื้อขายอะไรต่าง ๆ ได้จริง การปกปิดตัวตน และนำเสนอเฉพาะมุมที่อยากให้คนอื่นเห็น จริง ๆ จุดนี้ น่าจะสื่อสารถึงโลกไซเบอร์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่ในเกม สามารถสะท้อนถึง social network ได้ด้วย แต่ตัวหนังก็ต้องการจะสื่อสารให้คนหันมองชีวิตจริง มากกว่าหมกมุ่นอยู่กับเกม Acting Part ในส่วนนักแสดง นอกจาก พระเอก และต่ัวร้ายแล้วนั้น นักแสดงอื่น ๆ ที่เหลือได้แสดงจริงน้อยกว่าอวาตาร์ในเกมอีก ซึ่งเราก็คิดว่า คนดูน่าจะอยากเห็นภาพอวาตาร์ในเกมมากกว่าเช่นกัน แม้นักแสดงทั้งหลายจะออกมาไม่เยอะ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีอะไรเสียหาย ที่โดดเด่นออกมาสองคนเลยคือ Ben Mendelsohn กับบท Nolan Sorrento (ซ่ึ่งจัดอยู่ในหมวด ตัวร้ายหล่อบอกต่อ ด้วยอีกคน >< และ Mark Rylance กับบท James Halliday อัจฉริยะผู้คิดค้นจักรวาล OASIS ขึ้นมา ซึ่งให้ฟิลไอน์สไตน์นิด ๆ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก หน่อยๆ แมทช์ดี Production Part สร้างจากหนังสือ Ready Player One ของ Ernest Cline (ซึ่งมาร่วมเขียนบทหนังด้วย) ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าหนังทำดีกว่าหนังสือ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า หนังทำหน้าที่จิ๊กซอว์ในส่วนที่หายไปของหนังสือได้ดี เพราะเรายังเชื่อว่าหนังสือ ปลดปล่อยจินตนาการได้มากกว่า โดยรวมแล้วภาพสวยดูแล้วไม่เบื่อ รู้สึกสนุกตาม (แม้ช่วงแรกมุมกล้องจะเมารถเล็กน้อย) เชื่อใจสปีลเบิร์กได้ว่ากำกับภาพออกมาสวย
Like: ขอเพิ่มเติมกับนักแสดงอีกหนึ่งคนที่ดีย์งาม จนไม่อาจมองข้ามได้ คือ Win Morisaki กับบท ไดโตะ ที่ใช้หน้าใส ๆ หล่อ ๆ สไตล์เอเชียมาเบรกความอเมริกันจ๋า ๆ ของหนังไว้ และได้โชว์หล่อตอนท้ายที่งัดกันดั้มออกมาสู้ด้วยค่ะ Dislike: ไม่ชอบมุมกล้องในเกมช่วงแรก ๆ โดยเฉพาะพาร์ทแข่งรถ ที่หมุนไปหมุนมา ชวนให้เมารถมากค่ะ นี่อาจเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เราไม่ชอบเล่นเกม เมาเกม !! Who Should Watch? เรต ท. ทั่วไทยได้เลยค่ะ จัดเป็นหนังดีเรื่องหนึ่ง ที่สอดแทรกเกร็ดและความสนุกสนานเข้าด้วยกัน ได้อย่างลงตัว และหนังก็สอนได้ดีเกี่ยวกับการแบ่งเวลาชีวิตให้ลงตัว ทั้งในเกม และชีวิตจริง Tips: เชื่อว่าคนเล่นเกมจะอินมากกว่านี้แน่นอน มีฉากในเกมมาเซอร์วิสคนดูเพียบ - พบกันใหม่กับหนังเรื่องหน้าค่ะ - จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ The Shape of Water: กับหนังออสการ์ (อีกที)
The Shape of Water (2018) Score: 6/10 Intro เห็นได้ชัดว่าผกก. กีเยร์โม เดลโตโรนั้น คงมีความเสพติดเทพนิยายหน่อ เพราะตั้งแต่ Pan's Labyrinth ก็ทำหน้าหนังหลอกดาวว่าเป็น รอบนี้ดาวไม่ยอมให้โดนหลอกค เพราะหนังดันเล่าเรื่องนวลๆ
Story Part เรื่องราวของหญิงพิการทางการพูดที่เกิดจากอุบัติเหตุ ฟังได้ยินเพียงแต่พูดไม่ได้ ต้องใช้ภาษามือ นางทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในแล็บแห่งหนึ่ง ซึ่งดันจับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งจากแม่น้ำมาได้ และนางกลับตกหลุมรักเจ้าสัตว์ตัวนั้น อาจเป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่ต้องใช้คำพูด ทำให้นางอินไปกับเจ้าตัวนี้มาก และนางคงเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวของเจ้านี่มากๆ เรื่องเริ่มบานปลายเมืื่อนางคนนี้เริ่มคิดจะพาสัตว์หนี เพราะเบื้องบนมีคำสั่งให้กำจัดเจ้านี่ทิ้ง เพื่อน ๆ จึงต้องมาร่วมด้วยช่วยนางกันวุ่นวายไปหมด สุดท้ายความรักต่างเผ่าพันธุ์จะลงตัวหรือไม่ ก็คงต้องไปลุ้นกันเองนะคะ แก่นของเรื่องมีความชี้ประเ และไม่สมบูรณ์แบบของตัวละค น่าเสียดายอีกที่ผูกปมไว้เป แต่ตอนแก้ดันแก้ไม่หมด แถมเหลือไว้เพียบ ให้เรางงๆ มึนๆ กันไป หนังมีส่วนที่พูดถึงไบเบิลเ แต่ทางนี้สายพุทธเลยไม่ค่อย Acting Part นักแสดงแต่ละบทถือว่าแคสมาไ น่าเสียดายที่ขาดซีนเด่นๆที ไม่เช่นนั้นหนังน่าจะเข้มข้ Production Part จุดที่ชอบและเด่นมากของหนัง และอบอวลไปด้วยทำนองต่าง ๆ ที่ใส่มาอย่างแนบเนียน คิดว่าคงเป็นเพราะได้จัดคาแ รื่องเสียงประกอบรอบตัวอื่ Mood & Tone ของหนังก็ถือว่าคุมโทนสีไว้ แต่ภาพอาจจะยังไม่สวยจนน่าจ
Like: เอาเป็นว่า ถ้าจะให้เชียร์ออสการ์ของเร คงจะเชียร์ในส่วนของดนตรี เด่นและสวยงามมากจริงๆ ส่วนอื่นๆ รู้สึกว่ามีความพยายามแต่ยั Dislike: ไม่ชอบที่ผูก subplot ไว้เยอะ แล้วไม่แก้ใด ๆ ให้เลย พอหนังจบก็มีความมึนงงเล็กน้อยว่า อ่าว จบแล้วเหรอ งี้ ส่วนอื่น ๆ ก็ค่อนข้างฟุ้งๆ ฝันๆ มีแทรกภาพตัดแปลก ๆ มาด้วยช่วงท้าย ๆ หรือนี่จะเป็นสไตล์ของ เดล โตโร ที่เราต้องทำความเข้าใจ? Who Should Watch? ไม่ใช่หนังสำหรับเด็กนะคะ เพราะมีภาพรุนแรง และเนื้อหาเชื่อมโยงเกี่ยวกับจิตใจด้านมืดค่อนข้างมาก มีฉากโป๊เปลือย และฉากเซ็กส์โหด ๆ แทรกนิดหน่อย (ไม่รู้ใส่มาทำไมด้วย) Tips: จงดื่มด่ำกับความดีงามของเพลงประกอบเถิดค่ะ! - พบกันใหม่กับหนังเรื่องหน้าค่ะ - จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ Split จิดหลุดโลก: กราบ Acting นักแสดง
"Split จิดหลุดโลก" (Score: 10/10) Intro ตัวหนังกับบทก็มีความอินดี้ ตามสไตล์ ผกก. M. Night Shayamalan อยู่แล้ว ความดีงามที่แท้จริงต้องยกให้ Acting สุดเริ่ดจาก James McAvoy (ใช่ค่ะ Professor X ตอนหนุ่มนั่นแหละ) ซึ่งเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นคน 23 บุคลิก จะวาดลวดลายได้อลัง แค่ไหน ต้องไปดูเอง อ้อ...เรื่องนี้ Based on True Story ด้วยนะคะ คือมีคน 23 บุคลิกจริงๆ แต่พี่มาโนชแกมาเล่าต่อยอดไปอีกหน่อยค่ะ
Story Part เรื่องของชายหนุ่มผู้มี 23 บุคลิกในตัวเอง และวันหนึ่ง บุคลิกทั้ง 23 หลอมรวมให้เขากลายร่างมาเป็น สัตว์ประหลาดทรงพลังที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ ตัวเนื้อเรื่องนี่ไม่อยากเล่าเลย เพราะความสนุกอยู่ที่การดูตัวเอก โชว์ Skill Acting การเปลี่ยนบุคลิกไปมาของแต่ละตัว Acting Part โอ๊ยยยยยย มีร้อยให้ร้อยเลยจ้ะ ขอกราบเบญจางคประดิษฐ์งามๆใ อยากลุกขึ้น Standing Ovasion คือ เล่นเป็น 2 บุคลิกนี่ก็ว่ายากแล้ว นี่ปาเข้าไป 23 บุคลิก จ้าาาาา พ่อคุณทูนหัว X-Men ตัวจริง โดยเฉพาะซีนที่จะเปลี่ยนบุค แล้วแววตา ท่าทาง สีหน้า เสียงไปหมด นี่สินะที่เขาเรียก Inner แค่เชื่อและรู้สึกจริง แล้วมันจะออกมาเอง เนื้อเรื่องไม่ลึกซึ้งเข้าใ ขอชื่นชมการกลับมาของ ผกก. มาโนช (M. Night Shyamalan) ครั้งนี้ ที่ใส่การตัดต่อและ ไปดูกันซะทุกท่าน!!!! Production Part ส่วนโปรดักชั่นไม่มีอะไรตื่นเต้น เพราะพี่มาโนชแกก็ไม่ได้เน้นโชว์ลีลาด้าน Production มากอยู่แล้ว ส่วน CG และ Sound Effect ที่ใส่มาก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
Like: กราบแอ็คติ้ง James McAvoy เป็นเรื่องดีงามที่สุดของเรื่องนี้เลย Dislike: ให้เต็ม 10 ขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ไม่ชอบ อาจเป็นตอนจบที่คนไม่เข้าใจแนวพี่มาโนช อาจจะงงๆ ไปบ้าง Who Should Watch? 18+ นะคะ เพราะเป็นหนังที่ต้องใช้ความเข้าใจนิดหนึ่ง หนังพูดเรื่องจิตวิทยา และ personality disorder เยอะ Tips: ทำใจไปดู อย่าคาดหวังตอนจบ ดื่มด่ำกับ Acting ของนักแสดงให้เต็มที่ - พบกันใหม่กับหนังเรื่องหน้าค่ะ - จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ |
BabyInk
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|