Group Blog
    All Blog
    CHIANG MAI: เวียงกุมกาม นครใต้พิภพ






    เวียงกุมกาม 
    มหานครใต้พิภพ


    ตื่นเต้นและดีใจมากที่ตัดสินใจใส่โปรแกรมเที่ยว "เวียงกุมกาม” ไว้ในทริปเชียงใหม่ครั้งนี้
    ที่นี่มีเรื่องราวและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก

     โบราณสถานเหล่านี้มีอายุถึง 732 ปีแล้วนะคะ (แก่กว่าเชียงใหม่ตั้ง 10 ปี) 
    ถือว่าเป็นโบราณสถานที่อยู่มายาวนานมาก และอึด ถึก บึกบึน สุดๆ 
    เพราะผ่านการน้ำท่วมในปี 2554 มาแล้วอีกด้วยค่ะ 

    ป่ะ...ตามข้าพเจ้ามา





    เริ่มจาก ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวเวียงกุมกาม 
    ตอนที่เราไป ที่นี่เพิ่งเปิดได้ 1 เดือนเท่านั้นค่ะ






    การเที่ยวชมเวียงกุมกาม มีรถบริการ 2 แบบค่ะ 
    ที่เห็นในภาพนี้คือรถแทรม เหมาคันละ 400 บาท 
    นั่งเต็มคันก็ได้ 10 กว่าคนอยู่นะคะ มีไกด์อาสา คอยให้ข้อมูลตลอดทางค่ะ




    อีกแบบก็คือ การนั่งรถม้าทัวร์รอบ ๆ เวียงกุมกาม คันละ 300 บาทค่ะ 
    นั่งได้ 2 คนค่ะ ตรงนี้คนขับรถม้าจะเป็นผู้บรรยายรายละเอียดให้กับเราค่





    สายลุยแบบเรา เลือกรถม้าโดยไม่ลังเล ปรากฏว่า เราได้รถม้าคันนี้ 
    ซึ่งม้าสีขาวที่เทียมรถตัวนี้ เป็นตัวเก๋าของที่นี่เลย ชื่อเจ้าดอกรักค่ะ 
    อายุมากที่สุดในแก๊งค์ คนขับได้เตือนว่า อย่าเข้าใกล้หน้าม้า เดี๋ยวจะโดนงับ 
    นี่แอบเดินไปส่องฟันม้า แล้วก็คิดว่าไม่เสี่ยงจะดีกว่าค่ะ

    ตรงนี้เราถามเขาว่า ทำไมเลือกตัวดื้อให้เรา เขาบอกว่า จัดเป็นรอบวนๆกันไป 
    (ซึ่งเราเป็นชาวกุดมณีอยู่แล้ว จะต้องได้ม้าตัวดื้อสุดเป็นธรรมดาค่ะ)

    ป.ล. เจ้าดอกรัก รถม้าเบอร์ 13 นะคะ เผื่อใครอยากลองของ











    จุดแรกคือ วัดอีค่าง (วัดอีก้าง ในภาษาเหนือ) 
    วูบแรกที่เห็นคือตื่นเต้นเว่อร์วัง เพราะวัด 732 ปีนี่สมบูรณ์กว่าที่คิดไว้มากๆค่ะ

    ชื่อ วัดอีค่าง เพราะตอนที่ค้นพบมีตัวค่างมาทำรังอาศัยบนเจดีย์เต็มไปหมด








    ต่อด้วย วัดหนานช้าง 
    การตั้งชื่อวัดเพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงหลังนะคะ 
    จากที่คณะโบราณคดี และกรมศิลป์ฯ ไปขุดเจอตามสถานที่ต่าง ๆ ที่วัดฝังตัวอยู่ 
    ซึ่งเป็นสถานที่จับจองของชาวบ้านในสมัยนั้น

    ชื่อ หนานช้าง มาจาก ชายชื่อช้าง ที่เพิ่งสึกออกมาจากบวช ตอนนั้นเป็นเจ้าของที่บริเวณนี้ค่ะ

    หนาน (ภาษาเหนือ) = ทิด ในภาษากลาง ที่ใช้เรียกชายที่เพิ่งสึกจากบวชพระ ค่ะ






    ต่อด้วย วัดกู่ป้าด้อม

    ก็อีกเช่นเคย ป้าแกเป็นเจ้าของสถานที่ เลยตั้งตามชื่อป้าเช่นกันค่




    วัดนี้ก็พีค เห็นแล้วตะลึงลาน ในความอลังการ
    ขนาดผ่านน้ำท่วมมาแล้ว ยังคงรูปความสวยงามอยู่เลย

    วัดนี้คือ วัดปู่เปี้ย ค่ะ

    ชายแก่ตัวเล็ก ๆ เตี้ย ๆ เป็นเจ้าของสถานที่ 
    คนเหนือเรียกคำว่า เตี้ย เป็น เปี้ย เลยกลายเป็นชื่อ ปู่เปี้ย ค่ะ





    วัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำ)

    ถึงตรงนี้ เราจึงได้รับทราบว่า ในพื้นที่อุโบสถ ตามขนบล้านนา หรือชาวเหนือ 
    จะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปด้านในตัวอุโบสถนะคะ 
    เดาว่า อาจเป็นเพราะเมื่อก่อน นิยมฝังพระไว้ใต้ฐานอุโบสถกันด้วย 
    จึงไม่อยากให้แม่หญิงเดินข้ามหรือเดินผ่านจ้า




    มาถึง วัดช้างค้ำ (หรือวัดกานโถม)

    เป็นจุดแรกที่ค้นพบเวียงกุมกามนะคะ ก่อนหน้าที่จะมีศูนย์ให้ข้อมูลเกิดขึ้น 
    นักท่องเที่ยวก็จะมาเริ่มต้นขึ้นรถม้าและรถแทรมกันที่สุดนี้ค่ะ 
    ถือว่าเป็นจุดนัดพบ ก่อนจะสร้างศูนย์ฯ ค่ะ



    จริง ๆ แล้วการค้นพบเวียงกุมกาม ได้ขุดพบทั้งหมดทั้งมวล 42 วัดนะคะ 
    แต่ต่างก็กระจัดกระจายกันไป ในบริเวณที่พอจะนำเที่ยวได้จากจุดเวียงกุมกามจุดนี้ 
    จะมีแค่ 9 วัดเท่านั้นค่ะ (นี่ก็เก็บภาพมาไม่ครบ)







    มาเดินชมในศูนย์ให้ข้อมูลเวียงกุมกาม ที่เพิ่งเปิดใหม่มาบ้าง 
    ในนี้เป็นส่วนแสดงนิทรรศการทั้งหมด เกี่ยวกับ พญามังราย และเวียงกุมกามค่ะ

    ในนี้มีแอร์เย็นๆค่ะ...(เย้ ดีใจได้หนีร้อนบ้าง)






    ในห้องพญามังราย คุณจะได้พบกับ อนิเมชั่น พญามังราย กันเลยทีเดียว 
    ฮเทคและสวยงามมากค่ะ มีความ 4.0 ที่แท้ 
    ปรบมือให้ทีม animation เลย 








    ในห้องถัดมา จะมีตัวอย่างชิ้นส่วนโบราณี่ขุดพบจากเวียงกุมกาม มาจัดแสดงค่ะ

    นอกจากศิลาจารึก และเครื่องถ้วยแบบจีน ซึ่งเป็นของจำลองแล้ว 
    ชิ้นส่วนอื่น ๆ เป็นของจริงที่ขุดพบจากวัดทั้งนั้นเลยค่ะ





    ศิลาจารึก ที่ค้นพบค่ะ 
    ชิ้นนี้เป็นของจำลองค่ะ ใครอยากดูของจริงต้องไปที่พิพิธภัณฑ์เชียงใหม่จ้า





    สิ่งที่เหมือนก้นหอยนี้ เรียกว่า ตัวเหงา ค่ะ
    พบที่วัดกู่ป้าด้อม เห็นว่ามีเรื่องราวว่า ใครที่เอาไปออกแบบตกแต่งบ้าน 
    จะทำให้บ้านนั้นเงียบเหงา ก็เลยตั้งชื่อว่า ตัวเหงา




    ลายปูนปั้นที่เป็นรูปเศียรนาค





    นี่ก็เป็นปูนปั้นรูปเศียรนาอีกชิ้นที่ขุดพบค่ะ
    เห็นว่ามีศิลปะในแบบหริภุญไชยผสมๆอยู่ค่ะ





    ห้องโบราณคดี ที่พูดถึง กระบวนการทางโบราณคดี
    ระหว่างที่ทำการขุดค้นและศึกษาเวียงกุมกามค่ะ




    อุปกรณ์ขุดค้นทางโบราณคดี ค่





    บอร์ดนี้เป็นเรื่องเล่าระหว่างขุดค้น และศึกษาประวัติของเวียงกุมกามค่ะ






    ท้ายสุด เราจึงได้รู้ว่า คนขับรถม้าเจ้าดอกรักจอมดื้อ คือ
    ผู้ใหญ่บ้าน!

    ผู้ใหญ่ฯเล่าว่า ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวเวียงกุมกาม 
    สร้างขึ้นเพื่อให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งต่างชาติและคนไทยมาเที่ยวมากขึ้น 
    และยังมีอีกหลายจุดที่เชื่อว่าหากทำการขุดค้นลงไป ก็จะพบซากโบราณสถานอีกเป็นจำนวนมาก
    แต่สถานที่เหล่านั้นตอนนี้มีชาวบ้านจับจองใช้เป็นที่อยู่อาศัย 
    จึงจำเป็นต้องหางบมาเพื่อหาที่อยู่ให้ชาวบ้านย้ายออกไป่อน 
    จึงจะทำการขุดค้นต่อได้ค่ะ

    ถ้าพวกเราอยากสนับสนุนแหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์นี้ ก็ไม่ยาก 
    แค่พาตัวเองไปเที่ยว และกระจายรายได้เท่านั้นเอ๊งงง 
    ไปกันค่ะซิส!


    ป.ล. ความพลาดที่สุดคือลืมถามชื่อ ผู้ใหญ่บ้าน 
    แต่ดันถามชื่อม้ามาซะงั้น ไหวมะ?









    เจอกันใหม่คราวหน้าค่า


    - BABY INK -


    จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ










    Create Date : 17 เมษายน 2561
    Last Update : 17 เมษายน 2561 16:04:31 น.
    Counter : 2031 Pageviews.

    5 comment
    ฺBKK: THE ANIMAL CAFE แวะมาพักร้อนกับสัตว์น่ารัก



     THE ANIMAL CAFE 
    แวะมาพักร้อนกับสัตว์น่ารัก



    วันหยุดนี้ถ้าไม่รู้จะไปไหน

    แนะนำให้หนีร้อนไปนั่งเล่นกับน้องๆ สัตว์แปลกน่ารักๆ

    ได้ที่ The Animal Cafe ซ. สาธุประดิษฐ์ 19 ค่ะ

    ที่นี่ มีอาหาร เค้ก และเครื่องดื่มให้บริการ

    และมีสัตว์เลี้ยงแปลกๆ แนว Exotic Pets ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ
    ทุกตัวน่ารัก และสามารถสัมผัสได้นะคะ

    มาดูอาหารกันก่อน ที่เราสั่งกันคือ BBQ Chicken Wing 
    และ Ceasar Salad ค่ะ




    แนะนำว่าควรหม่ำให้เสร็จแล้วค่อยไปเล่นกับน้องๆ จะดีกว่าค่ะ

    จุดไฮไลท์ที่ทำให้ต้องพาตัวเองมาถึงนี่คือ 

    เจ้าหนู Fennec Fox ชื่อ เมาคลี ค่ะ

    น้องยังเป็นจิ้งจอกไซส์จิ๋ว หน้าตาน่ารัก และซนสุดๆค่ะ










    เพื่อนซี้ของเจ้าเมาคลี คือ เจ้าแมวชื่อ ซอมบี้ตัวนี้ค่ะ

    พนักงานบอกว่า ชื่อ ซอมบี้ เพราะวันๆเอาแต่นอนค่ะ




    มีแมว คาราคัล 2 ตัว คือ หัวหอมและผักกาด

    วันที่แวะไปเล่น เหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ทำหน้าดุใส่ตลอด...แง



    จริงๆเขาไม่ดุ หน้าดุ แต่พฤติกรรมเหมือนแมวทั่วไปเฉยๆ 

    แต่เราก็ไม่กล้าจับอยู่ดี หน้าเหมือนลูกเสือเลยง่ะ

    ถัดมามีน้อง ชินชิล่า 2 ตัว ขนนิ่มม๊ากกก



    อยากอุ้ม แต่น้องพนักงานบอกว่าเค้า sensitive มาก

    เลยขอเอานิ้วจิ้ม ๆ ขนเล่นแทนแล้วกันค่ะ



    ด้านล่างมีนกฮูก 2 ตัว คือเฮดวิก กับ แฮรี่

    ที่พีคคือ มีชุดแฮรี่ พอตเตอร์ให้ได้ใส่ถ่ายรูปด้วย

    งานนี้ได้จิ้นว่าอยู่ฮอกวอตส์ กันทุกคนเลยค่ะ










    นอกจากนี้ ยังมี กบแอฟริกา กุ้งแคระ ซาลามานเดอร์

    และสัตว์อื่นๆ หมุนเวียนกันมาให้พวกเราได้แหย่เล่น 

    ตามแต่เจ้าของจะนำมาค่ะ

    มาแล้วติดใจ อยากไปอีกรอบสอง ติดใจน้องๆนี่ล่ะ

    ใครอยากไปเที่ยวเล่น แนะนำให้ไปวันธรรมดาที่คนน้อยจะดีกว่าค่ะ

    เพราะไม่งั้นอาจจะต่อคิวนาน แล้วจะสงสารน้องๆสัตว์ที่เราเล่น

    แต่ละตัว ดูจะเหนื่อยรับแขกกันทีเดียว

    ปิดท้ายด้วยภาพน่ารักของน้องๆ ค่ะ




    ไว้พบกันใหม่บล็อคหน้าค่ะ

    - BABY INK -


    จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ








    Create Date : 03 พฤษภาคม 2559
    Last Update : 17 เมษายน 2561 11:53:24 น.
    Counter : 403 Pageviews.

    9 comment
    CHIANG RAI: สิงห์ปาร์ค - ไร่บุญรอด





    เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็น Signature ของเชียงราย

    สิงห์ปาร์ค หรือ ไร่บุญรอดค่ะ

    ที่นี่กว้างขวางใหญ่โตมากค่ะ 

    แนะนำให้ไปตอนเช้าๆ หน่อยก็ดีค่ะ เพราะถ้าไปตอนบ่าย อาจจะแดดแรงนิดนึง

    และรถรางที่พาทัวร์ เค้ามีเป็นรอบๆ ถ้าไปบ่ายมากๆ อาจจะเต็มได้ค่ะ

    อันดับแรก ไปถึง ควรไปเช็ครอบ และจองรถรางก่อนเลยค่ะ

    มีค่าบริการราคา 50 บาทต่อคน ใช้เวลาทัวร์ประมาณ 45 นาทีค่ะ

    ซื้อเสร็จก็นั่งดื่มกาแฟ หรือเดินเล่นรอได้ ถึงเวลาจะมีประกาศเรียก ตามรอบที่เราซื้อตั๋วไว้ค่ะ



    รถรางหน้าตาเหมือนรถซาฟารีทั่วไป เป็นแบบชาร์จไฟฟ้านะคะ

    มัวแต่ลัลล้า เลยไม่ได้ถ่ายรูปรถรางมาค่ะ บนรถก็จะมีไกด์คอยบรรยายไปตลอดทางค่ะ



    พื้นที่ของไร่บุญรอดส่วนใหญ่จะเป็น ผลิตผลต่าง ๆ ที่เอามาทำขายเรานั่นเองค่ะ

    ก็มีไร่มัลเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ ไร่ชาอู่หลง และมีสวนยาง ด้วยค่ะ



    มาถึงจุดพักรถ จุดที่ 1 รถก็จะจอดแวะ 10 นาที

    ให้เราได้ลงไปถ่ายรูป และเดินเที่ยวเล่นได้ค่ะ



    จุดพักรถจะมีทั้งหมด 3 จุด

    แต่ละจุดจะมีเครื่องดื่ม และห้องน้ำให้บริการค่ะ

    เราสามารถเอาหางบัตรมาแลกเครื่องดื่มได้ด้วยค่ะ





    นอกจากไร่ผลิตผลต่าง ๆ ของแบรนด์บุญรอดแล้ว

    ก็ยังมีต้นไม้ และดอกไม้เมืองหนาวที่สวยงาม ตลอดทางด้วยค่ะ



    มาถึงจุดที่ 2 ที่รอคอย

    ดี๊ด๊ามากค่ะ เพราะเป็นจุดแวะป้อนอาหารสัตว์

    มีทั้งหมด 3 คอก คือ ยีราฟ ม้าลาย และวัววาตุสซี่ ค่ะ





    เค้าจะมีกล้วยและแครอทขาย ตะกร้าละ 20 บาท

    ไว้ให้ซื้อป้อนยีราฟกับม้าลายค่ะ

    ขอจัดสักหน่อย อิอิ




    นั่งรถต่อไปยังจุดที่ 3 เป็นจุดสุดท้ายค่ะ



    เป็นไร่ชายาวเป็นทิวสูง มองไปเห็นบ่อน้ำใหญ่ที่สุดของไร่

    มีเลี้ยงหงส์ขาวไว้ 150 กว่าตัวด้วยค่ะ (จำไกด์มา)





    ถัดมาจะมีจุดถ่ายรูปพาโนรามา 180 องศา ค่ะ






    เสร็จจากตรงนี้ ก็วนรถกลับไปยังจุดเริ่มต้น หน้าทางเข้าไร่ ค่ะ



    และแล้วพวกเราก็ต้องปีนขึ้นเนินไปถ่ายรูปกับรูปปั้นสิงห์

    ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคือ ถือว่ามาไม่ถึงค่ะ ฮ่าๆๆ

    จะบอกว่า หาจุดถ่ายรูปยากมาก เพราะใครๆ ก็อยากมาถ่ายที่นี่

    ยังไงขออภัยคนในภาพด้วยนะคะ (แอบถ่ายติดมานิดนึง)


    รูปนี้เทียบขนาดให้ดูกับ จขบ. ค่ะ



    เราดูตัวเล็กไปมากๆเลย ฮ่าๆๆๆ

    ด้านในก็มีร้านขายของที่ระลึก และผลิตภัณฑ์จากไร่ที่น่าสนใจมากมาย

    ทั้งชา เครื่องดื่ม สบู่สมุนไพรต่างๆ ก็มีค่ะ

    จบทริปเชียงรายทั้งหมดทั้งมวลค่ะ

    ขอปิดท้ายด้วยภาพมุมดีๆ จากไร่บุญรอดค่ะ




    พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ

    - BABY INK -



    จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ




    Create Date : 24 พฤศจิกายน 2558
    Last Update : 17 เมษายน 2561 15:39:30 น.
    Counter : 1349 Pageviews.

    3 comment
    CHIANG RAI: พระตำหนักดอยตุง และสวนแม่ฟ้าหลวง



    ต่อจากไร่บ่าวน้อยสตอเบอร์รี่ วันเดียวกันเลยค่ะ

    หันหลังกลับรถมุ่งหน้าเข้าเมือง แล้วเลี้ยวขวาขึ้นดอยตุงเลยเจ้า ><

    ระหว่างทางมีการแวะถ่ายรูปกับจุดชมวิวนิดหน่อยค่ะ






    โพสท่าเก๋ๆ สตรองๆ กันได้มุมนี้เลยค่ะ



    ทีนี้ก็ไต่เขากันต่อค่ะ

    ทางขึ้นจะมีสายใหม่และสายเก่า 

    ลองดูทางดีๆ เผื่อมีปรับปรุงเส้นทางค่ะ

    ทีนี้ ขึ้นมาถึงดอยตุง แวะซื้อบัตรเข้า จุดละ 90 บาทค่ะ

    งวดนี้โดนไป 2 จุด คือ พระตำหนักดอยตุง กับสวนแม่ฟ้าหลวง ค่ะ สิริรวม 180 บาท ค่ะ

    ไปเริ่มกันที่หน้าพระตำหนักดอยตุงเลยค่ะ



    พ้นจุดนี้ไป ก็จะเก็บบัตร และตรวจเครื่องแต่งกายค่ะ

    ต้องแต่งตัวสุภาพนะคะ กางเกงขาสั้น หรือยีนส์ขาดๆ จะขึ้นไม่ได้นะคะ

    เค้าจะมีกางเกงเล ให้สวมทับก่อนขึ้นพระตำหนักค่ะ





    ดอกไม้บานเต็มทุ่งเลยค่ะ สีสันสวยงามมาก

    แถมอากาศก็เย็นสบายด้วยค่ะ




    ไปดูที่หน้าทางเข้าพระตำหนัก ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่ากันค่ะ






    ด้านในสามารถเข้าไปเยี่ยมชมพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จย่าได้นะคะ

    แต่จะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ

    ก่อนเข้าเค้าจะมีหูฟัง ให้ใส่ฟังบรรยายเรื่องราวต่างๆ  ของพระตำหนัก

    และจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุง แล้วถือหิ้วเข้าไปด้วยค่ะ



    ส่วนนี้คือเดินออกมาจากตัวพระตำหนักแล้วค่ะ





    เสร็จจากตรงนี้ ก็ไปต่อกันที่สวนแม่ฟ้าหลวงค่ะ

    ต้องเดินย้อนออกมานิดนึงค่ะ







    พอลงมา เห็นทางลงแล้วแบบว่า...โอ้ววว ตอนขึ้นฉันจะขึ้นไหวมั๊ยยย 555





    เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่หลงแน่นอน เล่นชี้ไปทางเดียวกันหมดแบบนี้ ฮ่าๆๆ





    มีดอกไม้เยอะมากๆ ค่ะ ชมดอกไม้กันไปเพลินๆ นะคะ

















    มาถึงตรงนี้ เจอทางเข้าเขาวงกตค่ะ

    ต้องขอลองสักหน่อย อยากรู้ว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนแค่ไหนค่ะ




    ข้างในจะเป็นแบบนี้ค่ะ แสดงว่าเริ่มมาถูกทางแล้ว



    และแล้วก็ออกมาได้โดยสวัสดิภาพค่ะ ด้านในไม่ซับซ้อนมากนะคะ

    มีวนไปวนมานิดหน่อย มั่วๆนิดๆ ก็ออกมานั่งเต๊ะท่าจนได้ค่ะ




    มาถึงส่วนสุดท้ายของสวนแม่ฟ้าหลวงค่ะ




    จุดนี้เรียกว่า รูปปั้นประติมากรรมชื่อ "ความต่อเนื่อง" ค่ะ




    ภาพนี้ได้มาระหว่างรอถ่ายรูปประติมากรรมค่ะ

    รอนานเมื่อยมาก นั่งกลางสวนซะเลย 



    ปิดท้ายภาพตอนไต่ลงเขา

    กับอากาศเย็นๆ และวิวพระอาทิตย์ตกค่ะ



    ทริปเชียงรายยังไม่จบนะคะ

    ไปต่อกันได้ที่ 

    v
    v


    - BABY INK -


    จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ




    Create Date : 24 พฤศจิกายน 2558
    Last Update : 17 เมษายน 2561 15:39:38 น.
    Counter : 3196 Pageviews.

    2 comment
    CHIANG RAI: บ่าวน้อยสตอเบอร์รี่




     แอบหนีไปเที่ยวเชียงรายมาค่ะ

    รอบที่แล้วไปเดือนมกราคม ก็คิดว่าเย็นสะใจดีแล้ว

    รอบนี้ไปเดือน พฤศจิกายน ก็หนาวเย็นไม่แพ้กันเลยทีเดียวค่ะ

    ไปเริ่มทริปกันเลยดีกว่าเนอะ ^^

    ขอนำเสนอสถานที่โดดเด่นที่ไปเยือนมาในรอบนี้ค่ะ

    เริ่มกันที่ ไร่บ่าวน้อยสตอเบอร์รี่ ค่ะ

    ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อวันที่ 1 พย. 2558 นี้เองค่ะ

    อยู่เกือบถึงแม่สาย เลยทางขึ้นดอยตุงไปอีกค่ะ

    ด้านหน้าทางเข้า ยังมีดินแดงๆ อยู่เลย ><








    หน้าทางเข้าจะมีจุดขายบัตรอยู่ค่ะ ราคา 40 บาท

    เอาหางบัตรไปแลกเล่นกิจกรรมด้านในได้ค่ะ




    ขนาดทางเดินยังเป็นสตอเบอร์รี่เลย ><

    ที่นี่ประกอบไปด้วย ไร่สตอเบอร์รี่ พื้นที่กว้างใหญ่









    มีมุมถ่ายรูปจัดเป็นโซนเทพนิยายต่าง ๆ มามิกซ์รวมกันค่ะ












    มาถึงนี่แล้วก็ขอแวะร้านอาหารสักหน่อย ที่มีเมนูสตอเบอร์รี่มากมายค่ะ






    สำหรับมื้อนี้ จัด สปาเกตตี้ซอสสตอเบอร์รี่ ค่ะ



    รสชาติซอสมะเขือเทศผสมน้ำสตอเบอร์รี่่

    และมีเนื้อสตอเบอร์รี่ใส่มาด้วยค่ะ ใครผ่านมาอย่าลืมแวะมาลองนะคะ

    อิ่มแล้ว ทีนี้ก็ไปแวะโซนกิจกรรมถ่ายภาพต่าง ๆ กันค่ะ



    หางบัตรก็นำมาแลกเล่นกิจกรรมได้ 2 อย่างคือ

    เข้าไปถ่ายภาพ 3D Arts ในปราสาท

     หรือเลือกใส่ชุดอัศวิน + เจ้าหญิง มาถ่ายรูปกับมังกรยักษ์ได้ค่ะ

    อันนี้ขอเลือก 3D Arts ละกัน





    ในนี้จะเป็นห้องเล็กๆ ไม่มีแอร์นะคะ และแต่ละรูปก็จะติดๆกันนิดนึง

    ตอนถ่ายรูปต้องเล็งมุมกล้องให้พอดีๆ นะคะ





    อันนี้ก็แล้วแต่จะดีไซน์ท่าทางกันได้ตามสะดวกค่ะ

    ยังมีอีกหลากหลายรูปให้เลือกถ่ายเล่นกันได้อีกเยอะนะคะ

    ขอปิดท้ายไร่บ่าวน้อยด้วยรูปนักล่ามังกรรูปนี้ค่ะ




     ทริปเชียงรายรอบนี้ยังไม่จบ ไปต่อกันได้ที่บล๊อคด้านล่างค่ะ
    v
    v


    - BABY INK -


    จิ้มที่รูปแล้วกดติดตามได้เลยฮับ













    Create Date : 23 พฤศจิกายน 2558
    Last Update : 17 เมษายน 2561 15:39:48 น.
    Counter : 2179 Pageviews.

    3 comment
    1  2  3  4  

    BabyInk
    Location :
      

    [ดู Profile ทั้งหมด]
     ฝากข้อความหลังไมค์
     Rss Feed
     Smember
     ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



    New Comments