📚 โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ◜◡‾)
Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องราวของ พระเสาร์

เรื่องราวของ ดาวเสาร์ ในเชิงวิทยาศาสตร์กันสักนิด 


ดาวเสาร์ (Saturn)

ดาวเสาร์ (Saturn) จัดเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่อยู่ถัดจากดาวพฤหัส (Jupiter) ครับ หากนับตามหลักโหราศาสตร์สากลจะจัดเป็นดาวคงที่ (Fixed Star) ลำดับที่ 7 ครับ (โหราศาสตร์สากล นับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวพลูโต รวมด้วยครับ แต่ไม่นับโลก) แต่หากนับตามหลักดาราศาสตร์ (Astronomy) ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 6 

ลักษณะเด่นของดาวเสาร์ก็คือ การที่เป็นดาวที่มีวงแหวนรอบๆ ตัวมันเอง ซึ่งแหวนที่เห็นนั้น เป็นกลุ่มเศษดาวนับล้านๆ ชิ้นที่โคจรรอบดาวด้วยแรงดึงดูดของดาวเสาร์เอง แม้จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึง 250,000 ก.ม. แต่มีความหนาไม่ถึง 1.5 ก.ม. มันปรากฏให้เห็นเป็นวงขนาดใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยองค์ประกอบขนาดเล็กจำนวนมาก เรามันว่าเรียกว่า “สโป๊ก (Spoke)” ถ้าจำไม่ผิด วงแหวนมันมีถึง 18 ชั้นเชียวนะ 

แต่ก่อนเป็นที่เชื่อกันว่า ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียว ในระบบสุริยะ ที่มีวงแหวน จนกระทั่งในปี พ.ศ.2520 ได้มีการค้นพบวงแหวนบาง ๆ รอบดาวยูเรนัส, ดาวพฤหัสบดีและดาวเนปจูน 

ขนาดของดาวเสาร์ก็ไม่ใหญ่ ไม่โต เป็นรองก็แค่ดาวพฤหัสเท่านั้นเอง มีขนาดเส็นผ่านศูนย์กลาง 120,536 ก.ม มีรอบการโคจรประมาณ 29 ปีต่อรอบครับ นั้นคือ จะอยู่ในแต่ละเรือนชะตาประมาณ 2.5 ปี




ดาวเสาร์ เมื่อเป็นดาวเคราะห์รอบนอก ( Outer planet ) หมายถึงดาวเคราะห์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า...แต่ในปัจจุบัน มีโปรแกรมท้องฟ้าจำลอง ช่วยให้เรามองตำแหน่งของมันได้ง่ายขึ้นด้วยตาเปล่าแล้ว) นั้นคือ จะเป็นดาวที่โคจรช้ามาก 

หากคิดตามหลักโหราศาสตร์สากล ที่แบ่งรอบการโคจรออกเป็น 360 องศาแล้ว ดาวเสาร์จะใช้เวลาเดินทางต่อหนึ่งองศาถึง 29.9 วันเลยทีเดียว หรือว่าง่ายๆ คือเป็นเดือนๆ กว่าจะเคลื่อนที่ไปองศาถัดไป (ดาวพุธซึ่งเป็นดาวเคราะห์รอบใน ใช้เวลาเดินทาง 0.24 วันต่อหนึ่งองศา)

ด้วยการที่เป็นดาวเคราะห์ที่เคลื่อนที่ช้ามาก อิทธิพลของดาวที่ส่งผลกระทบต่อเจ้าชะตานั้น จึงไม่ได้ปู้ดป้าดฉับไว แต่จะเป็นแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ซึ่งนั้นก็เป็นเหตุผลว่า ดาวเคราะห์รอบนอกทั้งหมด จะเป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงด้านความสัมพันธ์ของสังคมกับเจ้าชะตามากกว่า ในขณะที่ดาวเคราะห์รอบใน (ดวงอาทิตย์ถึงดาวอังคาร) จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคลิก ลักษณะ อารมณ์ ความคิด ของเจ้าชะตามากกว่า เพราะเรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จึงเข้ากับลักษณะของดาวเคราะห์รอบใน ที่มีลักษณะเคลื่อนที่เร็วไง

ความหมายทางโหราศาสตร์ของดาวเสาร์นั้น ปกติโหราศาสตร์ยุคก่อนๆ จะถือว่า ดาวเสาร์เป็นดาวบาป ดาวที่ให้เคราะห์อันดับหนึ่ง โดยจะมีขั้วทางความหมายที่ตรงข้ามกับดาวพฤหัส ซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์

ซึ่งอธิบายความหมายของดาวพฤหัสไว้ว่า เป็นดาวที่ให้อิทธิพลต่อชีวิตในการนำตัวเองออกสู่โลกภายนอก ออกไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ แล้วนำมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้เติบโตต่อไป

แต่จักวาลนี้ก็มิได้จะให้เราทุกคนสามารถเรียนรู้ และปลดปล่อยตัวเองได้อย่างไม่จำกัด เพราะไม่อย่างนั้น ทุกสิ่งมันจะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จักรวาลเลยถ่วงดุลพลังของดาวพฤหัสนี้ ด้วยพลังของดาวเสาร์

ดาวเสาร์ เป็นดาวที่ให้พลังในเชิงของการกำหนดบทบาท (Role) กำหนดขอบเขตของสิ่งต่างๆ ว่ามีขอบเขตแค่ไหน เป็นพลังที่ทำให้สิ่งต่างๆ ดำรงอยู่อย่างมีแบบแผนและกฎเกณฑ์ (Pattern and Discipline) ไม่ออกนอกลู่นอกทาง

มันจึงทำให้คนเราไม่สามารถใช้พลังของดาวพฤหัสในการแผ่สานตัวเองได้เท่าที่ควร ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกสิ่งยังคงมีสมดุลซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ หรือเติบโตไปกว่ากัน

มันจึงเป็นที่มาของความหมายในเชิงที่ว่า ทำให้คนเราไม่มีความเจริญเติบโต มีเคราะห์กรรม สมัยโบราณจึงมองว่า ดาวเสาร์เป็นดาวบาปไงจ๊ะ

แต่ความหมายในโหราศาสตร์ร่วมสมัยนั้น น่าสนใจกว่านั้น เพราะเรากลับมามองมันในมุมที่เป็นบวก (Positive side) กับชีวิตมากขึ้น ไม่ได้มองมันเป็นตัวร้ายแบบแต่ก่อน

นั้นก็คือ จริงๆ แล้วพลังของดาวเสาร์นั้น เป็นพลังที่ให้เราได้เรียนรู้ชีวิต ให้เราได้มีประสบการณ์ (Experience) มีวุฒิภาวะมากขึ้น (Maturity) มีกฎเกณฑ์มากขึ้น (Ruler ship) ก็เพื่อไม่ให้เราเองได้หลงระเริงต่อการเติบโต และเติบใหญ่อย่างไร้สติ เป็นพลังที่กำหนดทุกอย่างให้อยู่ในร่องในรอย ในกรอบที่ควรต้องเป็น มันคืออะไร มันก็คือ อิทธิพลของสังคมโดยรอบที่มีต่อเราไงจ๊ะ


ที่มา : https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=myastro&month=09-2006&date=13&group=2&gblog=11





#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม  #www.baankhunyai.com
#เรียนดูดวงไทยฟรีที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม   #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#ดาวบอกวิถี  #อ่านดวงอิงดาว #รู้ดาวอ่านดวง #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#คุณยายกลิ่นโสม




 

Create Date : 29 กันยายน 2564    
Last Update : 29 กันยายน 2564 11:55:47 น.
Counter : 2027 Pageviews.  

ความเป็นมาของดาวเสาร์


ความเป็นมาของดาวเสาร์

เรื่องราวของพระเสาร์ ก็ขอเอาด้านความรู้วิทยาศาสตร์สาขาดาราศาสตร์กันสักนิดนะ พระเสาร์ (Saturn) เป็นดาวพระเคราะห์ขนาดใหญ่รองจากดาวพฤหัสบดี มีวงแหวนล้อมรอบ กาลิเลโอพบตั้งแต่ พ.ศ.๒๑๕๓ และเมื่อ พ.ศ. ๒๑๙๙ ฮุยเจน (Huygens) นักดาราศาสตร์ชาวฮอลันดาจึงได้พบวงแหวนรอบดาวพระเสาร์ ดาวพระเสาร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๗๖,๕๐๐ ไมล์ ใหญ่กว่าโลกมาก อาจบรรจุโลกได้ถึง ๘๐๐ โลก แต่ความแน่นทึบมีเพียง ๑ ใน ๘ ของโลก จึงหนักเพียง ๙๕ เท่าของโลก ความดึงดูดก็มีน้อย คือมีมากกว่าโลกเพียง ๑ ใน ๕ เท่านั้น ดาวพระเสาร์โคจรห่างจากพระอาทิตย์เฉลี่ยประมาณ ๙.๕๔ หน่วยดาราศาสตร์ ห่างที่สุดราว ๙๓๖,๓๘๘,๐๐๐ ไมล์  ทางโคจรเป็นรูปไข่รี โคจรด้วยความเร็ว ๖ ไมล์ต่อวินาที โคจรรอบดวงอาทิตย์นานถึง ๒๙.๔๖ ปี แต่หมุนรอบตัวเองเร็ว ใช้เวลาราว ๑๐ ชั่วโมง ๓๘ นาทีเท่านั้น ดาวพระเสาร์อยู่ห่างจากโลกที่สุดราว ๑,๐๓๐,๙๑๒,๑๐๐ ไมล์ และใกล้ที่สุดราว ๗๔๒,๖๔๔,๐๐๐ ไมล์
ก็เอาเรื่องนี้มาเจิมกันเพียงเท่านี้ละครับ
เรื่องกำเนิดพระเสาร์ก็ดูๆ จะยุ่งๆ ชวนให้ปวดหมองอีกนั่นแหละครับ ในทางโหราศาสตร์ว่าพระอิศวรทรงสร้างพระเสาร์จากเสือ ๑๐ ตัว ในหนังสือเฉลิมไตรภพกล่าวไว้ดังนี้

แล้วนำพยักฆ์ยิ่งยง          สิบตัวประสงค์
ถวายพระองค์ทรงญาณ
พร้อมเสร็จเสด็จภินิหาร    เพ่งเนตรเสนาพาล
พยัคฆ์เป็นผงคลี
ผ้าทิพย์สีเขียวแกสี่          ห่อผงธุลี
คลุกคลีระคนปนกัน
สวดมนตร์ประน้ำทิพย์วัน   รดลงเร็วพลัน
ห่อนั้นก็เป็นเทพา
ทรงเครื่องรุ่งเรืองรจนา      เขียวทั้งกายา
นามว่าพระเสาร์เสารี

บางตำนานก็ว่าพระเสาร์เป็นโอรสของ พรพลราม กับ นางเรวดี และก็บางตำนานอีกนั่นแหละว่าพระเสาร์เป็นโอรสของพระอาทิตย์องค์ที่เป็น พระสุริยาทิตย์ กับ นางฉายา เฉพาะเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกหน่อย ก็ไม่หน่อยละมากเหมือนกันแหละ และมีเรื่องอยู่ในวิษณุปุราณะเชียวนะ เรื่องของเรื่องก็คือ พระสุริยาทิตย์หรือพระอาทิตย์นี่แหละมีชายา ๕ องค์ คือ สัญญา ฉายา สุวรรณี สวาดี มหาวีรยา แต่พระอาทิตย์รักนางสัญญามากที่สุด แน่ะ เทวดาก็ยังมีลำเอียงด้วยแฮะ อันว่า นางสัญญาหรือสรัณยา หรือ สังคณา ก็องค์เดียวกันนะเนี่ยเป็นบุตรีของพระวิศุกรรม เมื่อได้กับพระสุริยาทิตย์และอยู่ด้วยกันหลายปีดีดักจนมีลูกถึง ๓ องค์ นัยว่าตอนแรกๆ ก็ทนความร้อนของพระอาทิตย์ได้ นานเข้าชักทนไม่ไหว ที่ทนอยู่จนได้ลูกถึง ๓ องค์น่ะนัยว่าอยู่ทนแล้วนะเนี่ย เห็นจะทนอยู่ต่อไปไม่ไหวก็เล่นอุบาย โดยเธอหลบเสีย หลบไปไหนล่ะ ก็คอยอ่านตอนว่าด้วยเรื่องพระอาทิตย์เถอะส่วนตัวปลอมเธอก็ให้นางฉายาเป็นแทน พระสุริยาทิตย์ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นการย้อมแมวกัน และก็อยู่ด้วยกันหลายปีจนนางฉายาได้โอรสคือพระเสาร์นี่แหละ เรื่องพระเสาร์เป็นโอรสของพระสุริยาทิตย์กับนางฉายาก็เป็นอย่างที่ว่านี่แหละ แต่ต่อมาความจริงก็ถูกเปิดซิครับ เรื่องอย่างนี้ปิดกันไม่ได้หรอก แต่ในเรื่องน่ะความจริงที่ถูกเปิดออกจะเป็นเรื่องประหลาดไม่เหมือนมนุษย์หรอก อ้อเป็นเรื่องเทวดานี่ ลืมไป เรื่องก็มีว่าวันหนึ่งนางฉายามีความโกรธพระยม พระยมนี่เป็นโอรสของนางสัญญาหรือสรัณยากับพระสุริยาทิตย์ นางฉายาก็แช่งฉับเข้าให้ ผลก็เป็นไปตามที่แช่ง ตรงนี้ละเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง คือผิดธรรมเนียมเทวดา เพราะตามธรรมดาคำแช่งของมารดาจะไม่ยังผลต่อบุตร แต่นี่มีผล พระสุริยาทิตย์ก็ใช้วิชาตรรกวิทยาได้ว่า นางยานี่ต้องไม่ใช่แม่ของพระยมถึงได้แช่งแล้วได้ผล เมื่อไม่ใช่แม่ของพระยมต้องไม่ใช่นางสรัณยา เมื่อไม่ใช่นางสรัณยาก็ต้องเป็นตัวปลอด จับความจริงกันได้ด้วยวิธีการนี้ครับ

 

เรื่องกำเนิดพระเสาร์มีเรื่องแปลกออกไปอีก ในตำรับสันสกฤตเรื่องปาราศรโหราศาสตร์และศานติศาสตร์น่ะ กล่าวว่าพระเสาร์เกิดที่เมืองเสาราษฎร์ อยู่ในวรรณะศูทร รูปร่างดำเป็นนิล ผอมสูง แต่คงไม่ใช่ดาร์คทอลแอนด์แฮนซั่มหรอก เพราะนัยน์ตาจะเป็นน้ำผึ้ง แต่ฟันใหญ่ ผมเหมือนขนลา และมีฐานะเป็นเพียงคนใช้ ถึงกระนั้นก็มีอาวุธประจำตัว คือมีศูลและธนู มีหาหนะเป็นนกแร้ง แต่บางทีก็ว่าเป็นกา ที่ร้ายไปกว่านั้นในตำรับที่ว่านี่แหละ ยังเหมาเอาว่าพระเสาร์เป็นกะเทยเข้าไปอีก คือเป็นนปุงสกลึงค์ ผมออกประหลาดใจแท้ กะเทยนี่มีแล้วแต่ครั้งกระโน้นหรือ

พระเสาร์นี้ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งกสิกรรมและอารยธรรม ทั้งมีหน้าที่ดูแลรักษาฤดูวสันต์คือฤดูใบไม้ผลิ

ส่วนนามแฝงของพระเสาร์มีดังนี้ครับ
กรูรโลจน์ (มีนัยน์ตาดุ)
ปังคุ (มีขาพิการ)
นิลวาส (อาภรณ์สีดำ)
สัปตารฺจิ (มีเปลวเป็นรัศมีเจ็ดแฉก)
ศนิ (ย่อมมีปรกติช้า)
ศไนสฺจร (ไปไหนช้า)
นันทะ (เงื่องหงอย)

เรื่องพระเสาร์ขาเขยกไปไหนช้าเงื่องหงอยนั่นน่ะ ที่จริงผมก็ได้เล่าไว้ในเรื่องพระคเณศแล้วละ จะฉายซ้ำชนิดสั้นอีกครั้ง คือพระอุมามเหสีพระอิศวรมีโอรส บรรดาเทวดาทั้งหลายทั้งปวงก็ไปแสดงความชื่นชม มีแต่พระเสาร์ไม่ยอมมองพระกุมาร ครั้นพระอุมาตรัสถามพระเสาร์ก็เล่าความจริงว่าตนถูกเมียแช่งไม่ให้มองใครถ้ามองใครผู้นั้นจะพินาศ สาเหตุเพราะเมียโกรธที่ตนเข้าฌาณเพลินจนไม่รู้ว่าเมียบ่นเรื่องอะไร พระอุมาก็ขืนให้ดู พระเสาร์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจำใจดู ผลพระกุมารเลยหัวขาด พระนารายณ์ต้องทรงครุฑไปยังลำน้ำบุษปภัทร ตัดศีรษะช้างมาต่อให้กุมาร พระอุมาเลยสาปให้พระเสาร์ขาเป๋ครับ

อ้อ พระเสาร์ไม่ค่อยจะกินเส้นกับพระอังคารนัก ถึงแม้จะเป็นดาวพระเคราะห์ด้วยกันก็เถอะ ทั้งนี้เพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันแต่ปางก่อน คือมีเรื่อง ๒ เรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งพระเสาร์ถือกำเนิดเป็นงู พระอังคารถือกำเนิดเป็นหมองู หมองูก็จับงูไปทรมานให้คนดูเล่น งูก็เจ็บและแค้นละครับ อีกเรื่องหนึ่งพระเสาร์ไปเกิดเป็นต้นตะเคียนพระอังคารไปเกิดเป็นคนมีนามว่าพระยาโปริสาตในขณะที่พระยาโปริสาตไปล่าสัตว์เผลอสะดุดตอตะเคียนเข้าเสี้ยนตำที่เท้า ด้วยความเจ็บปวดก็เลยโมโหตอตะเคียน นี่แหละผลนายเวรแต่ปางก่อนละ พระอังคารกับพระเสาร์จึงปีนเกลียวกัน

ในรามเกียรติ์น่ะพระเสาร์ลงมาเกิดเป็นทหารของพระรามด้วยนะ คือเป็นลิงชื่อนิลพานรหรือวิมล

รูปร่างของพระเสาร์นั้น เขียนเป็นมนุษย์รูปร่างแข็งแรงมีรัตนมณีนิลเป็นอาภรณ์อย่างเทวดา สีกายดำมือถือศูลและธนู มีนัยน์ตาดุ ขาพิการ บนเศียรทำเป็นรัศมี ๗ แฉก และทรงเสือเป็นพาหนะ

ก็เป็นอันจบเรื่องพระเสาร์ครับ ทีนี้ผมก็ต้องต่อเติมเรื่องอื่นอีกนั่นแหละ คราวโน้นผมเพิ่มเรื่องวรรณะต่างๆ ไว้ คราวนี้ผมเพิ่มเรื่องพราหมณ์อย่างเดียว โดยที่ขอคัดจากอภิธานศกุนตลาพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๖ เลย มีดังนี้ครับ

พราหมณ์  เป็นชนชาต (หรือวรรณะ) ที่ ๑ ตระกูลนักบวช แต่ไม่จำเป็นจะต้องบวชทุกคน
มานวธรรมศาสตร์จัดพราหมณ์เป็น ๔ ชั้น (อาศรม) คือ
๑. พรหมจารี  นักเรียน มีหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติและศึกษาพระเวทในสำนักคณาจารย์คนใดคนหนึ่ง (เทียบกับทางพุทธศาสน์ คือสามเณรและนวกะ)
๒. คฤหัสบดี ผู้ครองบ้าน มีภรรยาและครอบครัวเป็นหัวหน้าในบ้าน อ่านและสอนพระเวท ทำการบูชาเองหรือช่วยผู้อื่นกระทำชญกรรม ให้ทานและรับทักษิณ
๓. วานปรัสถ์  ผู้อยู่ป่า ละเคหสถานและครอบครัวเข้าป่าเพื่อทรมานตน มักน้อยในอาหารและเครื่องนุ่งหุ่ม กระทำทุกขกิริยาต่างๆ สมาธิและมั่นคงในกิจวัตร (พวกดาบสและโยคีอยู่ในจำพวกนี้)
๔. สันน์ยาสี เพียรภิกขาจาร เลี้ยงชีพด้วยการขอเขากิน และตั้งจิตมุ่งอยู่ตรงพระปรพรหมและนฤพาน อีกนัยหนึ่งเรียกว่าภิกษุ (แต่คำภิกษุหรือภิกขุในสมัยนี้ใช้เรียกแต่นักบวชในพระพุทธศาสนาเป็นพื้น พราหมณ์ที่ประพฤติอย่างภิกขุคงเรียกว่าสันน์ยาสีอย่างเดียว)

ชาติพราหมณ์ มีแบ่งเป็นตระกูลเล็กตระกูลน้อยเป็นอันมากเหลือที่จะพรรณาได้หมด ที่นับว่าเป็นตระกูลหรือคณะอันมีชื่อเสียงมากที่สุด คือคณะเหนือกับคณะใต้ดังนี้
ปัญจโคท (คณะเหนือ) อยู่ในแคว้นองคราษฎร์ (Bengal) มี ๕ เหล่า คือ
๑. กานยกุพชะ อยู่เมืองกันยกุพช์ (Kanauj)
๒. สารัสวัต  อยู่ตามริมฝั่งน้ำสรัสวดี (Sarsuti River)
๓. โคทะ (Gauda Bengal)
๔. มิถิลา (Nort Bihar)
๕. อุตกล (Orissa)

ปัญจทราวิฑ (คณะใต้) คือคณะพราหมณ์ทมิฬ มี ๕ เหล่าคือ
๑. มหาราษฎร์ (Mahratta Country)
๒. เตลิงคะ (Telegu Country)
๓. ทราวิท หรือทมิฬ (Taimil Country)
๔. กรรนาฏ (Canarese Country)
๕. คูร์ชระ (Gujerat)

ข้าพเจ้าได้เขียนนามตำบลเป็นภาษาอังกฤษกำกับไว้ เพราะเห็นว่าถ้ามิฉะนั้นผู้ศึกษาภูมิศาสตร์ตามตำราฝรั่งจะฉงน จะบ่นว่าไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน เช่นเมืองมหาราษฎร์เป็นต้น เคยได้ยินแต่ครูเขาเรียกอย่างอังกฤษว่า มาแร็ตต้า จะให้รู้จักอย่างไร เมื่อมาเห็นเขียนเป็นไทยว่ามหาราษฎร์

ข้างต้นผมคัดจากอภิธานศกุนตลาครับ แต่เห็นมีความต่อเนื่องน่ารู้อีกนิด ตรงเรื่องวานปรัสถ์นั่นแหละ ในหนังสือชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงสารานุประพันธ์ได้แบ่งย่อยลงไปอีกขอเติมเลยนะครับ

๑. ฤาษี แปลว่าผู้แสวง หมายถึงการแสวงหาโมกษะ คือการหลุดพ้นจากสงสารวัฏความเวียนว่ายตายเกิด
๒. โยคี แปลว่าผู้บำเพ็ญโยคะ คือความเพ่งเล็งในดวงจิต เพื่อประโยชน์ให้อาตมันหรือวิญญาณได้เข้าร่วมอยู่ในปรมาตมัน (หรือปรพรหม) ให้เกิดความบริสุทธิ์ใสสะอาดแม้กระทบอารมณ์ใดๆ ก็ไม่ปรวนแปร
๓. ดาบส  แปลว่าผู้บำเพ็ญตบะ คือการทรมานกายโดยวิธีฝืนปกติแห่งอิริยาบถต่างๆ เพื่อหวังผลสำเร็จเป็นผู้วิเศษ เช่น ยืนตีนเดียว เหนี่ยวกินลมอยู่นานนับด้วยสิบๆ ปี หรือนั่งสมาธิไม่ลุกขึ้นนับด้วยสิบๆ ปี
๔. มุนี  แปลว่าผู้สงบ ได้แก่ผู้บำเพ็ญตบะที่นุ่งห่มสีเหลือง
๕. สิทธา แปลว่าผู้สำเร็จฌานสมาบัติ คือผู้กระทำตบะและโยคะ ได้ถึงที่สุดแล้ว
๖. นักพรต แปลว่าผู้บวช และถือพรตพรหมจรรย์ตามลัทธิพราหมณ์
๗. ชฎิล แปลว่า ฤาษีผู้มุ่นมวยผมสูงเป็นชฎา

ความรู้เล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ ทำให้ผมเขียนเรื่องชุดนี้ได้สบายใจขึ้นครับ เพราะไม่ต้องขยายความของเทพให้ได้ยาวพอเหมาะกับหน้า อย่าได้ถือเป็นเรื่องกริ้วโกรธเลยครับ ผู้อ่านบางคนยังเป็นนักเรียนนักศึกษาที่จำใจเรียนวรรณคดีน่ะจะพลอยได้รับความรู้ไปอย่างที่ไม่คิดว่ามันคือตำราครับ
 

ที่มา:รองศาสตราจารย์ประจักษ์  ประภาพิทยากร
         https://www.silpathai.net/ความเป็นมาของพระเสาร์



------------------------------------


Smiley #เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่..> บ้านคุณยายกลิ่นโสม SmileySmiley 
baankhunyai.com

ดูดวง ID Line  : baankunyai




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2564    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2564 12:25:05 น.
Counter : 1212 Pageviews.  

ตำนาน พระเสาร์

   ตำนานพระเสาร์

พระเสาร์ : เทพเจ้าแห่งการกสิกรรม , สันโดษ, กระตือรือร้น , มานะอดทน

"พระเสาร์" เป็นโอรสของ “พระอาทิตย์” และ “พระนางสัญญา” นิสัยใจร้อน ไม่ชอบอ่อนข้อให้ใครตามประสาลูกคนมีอิทธิพล มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบยุ่งกับชาวบ้านแต่ ชอบทำงานที่ได้หน้า ถ้าปิดทองหลังพระ เทพองค์นี้ขอบายลูกเดียว จะเรียกว่าทรงฉลาดแกมโกงนิดๆ ก็ได้

พระเสาร์ (เทวนาครี:शनि, ศนิ) เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ในคติไทย 

ที่มากำเนิดเทพพระเสาร์  ว่ากันตามความเชื่อบอกว่าพระอิศวรสร้างเทพพระเสาร์ขึ้นจากเสือ 10 ตัว เเต่ก็ยังมีอีกหลายตำนานที่กล่าวถึงกำเนิดพระเสาร์ไว้มาก ตามตำราปุราณะบอกว่าพระเสาร์เป็นโอรสของพระอาทิตย์กับนางฉายา ความจริงพระอาทิตย์มีชายาเอกคือนางสัญญา วันหนึ่งนางสัญญาเกิดทนรัศมีความร้อนจากพระอาทิตย์ไม่ไหวได้หนีไป เเละนั่นเป็นเหตุให้นางฉายามาสวมรอยเเทน จนให้กำเนิดพระเสาร์ขึ้นมา วันหนึ่งนางฉายานึกโกรธลูกของนางสัญญาจึงเผลอสาปทำให้พระอาทิตย์รู้ความจริงว่านางฉายาที่เป็นมารดาของพระเสาร์นั้นเป็นตัวปลอม

ในหนังสือกำเนิดเทวดาที่อ่านมาได้บอกเหตุผลไว้ว่าสำหรับเทวดาทั้งหลายนั้นคำสาปของเเม่จะไม่เกิดผลกับลูกตนเองค่ะ พระอาทิตย์จึงรู้ว่านางฉายาปลอมตัวมา 

พระเสาร์เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางรุนแรง นั่นคือ ผู้ใดเกิดวันเสาร์หรือมีพระเสาร์สถิตร่วมกับลัคนา มักมีกิริยาดุดัน แข็งแรง กล้าได้กล้าเสีย บุคลิกเคร่งขรึม

ตำราของศาสนาพราหมณ์บรรยายรูปลักษณ์ของพระเสาร์ไว้ว่าเป็นเพศชาย มีรูปร่างสูงโปร่ง มีสง่า ผิวคล้ำ ส่วนชาวฮินดูนับถือพระเสาร์เป็นเทพแห่งการทำเกษตรกรรม เป็นเทพประจำฤดูวสันต์(ฤดูใบไม้ผลิ) ผู้คนนิยมบูชาเพื่อให้ช่วยมอบความสมบูรณ์ให้แก่พืชผลต่างๆ ส่วนตำราโหราศาสตร์มีทำนายเรื่องตำแหน่งโคจรของดาวเสาร์ไว้สองทาง ทางที่หนึ่งคือดาวเสาร์เป็นดาวให้เคราะห์ ถ้าส่งอิทธิพลต่อใครก็จะได้รับเรื่องไม่ดีไประยะหนึ่ง เเต่ขณะเดียวกันถ้าดาวเสาร์โคจรอยู่ในจุดที่ให้ผลดีกว่า คนๆ นั้นก็จะได้รับเเต่เรื่องดีๆ ไปอีกระยะหนึ่งเช่นกัน ตามความเชื่อยังบอกต่อไปว่าพระเสาร์นั้นเป็นมิตรกับเเค่พระราหูองค์เดียว เเต่เป็นศัตรูกับพระอังคาร

ความเชื่ออื่นๆ เกี่ยวกับเทพพระเสาร์ มีความเชื่อตามเเบบชาวกรีกโบราณบอกไว้ว่า เทพโครนัสเป็นเทพพระเสาร์ของฝั่งตะวันตก พระองค์เคยเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้นำของเหล่าไททั่น ซึ่งเทพโครนัสได้โค่นอำนาจผู้เป็นบิดาคือเทพยูเรนัส เเละขึ้นครองบัลลังก์เเทน ต่อมาก็ถูกเทพซุสผู้เป็นโอรสของตนเองโค่นบัลลังก์ต่อตามคำสาปของพระมารดาที่เคยสาปไว้เมื่อตอนที่โค่นบัลลังก์บิดาตนเอง เพราะช่วงที่ขึ้นครองนั้นเป็นยุคทอง เทพโครนัสจึงได้รับการบูชาในฐานะเทพเจ้าเเห่งการเก็บเกี่ยว 

ตามนิทานชาติเวร พระเสาร์(๗)เป็นมิตรกับพระราหู(๘)และเป็นศัตรูกับพระศุกร์(๖)ในโหราศาสตร์ไทย ว่า.. "ทายโทษทุกข์ให้ทายเสาร์"
 
สำหรับพระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ก็คือ ปางนาคปรก



ที่มา : https://manndii.com/wp/2017/11/23/ประวัติเทพพระเสาร์-เทวดา




#By_คุณยายกลิ่นโสม :: 141SmileySmiley
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ได้ที่..>> www.baankhunyai.com
ดูดวง ID Line  : baankunyai




 

Create Date : 12 มกราคม 2564    
Last Update : 12 มกราคม 2564 18:41:15 น.
Counter : 1199 Pageviews.  

ว่ากันเรื่องแรกก็เรื่อง ความหมายดาวเสาร์

ว่ากันเรื่องแรกก็ว่าเรื่อง ความหมายดาวเสาร์

  ความหมาย .. ดาวเสาร์
เราใช้เลข ๗  แทนดาวเสาร์ ในการพยากรณ์
ดาวเสาร์  ถือครองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้(หรดี)
ดาวเสาร์ จัดเป็นดาวบาปพระเคราะห์ ธาตุไฟ


 
ตามตำนานโหรฯ พระอิศวรผู้เป็นเจ้า สร้างพระเสาร์ขึ้นจากพยัคฆ์ ๑๐ ตัว โดยร่ายพระเวทให้เสือนั้นป่นลง แล้วจึงห่อด้วยผ้าสีดำ (Dark Brown Sehia) ประพรมด้วยน้ำอมฤต ก็บังเกิดเป็นองค์พระเสาร์เทวราชขึ้น มีสีกายเป็นสีคล้ำ ทรงรัตนนิลเป็นทิพยอาภรณ์ มีวิมานเป็นสีมรกต ทรงพยัคฆ์ราช (เสือ) เป็นพาหนะ  ฉะนั้นเสาร์จึงให้มีกำลังตามทักษาเท่ากับ ๑๐
 
ดาวเสาร์ จัดเป็นดาวบาปพระเคราะห์ ธาตุไฟ ธรรมซาติของไฟเป็นไงคะ ร้อนใช่ไหม ความร้อนให้พลังงาน หากแต่ไฟอย่างดาวเสาร์จะเป็นไฟด้านๆ อย่าคิดว่าไฟด้านๆจะไม่ร้อนนะจ๊ะ เพราะไฟอย่างดาวเสาร์เธอจะมีความร้อนและพลังงาน เพราะเธอกรุ่นๆอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่โชติช่วง รุนแรงให้เห็น หากแต่จะให้พลังงานไม่ขาดสาย มีพลังงานความร้อนมากพอที่จะหลอมเหล็กกล้าหรือหินที่แข็งๆได้เลยหล่ะ
 
ดาวเสาร์เป็นดาวที่ให้คุณและให้โทษช้า เพราะต้องสะสมมาเป็นเวลานานเช่นกัน ฉะนั้นจึงให้ผลแน่นอน และหนักแน่น จริงจัง และยังให้ผลเป็นระยะเวลานาน ตามคุณสมบัติของดาวเสาร์ อีกด้วย ฉะนั้นเมื่อสะสมดีไว้เป็นเวลานาน ก็จะได้ผลดีตอบแทนเป็นระยะเวลานาน  หรือหากสะสมไม่ดีไว้เป็นระยะเวลานาน ผลไม่ดีก็จะอยู่นานเช่นเดียวกัน


 
ว่ากันว่า คนที่มีดาวเสาร์กุมลัคนา มักจะส่งผลให้เจ้าชะตา เป็นคนไม่ชอบสังคม ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ดูเป็นคนเงียบๆหงอยๆ เก็บตัว ไม่ช่างพูด ช่างคุย ชอบสันโดษ ลักษณะดูเหมือนคนอมทุกข์ หน้าตาดูไม่มีความสุข หน้าตาเฉยๆ หน้าตาดุซีดเซียว ไม่มีสีสัน หน้าตาดูเหมือนไม่มีความสุข ดูอมทุกข์ หน้าตาดูเฉยๆ เหมือนเสือยิ้มยาก มักจะเป็นคนอาภัพ ชีวิตกว่าอะไรมักได้ช้า และค่อนข้างมีอุปสรรค ส่วนใหญ่มักอาภัพ เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดี
 
หากเสาร์กุมลัคนา และยังสัมพันธ์จิตใจ(ตนุเศษ) ก็จะทำให้เป็นติดถือดี ไม่ใคร่เชื่ออะไรได้ง่ายๆ แต่เมื่อเชื่อแล้วมักฝังใจ มักเป็นมองอะไรด้านลบก่อนด้านบวก หัวดื้อ หัวแข็ง ดื้อดึง ใจดำ เป็นคนคิดมาก ขี้วิตกกังวล เป็นคนอคติง่าย อาฆาตนาน
 
ทั้งนี้เราต้องดูประกอบว่าดาวเสาร์กุมลัคนาที่ราศีธาตุใด และสัมพันธ์ถึงจิตใจราศีไหนอีกด้วย และดาวเสาร์มาจากเรือนอะไรอีกด้วย ซึ่งจะทำให้อ่านได้ จำเพาะเจาะจงมากขึ้น ละเอียดมากขึ้นอีกด้วย 

จากตัวอย่างดวง ดาวเสาร์อยู่ราศีตุล กุมลัคนา ย่อมทำให้เป็นคนทำอะไรตามใจตน เสาร์เป็นคนคิดอ่านทำอะไรจริงจัง เคร่งเครียด ฉะนั้นเมื่อเสาร์เป็นดาวที่มาจากเกษตรลัคนาราศีมังกร จึงทำให้เป็นคนทำการงานอะไร มักทำจริงๆจัง เสาร์เป็นว่าเก่า จึงทำให้เป็นคนทำอะไรตามสิ่งที่เคยทำมา และเสาร์เองยังได้ต่ำแหน่ง อุจ อุจแปลว่ามาก กำลังมาก ฉะนั้นจากรูปดวงจึงทำให้รู้ว่าเจ้าชะตามีกำลังในการทำการงาน หรือทำอะไรมากกว่าคนอื่น ภายในครอบครัว เสาร์มาจากพันธุ 

เสาร์อยู่ราศีตุล ราศีตุลมีดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน ศุกร์ใหม่ เสาร์เก่า ฉะนั้นจึงทำให้เจ้าชะตาเป็นคนคิดหรือทำอะไร จึงเป็นคิดอะไรสบายๆอย่างดาวศุกร์ เดี่ยวก็เป็นคนคิดมากอย่างดาวเสาร์ คิดสลับไป สลับมา จึงทำให้เจ้าชะตากลับกลายเป็นเดี่ยวๆดี เดี๋ยวๆร้าย แบบดาวศุกร์และดาวเสาร์ (ยายขออ่านเท่านี้ก่อนนะ  แล้วเราจะไปอ่านเต็มๆในบทการอ่านต่อไปนะจ๊ะ)

คุณสมบัติด้านดี หมายถึง การอดทนในการฝ่าฟันต่อสู้ บากบั่น การอดทนต่ออุปสรรค มีความวิริยะอุตสาหะ มีสติ ซื่อสัตยืมั่นคง ประหยัดมัธยัสถ์ กระเหม็ดกระแหม่ อดออม มีความละเอียดรอบคอบ ซื่อตรง มั่นคง รับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัยและเคร่งครัด มีความรับผิดชอบ วเคราะห์แยกแยะเหตุผล ในภาระหน้าที่ เอาจริงเอาจัง มีความเด็ดขาด ความแน่นอน เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ความอดทน และแบกรับเอาไว้ซึ่งหน้าที่ ความระมัดระวัง มีความรอบคอบ ความอดทน มีความวิริยะอุตสาหะ ความจริงใจ ไว้วางใจในตัวเอง คนที่ได้รับความไว้วางใจ มีน้ำอดน้ำทน  ทรหดต่อสภาพเลวร้าย มีความคิดอนุรักษ์นิยม มีหิริ-โอตัปปะ  สันโดษ ถี่ถ้วนรอบคอบ มีสติสัมปชัญญะ มีความอดทน การบังคับ ควมคุมตัวเองสูง มีเหตุมีผล  ความสามารถในการบริหาร การจัดตั้ง  มีความสามารถในจัดตั้งองค์กร  มีความสามารถในการจัดตั้งกลุ่ม คนที่ทำงานเพื่อส่วนรวม กำหนดขอบเขต มีแผนการที่แน่นอน ฯลฯ

 คุณสมบัติด้านเสีย หมายถึง เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ บ้าสมบัติ ไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้ ถือเอาความคิดตนเป็นใหญ่ ดื้อรั้น ไม่ปรับตัว ใจดำ เลือดเย็น ความเย็นชา มองทุกสิ่งในแง่ร้าย มองโลกด้านลบ จิตใจคับแคบ ไม่มีน้ำจิตน้ำใจ เป็นคนชอบอคติ ช่างคิดช่างวิจารณ์ในทางที่ผิดๆ นอกรีตนอกรอย มีเงื่อนงำ เก็บกด เก็บตัว ใจน้อย ขี้อาย ขี้ระแวงสงสัย ช่างกังวล ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เศร้าโศก ระทมทุกข์ หมองหม่น หวาดระแวง ไม่แน่ใจสงสัย อาฆาตเป็นโรคประสาท จิตวิปลาส ฟุ้งซ่าน จิตเสื่อม เครียด เก็บตัว  คิดมาก วิตกกังวล หวาดหวั่น ช่างจดช่างจำ ย้ำคิดย้ำทำ โกรธง่าย ซ่อนเร้น ความป่วยหนัก ขี้เหนียวตระหนี่ เหงาหงอย ขี้เกียจ ชาเย็น เฉื่อย ดื้อรั้น ทิฐิมาก หงุดหงิด โกรธแค้น ไม่พอใจไปทุกเรื่องทุกสิ่ง มีความคิดอคติ ไร้สมรรถภาพ ผู้กดขี่ ฯลฯ
 
แสดงถึงจิตใจ หมายถึง เงียบขรึม นิ่งเฉย นิ่งเงียบ สันโดษ เก็บกด ปลีกวิเวก ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบวุ่นวาย มีโลกส่วนตัว ลึกลับ แปลกแยก ละเอียดรอบคอบ ตระหนี่ เห็นแก่ตัว เจ้าคิดเจ้าแค้น อาฆาตพยาบาทสูง อิจฉาริษยา อาฆาต กินแหน่งแคลงใจ พิถีพิถัน จุกจิกจู้จี้ ใจดำ ระแวดระวัง ขี้ระแวง ความทุกข์ใจ  อารมณ์ขุ่นมัว ความหวาดกลัว อมทุกข์ หนักแน่น เก็บความรู้สึก เย็นชา เจ้าระเบียบ รักสันโดษ ความตื้อตันทางความคิด 

บุคลิกภาพ หมายถึง เก่าหรือแก่ ดูเก่าแก่ เคร่งขรึม ระมัดระวัง ยาวหรือสูง ช้า เชื่องช้า อืดอาด ไม่กระฉับกระเฉง ไม่คล่องแคล่ว  บึกบึนอดทน ปรับสภาพได้ช้า ทนทานความหนักได้ดี เก็บตัว สันโดษ
 
บุคคล หมายถึง คนแก่่ คนเก่าคนแก่ บุลคลที่มีอายุงานมานานๆ หรือ มีประสบการณ์ที่สูง คนหัวโบราณ คนที่มีอายุยืน ทหาร ตำรวจ ตำรวจชายแดน นักธุรกิจที่ดิน นักปกครอง นักวิเคราะห์  นักวางแผน นักออกแบบ คนใช้แรงงาน คนงาน เจ้าของโรงงาน ช่างก่อสร้าง กรรมกร เกษตรกร ชาวนา ชาวไร่  ภารโรง คนพิการ คนที่ถูกกดขึ่ ผู้ควบคุม(ใช้แรงกำลัง)  กรรมการคนขายเครื่องเหล็ก เครื่องก่อสร้าง ช่างบักกรี ช่างอ๊อก ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ผู้ควบคุมนักโทษ พัสดีเรือนจำ พ่อค้าแม่ค้าขายเนื้อ ขายหมู ขายไก่ ข่างซ่อมนาฬิกา เกษตรกร นายเหมือง โรงเลื่อย คนงานโรงเลื่อย ช่างยนต์ นักอุตสาหกรรม  เจ้าของโรงงานอุตสหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมการเกษตร ช่างสำรวจ ผู้ร้าย คนงาน คนขนส่ง คนขับรถเมล์ คนขับรถบรรทุก พนักงานขับรถไฟ ช่างอิฐ ช่างปั้น คนเก็บขยะ คนขนขยะมูลฝอย คนที่ยุ่งเกี่ยวกับงานศพ สัปเหร่อ คนที่มีอาการทางประสาท คนที่ความคิดย้ำคิดย้ำทำ นักบวชในลัทธิต่างๆ หมอเวทมนตร์ หมอยา หมอแผนโบราณ  แขก อินเดีย ฯลฯ

 สถานที่ หมายถึง บ้านพักคนชรา ร้านค้าของเก่า  ถนน บ้านร้าง สะพาน กำแพง สถานที่เก่าแก่ ปราสาท โบราณสถานต่างๆ อาคารเก่า บ้านเก่า บ้านร้าง  สถานที่รกร้าง โรงนา ที่ว่างเปล่า  ที่ดิน โรงเก็บพัสดุ โกดังเก็บของ โรงสี ยุ้งฉาน โรงงาน กรมทรัพยากรธรณี เหมืองแร่ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บ้านพักคนชรา  สถานที่ก่อสร้าง  สถานที่เศร้าโศกเสียใจ  โลงศพ ห้องดับจิต เชิงตะกอน เมรุ ป่าช้า ที่เก็บกระดูก โรงพยาบาล ห้องICU  กองขยะ  ที่ทิ้งขยะมูลฝอย ที่เก็บของเน่าเสียโรงบำบัดน้ำเสีย น้ำเน่า สถานที่กักขัง เรือนจำ กองทัพบก กรมการรักษาดินแดน ห้องขังบนสถานีตำรวจ ดรงพัก เรือนจำ กรมโยธาธิการ กรมทางหลวง แขวงการทาง ฟาร์ม ไร่ สวน ที่ทำการด้านเกษตรทุกชนิด โรงงานอุตสาหกรรมการเกษตร กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม กรมการจัดหางาน กรมแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ภูเขา หุบเขา ป่าละเมาะ สวนยาง สวนป่า กรมที่ดิน กรมป่าไม้  โรงโม่หิน บ่อดิน ท่าทราย โรงหล่อเหล็ก โรงอู่ต่อเรือ  โรงงานหมักปุ๋ย สถานีรถไฟ ฯลฯ  

เหตุการณ์ หมายถึง ความวิตก ความกังวล ความรับผิดชอบ ความอดทน อดกลั้นใช้เวลานาน ความเศร้าโศก  ภัยธรรมซาติ เหตุการณ์ซ้ำซากนานๆ ความทุกข์ทรมาน จองจำ ป่วยเรื้อรัง เครียดคิดมาก การคิดไปเอง งานศพ ทุกข์โศก โศกเศร้าเสียใจ การทุกข์ระทม การเจ็บป่วย สูญเสีย ความเจ็บปวดจากเรื่องราวในอดีต ความทุกข์จากความทรงจำ ลี้ลับ ลึกลับ การก่อสร้าง การก่ออิฐ ความมืด การอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว งานศพ เดินน่องอ่อน(ไม่ใช่อาการเดินสบายๆ)

สิ่งของ หมายถึง เก่า แก่ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ของมีตำหนิ ของมือสอง ของหมดอายุ  แผ่นดิน ที่ร้าง สิ่งของที่เกิดขึ้นตามธรรมซาติที่บ่มตัวนาน ถ่านหิน แร่ธาตุ ตะกั่ว  เหมืองแร่  ป่าไม้ ต้นไม้ใหญ่  ของเก่า  ของโบราณ โบราณวัตถุ  โบราณสถาน เครื่องกระเบื้องดินเผา  ของชำรุด ของซ่อม ของสกปรกต่างๆ เฟอร์นิเจอร์เก่า เฟอร์นิเจอร์ไม้ รองเท้า กระดูก งานเก่า งานน่าเบื่อ รถไฟ รางรถไฟ หีบศพ อู่ซ่อม 
 
อาชีพการงาน หมายถึง ช่างปูน ขายของเก่า งานของเก่า ขายของโบราณ งานทำท่อน้ำ งานน่าเบื่อ งานที่ไม่ชอบไม่มีคนทำ ทำเหมือง ถ่านหิน ตะกั่ว ค้าที่ดิน ค้าอสังหาริมทรัพย์ งานการเกษตร งานปศุสัตว์ งานป่าไม้ งานเกี่ยวกับธรณีวิทยา งานเกี่ยวกันดิน นายหน้าที่ดิน เหมืองแร่ ก่อสร้าง งานเกี่ยวกับโรงงาน อุตสาหกรรม งานเกี่ยวพันกับเครื่องจักรหนัก เครื่องจักรอุตสาหกรรม  หาบเร่ งานรปภ. นักปกครอง ตำรวจ ทหาร กรรมกร  งานใช้แรง งานลากเข็น โรงสีข้าว โรงเลื่อย สัปเหร่อ มักทายก(วัด) วิศวกรโยธา
 
 ผิวพรรณ-รูปร่าง หมายถึง รูปร่างเล็ก  ผอมเกร็ง สูง ฟันไม่สวย ผมหยิก หยักโศก ผิวเข้ม ผิวคล้ำค่อนข้างดำ กร้าน หน้ากระดูกและตกกระ (สังเกต ลักษณะคนงานกรรมกรที่หำงานหนักๆ ) ใบหน้าแสดงถึงโหนกแก้มหรือเคล้าโครงกระดูกค่อนข้างชัดเจน โหนกแก้มสูง คิ้วเข้ม จมูกงุ้ม ริมฝีปากหนา หน้าตาออกเป็นคนแขก ฯลฯ

อวัยวะ กายวิภาค หมายถึง หูขวา  ฟัน ลำไส้ ทวารหนัก ม้าม  เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อส่วนขา ขาเส้นเลือด ประสาท เส้นประสาท กระดูก กระดูกข้อต่อ ข้อต่อ หัวเข่า ขา กระดูกโครงใหญ่ ส้นเท้า เท้า 
 
โรค หมายถึง โรคเกี่ยวกับกระดูก โรคเกี่ยวกับข้อกระูดก เกี่ยวข้อ ข้อต่อ ปวดข้อ ลำไส้ โรคเกี่ยวกับประสาท โรคเกี่ยวกับเข่า ความพิการทางร่างกาย  การเจ็บป่วยเรื้อรังของโรค ความเจ็บปวดของความรู้สึก โรคประสาท หรือที่เกี่ยวข้องกับการนำประสาทบางส่วน อัมพฤต์ อัมพาต โรคซึทเศร้า อาการเศร้าซึม ความอ่อนเพลีย กล้ามเนื้อล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง 

วัน หมายถึง เสาร์
 
วัย หมายถึง วัยปลาย(คนแก่) วัยชรา
 
เพศ หมายถึง ชาย หญิง กระเทย
 
รสซาติ หมายถึง เย็นชืด จำเจ รสขม
 
สัตว์ หมายถึงสัตว์ที่ลำตัวยาว สัตว์ผอมสูง  งู ตะขาบ 
 
พืช หมายถึง ไม้เถา ไม้เลื้อย ไม้ยืนต้น ไม้สูง พืชผักที่มีรสขม สะเดา ผักขม ขี้เหล็ก ฯ
 
วัตถุรูปร่าง หมายถึง ยาว เป็นเส้น
 
ทิศ หมายถึงตะวันตกเฉี่ยงใต้ (หรดี)
 
สี หมายถึง สีเข้มเกือบดำ สีนำเงินเข้มๆ สีกรม สีม่วง  สีดำ สีซีด(ดูเก่า)

อัญมณี หมายถึง นิล อเมทิสต์(ม่วง , ม่วงดำ)
 
แร่-โลหะ หมายถึง ตะกั่ว เหล็ก แร่ธาตุโลหะต่างๆ
 
 
 ที่มา : โหราศาสตร์ไทย เรียนด้วยตนเอง โดย อ.อรุณ ลำเพ็ญ 
        โหราศาสตร์ไทย วิทยาการแห่งความอัปยศ ยอดธง ทับทิวไม้ 
 

 
#By_คุณยายกลิ่นโสม :: 141SmileySmiley

#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ได้ที่..>>
#บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#
baankhunyai.com

ดูดวง ID Line  : baankunyai




 

Create Date : 12 มกราคม 2564    
Last Update : 12 มกราคม 2564 9:35:48 น.
Counter : 2048 Pageviews.  

พระศนิเทพ शनि (ศนิ) หรือพระเสาร์

พระศนิเทพ शनि (ศนิ) หรือพระเสาร์


พระศนิเทพ शनि (ศนิ) หรือพระเสาร์
มาทำความรู้จักกับประธานแห่งดาวบาปเคราะห์ พระผู้กำหนดโทษมหันต์ แต่ทรงคุณอนันต์หากบูชาท่านอย่างถูกต้อง
ประวัติของพระเสาร์ มีมากมายหลายตำนาน แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละอารยะธรรม
สำหรับความเชื่อตามปุราณะของตันตระเทวาลัยนั้น สอดคล้องกับที่มีบันทึกในวิษณุปุราณะ
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
พระเสาร์ มีพระนามว่า พระศนิเทพ शनि (ศนิ) เป็นบุตรแห่งพระสุริยาทราทิตย์(พระอาทิตย์) และพระนางฉายา
พระสุริยาทราทิตย์หรือพระพระอาทิตย์ มีชายา ๕ พระองค์ คือ พระนางสัญญา พระนางฉายา พระนางสุวรรณี พระนางสวาดี และพระนางมหาวีรยา
แต่ทรงรักพระนางสัญญาซึ่งเป็นบุตรีของพระวิศุกรรมมากที่สุด และมีบุตรร่วมกัน ๓ พระองค์
เนื่องจากพระอาทิตย์ทรงมีรัศมีที่มีความร้อนมาก จนพระนางสัญญาทนไม่ไหวจึงหลบหนีไป และสร้างอวตาลของตน คือพระนางฉายา(เงา)ไว้เป็นชายาแทน โดยที่พระอาทิตย์ไม่ทราบ ทั้งสองอยู่กินจนมีโอรสร่วมกัน คือพระเสาร์
วันหนึ่งพระนางฉายาทรงกริ้วพระยม หนึ่งในโอรสของพระอาทิตย์กับพระนางสัญญา จึงกล่าวสาปแช่งพระยม เมื่อพระยมได้รับผลตามคำสาปแช่งของพระนางฉายา ซึ่งผิดธรรมเนียมเทพ เพราะคำสาปแช่งของมารดาจะไม่ยังผลต่อบุตร
พระอาทิตย์จึงทราบว่าพระนางไม่ใช่มารดาของพระยม ไม่ใช่ชายาคนเดิมของพระองค์
เมื่อพระอาทิตย์ทรงทราบความจริง จึงไม่โปรดปราณพระองค์ในฐานะบุตร เพราะไม่ได้เกิดจากชายาที่แท้จริงของพระองค์


คัมภีร์พรหมมาไววรรตะปุราณะ กล่าวถึงเหตุที่พระเสาร์มีขาพิการไว้
เมื่อครั้งที่พระคเณศประสูติ เหล่าทวยเทพเทวาและพระเสาร์ ได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีโสกัณฑ์(ตัดจุก)พระคเณศ
ทวยเทพเทวาต่างเรียงแถวกันเข้าไปชื่นชมเทวบุตรองค์น้อย แห่งพระศิวะผู้เป็นเจ้า กับพระแม่อุมาเทวี(ปารวตี)
แต่เมื่อถึงคราพระเสาร์อวยพรพระบุตร(พระคเณศ) พระเสาร์กลับก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองพระคเณศ
พระแม่อุมาเทวีจึงตรัสถาม “เหตุอันใดจึงไม่แลดูบุตรของเรา”
พระเสาร์ทูลเล่าความที่ตนถูกสาป
วันหนึ่งขณะพระเสาร์กำลังนั่งสมาธิเข้าฌานถวายพระวิษณุมหาเทพ พระชายาของตนก็เดินเข้ามาหมายจะมาพูดคุยด้วย แต่ตนก็หาได้สนใจไม่ ยังคงนั่งสมาธิต่อ ไม่ถอนออกจากภวังค์เป็นเวลาหลายชั่วยาม
พระชายาจึงกริ้วและสาปแช่งว่า
“ถ้าพระเสาร์ลืมตาขึ้นมาและเพ่งดูผู้ใด ขอให้ผู้นั้นจงพินาศ”
แม้พระแม่อุมาเทวีทราบความ แต่ยังทรงยืนยันให้พระเสาร์แลดูบุตรอันงดงามแห่งตน
พระเสาร์จึงเชิญพระยมผู้เป็นพระเชษฐามาเป็นพยาน ว่าได้รับอนุญาติจากพระแม่อุมาเทวีแล้ว และเพ่งมองดูพระคเณศเทวบุตรองค์น้อย
ทันใดนั้นด้วยคำสาปของชายาพระเสาร์ เศียรพระเทวบุตรจึงหลุดออกจากบ่าทันที และลอยไปไกลถึงไวกูณฐ์สวรรค์แห่งพระวิษณุเจ้า(นารายณ์)
พระนารายณ์ทราบความจึงทรงครุฑออกไปยังลำน้ำปุษปภัทร ตัดศีรษะของพญาช้างที่นอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตก ณ ริมลำน้ำ มาติดให้ที่บ่าของพระคเณศ
(ผู้คนในอดีตจึงไม่นิยมนอนหันศรีษะไปทางทิศตะวันตก ด้วยเกรงว่าจะพบกับ “อกาลมรณะ” หรือ ความตายก่อนเวลา)
ด้วยเหตุการครั้งนี้ พระแม่อุมาเทวีจึงสาปให้พระเสาร์ขาพิการ
ในขณะที่เหล่าทวยเทพ เทวา เทวี และฤาษี ชี พราหมณ์ ที่มาเข้าเฝ้า ต่างได้รับพระพร ได้รับความยินดีและความสวัสดีมีชัยจากพระผู้เป็นเจ้า

ผลจากคำสาปอันร้ายแรงของพระเสาร์ ทำให้พระเสาร์ไม่เป็นที่ยอมรับทั้งจากฝ่ายเทพ มาร และอสูร ต่างรังเกียจและหวาดกลัวในพลังบาปเคราะห์อันร้ายแรงของพระองค์ จึงไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย และไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับพระองค์เลย

พระเสาร์จึงเป็นเทพผู้อาภัพ เป็นเทพแห่งความมืดผู้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
และทรงตอบแทนสรรพชีวิตทั้งหลายทั่วจักรวาลที่รังเกียจและหวาดกลัวพระองค์
ด้วยการมอบเคราะห์กรรม และทุกข์โทษอันร้ายแรง ทรมาน ยาวนานอย่างไร้ซึ่งการประนีประนอม ซึ่งจากการโคจรช้าของพระเสาร์ จะใช้เวลาลงทัณฑ์(เสวยอายุ)เป็นเวลา ๗ปี ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามการเดินของปฏิทิน (ตามตำแหน่งทางดาราศาสตร์ ดาวพระเสาร์โคจรห่างจากพระอาทิตย์เฉลี่ยประมาณ ๙.๕๔หน่วยดาราศาสตร์ ทางโคจรเป็นรูปวงรี โคจรด้วยความเร็ว ๖ไมล์ต่อวินาที ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์นานถึง ๒๙.๔๖ปี)

ลักษณะของพระเสาร์ แปลตามคัมภีร์จากพระนามของพระองค์ ดังนี้
นิลวาส (อาภรณ์สีดำ) หรือ หมายถึง มีสีกายดำสนิท
กรูรโลจน์ (มีนัยน์ตาดุร้าย)
ปังคุ (มีขาพิการ)
สัปตารฺจิ (มีเปลวเป็นรัศมีเจ็ดแฉก)
ศนิ (มีความเชื่องช้าเป็นปกติ) หรือ ศไนสฺจร (เคลื่อนไหวช้า)

ในตำรับสันสกฤตเรื่องปาราศรโหราศาสตร์และศานติศาสตร์ ยังกล่าวด้วยว่า พระเสาร์เป็น “นปุงสกลึงค์” หรือ กะเทย
(แทรกนะจ๊ะ : ตามโหราศาสตร์ จึงใช้ในการพยากรณ์ว่า ชายใดที่มีบุคคลิกแบบดาวเสาร์ เป็นคนที่มีบุคคลิกเป็นกระเทย หรือ กระเทย นั่นเอง)

ผู้ที่มีชีวิตอาภัพ กำพร้า พิการทางกายภาพ พิการทางใจ(ลักกเพศ) เป็นที่รังเกียจของผู้อื่น รวมถึงตนเองด้วย(ทำร้ายตนเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย) จึงนับได้ว่า เป็น ”ลูกพระศนิ”
มักได้รับความเมตตาเป็นพิเศษ และสามารถบูชาขอพรพระองค์ท่าน (แทรกจ้ะ : ขอกล่าวในบทบูชาพระเสาร์ในบทต่อไปนะจ๊ะ) เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ได้อย่างดีเยี่ยม

พระองค์ทรงประทานทุกข์โทษมหันต์ ความทรมานอันเกินเยียวยา
แต่ในขณะเดียวกันหากทรงโปรดปรานผู้ใดแล้ว ก็ทรงประทานพรเอนกอนันต์ ยิ่งใหญ่มากล้น จนเกินบรรยายได้
อาทิเช่น
ด้านการเงิน :ทรงประทานพร พลิกชีวิตจากยาจกเป็นมหาเศรษฐี โครงการยักษ์ระดับหมื่นล้าน

ด้านความรัก :ทรงประทานพร ความรักที่เป็นไปไม่ได้ ข้ามขอบเขตและขีดจำกัดทั้งปวง

ด้านชัยชนะ :ทรงประทานพร ความสำเร็จและการยอมรับอย่างถูกต้องจากมหาชน อำนาจอธิปไตย

ด้านสุขภาพ :ทรงประทานพร เสมือนฟื้นคืนชีพ โรคร้ายแรงหรือความพิการที่รักษาไม่หาย มะเร็ง อัมพาต วิกลจริต

สาธุ สุขสวัสดิ์มงคลทุกท่าน
โดย : จันทร์ตรี

ที่มา :  https://www.facebook.com/tantradevalai/พระศนิเทพ-शनि-ศนิ-หรือพระเสาร์/2525792650779382/


#By_คุณยายกลิ่นโสม 
#โหราศาสตร์ไทยฉบับเรียนด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com

-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  139




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2563    
Last Update : 6 ตุลาคม 2563 15:18:23 น.
Counter : 874 Pageviews.  

1  2  

คุณยายกลิ่นโสม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณยายกลิ่นโสม's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.