📚 โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม ◜◡‾)
Group Blog
 
All Blogs
 

พระคาถาหนุนดวง

คาถาหนุนดวงชะตา​

ตั้งนะโม 3 จบ

"นะโม เม สัพพะเทวานัง​ สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง​ สุริยัญจะ ปะมุญจะถะ​ สะสิ ภุมโม จะ เทวานังวุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ​ ชีโว สุกะโร จะ มะหาลาภัง​ โสโร ราหูเกตุ จะ มะหาลาภัง

สัพพะ ภะยัง วินาสสันติ
สัพพะ ทุกขัง วินาสสันติ
สัพพะ โรคัง วินาสสันติ

ลักขะณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา

สัพพะเทวา มัง ปาละยันตุ
สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ
สัพพะโสตถี ภะวันตุเม"

สมเด็จพระพนรัต (พระมหาเถรคันฉ่อง) วัดป่าแก้ว​ ได้ถวายคาถานี้ให้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสวดเมื่อครั้งที่ทรงออกรบกู้ชาติ

โดยคาถานี้มีอานุภาพมาก เชื่อว่าสามารถคุ้มครองหนุนดวงชะตาให้ดีขึ้นได้ พ้นจากความทุกข์กายทุกข์ใจ โชคดีมีชัย เจริญในโภคทรัพย์





#คุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนดวงไทยฟรี ที่เวปฯ #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่เวปฯ #www.baankhunyai.com




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2564    
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2564 19:23:10 น.
Counter : 2808 Pageviews.  

พระคาถาเงินล้าน

ก่อนสวดพระคาถา ให้ระลึกถึงพระรัตนตรัย
องค์สมเด็จสัมามาพระพุทธเจ้า พระปัจจักเจกพระพุทธเจ้า หลวงปู่ปาน พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ)

ตั้ง นะโม 3 จบ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสส


พระคาถาเงินล้าน 
สัมปะจิตฉามิ
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม 
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม
มิเตพาหุหะติ 
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม 
สัมปะติจฉามิ 
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ


ควรสวดพระคาถาเงินล้านทุกวัน

ควรสวดอย่างน้อยวันละ 9 จบเป็นประจำ ตอนไหนก็ได้ (หลวงปู่ปานท่านว่า สวด ๙ จบ เป็นพระคาถายาไส้)  หรือ
หากต้องการความคล่องตัว ก็ควรสวดขั้นต่ำวันละ 30 จบ  หรือ
หากอยู่ภาวะ วิกฤติมากๆ สวดพระคาถาวันละ 108 จบ
หากอยู่ภาวะ คับขัน วิกฤติมากๆ ให้สวดพระคาถา เช้า 108  - เย็น 108 
หากวิกฤติมากกว่านั้น สวดพระคาถาวันละ 500 จบ
แล้วจะเห็นทางออกของชีวิตว่าตนเอง คล่องตัวกว่าคนอื่นๆ 

การสวดพระคาถาจะให้ได้ผลดี ขณะสวดต้องวางกำลังใจให้ไม่คิดถึงเรื่องราวต่างๆ และต้องไม่สวดพระคาถาด้วยความอยาก เพราะความอยากเป็นกิเลส และ ถ้าสวดจนเกิดฌานจะยิ่งได้ผลดี ควรที่จะนั่งสมาธิหลังการสวดทุกครั้ง 


และ เมื่อสวดพระคาถาจบแล้วให้อธิษฐาน
ว่า .. ด้วยผลบุญที่ลูกได้สวดพระคาถาเงินล้านในวันนี้
ขอให้ผลบุญนี้ .. เป็นปัจจัยบุญให้ลูกเกิดความคล่องตัวในการเงิน การงาน นับจากนี้จวบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

หมายเหตุ..
ควรทำบุญใส่บาตร หรือถวายสังฆทาน   เพื่อความคล่องตัวทุกประการ
หากไม่สามารถใส่บาตรได้  ให้ทำบุญใส่บาตร .. วิระทโย(บาตรหน้าพระพุทธ)ทุกวันแทน
..คำสอนหลวงพ่อองอาจ วัดวีระโชติธรรมาราม อ.เมือง ฉะเชิงเทรา
 

พระราชพรหมยาน( หลวงพ่อฤาษีฯ ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
คำอธิบาย 
หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ(องค์ปฐม)ตั้งแต่ปี 2517 เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่า คาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532 จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

คาถา"นาสังสิโม" หลวงพ่อให้ท่องเพิ่มเติมเมื่อปี 2532

คาถา"เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พฤศจิกายน 2533 เป็นภาษาโบราณ แต่เทียบกับภาษาไทยอ่านได้อย่างนี้ เป็น"คาถามหาลาภ" มีผลยิ่งใหญ่มาก

บทสวดพระคาถาเงินล้านบทนี้ เป็นการสวดเพื่อบรรเทาปัญหาด้านการเงิน ให้ความคล่องตัวขึ้น เพราะในบทพระคาถา มีทั้งบทปัดเป่าอุสรรค หาลาภ เร่งลาภ ให้เงินทองไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งหากสวดมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งเสริมให้ผู้สวดพระคาถา อุปสรรคคลายตัวลง เรงลาภเงินทองเข้ามากขึ้น จึงทำให้คล่องตัว ในการเงิน การงาน โชคลาภ สำเร็จ ได้มากขึ้นเท่านั้น

เมื่อรู้แล้วว่าการสวดพระคาถานี้ เสริมในการเรียกทรัพย์ ปัดเป่าอุปสรรค เสริมหนุนให้การงานคล่องตัว เปิดช่องทางชีวิต ให้บังเกิดความสำเร็จมากขึ้น
อย่าลืมสวดพระคาถากันทุกวัน ให้ตนเองคล่องตัวมากขึ้นนะคะ 

ขอให้เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆและกัลยาณมิตรทุกคนโชคดี และผ่านพ้นวิกฤติ  เงินทองไหลมาเป็นเท่าทวีคูณนะจ๊ะ  สาธุ สาธุ ! 










#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม  #www.baankhunyai.com
#เรียนดูดวงไทยฟรีที่เวปบ้านคุณยายกลิ่นโสม   #บ้านคุณยายกลิ่นโสม
#ดาวบอกวิถี  #อ่านดวงอิงดาว #รู้ดาวอ่านดวง #ดวงคือแผนที่ชีวิต
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#คุณยายกลิ่นโสม 102100




 

Create Date : 07 กันยายน 2564    
Last Update : 7 กันยายน 2564 18:34:28 น.
Counter : 789 Pageviews.  

อดีตกาลก่อน พระสิวลี

 อดีตกาลก่อน พระสิวลี


        อดีตกาลก่อน พระสิวลี

ในอดีตชาติ ในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “วิปัสสี” มีกุลบุตรผู้หนึ่งได้เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ ตำบลหนึ่งใกล้เมืองพันธุมดี   ในครั้งนั้นชาวเมืองกับพระราชาได้ทำบุญแข่งกัน  โดยการจัดเครื่องถวายทานแด่พระวิปัสสีพุทธเจ้า วันหนึ่งพวกชาวเมืองเตรียมจะถวายทานแต่ก็ได้พบว่าในทานของพวกตนนั้นมีครบทุกอย่างแล้วยังขาดก็แต่น้ำผึ้งเท่านั้น

จึงได้จัดส่งคนออกไปหาน้ำผึ้งกับเนยแข็ง โดยคอยดักดูผู้คนที่มาจากชนบทที่เดินทางเข้ามาในเมืองว่าผู้ใดจะมีสิ่งใดติดตัวมาบ้าง บังเอิญวันนั้นกุลบุตร (คือพระสีวลีในชาติต่อมา) ได้เดินทางเข้าไปในเมือง โดยนำเอากระบอกเนยแข็งมาด้วยหมายจะเอาไปแลกสิ่งของในเมือง แต่ระหว่างทางก่อนจะเข้าเมืองได้พบรวงผึ้งรวงหนึ่งโตขนาดเท่างอนไถ กุลบุตรนั้นจึงได้เอารวงผึ้งนั้นเข้าไปในเมืองด้วย ชาวเมืองเห็นรวงผึ้งก็ดีใจจึงได้ขอซื้อรวงผึ้งในราคาถึง ๑๐๐๐ กหาปนะ (กหาปนะเป็นชื่อของเงินที่ใช้ในสมัยโบราณ) มันทำให้กุลบุตรเกิดความแปลกใจมาก เพราะลำพังเนยแข็งกับน้ำผึ้งนี้มันไม่มีราคามากถึงเพียงนี้เลย ราคาแค่ ๕ กหาปนะเท่านั้นแต่ทำไมชาวเมืองถึงให้ราคามากเช่นนี้ จึงทำเป็นไม่ขาย เพื่อใคร่จะรู้ราคาที่แท้จริงของมันว่ามันเท่าไหร่กันแน่ ชาวเมืองกลัวจะไม่ได้น้ำผึ้งและกลัวจะแพ้พระราชา จึงได้ขึ้นราคารวงผึ้งนั้นอีกถึง ๒๐๐๐ กหาปนะ กุลบุตรเกิดความสงสัยก็เลยถามชาวเมืองว่า “พวกท่านจะเอาน้ำผึ้งไปทำอะไร ถึงกล้าซื้อรวงผึ้งราคามากถึงเพียงนี้”

ชาวเมืองทั้งหลายก็ตอบว่า “จะเอาไปทำบุญ  เครื่องไทยทานทั้งหลายของพวกเรามีครบทุกอย่างแล้วยังขาดยังขาดก็แต่น้ำผึ้งนี้แหละ พ่อหนุ่ม”      กุลบุตรคนนี้เป็นชาติแห่งบุคคลผู้ฉลาดจึงได้ฉุกคิดขึ้นมาในใจว่า “เออ! เราเกิดมาเป็นคนยังไม่ได้ทำบุญอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนคนอื่นๆเขาเลยเพราะ ฐานะของเรายากจน บัดนี้เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของเราแล้วจำเราจะเอารวงผึ้งและเนยแข็งนี้ให้เป็นทานเถอะ”   เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วจึงได้ตอบชาวเมืองทั้งหลายไปว่า “รวงผึ้งนี้ข้าพเจ้าไม่ขาย  แต่ข้าพเจ้าอยากจะเอารวงผึ้งนี้ถวายเป็นทานร่วมกับพวกท่าน จะได้หรือไม่?”  ชาวเมืองทั้งหลายจะได้น้ำผึ้งโดยไม่ต้องซื้อก็ดีใจตอบตกลงทันทีว่า “ตกลงๆ”  

เมื่อได้น้ำผึ้งสมความตั้งใจแล้วชาวเมืองทั้งหลายก็ได้นำเอากุลบุตรคนนั้น เข้าไปร่วมทำบุญด้วย  ในขณะที่ทำการถวายทานกุลบุตรก็ได้ยกเอาน้ำผึ้งที่กรองดีแล้วเข้าไปถวายพระวิปัสสีพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าเมื่อทรงรับน้ำผึ้งของกุลบุตรแล้ว ได้ทรงอธิษฐานว่า “ขออย่าให้น้ำผึ้งของกุลบุตรคนนี้หมดไป ขอให้กุลบุตรคนนี้ได้ถวายน้ำผึ้งแก่พระภิกษุสงฆ์ได้ครบทุกองค์ที่มีอยู่ในสถานที่แห่งนี้เถิด” พระภิกษุสงฆ์ที่มารับทานของชาวเมืองในวันนั้นมีประมาณ  ๕๐๐  รูป

ส่วนกุลบุตรก็ได้ถวายทานน้ำผึ้งแก่พระภิกษุสงฆ์พร้อมพระพุทธเจ้าด้วยมือของ ตนเองครบทุกองค์แล้วก็อธิษฐานจิตว่า “ขอให้ทานนี้จงเป็นทานอันยิ่งใหญ่เกิดชาติใดภพใดก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีโชคลาภมากกว่าคนทั้งหลาย” กุลบุตรได้ใส่บาตรด้วยน้ำผึ้งแก่พระภิกษุสงฆ์ครบทุกองค์แล้ว จึงได้ทูลขอพรจากพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยผลแห่งกุศลทานที่ข้าพระองค์ได้กระทำแล้วในวันนี้ เกิดชาติใดภพใดก็ตาม ขอให้ข้าพระองค์จงเป็นผู้เลิศกว่าคนทั้งหลายในทางโชคลาภเถิด พระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุโมทนาว่า “ขอให้เป็นไปตามที่โยมปราถนาเถิด”  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กุลบุตรนั้นก็ได้สร้างบุญกุศลอยู่เสมอมิได้ขาดจนสิ้นอายุขัย

    นี้คือบุรพกรรมทีเป็นส่วนดีและไม่ดีของพระสีวลีที่ท่านได้กระทำเอาไว้ในอดีตชาติ
พระสีวลีท่านอาศัยอยู่ในครรภ์ ของพระมารดา นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระมารดาได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระนางจึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระพุทธเจ้าและพระพุทธองค์ก็ได้ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า “ขอ พระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุขปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้ออกมาโดยง่ายเถิด”

ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานหายไป พระนางประสูติพระราชโอรสออกมาอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า “สีวลีกุมาร” เมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงได้บอกความประสงค์ของตนแก่พระสวามี ให้ไปกราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ให้มารับมหาทานพร้อมด้วยอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ ตลอด ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายแข็งแรงดุจกุมารผู้มีอายุได้ ๗ ปี ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจการต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก คือ กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่มและอังคาสคือถวายแด่พระบรมศาสดาและหมู่พระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่สีวลีกุมาร ช่วยพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น  ท่านพระสารีบุตรเถระได้สังเกตดูอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจในพระราชกุมารน้อยเป็นอย่างมาก ครั้นถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระเถระได้สนทนากับสีวลีกุมารแล้วชักชวนให้มาบวช   
 
สีวลีกุมาร ผู้มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่แล้ว เมื่อถูกพระเถระชักชวน จึงกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงติดตามพระเถระไปยังพระอารามพระสารีบุตรมหาเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ ตะจะปัญจะกะกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งามเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ สีวลีกุมาร ได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนลงบนศีรษะเพื่อโกนผม ครั้งแรกนั้นท่านก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จแล้ว ท่านได้ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์

เมื่อท่านอุปสมบทแล้วปรากฏว่าท่านเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะมากมาย ด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านที่สั่งสมมา ลาภสักการะเหล่านี้ได้เผื่อแผ่ไปยังพระสงฆ์สาวกท่านอื่น ๆ อีกด้วย แม้พระบรมศาสดาเมื่อพระองค์ทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จเดินทางไกลที่กันดาร ถ้ามีพระสีวลีร่วมเดินทางไปด้วย ความขาดแคลนอาหารและที่พักอาศัยในระหว่างทางก็จะไม่เกิดขึ้นแก่หมู่ภิกษุสงฆ์เลย เช่น....
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน ๕๐๐ รูปไปเยี่ยมพระเรวตะ ผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า “ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล ๖๐ โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ ๓๐ โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัยเลย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภิกขาจาร”  พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า “ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสีวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า” พระอานนท์กราบทูล
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "“ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงเดินไปในทางลัดไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยเรื่องอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกเขา เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลีนั้นด้วย”


พระสีวลีได้รับการยกย่องในทางเป็นผู้มีลาภมาก  เพราะอำนาจบุญกุศลที่ท่านพระสีวลี ได้ถวายน้ำผึ้งให้เป็นทานในสมัยของพระวิปัสสสีพุทธเจ้าเอาไว้ในอดีตชาติ ด้วยบุญกุศลนี้เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยโชคลาภสักการะ โดยมีเทพยดา, นาค, ครุฑ, และมนุษย์ทั้งหลาย นำเครื่องอุปโภคและบริโภคมาถวายโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าท่านจะอยู่ในที่ใด ๆ ในป่า, ในบ้าน, ในน้ำ, หรือบนบก เป็นต้นด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์ จึงได้ทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านอยู่ในตำแหน่ง เอตะทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง ผู้มีโชคลาภมาก นับว่าท่านพระสีวลีเถระเป็นพระมหาสาวกอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการพระศาสนา แบ่งเบาภาระของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก ท่านดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
 
ที่มา : https://www.internetuniversity999.com/16181000/๒๖ประวัติพระสีวลี


หมายเหตุ : คัดลอกเขามาอีกที ไม่เก่ง ไม่ชำนาญ  มีความชอบและศรัทธาเฉพาะตน จึงทำให้อยากแบ่งปันจ๊ะ 




#By_คุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนดวงไทยฟรีที่เวปฯบ้านคุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com
-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  


 




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2564    
Last Update : 13 มิถุนายน 2564 9:37:32 น.
Counter : 1023 Pageviews.  

คาถาบูชาพระสีวลี

          คาถาบูชาพระสีวลี



คาถาบูชาพระสีวลี

ให้บูชาด้วยน้ำผึ้ง ผลไม้สด ดอกไม้ขาว ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือดอกบัวทุกชนิด
อย่างละ 3 ดอก 5 ดอก หรือ 7 ดอก ก็ได้ น้ำสะอาด 1 แก้ว โดยลอยดอกมะลิไว้บนน้ำ
แล้วจุดธูป 3 ดอก เทียนบูชา 1 เล่ม

การถวายผลไม้สด และน้ำผึ้งควรถวายในวันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์ควรถวายอาหารจากทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว แล้วอธิษฐานจิตขอให้โชคสำเร็จ สมหวัง และเมื่อท่านได้โชคได้ลาภสมดังหวังแล้ว จะต้องทำบุญเลี้ยงพระสักครั้ง

การสวดพระคาถาขอลาภพระสีวลี ถ้าสวดได้ทุกวันจนครบ 7 วันได้ยิ่งดี

ในกรณีทีท่านต้องการจะขอลาภเป็นพิเศษ อาทิ จะต้องติดต่อธุรกิจสำคัญใด ๆ ในวันนั้น ให้สวดคาถาบูชาพระสีวลี (พระฉิม) ก่อน แล้วต่อด้วย คาถาขอลาภพระสีวลีประจำวัน ตามกำลังวันของวันนั้น ๆ จะเป็นพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ตามจิตปรารถนา ค้าขายดี มีราศีดีนักแล

พระคาถา บูชาพระสีวลี บทเต็ม

สีวลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ อะหังวันทามิตังสะทา

สีวลีจะมหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มหาลาภังกะโรนตุเม ลาเภนะอุตตะโมโหติ โสระโหปัจจะยาทิมหิ มหาลาภัง สะทาโสตถิ ภะวันตุเม ราชะปุตโตจะโยเถโร

สีวลีอิติวิสุตโต ลาเภนะอุตตะโมโหติ ยังยังชะนะปะทังยาติ นิคะเมราชะทานิโย สัพพัตถะปูชิโตโหติ เถรัสสาปาเทวันทามิ เถรัสสานุภาเวนะ สัพพะลาภังภะวันตุเม

สีวลีนันทะ สีวลีเถรัสสะ เอตถะตังคุณนัง สัพพะธะนัง สุปะติดทิตัง สาริกะธาตุ พุทธะรูปัง อะหังวันทามิ สัพพะทา นะมามิ สัตถะเถรัง มหาเตชัง มหาตับปัง


หมายเหตุ : คัดลอกเขามาอีกที ไม่เก่ง ไม่ชำนาญ  มีความชอบและศรัทธาเฉพาะตน จึงทำให้อยากแบ่งปันจ๊ะ 




#By_คุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนดวงไทยฟรีที่เวปฯบ้านคุณคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com
-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2564    
Last Update : 12 มิถุนายน 2564 8:48:56 น.
Counter : 1390 Pageviews.  

พระคาถา ขอลาภพระสีวลี

พระคาถา ขอลาภพระสีวลี



คำนมัสการพระสีวลี


อิมินา  สักกาเรนะ  สีวะลีเถรัง  อะภิปูชะยามิฯ   ให้ว่า ๓ จบ
   
เมื่อนมัสการแล้วให้กำหนดภาวนาไว้ในใจดังนี้
"สีวะลี  จะ  มหาเถโร  อินโท  พรัหมาจะ  ปูชิตัง  สัพพะลาภัง  ประสิทธิเม  เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพะโสตถี ภะวันตุเม ฯ"

          รูปหล่อพระสีวลี
รูปหล่อพระสีวลีนี้ ถ้าใครมีไว้ประจำบ้าน จะทำให้ตัวเองและบ้านเรือนของตนเป็นศิริมงคล เป็นเมตตามหานิยมและยังสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ ผู้ใดหมั่นสวดสักการะบูชาอยู่เสมอ จะทำให้เกิดมีโชคลาภอยู่เป็นนิตย์ ถ้าไปค้าขายหรือไปแสวงหาโชคลาภในเวลาใด ให้สวดภาวนาคาถาบูชาพระสีวลีนี้ไปเรื่อยๆ โชคลาภที่ปราถนาก็จะสำเร็จในไม่ช้า

       คำไหว้บูชาขอลาภจากพระสีวลีเถระโดย หลวงพ่อเกษม  เขมะโก  มีดังนี้
     ตั้ง นะโม ๓ จบ แล้วว่า 
"สิวะลีมะหาเถรัง  วันทามิหัง, มะหาสิวะลี  เถโร  มะหาลาโภ  โหติ, มะหาสิวะลี  เถโร  ลาภัง  เม  เทถะ"  ให้ว่า ๓ จบ

       เครื่องบูชาพระสีวลี
   ๑.ดอกไม้สีขาว ๓  ดอก
   ๒.ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม  ๓  ดอก
   ๓.ดอกบัวหลวง  ๓  ดอก
   ๔.น้ำสะอาดที่ลอยด้วยดอกมะลิ  ๙  ดอก   ๑  ถ้วย
   ๕.ธูป  ๓  ก้าน
   ๖.เทียน  ๓  เล่ม
   ๗.ถ้าใครเกิดวันพฤหัสบดีให้เพิ่มน้ำผึ้ง  ๑  ถ้วย  อย่าให้ถ้วยใหญ่นัก
   ๘.ถ้าใครเกิดวันเสาร์ให้ถวายอาหารทะเลหรืออาหารที่ทำจากต้นดอกบัว

วิธีทำ:-ให้เอาพระสีวลีที่แจกให้ตั้งไว้บนพานสูงๆ แล้วบูชาด้วยเครื่องบูชาพระสีวลีทั้ง  ๘  อย่างตามที่กล่าวแล้วข้างต้น
จุดธูปเทียน และตั้งนโม  ๓  จบ  แล้วจึงสวดคาถาบูชาพระสีวลี  ๙  จบ  วันหนึ่งถ้าใครสวดได้หลายครั้งจะทำให้มีโชคลาภได้เร็ว

       เครื่องแก้บนพระสีวลี
  ถ้าใครบนพระสีวลีไว้เมื่อได้โชคลาภตามที่ต้องการแล้วให้แต่งเครื่องแก้บนดังนี้    ๑.มะพร้าวอ่อน  ๓  ลูก   
  ๒.กล้วยหอม  ๓  หวี   
  ๓.ทำบุญเลี้ยงพระอย่างน้อย  ๑  ครั้ง

วิธีทำ:- ให้เอาพระสีวลีตั้งไว้บนพานแล้วเอามะพร้าวอ่อน  ๓  ลูก และกล้วย  ๓  หวี  ตั้งบูชาให้ลดหลั่นกันลงมาแล้วสวดคาถาบูชาพระสีวลี  ๙  จบ  ก่อนจะสวดให้จุดธูปเทียนและตั้ง นโม  ๓  จบ เสมอข้อนี้จะลืมเสียมิได้


ที่มา : https://www.internetuniversity999.com/16181000/๒๖ประวัติพระสีวลี



หมายเหตุ : คัดลอกเขามาอีกที ไม่เก่ง ไม่ชำนาญ  มีความชอบและศรัทธาเฉพาะตน จึงทำให้อยากแบ่งปันจ๊ะ 




#Byคุณยายกลิ่นโสม
#อ่านดวงสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#เรียนดวงไทยฟรีที่เวปฯบ้านคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยด้วยตนเอง ที่: #www.baankhunyai.com
-----------------------
ดูดวงติดต่อ Line : baankunyai  




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2564    
Last Update : 12 มิถุนายน 2564 8:04:47 น.
Counter : 619 Pageviews.  

1  2  3  

คุณยายกลิ่นโสม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add คุณยายกลิ่นโสม's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.