ในปัจจุบันที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากไลพ์สไตล์ และการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย จึงทำให้เกิดอาคารใหม่ๆ คอนโดใหม่ๆ บริเวณแนวรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก และคอนโดที่เกิดใหม่เหล่านี้ มักจะขายได้เพียง 20% และอีก 80% เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ประกอบการ ผลที่ตามมาคือปัญหาเรื่องการจัดเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ใช้ในการบริหารจัดการภายในอาคารที่อาจทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบหากไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน 

ค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่ผู้ที่ต้องการจะซื้อคอนโดต้องเตรียมคือ เงินกองทุน โดยทางกฏหมายระบุไว้ว่าเงินกองทุนที่เก็บรวบรวมมานั้น มีไว้สำหรับซ่อมแซมส่วนกลาง โดยเฉพาะค่าบำรุงรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงๆ เช่น ค่าซ่อมซอม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์ลิฟต์โดยสาร เงินกองทุนนี้จะเก็บประมาณ 10 เท่าของค่าส่วนกลาง หากต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ในอัตรา 50 บาท/ตรม. ผู้อยู่อาศัยจะต้องจ่ายค่ากองทุนสูงถึง 500 บาท/ตรม. โดยจะต้องจ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาห้องที่ซื้อ สรุปคือ หากคุณซื้อคอนโดขนาด 40 ตรม. จำเป็นจะต้องจ่ายค่ากองทุนจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเกิดจาก 40 x 500 ผู้ซื้อคอนโดจะต้องเตรียมเงินเพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ โดยทางผู้ขายจะชี้แจงเรื่องนี้ให้ทราบอยู่แล้ว

ค่าใช้จ่ายส่วนที่สอง คือค่าส่วนกลาง และค่าบริการต่างๆ ประจำเดือนไม่ว่าจะเป็นส่วนของเงินเดือนพนักงาน แม่บ้าน ธุรการ ซึ่งปกติแล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางผู้ขายคอนโดจะมีการเก็บล่วงหน้าไป 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ นโยบายของแต่ละเจ้าของโครงการอีกที ค่าส่วนกลางนั้นมีวิธีการคำนวณคล้ายๆ กับเงินกองทุนโดยจะคิดตาม พื้นที่ เช่น หากคุณซื้อคอนโดขนาด 40 ตรม. ค่าส่วนกลางตารางเมตรละ 50 บาท คุณจะต้องเสียค่าส่วนกลาง 24,000 ซึ่งเกิดจาก 40 x 50 x 12 ปัญหาที่พบในการเก็บค่าส่วนกลาง คือ ไม่สามารถเก็บจากห้องที่ยังไม่ได้ขาย ซึ่งอาจมีมากถึง 80% จากที่กล่าวไว้ในข้างต้น ซึ่งตามกฏหมายถูกระบุไว้ว่า หลังจากที่ทำการจดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว ห้องที่ยังไม่ได้ขาย หรือขายไม่ได้ผู้ประกอบการในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ จำเป็นจะต้องรับผิดชอบค่าส่วนกลาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเจ้าของโครงการมักมีการบ่ายเบี่ง หรือมีการยื่นขออนุโลมจ่ายเป็นรายเดือนได้ 1 ปีหลังจากนั้นจะต้องจ่ายทั้งหมด เข้าบัญชีของนิติบุคคลที่เข้ามาทำการบริหาร หรือให้นิติบุคคลคิดเบี้ยปรับการชำระค่าส่วนกลางล่าช้า ส่วนเงินกองทุนนั้นจะจ่ายเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ได้แล้ว 

ปัญหาเหล่านี้ผู้ที่ซื้อคอนโดส่วนใหญ่มักจะไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อน อาจทำให้เสียเปรียบ ดังนั้นก่อนที่ผู้บริโภคจะซื้อคอนโด หรือโครงการใดๆ ควรศึกษาข้อมูลเพื่อป้องกันมิให้เสียสิทธิ์ในการเข้าอยู่อาศัยในอาคารชุดนั้นๆ