ได้เวลาพักใจ ขยับกาย...
ที่ผ่านมาฉันตกอยู่ในภาวะหดหู่ รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สามวันดี สี่วันบ้า เลยไม่มีอารมณ์อัพบล็อกที่ใกล้ร้างเต็มที พยายามปรับสภาพจิตใจตัวเองโดยลำพัง ฉันคิดว่าในเมื่อตัวเองเป็นคนทำร้ายสภาพจิตใจตัวเอง ฉันก็ต้องเป็นคนแก้ไขมันให้ได้ แต่มันไม่ง่ายเลย แถมยังเลวร้ายลงด้วยอาการปวดหลัง ฉันตัดสินใจไปหาหมอเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติรึป่าว หมอคนนี้เป็นคนที่สาม หลังจากคนแรกเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านไขกระดูก เอ็กซ์เรย์แล้วกระดูกไม่มีอะไรผิดปกติ หมอเพียงแค่สั่งให้ฉันออกกำลังกายและเขียนใบสั่งยาให้ไปหานักกายภาพบำบัดเพื่อทำการปรับบุคลิกภาพ อาการปวดหลังฉันน่าจะมาจากการที่ฉันมักจะก้มหน้า ทำให้กระดูกต้นคองอ เห็นเป็นก้อนหนาเหมือนอูฐ แต่ฉันก็ไม่ได้ไปหานักกายภาพบำบัด พอตรวจเลือดออกมา ผลก็บอกว่ามีอาการอักเสบ หมอประจำตัวฉันซึ่งเป็นหมอทั่วไป คิดว่าไม่มีอะไป ต่อมาหมอคนนี้เกิดเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายด้วยวัย 78 ปี ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนหมอใหม่ บังเอิญหมอคนใหม่เป็นหมอกระดูกด้วย พอดูแล้วกระดูกไม่เป็นไร เลยบอกให้ฉันออกกำลังกาย และสั่งยาแก้ปวดให้กินสิบวัน ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตากินไปได้สี่วัน ระหว่างนั้นก็บ้าๆ บอๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หงุดหงิด ไม่รู้เป็นอะไร หลังก็ยังปวดไม่หาย จู่ๆ เช้าวันที่ห้าระหว่างกินกาแฟ ฉันเลยเอาใบกำกับยามานั่งอ่าน อ่านได้ความว่า การกินยานี้อาจมีผลข้างเคียงคือ หลับไม่สนิท ฝันร้าย หดหู่ หงุดหงิด โมโหร้าย ถึงขนาดอาจทำร้ายตัวเองหรือคนรอบข้าง และอื่นๆ อีกมากมาย สรุปว่าอาการที่บอกคือสิ่งที่ฉันประสบอยู่ เลยบอกกับสามีว่า ยานี้ทำให้บ้ารึป่าว ฉันมีอาการเหมือนที่เขียนเป๊ะ เขาว่ารู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริงๆ เลยไปถามเภสัชฯอีกที เพื่อนความชัวร์ว่ากินแล้วไม่บ้า เภสัชฯบอกว่าอย่าไปอ่านที่เขียนไว้ (อ้าว...ไม่ให้อ่านแล้วเขียนทำไมฟะ) ฉันก็กินต่อไปจนครบที่หมอสั่งแล้วหยุด อาการเริ่มสงบขึ้น หมอเขียนใบสั่งยาให้ไปหานักกายภาพเพื่อนวดหลังและทำกายภาพ ทำไปหลังก็ปวดเหมือนเดิม แต่ความหดหู่หายไป เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาใหม่ ฉันไปนวดแค่อาทิตย์ละสองวัน ครั้งละครึ่งชั่วโมง (ดีนะไม่เสียตังค์ ด้วยความดีของประกันสังคมฝรั่งเศสที่ทำให้รักษาฟรี ไม่งั้น กระเป๋าคงแห้งกรัง) ช่วงนี้ฉันเลยตั้งใจว่าจะทำใจให้สบาย ไม่คิดมากให้ปวดจิต ตั้งใจคลายอาการปวดหลัง เลยหันกลับมาเล่นโยคะอีกครั้งหลังจากเลิกไปเป็นปี การเล่นโยคะที่นี่มีราคาแพง เป็นของหรูหราไฮโซ ฉันสู้ราคานี้ไม่ไหว เลยโหลดวิดีโอมาฝึกเอง ฝึกคนเดียวก็ได้ฟะ หวังว่าอาการปวดหลังจะทุเลาบ้าง แอบคิดว่าอาจได้ผลพลอยได้ทำให้โรคไขมันติดหลังทุเลาลงด้วย เวลาเห็นพุงตัวเองแล้วมันปวดใจเกินจะรับได้ (นี่ขนาดไม่เห็นหลังนะ) เอาวะ...ขยับกายวันนี้เพื่อสิ่งที่ดีในวันข้างหน้า

พอคิดได้แบบนี้ก็เริ่มสบายใจ แถมเริ่มมีแรงบันดาลใจให้กลับมาหางานแปลอีกครั้ง ตอนนี้ฉันกำลังแปลเรื่องใหม่เพื่อเสนอสำนักพิมพ์ เล่มนี้ต่างจากเล่มที่ผ่านมา ฉันขอเปลี่ยนแนวบ้าง เลยหยิบเอาเรื่อง Le Voisin ของ Tatiana de Rosnay นักเขียนเบสต์เซลเลอร์ติดอันดับหนึ่งในห้าของฝรั่งเศสมาแปล อ่านแล้วสนุกอีกแบบ เลยลองแปลเสนอสำนักพิมพ์ดู (ตอนนี้อยู่ระหว่างขัดเกลาเล็กน้อย) ในใจก็ตั้งมั่นเต็มที่ ฉันไม่ได้มีชื่อ ไม่มีคนรู้จักฉัน แถมฉันไม่รู้จักคนในแวดวงหนังสือมากนัก แต่ฉันไม่คิดถอยอยู่แล้ว เบื่อบ้าง เซ็งบ้าง ท้อบ้างไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องธรรมดา ฉันจำคำพูดที่อาม่ามักบอกกับพวกฉันตอนที่อาม่ายังอยู่ได้เสมอ “เกิกเป็งคงต้องอกทง”เอาวะ ! ทนก็ทน...



Create Date : 02 มีนาคม 2554
Last Update : 2 มีนาคม 2554 0:09:19 น.
Counter : 376 Pageviews.

2 comments
  
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: Letmein วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:3:18:00 น.
  
มาเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ
โดย: บาร์บี้แสนสวย วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:17:56:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tibou
Location :
Phisanulok  France

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เด็กอ้วนถือกำเนิดกลางตลาดเมืองสองแคว เมื่อ 31 ปีที่แล้ว จากนั้นก็ชีพจรลงเท้าไปเรียนประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยแรงบันดาลใจอะไรสักอย่างชีพจรก็พาสองเท้าเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังเมืองน้ำหอมพร้อมกับความตั้งใจที่จะพูดภาษาฝรั่ีงเศสที่ใฝ่ฝันอยากเรียนสมัยมัธยมให้ได้ แล้วอุบัติรักกับหนุ่มเมืองน้ำหอม(สามีสุดเลิฟ)ก็เกิดขึ้น ปัจจุบันย้ายกลับมาอยู่ฝรั่งเศสอีกครั้งพร้อมทำหน้าที่แม่บ้าน กรรมกร(บนเรือ)กับสามีอันเป็นที่รัก พร้อมกับพยายามสานฝันอาชีพนักแปลให้สำเร็จ เพื่อให้นักอ่านบ้านเราได้มีโอกาสสัมผัสวรรณกรรมฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น สองคนผัวเมียตั้งฝันเดินทางรอบโลกด้วยเรือลำน้อยของเราในอีกสามปีข้างหน้า จุดหมายไปทางยังไม่ระบุ ที่แน่ๆขั้วโลกอยู่นอกเส้นทาง