Group Blog
 
All Blogs
 

ของขวัญชิ้นสุดท้าย

~*~

ดำรัสกษัตริย์ตรัสแล้วไม่หวนคืน ทั้งที่ลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่ใยดีใครคนนั้นอีก
...แต่ทำไม...
ดวงใจจึงร้อนรุ่มดั่งถูกแผดเผา

~*~

ศึกชิงแหวนแห่งปราชญ์

รู้ทั้งรู้...ทั้งที่คาดเอาไว้แล้ว...ว่าต้องลงเอยแบบนี้...แต่ยังไงก็ทำใจไม่ได้

ศึกใหญ่แห่งปี

เดอะปรินซ์....ปะทะ...เดอะปรินซ์
เจมิไน...ปะทะ...ซาเรส
โรเวน ฮาเวิร์ด...ปะทะ...อาเธอร์ บริสตั้น

“ เจ้าชายโรเวนพลาดท่าอีกแล้ว! “ เสียงใครคนหนึ่งอุทานขึ้นมาในปะรำพิธี ที่ซึ่งเป็นที่ประทับพิเศษแก่บรรดากษัตริย์ทั้งหลายที่มีความปรารถนาจะเข้ามาทอดพระเนตรบวกกับกรองสถานการณ์ความเป็นไปในศึกแห่งศักดิ์ศรีคราวนี้
“ เอาเสือมาปะทะสิงห์ งานนี้ไม่สิงห์ก็เสือล่ะที่จะต้องเละกันไปข้าง “ คราวนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์กลั้วลูกคอหัวเราะหึหึของคิงแอเรียสดังเรียกร้องความสนใจขึ้นมาบ้าง หลายคนเหลือบมองไปยังทางผู้พูดแล้วจึงหันกลับไปมองที่คิงของซาเรสและเจมิไนที่ยังคงสำรวมท่าทีเงียบเฉย สงบนิ่งเหมือนเช่นเคยอยู่

...ผิดกับ...

“ ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไปเพคะ? “ นางสนองพระโอษฐ์คนสนิททูลถามอย่างวิตก เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างบางของจักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าคนงามกระตุกขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง
“...ปะ~เปล่า...ฉันไม่เป็นไร...“ วิเวียนพยายามกระพริบตาไล่ภาพเจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไนทรุดลงกับพื้นในสภาพเลือดไหลโซมกายไปกึ่งหนึ่ง เนื่องจากฤทธิ์ดาบในตำนานเล่มที่สองของเจ้าชายใจสิงห์ซึ่งมีสภาพไม่ผิดแผกแตกต่างกันมากนัก

‘ พอแล้ว...พอได้แล้ว...หยุดเสียที! ’

...เสียงตะโกนในใจเธอร่ำร้อง...

อับอายแทนศักดิ์และศรีของเวนอลเหลือเกิน ทั้งที่เคยประกาศไว้ว่าทุกอย่างล้วนจบสิ้น
...แต่ทำไม...
ยิ่งแสร้งทำตัวเข้มแข็งขนาดไหน รู้สึกลึกภายในใจ กลับยิ่งอ่อนแอ อ่อนไหวมากขึ้นเท่านั้น

พร่ำบอกตนเองเสมอว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่าง คนแล้งไมตรีอย่างนั้น ทำไมต้องใส่ใจ?

...ไม่ต้องใส่ใจ?...

ทว่าเสียงดาบในตำนานของเจ้าชายทั้งสองที่ผลัดกันรุกและรับอย่างหนักหน่วงในแต่ละท่วงท่านั้น
กลับยิ่งทำให้ความเย่อหยิ่ง ทะนงตน ทิฐิ และศักดิ์ศรี ในใจเธอลดน้อยลงทุกที

‘ อย่า...ฉันจะไม่กลับไปเป็นวิเวียนนานีย่าคนเก่าอีกแล้ว...ไม่มีทาง ’

วิเวียนคนโง่ที่หลงงมงาย ปักใจในความรักครั้งแรกเสียจนต้องลงเอยด้วยความชอกช้ำ

‘...ถ้าหญิงสัญญาว่าเมื่อโตแล้วเป็นผู้หญิงที่ดีกว่าใครๆ พี่จะมารับไปเจมิไนก็ได้...’
คำสัญญามั่นของใครบางคน

...เคยเชื่อเสมอว่า...สักวันหนึ่ง...เจ้าพี่ต้องกลับมารับหญิง...
...แค่ความหวังเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพยายามทำเป็นผู้หญิงที่ดี เพื่อเจ้าพี่ที่เธอรัก...

...แต่ทำไม...

วันเวลาล่วงผ่านเลยไป...จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี...วันแล้ววันเล่า รอแล้วรอเล่า
...เฝ้ารอ...
จนรู้สึกว่าการรอคอยมันช่างยาวนานเหลือเกิน...ทำไม? เพราะเหตุใดกัน?...เจ้าพี่จึงเงียบหายไป...มันเกิดอะไรขึ้น?

หรือหญิงยังไม่ดีพอ?

เมื่อได้พบความจริง จึงได้ประจักษ์กับความเย็นชาที่แสนเจ็บปวด
ทำไม?
แล้วคำสัญญาของเราเล่า เจ้าพี่ลืมสิ้นแล้วหรือ แล้วที่หญิงทำไปทั้งหมดนี้เล่า เพื่ออะไร เพื่อใครกัน

...พอกันที...

เมื่อเจ็บปวดเสียจนชินชา จากชินชาจึงกลายเป็นความหยิ่งทะนง
ความทะนงตนก่อให้เกิดทิฐิ จากทิฐิจึงแปรเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็งในที่สุด

กษัตริย์ต้องยืนด้วยขาของตนเอง
จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเวนอลและจะเชิดชูบ้านเมืองที่เรารักด้วยสองมือคู่นี้

‘ ไม่จำเป็นต้องง้องอนใคร ’

ใช่...สิ่งที่เหลืออยู่นับจากนี้จะมีแค่เพียง จักรพรรดินีวิเวียนนานีย่า ผู้เข้มแข็งเท่านั้น!

~*~

ทันใดนั้นแสงสีทองที่สว่างวาบไปทั่วบริเวณสนามประลองก็ฉุดให้วิเวียนดึงความสนใจกลับมาที่สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างทันท่วงที ในขณะที่ร่างสูงใหญ่ของเจ้าชายใจสิงห์ไถลลงไปกองกับพื้นพร้อมๆ กับดาบในตำนานที่แตกออก เป็นเสี่ยงๆ กระเด็นหลุดจากมือไป ตัวด้ามที่ทำจากเหล็กกล้าตกลงกระแทกลานหินเสียงดังสนั่น ส่วนคมดาบซึ่งเบากว่ากันมากนั้นกลับถูกฤทธิ์เวทมนตร์ของคนถนัดใช้เวทมากกว่าดาบผลักกระจายออกไปทุกทิศทาง

“ กรี๊ดดดด ฝ่าบาท!!! “

เสียงกรีดร้องของบรรดานางในส่วนพระองค์พร้อมใจกันดังขึ้น เมื่อสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงปานสายฟ้า ปลายดาบที่หักสะบั้นของเจ้าชายอาเธอร์!

เศษคมดาบที่แปรสภาพเป็นอาวุธสังหารอย่างไม่ได้ตั้งใจ
...ผลพวงจากพลังแห่งเวทอันรุนแรงของเจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไนที่ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ถึง...

วิเวียนนั่งนิ่งขึงอยู่กับที่ประทับ พระพักตร์หวานซีดจนแทบจะกลายเป็นขาวด้วยความหวาดหวั่น วรกายแบบบางเย็นเฉียบขณะตระหนักถึงความกลัวสุดขั้วใจขึ้นมาเป็นครั้งแรก ดวงเนตรกลมโตเบิกกว้างกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า

“ คุ้มครององค์จักรพรรดินี เร็ว!!! “

เสียงใครบางคนตะโกนก้อง เหล่าทหารรวมถึงคนอารักขาประจำตัวของเอดินเบิร์กอย่าง ลอเรนซ์ ดอร์น ต่างกรูกันเข้ามา แต่ทว่าสมองของเธอกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดนอกไปเสียจากกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามาทุกขณะจิตเท่านั้น...

...ความตาย เบาเหมือนปุยนุ่น หนักเหมือนขุนเขา...

ใช่ แต่ฉันยังตายไม่ได้ !

“ ไม่!!!!!!!! “

สิ้นคำปลายดาบมฤตยูก็พลันสลายไปเหลือเพียงเศษธุลี ใกล้ใบหน้างามล้ำนั้นเพียงแค่ฝ่ามือเอื้อม
ทั้งที่ยังไม่มีผู้ใดได้ลงมือเลยแม้แต่คนเดียว

...มันเป็นไปได้อย่างไรกัน...
ฝีมือใคร?

ท่ามกลางความเงียบงันแห่งเสี้ยววินาทีดับจิตนั้น
ดวงเนตรสีเขียวมรกตก็บังเอิญช้อนขึ้นสบนัยน์ตาสีน้ำเงินคมกริบที่ทอดมองมาก่อนราวกับตั้งใจ

...รึว่า?...

ไม่ทันที่วิเวียนจะสรุปเรื่องราวทั้งหมดได้ดังใจนึก เธอก็แทบจะกรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อร่างทั้งร่างของเจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไนเซกระตุกไปด้านหลังด้วยฤทธิ์ดาบในตำนานเล่มใหม่ของเจ้าชายใจสิงห์ที่เสียบทะลุร่าง เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาจากปากแผลท่ามกลางความตกตะลึงของทุกฝ่าย ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นจะทรุดตัวลงไปกองกับพื้นหินอาบเลือดสีแดงฉานอย่างผู้ปราชัย...

...ภาพที่ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของวิเวียนนานีย่าแทบหยุดเต้น...

เจ้าพี่โรเวน !!!

~*~

‘...ต้องไม่เป็นอะไรนะคะ เจ้าพี่ต้องไม่เป็นอะไร...’

ประโยคดังกล่าววนเวียนอยู่ในสมองของเธอตลอดเวลา โดยที่ไม่สามารถสลัดความวิตกกังวลนี้ออกไปได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่จักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าแอบเสด็จออกมาจากปะรำพิธีเพียงลำพังหลังจากที่การแข่งขันนัดนี้สิ้นสุดลง โดยสั่งไว้แค่เพียงว่า...

“...ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีอยากจะให้ท่านผู้ใช้เวทตรวจดูอาการให้เสียหน่อย ห้องพักฟื้นชั่วคราวของที่นี่ไปทางไหน บอกฉันมาซิ? ส่วนพวกเธอรออยู่ที่นี่ อย่าให้ใครตามฉันมาแม้แต่คนเดียว มิฉะนั้น...คงไม่ต้องให้บอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น...”

...รับสั่งที่ชวนให้สงสัยด้วยประการทั้งปวง...
แต่ในที่สุดเหล่าข้าราชบริพารก็ต้องสนองพระประสงค์ขององค์จักรพรรดินีให้อย่างจำยอม

ส่วนตัวเธอก็รีบมุ่งตรงไปยังห้องพักผู้บาดเจ็บชั่วคราว แต่ละฝีเท้าที่ก้าวเดินนั้นเต็มไปด้วยความร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง

“..เจ้าพี่โรเวน..“ วิเวียนเอ่ยเสียงเบาขณะที่ก้าวเข้าไปให้ห้องเล็กๆ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องพยาบาลชั่วคราวอย่างเงียบกริบ ร่างสูงใหญ่ของคนที่ดวงใจเป็นห่วงหนักหนา ยามนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างไร้บาดแผลเจียนตายดังที่เคยประจักษ์ด้วยสองตาคู่นี้ จะมีก็เพียงแค่แถบผ้าสีขาวสะอาด ซึ่งพันร่างกายท่อนบนของเจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไนเอาไว้ ที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน

วิเวียนนึกชื่นชมในฝีมือการรักษาของบรรดาผู้ใช้เวทขึ้นมาอย่างเงียบๆ เพราะแม้แต่เจ้าชายใจสิงห์ที่เมื่อสักครู่นี้บนเวทีประลองยังมีรอยแผลบอบช้ำไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันยังกลับนอนหลับนิ่งอยู่บนเตียงถัดไปโดยไร้ร่องรอยการต่อสู้

...ดี เจ้าพี่ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว...

...ถ้าเช่นนั้น...
คงไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?

วิเวียนนานีย่าบีบพระหัตถ์แน่นจนขึ้นข้อขาว ก่อนจะสาวพระบาทกลับไปยังทางที่เข้ามาอย่างเงียบกริบ ทว่าเมื่อไปได้แค่ครึ่งทางพระจักรพรรดินีคนงามแห่งเวนอลก็หันกลับมาทอดพระเนตรร่างสูงที่ประทับอยู่บนเตียงพักฟื้นด้วยแววตาอาลัยยิ่ง โอษฐ์สีกุหลาบยามนี้เม้มบางจนเกือบเป็นเส้นตรงราวกับกำลังตัดสินพระทัย ที่สุดแล้วก็ยอมเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เตียงของเจ้าชายคนสำคัญของเจมิไนและประทับนิ่งอยู่อย่างนั้นพลาง...เฝ้ามอง...

เพียงแค่พบประสบพักตร์ดวงหน้ารูปสลักที่คิดถึง ทำนบความรู้สึกอันลึกซึ้งที่พยายามกักเก็บเอาไว้ก็ทะลักล้นออกมา

...เจ้าพี่...

‘...ทำไมจึงต้องสู้กันถึงขนาดนี้ด้วย หากเป็นอะไรไปขึ้นมา เจมิไนจะทำยังไง...หญิงจะทำยังไง....’

หัตถ์น้อยๆ เอื้อมไปหาคนตรงหน้า ทว่าไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องกายได้ดังใจปรารถนา มือบางสั่นระริกด้วยความรู้สึกน้อยใจระคนอดกลั้น ทำได้เพียงแค่ลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักเพียงหลอกๆ ไปก็เท่านั้น แม้นไม่อาจรู้สึกได้ถึงผิวสัมผัสแต่รับรู้ระลึกได้ด้วยดวงใจ เพียงแค่นั้นก็เกินพอแล้ว....

อย่าให้เขาต้องรับรู้ถึงการมา...ด้วยกลัวสายตาอันเย็นชา รังเกียจ และห่างเหิน

...ทำไมนะ...

...ทั้งที่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่รู้สึกเหมือนไกลแสนไกล...

...ทว่า...

...ขอโอกาสสักครั้งหนึ่ง แค่เพียงเฝ้ามองจากที่ตรงนี้...
ขอแค่วินาทีเดียว จะกลับไปเป็นวิเวียนนานีย่าคนเก่ากับเจ้าพี่คนดีที่เธอเคย...รัก...

...คิดถึงเหลือเกิน...

ทั้งดวงเนตรสีน้ำเงินเข้มที่เคยทอดมองหญิงด้วยแววตาอ่อนโยนคู่นั้น ทั้งโอษฐ์บางที่เคยมีแต่รอยยิ้มให้หญิงอยู่เสมอๆ
...อดีตอันแสนหวานที่บัดนี้เหลือเพียงแค่ความทรงจำ...

...น่าเศร้านัก...

เมื่อไหร่กัน ที่สถานะของเราสองคนแปรเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ เป็นเพียงแค่คนรู้จัก แล้วความรู้สึกของหญิงเล่า เจ้าพี่ไม่เคยรับรู้บ้างเลยหรืออย่างไร? ทำไม...เจ้าพี่จึงได้รังเกียจหญิงนัก เพราะเหตุใดกัน? สัญญานั่นเป็นเพียงแค่ลมปากที่หลอกให้คนคนหนึ่งหลงเชื่อใช่ไหม? ทั้งที่โดนทำร้ายจิตใจมากมายถึงขนาดนั้น แต่ทำไม ดวงใจของหญิงจึงไม่อาจตัดเจ้าพี่ให้ขาดไปจากใจได้เสียที ทำไมกัน? ทำไมหญิงจึงคิดถึงเจ้าพี่มากมายขนาดนี้?

...ความคิดถึงที่มาพร้อมกับคราบน้ำตา...

“..หญิง...หญิงคิดถึงเจ้าพี่...”
พลันโอษฐ์บางเผลอทำตามความปรารถนาจากหัวใจเป็นครั้งแรก

...แต่เมื่อกล่าวออกไปแล้วจึงได้รู้สึก...
...ช่างโง่นัก...
คงมีแต่หญิงที่คิดถึงเจ้าพี่...ในขณะที่เจ้าพี่ไม่ได้คิดถึงหญิงเลย..ไม่เคยเลยสักครั้ง

ทุกอย่างล้วนจบลงสิ้น...ต้องเจ็บอีกกี่ครั้งจึงจะจำ
ใครคนนั้นเขาทอดทิ้งเธอไปแล้ว

...พอเถอะ...

ไม่กล้าแม้แต่จะคาดหวัง ไม่อยากจะคิดอะไรให้มากความอีก
...แม้แต่ดวงตาที่ประสบพบกันเพียงชั่วครู่ในวินาทีเฉียดตายนั้นคงเป็นเพียงแค่ความบังเอิญ...
...ใช่ไหม?...

บทสรุปที่ชวนให้น้อยเนื้อต่ำใจ ดวงเนตรมรกตสดใสเป็นประกายรื้นแสงกล้า วิเวียนเชิดพระพักตร์สูงหวังเพียงให้หยาดน้ำอุ่นๆ ที่เอ่อล้นอยู่เต็มเบ้าตาในตอนนี้กลับคืนไปอย่างสิ้นหวัง

...เพียงพอแล้วกับหยาดน้ำตาที่เสียไป...

กษัตริย์ต้องไม่อ่อนแอ
...ใช่...

ฉันยังมีหน้าที่ต่อแผ่นดิน
...หน้าที่...

จักรพรรดินีวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอลยังคงต้องก้าวต่อไป
...ฉันจะต้องก้าวต่อไป...

ในเมื่อไม่สามารถพึ่งพาใครได้อีก หญิงก็จะยืนขึ้นด้วยตนเอง แม้ว่ามันจะยากลำบากขนาดไหนก็ตาม

...ต่อไปนี้ ‘ดวงใจ’ จะมีไว้เพียงเพื่อแผ่นดิน...

วิเวียนค้อมศีรษะลงและประทับรอยจุมพิตลวงตาไว้บนมือที่ประสานกันอยู่บนตัวของเจ้าชายโรเวนอย่างเศร้าสร้อย ดวงพักตร์หวานทอดมองใบหน้าราวรูปสลักของอนาคตมหาราชหนุ่มแห่งเจมิไนอย่างพินิจพิจารณาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเสด็จออกไปโดยไม่หันกลับมามองเลยแม้แต่นิดเดียว...

~*~

โรเวนลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมาพินิจดู ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมาย แต่สิ่งสุดท้ายที่อยู่ในใจก็คงเป็นภาพของจักรพรรดินีพระองค์น้อยยามที่แอบเสด็จเข้ามาหาเขาถึงข้างในนี้...ใช่ เขารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา...
...ยังดี ที่เขาแกล้งทำเป็นหลับเสีย มิฉะนั้นสิ่งที่เพียรพยายามฝืนทน บังคับจิตใจกระทำมา คงพังย่อยยับไม่มีชิ้นดีเลยเป็นแน่...

...หญิงคิดถึงเจ้าพี่...

ถ้อยคำรำเพยแสนคุ้นเคยน่ารักของใครบางคนสะท้อนก้องไปมาอยู่ในโสตประสาท
พาลพาให้นึกประหวัดไปถึงเรื่องราวในอดีตอันแสนหวาน

‘...เจ้าพี่มาหาหญิงแล้ว! เจ้าพี่โรเวน หญิงคิดถึงเจ้าพี่จังเลยค่ะ...’

เจ้าหญิงตัวน้อยหน้ากลม ผมสีทองลีบติดศีรษะที่ดูยังไงก็หาความน่ารักไม่เจอ ส่งเสียงร้องทักทายแจ้วๆ
ดวงเนตรสีเขียวมรกตเป็นประกายสดใส
โอษฐ์บางคลี่ยิ้มหวานต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายหนุ่มคนสำคัญแห่งเจมิไน

...ภาพที่ยังตราตรึงอยู่ในใจเขาเสมอ...

โรเวนเผยรอยยิ้มหวามไหวอ่อนโยนยามหวนรำลึกถึงอดีตซึ่งถูกปิดผนึกเอาไว้ในความทรงจำ

...ความทรงจำที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก...

จนกระทั่งเขาตัดสินใจจบทุกสิ่งทุกอย่างลงด้วยน้ำมือของตนเอง

คงไม่มีอีกแล้ว ความรู้สึกดีๆ ถูกเขาทำลายเสียจนหมดสิ้น
นับตั้งแต่วันนั้น

...วันแห่งการจากลา สิ้นสุดคำสัญญาของสองเรา...

ดาบปักษาจันทร์ ดาบในตำนานซึ่งไม่เคยมีแม้แต่รอยบิ่น กลับหักสะบั้น เพียงเพราะว่าผู้เป็นเจ้าของสั่งให้หัก

...เธอคงจะเจ็บปวดไม่น้อย...

ดวงเนตรงามมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินจากไปด้วยหัวใจที่รวดร้าว
...แต่หญิงรู้หรือเปล่า...
ว่าคนที่กัดฟันทำสิ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึกข้างใน ดวงใจเขาก็กำลังสูญสลายลงเช่นเดียวกัน

...ปวดร้าวเหลือเกิน...

แม้ไม่อาจเยียวยาความรู้สึกที่ถูกกระทำให้เจ็บช้ำ แต่อย่างน้อยก็ขอรักษาตัวแทนของหัวใจ

‘ มีดาบเล่มหนึ่ง อยากให้ท่านช่วยซ่อมให้ด้วย ’

...ดาบดี หักกี่ครั้งก็ยังซ่อมแซมได้ แต่ดวงใจน้อยๆ ของใครบางคนที่แหลกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าคงยากที่จะสมาน...
สักวันหนึ่ง เธอคงทนกับความเจ็บปวดที่เขามอบให้นี้ไม่ได้

...และเดินออกจากชีวิตเขาไป ตลอดกาล...

นี่หรือคือสิ่งที่ปรารถนา?

ใช่! นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด
อย่างน้อยก็นับตั้งแต่ตอนที่ได้รู้ว่าวิเวียนนานีย่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์องค์สุดท้ายของเวนอลที่เหลืออยู่

นับตั้งแต่วินาทีนั้น เขาก็รู้แล้วว่าชีวิตเธอจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
...และเรื่องราวของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดเช่นเดียวกัน...

...เส้นขนานที่ไม่มีวันเวียนมาบรรจบ...

~*~

โรเวนจดจ้องหลังมือของตนเองเนิ่นนานขณะหวนคิดไปถึงวินาทีที่วิเวียนนานีย่าประทับรอยจุมพิตหลอกๆ เอาไว้ ก่อนที่จะบรรจงจูบลงบนฝ่ามือข้างนั้นซ้ำอีกครั้ง

...การกระทำที่ได้รับคำสั่งจากหัวใจ โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งคอยจับตาดูอยู่ตั้งแต่ต้น

“ ทำไมถึงไม่เปิดปากพูดกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยนะ คนเรานี่ก็แปลก ชอบอมพะนำเอาไว้อยู่ได้ ไม่คับอกคับใจตายบ้างหรือยังไงกัน “ จู่ๆ คนเจ็บข้างเตียงที่เมื่อครู่นี้ซัดกันแทบเป็นแทบตายก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ
เจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไนชะงักไป ก่อนจะประสานมือไว้บนตัวอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าแสนสุภาพนั้นแย้มรอยยิ้มน้อยๆและกล่าวว่า “ หายง่วงแล้วหรือ เจ้าชายอาเธอร์? ”
“ ไม่ต้องมาทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง โรเวน นายก็ไม่ได้หลับจริงพอๆ กับที่เราทำเหมือนกันนั่นแหละ ว่าแต่ท่านเจ้าชายคงมีเหตุผลสำคัญประการอื่นมากกว่าแค่นอนไม่หลับกระมัง “ น้ำเสียงประชดจากคนชอบยั่วที่บ่งบอกว่ารู้ทัน
“ จะให้ฉันพูดอะไร ในเมื่อมีเจ้าชายนักการทูตแสนเก่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน จริงไหม อาเธอร์? แล้วนี่ เรื่องข้อเสนอของท่านไปถึงไหนแล้วล่ะ? “ คำตอบเฉไปโน่น แต่เจ้าตัวก็ยังอมยิ้มละไม
เจ้าชายใจสิงห์ทำหน้าปั้นยากขึ้นมาทันใด ก่อนจะลงท้ายความปรารถนาดีด้วยการพลิกตัวไปที่อีกด้านหนึ่งของเตียงโดยไร้คำตอบ...เป็นอีกครั้งหนึ่งที่อดคิดไม่ได้ว่า..นี่มันเรื่องของใครกันแน่ ปากแข็งยังกับหินฉาบปูนอย่างนี้ มันน่าช่วยจริงๆ เลย ให้ตายสิ!...

เหตุการณ์เมื่อครู่นี้เขายังจำได้ดี ระหว่างการประลอง หลังจากที่โดนโจมตีจนต้องเสียดาบในตำนานเล่มที่สองไป
ถึงจะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็รู้สึกได้
สมาธิในการต่อสู้ของโรเวนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

พร้อมๆ กับการลงดาบวูบหนึ่งซึ่งไม่มีใครมองเห็น...แต่เขาผู้ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดสามารถสัมผัสได้...ถึงวิถีแห่งจิต...
รวดเร็ว ฉับไว และแม่นยำ
...เป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชายผู้นิยมซ่อนคมตรงหน้าเขาคนนี้...

คนที่ทำให้เขาเลือดร้อนได้เสมอ

ปลายดาบพลันสลายไป ต่อหน้าต่อตาแม่จักรพรรดินีคนงามแห่งเวนอลนั่น
ในวินาทีเดียวกันกับตอนที่เขาเรียกดาบในตำนานเล่มใหม่มาไว้ในมือ และทุกอย่างก็จบสิ้นลงอย่างรวดเร็ว

ชัยชนะที่ได้มาพร้อมความคับข้องใจ

...ถ้าไม่เพราะแม่นั่น...

ปัดโธ่ ไอ้โง่โรเวนเอ๊ย ขนาดเด็กสิบขวบยังรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องแค่นี้ทำเป็นปากแข็งไปได้ งี่เง่า!

~*~

ทำไมถึงไม่พูดไปหรือ?

บางเรื่อง หากไม่พูดออกมาคงจะดีเสียกว่า อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่ายในภายหลัง
...อย่างน้อยก็ไม่ต้องหักใจเลือกระหว่าง หน้าที่ กับ หัวใจ...

หากแต่สิ่งเดียวที่จะทดแทนความนัยนี้ได้

...ความลับที่เป็นของเขาเพียงคนเดียว...

...ปักษาจันทร์แทนคำสัญญา...

ดาบงามกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ แต่เจ้าของคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว

....ถึงอย่างไรก็ตาม....

‘ นายเอาดาบให้แม่นั่นยืม โรเวน ’

ดวงตาสีเขียวมรกตในยามนี้อ่านยาก กระแสความรู้สึกที่ขัดแย้งกันบางอย่างฉายชัดออกมาในเวลาเดียวกัน

ในที่สุดเธอก็ต้องรับมันคืนไปอย่างจำยอม

...แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้...

โรเวนหลับตาลงอย่างแช่มช้าอีกครั้ง ปล่อยให้สายธารแห่งความทรงจำล่องลอยไปไกล
ถึงความลับที่แอบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
...ความลับที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ล่วงรู้ และจะติดตัวเขาไปจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต...

~*~

ค่ำคืนหนึ่งในดินแดนเมืองหลวงแห่งเดมอส

เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ มือใหญ่ทั้งสองประคองดาบปักษาจันทร์
ของกำนัลแก่ใครบางคนที่ยากจะลืมไว้อย่างทะนุถนอม

...วิเวียน...

มาถึงตอนนี้เธอคงจะเกลียดเขาจับจิต

...พี่ขอโทษและจะไม่ขอให้อภัย...

แต่หญิงคิดหรือว่าการสวมหน้ากากฟาโรห์กับหัวใจตนเองนี่มันง่ายดายนัก?

...เปล่า ไม่เลย...
มันทรมาน

แต่ด้วยพันธะกษัตริย์จึงต้องจำทน
...รวดร้าว...

ต่างคน ต่างวิถี ต่างทางเดิน
...หากจะผิด ก็ผิดตั้งแต่เลือกเกิดมาเป็นเจ้าฟ้าเหนือประชาแล้ว...

เมื่อชีวิตนี้เป็นของแผ่นดิน
...แม้แต่...
หัวใจก็ถูกจองจำ ด้วยพันธนาการที่เรียกว่าหน้าที่

ดวงตาสีน้ำเงินที่ฉายแววเป็นมิตรอยู่เสมอ ในตอนนี้หม่นเศร้า

...เหนื่อยเหลือเกิน...

เพียงพอแล้วกับหลักการและเหตุผล...ขอครั้งนี้เพียงแค่ครั้งเดียว
...ขอให้หัวใจอยู่เหนือหน้าที่...
สักครั้ง

โรเวนพึมพำเสียงเบา
ทันใดนั้นวัตถุกลมเล็กสีเงินยวงราวกับแสงจันทร์ก็ปรากฏอยู่ในมือของเจ้าชายคนสำคัญแห่งเจมิไน

...มุกที่สร้างจากเวทมนตร์ของราชินีแห่งสโนว์แลนด์ อาบแสงจันทร์หนึ่งหมื่นแปดพันราตรี เป็นของวิเศษหายาก
และถือเป็นของหมั้นที่เจ้าชายจะมอบให้กับพระชายาในอนาคต...

คำกล่าวของใครบางคนสมัยยังเด็กที่ไม่ค่อยจะใส่ใจกับความหมายมากนัก

แต่ตอนนี้เขาตระหนักดีแล้ว

โรเวนหลับตาลงและหวนคิด พลางจุมพิตไข่มุกเม็ดเล็กอย่างแสนรัก ก่อนจะร่ายเวทสั้นๆ กำกับ
ทันใดนั้นไข่มุกล้ำค่าก็กลืนหายเข้าไปในดาบแห่งตำนานเล่มนั้น...ปักษาจันทรา...

...ความลับที่จะตายไปกับเขา แต่คงอยู่ชั่วนิรันดร์...

‘ นี่คือ ไข่มุกแสงจันทร์ เก็บเอาไว้ให้ดีนะ โรเวน และมอบมันให้กับคนที่สำคัญที่สุดของลูก ’

แด่เธอเพียงผู้เดียว

...ของขวัญชิ้นสุดท้าย จากใจพี่ วิเวียนนานีย่า...

~*~*~*~*~*~*~*~*~*~





 

Create Date : 01 สิงหาคม 2548    
Last Update : 1 สิงหาคม 2548 2:30:25 น.
Counter : 1286 Pageviews.  


รังสิตางศุ์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add รังสิตางศุ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.