- 23 OCTOBRE 10 ดีใจ ดีใจ ดีใจ ดีใจ ดีใจ ได้กลับมาเจอไอ้ลูกหมาอีกครั้ง

ดีใจ ดีใจ ดีใจ ดีใจ ดีใจ ได้กลับมาเจอไอ้ลูกหมาอีกครั้ง



กลับมาถึงบ้านที่ฮ่องกงแล้วเมื่อคืน

เช้านี้ตื่นมา สิ่งแรกที่แว่บเข้าหัวคือ วันนี้จะได้เจอไอ้ลูกหมา หลังจากต้องแยกห่างจากกันตั้งเกือบสามเดือน แค่นึกก็ดีใจ มีความสุข ยิ้มออกแล้ว

ไอ้อ้วนบินข้ามฟ้าจากอินเดียมาถึงฮ่องกงเมื่อวันที่ 20 วันที่ฉันไปส่งสองลูกเลี้ยงที่เมืองไทย เมื่อรู้ว่าเดินทางมาถึงปลอดภัยดี ฉันก็โล่งใจ ไม่ค่อยห่วงเรื่องที่ต้องไปอยู่ให้เขากักตัวเสียเท่าไหร่ เพราะหาข้อมูลแล้วได้ความว่าสถานกักกันหมาที่ฮ่องกงสะอาดได้มาตรฐานดี เป็นห่วงก็แต่ตอนที่นั่งเครื่องบินมากกว่า กลัวว่าจะร้อนไป จะหนาวไป จะไม่ได้ดื่มน้ำเพียงพอ ยิ่งเป็นหมาหน้ายู่อย่างบูลด้อกด้วย อัตราการเสียชีวิตระหว่างขนส่งมีสูงกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ

ถึงเวลา เมื่อไปถึง “ศูนย์ดูแลสัตว์” ที่ตั้งลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะฮ่องกง เซ็นชื่อในสมุดเยี่ยม เปิดประตูเข้าไปผ่านกรงเรียงราย เสียงหมาเห่าดังขรม ในกรงมีทั้งหมาเล็กหมาใหญ่ เดินจนสุดทางถึงกรงสุดท้าย ร่างสีน้ำตาลและใบหน้าคุ้นๆ ปรากฎให้เห็น ไอ้ลูกหมานั่งนิ่งหน้ามึนไม่มีเห่าเลยสักแอะ ความรู้สึกแรกในใจอีแม่คือ โอ ลูกแม่ หัวโต หน้าย่นขึ้นเยอะเลย

ตอนแรกไอ้ลูกหมาดูงงๆ แต่เมื่อเปิดกรงออกมา ท่าทีก็เปลี่ยนไปราวปรอทพุ่งปรี๊ด ตัวสั่นดิกๆ กระริกกระรี้ แทบจะจับเอาสายจูงคล้องห่วงที่ปลอกคอไม่ได้ เมื่อคล้องได้ เปิดประตูออกไปยังบริเวณที่จัดไว้ให้เจ้าของมาหมาเดินเล่น ไอ้หนูวิ่งพรวดแทบจะลากคนจูงไหลตามไปด้วย

สามชีวิต สองสามีภรรยากับหมาหนึ่งตัวใช้เวลาร่วมกันอยู่ในบริเวณสวนเล็กๆ หนึ่งชั่วโมงเต็มจนหมดเวลา “เยี่ยม” นอกจากส่วนหัวที่ใหญ่กว่าเดิมและยู่ย่นกว่าเดิมตามสายพันธุ์ ไอ้อ้วนไม่ได้เปลี่ยนไปจนผิดหูผิดตา รูปร่างกำยำมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ยังชอบเล่นกับสายจูงเหมือนเดิม ยังชอบดื่มน้ำที่ไหลจากก็อกน้ำเหมือนเดิม ยังนั่งท่ายืดขาข้างหนึ่งไปข้างๆ เหมือนเดิม

แล้วก็ดูเหมือนจะจำอีแม่คนเดิมได้ด้วย




>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 23 ตุลาคม 2553    
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 19:02:15 น.
Counter : 901 Pageviews.  

21 OCTOBRE 10 ลูกเลี้ยงไป ลูกหมามา

ลูกเลี้ยงไป ลูกหมามา

.....
ภารกิจซูเปอร์แม่เลี้ยงประจำปีนี้จบสิ้นลงแล้ว เมื่อวานนั่งแท็กซี่จากบ้านนอกของฮ่องกง ต่อเครื่องบินมาลงสุวรรณภูมิ ต่อรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์เข้าบางกอก ลงสุดสายสถานีพญาไท แล้วจัดการ “ส่งต่อสินค้า” ให้คุณแม่ของเด็กๆ

ปิดฉาก วางหมวก สวมบทบาทนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศของตัวเองอีกครั้ง ขึ้นรถไฟฟ้า ทุลักทุเล กระเป๋าเดินทางใบเบ้อเริ่ม นั่งเลยสถานี หอบลงบันได ขึ้นบันไดเลื่อน เบียดเสียดกับผู้คน ลากข้ามถนนสี่ห้าเลน ขึ้นเกาะกลางถนน สุดท้ายก็ถึงโรงแรมแบบแฮ่กแทบขาดใจ

เช้านี้ ตื่นมาในห้องพักที่โรงแรมเล็กๆ ชื่อ บ้านพระนนท์ ถนนเจริญราษฐ์ ตอนหกโมงเช้า

ตื่นขึ้นมาทำไมไม่ทราบ เลยเปิดแม็คบุต ชาร์จไอโฟนที่ตอนนี้หน้าที่หดลงเหลือแค่เป็นกล้องเสียหน่อย วันนี้จะได้เอาไปถ่ายบรรยากาศที่งานหนังสือ พร้อมๆ กับการซื้อหนังสือให้กระหน่ำฉ่ำใจ ตอนนี้กระเป๋าเดินทางว่างลงแล้ว เพราะขนเครื่องชงกาแฟเนสเพรสโซกับแคปซูลไปให้พี่แป๊ดแล้วเมื่อวานตอนหัวค่ำ

ใจประหวัดฟุ้งฟ่อง มีเรื่องโน้นนี้สลับแว่บๆ เข้ามาแล้วก็ผ่านไป เมื่อคืนนอนอิ่มลึกใช้ได้เลย ไม่กระสับกระส่าย หลับๆ ตื่นๆ วืดๆ เหมือนตอนที่ไปนอนที่นิราศบางกอกเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากเรื่องสถานที่แล้ว น่าจะเป็นภาวะจิตใจที่ปลอดโปร่ง ปล่อยวาง ไม่ได้แบกเรื่องหนักใจอะไรไว้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นความโล่งใจที่ปิดฉากหน้าที่การดูแลเด็กๆ ลง อีกส่วนเป็นการได้มีช่วงเวลาอิสระอยู่ลำพังตัวคนเดียวในระยะเวลาที่ไม่ยาวมากจนไม่รู้จะทำอะไรดี เหมือนเป็นช่วงพักผ่อนงีบสั้นๆ พอให้กระชุ่มกระชวย

และความครึ้มอกครึ้มใจอันเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่ฉันรู้อยู่แก่ใจ คือ ตอนนี้ไอ้ลูกหมาเดินทางจากอินเดียไปถึงฮ่องกงแล้ว ตอนนี้คงอยู่สถานกักกันโรค แหม่... จะว่าไปชีวิตฉันนี้มันเหมือนกับบทต่างๆ ในหนังสือไม่มีผิดเนอะ มีอะไรๆ มีใครๆ เข้ามา แล้วก็ออกไป เปิดหน้าใหม่ไปเรื่อยๆ

ตั้งใจแน่วแน่ วันเสาร์นี้ฉันจะไปหาไปเจอหน้าไอ้ลูกหมาที่บ้านกักกันให้ได้ ซูเปอร์พายุเมกีเข้าก็จะไป มาถึงวินาทีนี้ ฉันไม่สน ไม่ตั้งความหวัง ไม่วางเงื่อนไขเรียกร้อง ไอ้ลูกหมาจะจำฉันได้หรือเปล่าก็ช่าง แค่ได้กอด ได้ฟัด ได้เห็นมันร่าเริง มีความสุขก็พอใจแล้ว ถ้าจำได้ก็ดีไปจะปลื้มใจ ถ้าจำไม่ได้ก็เริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ แค่นั้นเอง


ป.ล. ขุดรูปเก่าตอนที่รับมาเลี้ยงวันแรกเมื่อเดือนมกราคมมาดู ตอนนั้นไอ้อ้วนหนักประมาณ 7-8 กิโลกรัม หน้าเท่ากำปั้น ตอนนี้ปาเข้าไป 27 กิโลกรัม หน้าบานกว่าหัวฉันแล้ว




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 21 ตุลาคม 2553    
Last Update : 21 ตุลาคม 2553 8:09:57 น.
Counter : 942 Pageviews.  

19 OCTOBRE 10 แม่เลี้ยง วันที่ 3-4 Super Belle Maman

แม่เลี้ยง วันที่ 3-4 Super Belle Maman




สองวันสุดท้ายของการสวมหมวกแม่เลี้ยง ฉันพาเด็กๆ ไปเที่ยวจุดท่องเที่ยวภาคบังคับสองจุดของฮ่องกง คือ ดิสนีย์แลนด์กับเดอะพีค

วันแรก ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อจะได้เล่นเครื่องเล่นได้ทั่วถึง วันที่สองพาเข้าเมืองไปขึ้นรถรางไต่เขา ทั้งสองวันเดินกันแฮก เหนื่อยหมดแรงทั้งแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยง การออกนอกบ้านไปเร่ร่อนข้างนอกแบบนี้ ผิดวิสัยของฉันมาก ถ้าไม่ใช่ภารกิจแม่เลี้ยงค้ำคออยู่ ไม่มีทางที่ฉันจะย้วยก้นออกจากบ้านแถมติดๆ กันสองวันอย่างนี้ ความดีข้อนี้ ลูกเลี้ยงคงไม่เห็นหรอก แต่หวานใจเห็น เพราะเขาถึงกับตั้งฉายาให้ฉันว่า Super Belle Maman (ซูเปอร์แม่เลี้ยง)

เอาเข้าจริงๆ แล้ว ช่วงเวลาเข้มข้นตอนที่หวานใจไม่อยู่ ฉันต้องดูแลเด็กๆ ด้วยตัวเองเพียงลำพัง (โดยมีลูกมือคือ คุณ ก. คอยช่วยเก็บงำ) นี่เองที่ทำให้ฉันได้ทำความรู้จักนิสัยใจคอของเด็กทั้งสองมากขึ้น พอได้รู้จักกันแล้ว เห็นความแตกต่างข้อดี-ข้อเสียของแต่ละคนแล้ว อคติความคิดลำเอียงเดิมๆ ก็ปรับขึ้นมาจนสองข้างเริ่มเท่ากัน ปีหน้า คิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์อีกต่อไป

พรุ่งนี้ เปลี่ยนหมวกเป็นสตรีไปรษณีย์ นำเด็กสองคนไปส่งคุณแม่




>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 19 ตุลาคม 2553    
Last Update : 19 ตุลาคม 2553 17:18:43 น.
Counter : 1046 Pageviews.  

- 17 OCTOBRE 10 แม่เลี้ยง วันที่ 2 - จะคุณภาพไปไหนนัก

แม่เลี้ยง วันที่ 2 - จะคุณภาพไปไหนนัก



ไม่ว่าจะตั้งใจเลี้ยงลูกเลี้ยงในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างมีคุณภาพ อยากให้มีการเรียนรู้ เพิ่มทักษะ หรือจุดประกายความชื่นชอบขนาดไหน แต่การจัดกิจกรรมที่มี (หรือที่ฉันเห็นว่ามี) ประโยชน์วันละสิบสองชั่วโมงเนี่ยวันก็คล้ายจะสุดความสามารถ

สุดท้ายก็เลยต้องพึ่งพี่เลี้ยงยุคใหม่ หนังการ์ตูนทางยูทูป กับ เกมบนไอโฟน คั่นเวลาระหว่างกิจกรมหลัก รอเวลาอาหาร มองในแง่ดีเข้าไว้ เด็กๆ จะได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องเกร็งเพราะได้ทำสิ่งที่คุ้นชินได้ทำอยู่ที่บ้าน ที่ลงความเห็นว่าคุ้นชิน เพราะเห็นเด็กๆ ขยับเมาส์ ใช้นิ้วปาดบังคับหน้าจอได้คล่องแคล่ว มาเจอกันคราวนี้ ฉันเริ่มทำใจได้แล้วว่า ยุคต่างๆ ไม่เหมือนกัน เด็กในสมัยต่างๆ ย่อมไม่เหมือนกัน ในเมื่อในสมัยนี้ เด็กๆ จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ได้ จะกีดกัน ลากมาเล่นเกมบนกระดานกระดาษแข็งตลอดเวลา ก็คงจะไม่เหมาะนัก

แต่สิ่งที่ฉันน่าจะทำได้ คือ การเรียกมานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน การปลูกฝังนิสัยรักการอ่านไม่เคยเป็นเรื่องล้าสมัย ไหนๆ ตอนนี้เด็กๆก็ สะกดคำได้แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ทำเสียที ไม่รู้สิ จะแก้ตัวว่าไงดีล่ะ ... ขี้เกียจ เหนื่อย ปีหน้าละกัน

ที่พูดได้หน้าตาเฉยไม่รู้สึกผิดเสียเท่าไหร่ เพราะระยะเวลาแต่ละวันช่วงนี้แสนยาวนาน ตอนเช้า เด็กๆ จะตื่นกันตั้งแต่หกโมง พากันอาบน้ำ คุยเล่นกันจ้อกแจ้ก อาหารเช้า (วันนี้เป็นเครป) เจ็ดโมงกว่าๆ รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ อีกอย่าง บ้านใหม่ สถานที่ใหม่ สิ่งที่มีให้ทำก็ไม่ใช่แบบเดิมๆ กิจกรรมที่คาดผิดคิดว่าเด็กๆ จะะชอบคือการนั่งรถเปิดประทุนไปเที่ยวดูวิวธรรมชาติ ตอนแรกขึ้นก็ดูกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นกันดี อองตวนถึงขั้นออกปากอยากจะวาดรูปรถเอากลับไปให้คุณแม่ดู

แต่นั่งไปได้สิบกว่านาที หันหลังไปอีกที แม่สาวหลุยส์หลับคอพับคออ่อน ส่วนอองตอนหน้ามุ่ย ตุ่ยๆ แวะซื้อต้นไม้ กลับมาปลูกกันที่สวนเล็กๆ หลังบ้าน ฉันบอกให้เด็กๆ เลือกต้นไม้ที่ชอบกันคนละต้น จะได้สร้างความรู้สึกผูกพันเป็นเจ้าของ ลงต้นไม้เสร็จ แวะไปกินมอสเบอร์เกอร์ที่ห้างในเมืองเป็นอาหารกลางวัน ตอนเย็นไปเล่นน้ำที่ชายหาดเล็กใกล้ๆ บ้าน หวานใจพยายามสอนลูกๆ สบัดคันเบ็ดตกปลาแบบฟลายฟิชชิ่ง มื้อค่ำง่ายๆ งัดพิซซาในตู้แช่แข็งออกมาอุ่น

เอาเถอะ เอาน่า ตั้งใจทำดีๆ แล้ว พยายามทำสุดตัวแล้ว ก็สลับกันไป ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ไม่จำเป็นต้องทรงคุณประโยชน์ครบถ้วนสมบูรณ์แบบตลอดเวลาก็ได้เนอะ




>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553    
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 9:55:13 น.
Counter : 990 Pageviews.  

15 OCTOBRE 10 แม่ เลี้ยง วันที่ 1 : รัก หรือ ไม่รัก ใครเล่าจักบอกได้

แม่ เลี้ยง วันที่ 1 : รัก หรือ ไม่รัก ใครเล่าจักบอกได้

เด็กๆ มาถึงแล้วเมื่อคืน ฉันไปรับสามพ่อลูกที่สนามบิน กลับมาถึงบ้านเที่ยงคืนกว่าๆ อองตวนอ้วนใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ดูมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น แม้สีหน้าหมองๆ อมเศร้าจะยังไม่จางหายไปอย่างเด็ดขาด แอบแว่บมาเป็นระยะ ส่วนสาวหลุยส์ผอมแห้ง แขนขาเล็กเรียวเหมือนเดิม ร่าเริง สบายๆ ไม่ค่อยสำมะหาอะไรรอบตัวเหมือนเดิม แต่ดูเงียบนิ่ง เป็นผู้ใหญ่ขึ้น

เช้านี้ตื่นมา กำกับคุณ ก. จัดอาหารเช้าที่มั่นใจว่าของโปรด ไส้กรอก เบคอนและไข่ดาว พยายามวางผลไม้แทรกๆ ไปด้วย ระหว่างที่จัดการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มีจังหวะนึง ฉันสะดุดรู้สึกตัวขึ้นมาว่ากำลังทำตัวเหมือนคุณนายแม่ไม่มีผิด ทั้งวิธีการสอดส่อง การห้ามโน่นห้ามนี้ ให้กินโน่นกินนี่

ใจหนึ่ง อุ่นใจ นี่แสดงว่าฉันรักเด็กๆ พวกนี้จริงๆ เหมือนที่แม่รักฉัน

ใจหนึ่ง หวั่นใจ นี่ฉันกลายเป็นแม่ของฉันไปแล้วหรือนี่

หลังจากนั้น ตลอดทั้งวันที่เหลือที่ไปเล่นเรือด้วยกัน ฉันพยายามปล่อยใจ ไม่ผูกพัน ห้ามใจไม่หันไปดูตลอดเวลาว่าเด็กๆ อยู่ที่ไหน ไม่หวาดหวั่นว่าพวกแกกำลังเสี่ยงกับการตกน้ำ ห้ามมือไม่ให้เอื้อมไปเช็ดคราบขี้มูกบนแก้มอองตวน ไม่เข้าไปรวบผมยาวที่ดูรุงรังเหนียวติดลำคอของหลุยส์

ที่ยากเย็นที่สุด แต่สามารถทำได้ในที่สุดก็คือ ช่วงมื้อกลางวัน ระงับใจไม่เคี่ยวเข็ญให้กินถ้าไม่อยากกิน เดี๋ยวไปซื้อขนมขบเคี้ยวข้าวเกรียบกุ้งให้ละกัน อันนี้ก็ผิดแปลกจากปกติตัวฉันมาก เพราะฉันไม่ค่อยชอบซื้อขนมพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้ามันจะทำให้พวกแกไม่ต้องทนหิวตอนบ่ายในเรือได้ ก็ช่างเถอะ

ภาพในสไลด์ประกอบวันนี้ เป็นรูปที่ถ่ายด้วยไอโฟน อัพโหลดขึ้นเฟซบุคสผ่านสัญญาณโทรศัพท์แบบสามจีกลางทะเล ส่งตรงให้คุณปู่คุณย่าที่ฝรั่งเศสดูแบบสดๆ

เป็นอันอุ่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าฉันจะทำหน้าที่แม่เลี้ยงได้ถูกต้อง สมควร และเป็นผลดีต่อเด็กๆ ในวันนี้และในอนาคตหรือไม่ ไม่ว่าการสะกดห้ามใจไม่ให้ห่วงใยจะหมายความว่ารัก หรือ ไม่รัก อย่างน้อย ฉันก็ได้ทำให้ผู้อาวุโสสองคนชื่นใจ มีความสุขได้เห็นรูปหลานๆ





>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 15 ตุลาคม 2553    
Last Update : 15 ตุลาคม 2553 19:54:55 น.
Counter : 1015 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.