- 27 Janvier 11 ชีวิตวันนี้

ชีวิตวันนี้

วันนี้ชีพจรลงเท้า เข้าเมืองตั้งแต่สิบเอ็ดโมงเพื่อปฏิบัติภารกิจสามประการคือ ไปคืนดีวีดี เยี่ยมลูกหมาและไปนวด

ลองเปลี่ยนวิธีการเดินทางใหม่ จากลงรถไฟใต้ดินสองสายไปขึ้นรถราง เป็นไม่ต่อรถไฟใต้ดิน แต่โผล่ขึ้นถนนไปขึ้นรถเมล์ที่นอร์ธพ็อยต์ จะได้ทำความรู้จักย่านนั้นให้มากขึ้น แวะกินบะหมี่เกี๊ยวแถวๆ นั้น วันนี้ลองสั่งเป็นภาษากวางตุ้งด้วยนะ หมี่เกี๊ยวร้านนี้ถูกมากแค่ 11 ดอลลาร์ฮ่องกงเอง ปริมาณเยอะพอสมควรแต่น้ำซุปเค็มมาก

พอเปลี่ยนเส้นทางใหม่ วันนี้เลยได้ขึ้นรถเมล์สายใหม่คือสาย 19 ไปแฮปปี้วัลเลย์ คืนดีวีดีเสร็จขึ้นสาย 1 ไปลงเซ็ลทรัล ต่อสาย 30X ไปหาลูกหมา

เยี่ยมลูกหมาเสร็จ นั่ง 69X ไปลงคอสเวย์เบย์ แล้วขึ้นรถรางย้อนไปแถวหว่านจ๋ายไปร้านนวด นอนให้นวดสองชั่วโมงกว่าๆ เข้าตลาดไปกินเย็นตาโฟที่ร้านอาหารไทย ซื้อใบกระเพรา หมูกรอบและแกงไตปลา เป็นอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้

ถือว่าเป็นชีวิตที่ไม่เลวนัก ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ได้ทำสิ่งใหม่ๆ เปิดหูเปิดตาออกจากบ้านไปดูชีวิตผู้คนข้างนอก พอขึ้นรถเมล์บ่อยๆ เข้า เลยชักจะกล้าลองผิดลองถูกมากขึ้น ขึ้นถูกสายก็ดีไป ขึ้นผิดสายก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ศึกษาเส้นทางแม้จะเงอะๆ งะๆ ไปบ้างในครั้งแรก ที่สำคัญก็คือได้ใช้ชีวิตเหมือนคนที่อยู่บ้านนี้เมืองนี้จริงๆ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่แวะผ่านทางมาอาศัยอยู่ชั่วครู่ชั่วยามไม่รู้จักถนนหนทางใดๆ เลย






>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 27 มกราคม 2554    
Last Update : 27 มกราคม 2554 19:38:56 น.
Counter : 833 Pageviews.  

- 26 Janvier 11 ออดกายแอดใจ

ออดแอด

สามีไม่อยู่ ตัวเองลำพังกินอะไรก็ได้ง่ายๆ ไม่ต้องนึกหารายการอาหารเพื่อเอาใจใคร เหมือนจะดีไปอย่าง แต่เสียหลายอย่าง ชีวิตขาดแรงกระตุ้น แรงหนุน แรงผลัก แรงเสริม ลอยละล่องเหมือนกิ่งไม้แห้งๆ ในกระแสน้ำเชี่ยว สิ้นความรู้สึก ไร้ความรู้สา

มีเวลานอนเยอะ แต่นอนไม่อิ่มเลย ไม่รู้เป็นไง แถมร่างกายมีอาการประหลาดไม่เคยเป็นมาก่อนคือ ปวดกระดูกที่น่องข้างซ้าย ข้างเดียวกับที่สามีปวด นอนๆ อยู่มันปวดแปลบๆ จนรู้สึกตัวตื่นมาขดคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม บีบให้โอดโอยในใจอยู่พักนึงแล้วหายไป คิดว่าเดี๋ยวหวานใจกลับมาจะให้พาไปให้หมอตรวจ เพราะก่อนหน้านี้เข่าที่ขาข้างนี้ก็มีอาการปวดแปลบในตอนเช้าอยู่พักนึง สักอาทิตย์ต่อมาก็จางหายไป หายไปเมื่อถึงวันกำหนดว่าจะไปหาหมอ ส่วนอาการปวดขาล่าสุดนี่ คาดว่าเดี๋ยวพอหวานใจกลับบ้านวันเสาร์นี้ ก็คงจะจางหายไปเช่นเดียวกัน

แต่ยังไงฉันคิดว่าน่าจะถึงเวลาไปตรวจสุขภาพได้แล้ว ตรวจมันที่ฮ่องกงนี่ล่ะ ไม่ต้องผัดผ่อนรอว่าจะไปตรวจที่กรุงเทพฯ เดือนมีนาหรอก เอ๊ะ..หรือจะรอดี

วันนี้ตื่นสายตามปกติ เขียนตอบอีเมลสองสามฉบับเป็นอันหมดงานในกิจการสำนักพิมพ์ มองซ้ายมองขวา หยิบหนังสือที่แปลค้างอยู่ขึ้นมาแปลต่อ เหลืออีกไม่ถึงร้อยหน้า ถ้าทำจริงๆ 7 วันทำงานก็น่าจะเสร็จ แต่เจ็ดวันทำงานนี่จะวันไหนบ้างยังไม่รู้ อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์คงไม่ได้ทำเพราะหวานใจพาไปเที่ยวบาหลี คงต้องรอทำอาทิตย์ที่สองและสามของเดือนหน้า เอ้า ต่อเวลาให้อีกอาทิตย์นึงเพราะอาทิตย์ที่สามเริ่มต้นเรียนภาษากวางตุ้งเล่มที่ 2 มีเวลาทำแค่ช่วงบ่าย แต่ดีหน่อยที่ไม่ต้องไปเยี่ยมลูกหมาแล้ว เพราะไอ้หนูจะได้รับการปล่อยตัวกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว

เอาเป็นว่า สิ้นเดือนหน้าควรจะแกะรอบแรกเสร็จนะจ๊ะ




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 26 มกราคม 2554    
Last Update : 26 มกราคม 2554 17:32:08 น.
Counter : 818 Pageviews.  

- 25 Janvier 11 ตกลงปลงใจ

ตกลงปลงใจ

เพิ่งกินผักจิ้มน้ำพริกกะปิฝีมือ คุณ ก. แม่บ้าน กับเห็ดลวก กับปลาทอดและแกงจืดมะระไป อิ่มพุงกาง

น้ำพริกรสชาติต่างจากน้ำพริกของคุณนายแม่แต่ก็ยังอร่อยดี คืนนี้เดี๋ยวอัพบล็อกรออาหารย่อยแล้วจะขึ้นนอน แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนลากยาวเกือบครบรอบนาฬิกา ลุกขึ้นจากเตียงเช้านี้เกือบสิบเอ็ดโมง แต่อันที่จริงตื่นรู้สึกตัวมาตั้งแต่ตอนแปดโมงเช้าแล้วล่ะ นอนนึกอะไรไปเรื่อยๆ คิดถึงกิจการสำนักพิมพ์ คิดถึงว่าเงินค่าขายหนังสือที่เข้ามาจะพอครอบคลุมเงินที่ต้องจ่ายออกไปสำหรับสองเล่มที่กำลังเข้าโรงพิมพ์หรือเปล่า

คำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะโอเคล่ะ เงินเข้าน่ะมีสม่ำเสมอแต่เงินออกก็ก้อนใหญ่โตจนน่าใจหาย ถามตัวเองว่าหาเรื่องเอาเงินสามีมาปล่อยลอยทิ้งน้ำทิ้งท่าไปอย่างนี้ คิดถูกแล้วหรือ คิดวนไปวนมาเรื่อยๆ เห็นข้อดี เห็นข้อเสียของการทำสำนักพิมพ์ที่ไม่ยอมออกงานตามใจตลาด ตามแต่ใจตัวเอง แล้วบอกตัวเองเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายว่า ขอให้ถือว่าการทำหนังสือ ทำสำนักพิมพ์เป็นงานอดิเรก เป็นงานที่ทำเพื่อสะสมความพอใจ ความภูมิใจ อย่าได้คิดว่ามันจะนำเงินถุงเงินถังมาให้ หนังสือทุกเล่มที่ทำออกไปเหมือนเป็นการสะสมคอลเล็คชั่นหนังสือที่เราชอบ เพียงแต่เราไม่ได้เก็บหนังสือพวกนั้นเอาไว้ชมเชยลูบคลำแค่คนเดียว แต่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้อ่านได้เป็นเจ้าของด้วย

มันก็เหมือนคนที่มีงานอดิเรกเป็นการสร้างผลงาน สร้างเรือ ต่อตู้โต๊ะเตียง หรือซื้อเบ็ดและอุปกรณ์การตกปลานั่นล่ะ เงินที่ลงไป ไม่มีใครเขาคิดว่ามันจะงอกเงยออกดอกออกผลเลี้ยงตัว แต่เป็นเงินที่ลงไปเพื่อซื้อความสุขล้วนๆ

ถ้าคิดได้ดังนี้ ความเครียดเรื่องที่ว่า ลงเงินไปตั้งเยอะ ไม่เห็นมีเงินกลับมาเลย มีแต่ต้องลงเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ ก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่คอขาดบาดตาย พอคิดได้อย่างนี้ ฉันก็เริ่มมีกำลังใจว่าจะทำงานอดิเรกนี้ต่อไป แต่มันจะไม่ใช่งานหลักของฉันอีกต่อไป

คิดได้แล้วก็หลับตานอนหลับอีกรอบ คราวนี้เป็นการหลับแบบหวานหอม ไร้ข้อข้องใจ

ตื่นมาอีกรอบ ช่วงเช้าได้งานสานต่อทำปกหลังเล่ม "หญิงสาว" บ่ายสองออกไปหาลูกหมา ช่วงก่อนเข้าชั้นเรียนโยคะมีสงครามย่อยๆ เกิดขึ้นในจิตใจ ใจหนึ่งอยากไป ใจหนึ่งไม่อยากไป สุดท้ายขาเดินไปถึงสตูดิโอ แสดงบัตรสมาชิกและเข้าชั้นเรียนจนได้ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ฉันไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมต้องลังเลไม่อยากไปเรียน ทั้งๆ ที่ชอบการออกกำลังออกเหงื่อไม่น้อย ทั้งที่รู้ข้อดีของโยคะอยู่แก่ใจ คงต้องใช้เวลาอีกสักนิดถึงจะเคาะประเด็นออกมาได้ และกระตือรือร้นเต็มใจไปเข้าชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอ


ทุกอย่างมีเวลาของมัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับทัศนคติของเรา วันนึงฉันจะแกะปริศนานี้ออกและตกลงปลงใจกับตัวเองได้เหมือนกับทุกๆ เรื่องในชีวิต






>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 25 มกราคม 2554    
Last Update : 25 มกราคม 2554 21:19:47 น.
Counter : 888 Pageviews.  

- 24 Janvier 11 พี่ไม่อยู่หนูขอกิน...แกงกิมจิ

พี่ไม่อยู่หนูขอกิน...แกงกิมจิ

หวานใจไม่อยู่ ไปสัมมนาที่ฝรั่งเศสตั้งแต่คืนวันศุกร์ ชีวิตวันๆ ก็เลยกร่อยๆ วันเสาร์ดีหน่อยไปเรียนทำติ่มซำฆ่าเวลาไปได้หลายชั่วโมงอยู่ วันอาทิตย์นี่สิ ตื่นมาแล้วเหลียวหน้าเหลียวหลังอยู่หน้าจอคอม เดิมทีตั้งใจว่าจะทำงานในกิจการสำนักพิมพ์เสียหน่อย แต่พอถึงเวลากำลังใจไม่มาตัดใจทำงานวันอาทิตย์ไม่ลง

เลยออกจากบ้านไปหาไอ้ลูกหมาแทน แวะไปเช่าดีวีดี แวะซื้อกับข้าวทำอาหารค่ำในโครงการ "พี่ไม่อยู่ หนูขอกิน" ที่มีคอนเสปท์ว่า ทำอาหารที่แน่ใจว่าสามีไม่ชอบแน่ๆ แต่ฉันชอบแน่ๆ เป็นอาหารที่ถ้าหวานใจอยู่จะไม่ได้ทำ เมนูแรก คือ แกงกิมจิ หรือ กิมจิชีเกะ

ฉันเคยชิมแกงกิมจินี้ผ่านๆ ที่ร้านอาหารเกาหลีครั้งนึง ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย อาศัยว่ามีกิมจิที่ทำแช่ตู้เย็นเอาไว้เลยอยากจะโละของในตู้เย็นเสียที เปิดหาสูตรในเน็ต ได้มาตั้งแต่สูตรง่ายๆ จนถึงซับซ้อนใส่มิโสะ ใส่เนย ใส่หอย ใส่เบคอน เลยลองเลือกทำแบบง่ายๆ วิธีการดังนี้

ผัดกิมจิกับน้ำมันงา ใส่กระเทียมสับ หมูสามชั้น ผัดจนสุก เติมขิง เติมน้ำจนท่วม ตุ๋นไฟอ่อนยี่สิบนาทีให้หมูนุ่มแต่ไม่ถึงกับเปื่อย ก่อนกินใส่เต้าหู้กับต้นหอม ราดข้าวสวยร้อนๆ อร่อยไม่เลวเลยทีเดียว รสชาติเปรี้ยวๆ เค็มๆ บางสูตรให้เติมพริกลงไปด้วย แต่ฉันว่าอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ

นอกจากแกงกิมจิแล้ว ก็ซื้อเนื้อริบอายจากออสเตรเลียกับสหรัฐมาทอดกระเทียมพริกไทยด้วย ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเนื้อจากไหนดีเลยซื้อมาอย่างละชิ้น มาลองกินให้รู้กันไปว่าเนื้อจากที่ไหนอร่อยกว่ากันด้วย สรุปว่า เนื้อจากออสเตรเลียซึ่งราคาถูกกว่าทอดแล้วอร่อยกว่า เนื้อนุ่มเหนียวหนืดหนึงกำลังดีไม่มากไปไม่น้อยไป เหมาะสำหรับการทอด แต่สำหรับการย่าง ไม่แน่ว่าเนื้อจากสหรัฐที่นิ่มกว่าอาจจะเหมาะกว่า เดี๋ยววันไหนทำบาร์บีคิว จะซื้อมาทดลองทำเพื่อเปรียบเทียบอีกครั้ง

เมื่อคืนดูหนังจีนติดๆ กันสองเรื่อง กว่าจะได้เข้านอนก็เกือบตีหนึ่ง ตื่นมาวันนี้กำหนดให้เป็นวันทำงานอยู่กับบ้าน คุณ ก. แม่บ้านต้มโจ๊กหมูสับให้กิน หลังจากนั้นทั้งวัน นั่งหน้าจอไล่ตัวเลขสต็อคและยอดขายหนังสือจนหัวหมุน

พรุ่งนี้ถ้าอากาศไม่เย็นจนเกินไป ถ้ามีแดดออก ตอนบ่ายๆ จะออกไปหาลูกหมา ทำโยคะ แวะซื้อผัก ซื้อปลา ซื้อเห็ด มาจิ้มน้ำพริกกะปิอันเป็นเมนูลำดับที่สองของโครงการ






>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 24 มกราคม 2554    
Last Update : 24 มกราคม 2554 17:46:45 น.
Counter : 837 Pageviews.  

- 22 Janvier 11 ไปเรียนทำติ่มซำ

ไปเรียนทำติ่มซำ

ความคิดเรื่องไปเรียนทำติ่มซำเกิดขึ้นจากหลายประการ

หนึ่ง ชักจะเบื่อเมนูอาหารเดิมๆ ที่ทำกินที่บ้าน หมุนวนอยู่ไม่กี่อย่าง ทั้งๆ ที่ฮ่องกงมีเครื่องเคราต่างๆ ให้ซื้อหามากมาย ไม่ได้จำกัดอยู่ไม่กี่อย่างเหมือนที่อินเดีย

สอง ไหนๆ ก็มาอยู่ฮ่องกงแล้วน่าจะศึกษาหาความรู้เรื่องอาหารจีนเพิ่มจากสิ่งที่รู้เพียงกระผีกเดียว

และสาม หวานใจชอบกินติ่มซำอย่างหนึ่งมาก เป็นติ่มซำจากทางเซียงไซ้ มีซุปอยู่ข้างในที่เรียกว่า เสี่ยวหลงเปา ถึงกับออกปากว่าถ้าฉันทำได้จะแต่งงานกับฉันอีกรอบ

จึงเป็นที่มาของการไปลงเรียนกับคุณ Martha Sherpa แถวๆ มงก๊ก จุดเด่นของเธอคือการสอนทำอาหารแบบนำไปฝึกหัดทำได้จริง ด้วยวิธีการดั้งเดิมเหมือนครัวตามบ้าน เครื่องใช้ไม้สอยเป็นแบบสามัญธรรมดา ไม่ได้หวือหวาล้ำหน้าอย่างในครัวใหญ่ๆ แบบมืออาชีพ แต่ละคอร์สจะเน้นเป็นชนิดของอาหารไป อย่างในคอร์สที่ฉันไปเรียนวันนี้ เป็นติ่มซำแบบเซียงไฮ้กับเสฉวน ที่ชาวฮ่องกงเรียกว่าเป็นอาหารทางเหนือ อันหมายถึงอาหารของคนแผ่นดินใหญ่ทางเหนือจากฮ่องกงขึ้นไป

วันนี้จึงไม่มีขนมจีบ ฮะเก๋า ติ่มซำแบบกวางตุ้งฮ่องกง ถ้าอยากทำอะไรแบบนั้นต้องไปลงอีกคอร์สนึง ซึ่งฉันตั้งใจว่าจะลงเรียนในเดือนหน้า

อาหารที่ทำในวันนี้มีห้าอย่าง คือ เซี่ยวหลงเปา ซาวจีนเปา โคเตย์ ชอยยักเปา กับดัมพลิ่งไส้หมูกับขึ้นช่ายราดซอสพริก ไส้ในทุกอย่างมีพื้นฐานใกล้เคียงกัน คือ หมูสับ ผสมเครื่องปรุงรสเกลือ น้ำตาล พริกไทย น้ำมันงา ผงซุปไก่ มีบางอันเพิ่มเติมผสมขึ้นช่าย กุ๊ยฉ่าย เจลลีซุปไก่ บางอันใส่เหล้าจีน

ส่วนแป้งก็เช่นเดียวกัน มีส่วนผสมพื้นฐานคล้ายๆ กันคือ แป้งสาลี เกลือ น้ำ แยกเป็นแป้งน้ำเย็นกับแป้งน้ำร้อน มีบางอันเพิ่มยีสต์กับเบกกิ้งโซดา บ้างใส่น้ำตาล

วิธีการห่อที่ได้เรียนในวันที่มีสามอย่าง คือแบบพับครึ่งวงกลมจับจีบธรรมดา แบบจับจีบแล้วตลบชายมาให้ติดเป็นก้อนกลมแบบถุงเงิน กับแบบค่อยๆ ไล่ปิดปากแป้งจนสนิท เริ่มจากแป้งแผ่นใหญ่หนาจนถึงแป้งแบบบางและเล็ก

ต่อจากนั้นเป็นวิธีการทำสุก มีทั้งแบบต้ม แบบทอดแล้วใส่น้ำผสมน้ำส้มสายชู ทอดแล้วใส่น้ำผสมแป้งสาลี และแบบนึ่ง

แม้จะไม่เคยทำแป้งห่ออะไรแบบนี้มาก่อน แต่ฉันว่าฉันเอาตัวรอดในการคลึงแป้ง แผ่แป้งได้ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ ครั้นพอมาถึงเสี่ยวหลงเป่าอันสุดท้ายที่บอบบางที่สุดนี่สิ ถึงกับไปไม่เป็นทำแป้งแตกถึงสองครั้งสองครา

เรียนเสร็จส่งเอสเอ็มเอสไปบอกสามีที่อยู่ฝรั่งเศสว่า ถึงฉันจะทำเสี่ยวหลงเปาไม่ได้ เธอก็ยังจะแต่งงานกับฉันอีกครั้งใช่มั้ย


คำตอบส่งลอยฟ้าผ่านระบบมารวดเร็วทันใจว่า ใช่จ้ะ




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 22 มกราคม 2554    
Last Update : 22 มกราคม 2554 20:31:25 น.
Counter : 1188 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.