- 12 Jan 07

Blog Tag


     ตื่นมาวันนี้ บ้านเงียบกริบ คุณบุผาไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน อาจจะไปทำธุระเรื่องงานใหม่มั้ง ไม่เป็นไร... อยู่บ้านคนเดียวก็สบายใจดี

     เช้านี้อองตวนน่าจะไปโรงเรียนได้แล้ว หลังจากที่เมื่อวานไม่สบายเป็นไข้ อ้วกแล้วอ้วกอีก งอแงไม่ยอมกินอะไรที่คุณบุผาเตรียมให้ ฉันต้องเข้าไปขู่ๆ ปลอบๆ กกกอดเป็นแม่ไก่ นอนดูแต็งแต็งด้วยกัน แล้วตะล่อมให้กินส้ม กินกล้วย กินโจ๊กคำสองคำ แกถึงจะหายออดอ้อน ยอมรับของกินเข้าปากแต่โดยดี และดูเหมือนอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนเป็นปกติแล้ว

     ฉันเองไม่เคยเลี้ยงเด็กเสียด้วย แอบสงสัย หมั่นไส้อยู่เล็กๆ ว่าท่าทางย่ำแย่แบบนี้ มาจากอาการป่วยจริงๆ หรือเป็นการเรียกร้องความใส่ใจกันแน่ หวานใจ คุณพ่อผู้มีประสบการณ์บอกมาทางโทรศัพท์ว่าน่าจะผสมๆ กันไปแหละ แกคงจะไม่สบายนิดหน่อย แต่ทำท่าเหมือนจะเป็นจะตาย เพราะโหยหาความรักและความอบอุ่นน่ะ

     ช่วงนี้ ฉันอยู่ในช่วงอืดฉืด งานเขียนคอลัมน์ส่งไปเสร็จหมดแล้วทั้งที่ฟรีฟอร์มกับอะเดย์ จะหยิบเอา Vous revoir มาแกะต่อก็ไม่อยากทำ รู้สึกว่ายังมีอะไรต้องทำเยอะมากในบ้าน ต้องเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าส่วนตัวให้เป็นที่ก่อนที่บริษัทขนย้ายจะมาเก็บไปใส่คอนเทนเนอร์ส่งไปฝรั่งเศส ผสมกับความขี้เกียจด้วย

     เปิดบล้อกมาเช้านี้ เจอข้อความน้องอ้อม บอกว่า Tag ฉัน (>> คลิกไปเยี่ยมชม) ตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมา ฉันเห็นคำว่า Blog Tag ผ่านตาบ่อยๆ ฉันคิดว่ามันน่ารักดี จู่ๆ ทุกคนก็ลุกขึ้นมาเขียนเรื่องของตัวเองกัน ยังแอบๆ นึกในใจ สงสัยจะไม่มีใครมา Tag ฉันหรอก เพราะฉันไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์

Blog Tag คืออะไร
     Blog Tag คือกิจกรรมของกลุ่มคนมีบล็อกที่ได้รับมอบหมายหรือ Tag กำหนดให้เล่า "เรื่องของตัวเองที่ไม่เคยพูดถึงในบล้อก 5 เรื่อง" และต้อง "ส่งต่อ Tag" ให้คนรู้จักที่มีบล้อกอีก 5 คน ต่อไปเรื่อยๆ คล้ายจดหมายลูกโซ่


     เอาล่ะ... ไหนๆ น้องอ้อมอุตส่าห์นึกถึง Tag ฉันมาแล้ว ฉันก็จะทำตามกติกาแต่โดยดี


เรื่องของฉันที่คุณอาจจะไม่รู้ 5 เรื่อง

1. ลูกบ้าสมัยแตกเนื้อสาว

     ตอนอยู่ ม.๓ ฉันถกกระโปรงนักเรียน ปีนรั้วโรงเรียน ขึ้นกะบะหลังรถของแฟนเพื่อนในกลุ่มไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ 4-5 คน แต่ดั๊นมีคนบนตึกเรียนเห็นและจำได้ เย็นวันนั้น ตอนที่กลับมาเอากระเป๋านักเรียน เจอรถพ่อจอดอยู่หน้าอาคารเรียน เพราะอาจารย์ฝ่ายปกครองซึ่งเป็นเพื่อนกับพ่อโทรไปตามมา "เก็บ" ลูกสาวตัวดี แต่การณ์กลับตาละปัด พ่อฉันใช้ตำราจิตวิทยาวัยรุ่น ไม่ได้ดุด่าว่าหรือทำโทษ แค่บอกว่า "รู้แล้วใช่มั้ยว่าการหนีโรงเรียนมันเป็นยังไง คราวหลังอย่าทำอีก" ... สร้างความฮือฮาไปทั้งโรงเรียน

2. เด็กบ้านนอกใน ร.ร. เตรียมอุดมศึกษา

     จบม.๓ ฉันเข้ากรุงมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดม ก่อนสอบฉันไปติวที่บ้านอาจารย์คนหนึ่งที่สี่แยกคอกวัว ขณะที่บ้านญาติที่ฉันไปพักด้วยอยู่การเคหะ สุขาภิบาลโน่น ตอนเช้าฉันก็ออกมานั่งรถเมล์สาย 60 (มั้ง) ผ่านนิด้า ผ่านหน้าราม เลี้ยวเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ลงที่สี่แยกคอกวัว ตอนนี้นึกภาพเด็กสาวบ้านนอกอายุ 14 คนนั้นบนรถเมล์แน่นๆ แล้วยังอดยิ้มกับความอึดของแกไม่ได้ และไม่รู้เป็นลูกฟลุก หรืออาจารย์ติวสอนดี หรือฉันหัวดีเอง ในที่สุดฉันก็สอบเข้าห้องคิงศิลป์ภาษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมได้ ทางโรงเรียนเก่าซุบซิบกันใหญ่ว่าฉันใช้เส้นเข้าเพราะแม่ฉันเคยเป็นศิษย์เก่าที่นั่น ... แต่ชีวิตเด็กบ้านนอกที่โรงเรียนเตรียมอุดมเป็นการปรับตัวแบบก้าวกระโดดสำหรับฉัน เพราะเพื่อนๆ ในห้องล้วนมาจากครอบครัวดีๆ โรงเรียนดังๆ พื้นฐานแน่นเอี๊ยด และเตรียมพร้อมเรียนวิชาต่างๆ ล่วงหน้ากันมาแล้ว ขณะที่ฉันยังเบอะๆ บะๆ ทำอะไรไม่ถูกอยู่เลย

     ชีวิตตอนนั้นเหมือนนักวิ่งประจำโรงเรียนต่างจังหวัดหลุดเข้าไปวิ่งกวดแข่งในกีฬาโอลิมปิคยังไงยังงั้นเลย

3. ภาษาฝรั่งเศสกับฉันเป็นบุพเพสันนิวาสแท้ๆ

     ตอนเรียน ม.๔-๕ ฉันเกลียดวิชาภาษาฝรั่งเศสที่สุด เพราะฉันเรียนไม่รู้เรื่อง ตามเพื่อนๆ ไม่ทัน แถมอาจารย์ก็มีวิธีการแปลกๆ ถ้าตอบไม่ได้ จะเคาะไม้บรรทัดลงกับโต๊ะนักเรียน โป๊กๆๆๆๆ ทำเอาฉันขวัญกระจายสติสตังกระเด็นหาย หมดคาบเรียนทีไรฉันโล่งใจทุกที ตอนเอ็นท์ฯ ฉันใช้วิธีท่องเอกสารติวของเพื่อนๆ ที่ไปเรียนพิเศษเก็งข้อสอบ เข้าสอบแบบหัวกลวงๆ นกแก้วนกขุนทอง พอเข้าอักษรฯ ได้ ฉันทิ้งภาษาฝรั่งเศสอย่างไม่ลังเลเลยสักวินาทีเดียว ภาษาฝรั่งเศสหายไปจากชีวิตฉัน ๔ ปีในมหาวิทยาลัย และอีก ๓ ปี ตอนทำงาน ก่อนจะกลับมามีบทบาทอย่างเข้มข้น เมื่อชีวิตของฉันผกผันอีกครั้ง ตอนพ่อส่งไปเลียแผลใจที่ฝรั่งเศส และหลังจากนั้นภาษาฝรั่งเศสกับฉันก็แยกกันไม่ขาด

4. ชีวิตคือละคร แต่ละครไม่ใช่ชีวิตของฉัน

     วิชาเอกของฉันที่อักษรฯ คือศิลปะการละคร ตอนแรกพ่ออยากให้เรียนเอกญี่ปุ่น แต่ฉันประกาศกร้าวว่า "ชีวิตของมิว มิวเลือกเอง" (ตอนนั้นอายุ 18 มั้ง) ฉันเคยเล่นละครเวที ๒ เรื่อง คือเรื่อง แทงยูเวรีมัช กับ กากี ที่ครูช่าง อ.ชลประคัลป์กำกับ และฉันก็ได้รู้ว่าฉันเป็นนักแสดงไม่ได้ เพราะตัวตนของฉันมันใหญ่เกินไป โปรเจคธีสิสตอนจบของฉันเป็นการกำกับละครเรื่อง "เงาะป่า" และคนที่มาเล่นเป็นทั้งพระเอกและผู้ร้ายให้ฉันคือพิเชษฐ์ กลั่นชื่น ที่ตอนนี้โด่งดังมากมายได้รางวัลระดับชาติ พอเรียนจบฉันทำงานเกี่ยวกับละครเวทีอยู่ไม่นานเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจกับวงการนี้อีกเลย

     ตอนนี้ฉันนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเรียนละครมาใช้กับงานแปลอยู่ไม่น้อย ในการจินตนาการภาพที่เกิดขึ้นในหนังสือได้เป็นฉากๆ และการเข้าถึงตัวละครและภาษาพูดของตัวละครแต่ละคน

5. บทพิสูจน์ความรักเที่ยวล่าสุดของหวานใจ

     ตอนนี้ฉันมี IPod แล้วนะ เป็น IPod Shuffle รุ่น 2 หวานใจซื้อให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากที่ฉันเปรยๆ ว่าอยากได้จัง จะได้หัดใช้กับโปรแกรม ITune ในเครื่องน้องป้อม


     เอ้อ... แล้วจะ Tag ใครต่อดีหว่า เพื่อนๆ ที่บล้อกแก๊งค์เขาก็โดน Tag กันหมดแล้ว เอาเป็นว่า ขอ Tag

- พี่'ปราย พันแสง >> คลิกไปเยี่ยมชม
- น้องเช ปุถุชน >> คลิกไปเยี่ยมชม
- บ.ก.นก ณ ฟรีฟอร์ม >> คลิกไปเยี่ยมชม
- เพื่อนจอย >> คลิกไปเยี่ยมชม

     แง๊... ไม่รู้แล้ว แค่นี้ละกัน อีกคนนึงนึกไม่ออก จะ Tag เพื่อนตี่ ก็เห็นคุณแหม่ม Tag ไปแล้ว จะ Tag เจ๊กอฯ ตอนนี้เจ๊แกคงจะโดน Tag จากแฟนๆ ทั่วสารทิศแล้ว


     ป.ล. ภาพประกอบวันนี้ ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องอีกแล้ว
เป็นภาพที่มีชื่อว่า "อบอุ่น" หลังจากที่ฉันตั้งข้อสังเกตกับหวานใจว่า เธอนี่ออกจะเย็นชากับอองตวนยังไงก็ไม่รู้นะ
ช่วงหลังหวานใจเลยเรียกอองตวนมากอดรับ "La chaleur" (ความอบอุ่น) จากปะป๊าเป็นการใหญ่



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 12 มกราคม 2550    
Last Update : 12 มกราคม 2550 20:31:38 น.
Counter : 1224 Pageviews.  

- 11 Jan 07

บันไดขั้นต่อไปของความรัก
     โอว... ตาเถรตกใต้ถุน
     หลังจากทบทวนอาการโหยไห้ ประหลาดๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
     ฉันว่าฉันกำลังมีความรักอีกรอบหนึ่งล่ะ กับผู้ชายคนเดิม ...กิ้วๆๆๆ

     เหตุการณ์ไม่เร้าใจเท่าไหร่... แต่อบอุ่นใจพิลึก



    เขาคือหวานใจผู้แสนดี เสมอต้นเสมอปลาย

     ผู้พยายามประคับประคองอดทนกับและนิสัยขึ้นๆ ลงๆ (ลงสามก้าว ขยับขึ้นก้าวเดียว) ของฉันได้ และยังรักไม่คลาย

     ใครหนอจะมารักและยอมรับสันดานดิบเถื่อนของฉันอย่างเอ็นดู๊ เอ็นดู ได้เท่าผู้ชายคนนี้

     ฉันคิดว่า เราสองคนได้ผ่านบททดสอบแรกของตัวฉันเองไปได้อย่างสบาย บททดสอบนั้น กำหนดให้เราสองคนเปิดตัวเองต่อกันให้มากที่สุด แล้วถามว่า ทนกันได้หรือเปล่า ทนนิสัยแย่ๆ ที่เพิงได้รับรู้ของกันและกันได้หรือเปล่า


     ฉันได้เห็นมุม อ้อนนนน สุดๆๆๆๆ อ่อนไหวเกินจะหยั่งถึงได้ บอบบางอย่างน่าประหลาดใจ ได้รับรู้ถึงความรู้สึกทนทุกข์ ไม่พอใจงานทำเงินที่ทำอยู่ ความขัดแย้งในใจระหว่างการปล่อยตัวปลอยใจ ปล่อยภาระต่างๆ แล้วหันมาจับงานถ่ายรูปอย่างจริงจัง กับความรับผิดชอบต่อครบครัวเก่า กับนิสัยใช้เงินมือเติบ ไม่คิดหน้าคิดหลัง

     เขาได้เห็นมุมสัตว์ป่า (เขาว่าเอง) แสนสกปรก ขี้เหล้า ไม่ชอบอาบน้ำ เมาแล้วหลับได้เลย ไม่สนใจสุขอนามัย ขี้หงุดหงิด เจ้ากี้เจ้าการในบางครั้ง บางคราวอ่อนหวาน บางคราวเย็นชา พูดจาขวานผ่าซาก และเข้าสังคมไม่เป็น


     รสนิยมเดียวกันของสองเรา คือ เรื่องกินเรื่องใหญ่ ชีวิตต้องมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งไปไหน ไม่มีเรื่องใดเป็นเรื่องเล็กเกินกว่าจะไม่ใส่ใจ

     ขั้นตอนต่อไปน่าจะเป็นการเฟ้นหาวิธีการออมชอม ทดลองชีวิตคู่ที่รู้จัก รู้ใจกันแล้วให้มีความสุข แบบสงบนิ่ง ถาวร

     อาจจะขลุกขลักบ้าง แต่พอผ่านพ้น ได้บทเรียนแล้ว ก็น่าจะถึงเวลาตอกเสาเข็มอันมั่นคงต่อไป


      (ฉันเป็นคนถือคติที่ว่าเราต้องรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะได้ไม่หลงระเริงหากบรรลุผล หรือท้อถอยหากไม่ประสบความสำเร็จตามที่ควร)




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 10 มกราคม 2550    
Last Update : 10 มกราคม 2550 23:52:09 น.
Counter : 868 Pageviews.  

- 09 Jan 07

Tu me manques

    ปีใหม่ผ่านไปได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว แต่ฉันยังไม่รุ้สึกกระฉับกระเฉง เพื่อเริ่มทำอะไรใหม่ๆ อย่างที่ได้หมายมั่นเอาไว้สักเท่าไหร่เลย

    ยิ่งหวานใจไม่อยู่ อากาศเย็นๆ ชวนให้รู้สึกหดหู่เหลือเกิน

    ตอนนี้รู้สึกหมดเรี่ยวแรงไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อยากนั่งนิ่งๆ เฉยๆ อยากเข้านอน แต่คืนนี้ต้องรอแปลข่าว



    วันนี้เพิ่งต้นฉบับคอลัมน์ Salade ไปให้บ.ก.นก ณ ฟรีฟอร์ม เมื่อวานบ.ก.น้องก้อง ณ อะเดย์ ให้ไฟเขียวหัวข้อ 100 ปีเกิด Herge ผู้เขียนแต็งแต็งมาแล้ว เริ่มต้นไปได้นิดหน่อย ก็เกิดอาการจิตตก ไม่อยากทำงานแทรกเข้ามา

    มีข่าวดีเข้ามาตอนช่วงหัวค่ำเรื่องงานแปลหนังสือการ์ตูนของ Enki Bilal กระตุ้นให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นมาหน่อย

    หน่อยเดียวแล้วก็ค่อยๆ หายไป

    รู้สึกอยู่อย่างเดียวคือ คิดถึงหวานใจเหลือเกิน อีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะได้พบหน้ากันอีก

    เท่าที่จำได้ ฉันไม่เคยรู้สึกว่ามีใคร "ขาดหาย"ไปจากชีวิตอย่างนี้มาก่อน



    ป.ล. ภาพประกอบวันนี้ เป็นภาพหนังสือแปลเล่มล่าสุดของฉันเอง ดูสิ ขนาดใช้กล้องอย่างดี (canon 5D) เชียวนะ แต่คนถ่ายไร้ชีวิตชีวา ภาพเลยแห้งๆ ตามไปด้วยเลย เฮ้อ...




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 09 มกราคม 2550    
Last Update : 10 มกราคม 2550 16:11:53 น.
Counter : 846 Pageviews.  

- 07 Jan 07

สุขสันต์วันเกิด เจ้าหนุ่มน้อยอองตวน

    เมื่อคืนฉันกับหวานใจจัดแจงอาหารมื้อค่ำเป็นการพิเศษ เพื่อฉลองวันเกิดล่วงหน้า 3 วันให้อวงตวน เพราะเช้าวันนี้หวานใจจะต้องบินไปฝรั่งเศส รอฉลองวันที่ 9 วันเกิดจริงๆ ด้วยกันไม่ได้

     เวลาที่เหลือให้เราสามคนอยู่ด้วยกันมีน้อยเต็มที ปลายเดือนนี้หวานใจก็จะพาหนุ่มน้อยลูกเลี้ยงแสนซนคนเก่งของฉันกลับไปอยู่กับคุณแม่และพี่สาวของแกที่ขอนแก่น ส่วนฉันอยู่ที่ฮ่องกงต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะกลับเมืองไทย และเดือนหน้าฉันจะไปสมทบกับหวานใจที่ฝรั่งเศสเลย

     ประสบการณ์การเป็นแม่เลี้ยงในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมานั้น ถึงแม้ในช่วงแรกๆจะเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น แต่ต่อๆ มา ฉันกับอองตวนก็เข้ากันได้ดี ดีมากกว่าที่ฉันคิดไว้ตอนก่อนที่จะเจอกันเสียอีก ทุกวันนี้ ฉันพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักเด็กคนนี้ ที่รักไม่ใช่เพราะแกเป็นลูกของหวานใจ แต่ฉันรักแกในฐานะมนุษย์ตัวน้อยๆ น่าเอ็นดูคนหนึ่ง อองตวนเป็นเด็กที่มีจิตใจดีงามและมีน้ำใจ ถึงบางครั้งจะมีงอแงกับพี่เลี้ยง แต่จะออกฤทธิ์น้อยกว่าเวลาอยู่กับ "ซิซา" (ฉันเอง) และกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเวลาอยู่กับปะป๊า

    ใจหนึ่ง ฉันเสียดายความสัมพันธ์และความรู้สึกดีๆ ที่ให้กันระหว่างฉันกับเด็กน้อยเหลือเกิน เสียดายที่ตอนนี้แกเริ่มพูดภาษาฝรั่งเศสได้แล้ว มีบางวูบ ฉันนึกบ้าๆ อยากให้หวานใจพาอองตวนไปอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศส แต่ลองนึกภาพชีวิตที่นั่นแล้ว ช่วงแรกๆ คงจะขลุกขลักน่าดู ไหนจะหวานใจ ไหนจะบ้านใหม่ ไหนจะงานของฉัน และเราไม่มีตัวช่วยอย่างคุณบุผามาช่วยดูแลด้วย อองตวนกลับไปอยู่อย่างอบอุ่นกับแม่และพี่สาวอาจจะดีกว่า เจอกันตอนปิดเทอม แล้วพอจบประถม ค่อยย้ายไปอยู่ด้วยกัน

    ตอนนั้นฉันคงจะพร้อมมากกว่านี้ และฉันมั่นใจว่าฉันจะดูแลให้แกเติบโตเป็นชายหนุ่มนิสัยดีของสังคมได้


    เมื่อวานตอนช่วงเช้า หวานใจลุกขึ้นมาเตรียมทำแป้งเค้กแบบฝรั่งเศสที่เรียกว่า ลา เจนวส ตอนนี้หวานใจเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำเจนวสไปแล้ว หลังจากได้ฝึกฝีมือจากการทำขมเค้กรูปท่อนไม้สำหรับฉลองคริสต์มาส หรือ บุช เดอ โนเอล กับเค้กฉลองเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา


     เจนวส มีส่วนผสมง่ายๆ สามอย่าง คือ ไข่ น้ำตาลกับแป้งสาลี เคล็ดลับที่ทำให้แป้งฟู คือ ตีไข่กับน้ำตาลใน แบง มารี (ภาชนะใส่ส่วนผสมอยู่ในหม้อใบใหญ่อีกใบที่ใส่น้ำตั้งไฟ) พอไข่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวขึ้น เนื้อไข่จับตัวกันแล้ว ค่อยๆ ร่อนแป้งผ่านตระแกรงตาถี่ผสมลงไปกวนทีละน้อย เมื่อเนื้อแป้งเนียนแล้ว เทใส่แม่พิมพ์ที่ทาเนย เอาเข้าเตาอบที่เปิดอุ่นไว้ที่ 180 องศาเซลเซียส รอจนหน้าแป้งเค้กออกเป็นสีน้ำตาลทอง แล้วลองเอาออกมาใช้มีดจิ้มตรงกลาง ดึงมีดขึ้นมาดูว่ามีเนื้อแป้งเหลวๆ ติดมาหรือปล่า ถ้าไม่มีแสดงว่าแป้งสุกแล้ว ตั้งรอให้เย็น

    ช่วงบ่าย ฉันเกาะท้ายหวานใจนั่งมาเกอริต ฝ่าลมหนาวไปกินอาหารทะเลจีน-ไทยที่ Shek O อิ่มแล้วกลับบ้าน พาตัวชมพู่ โน๊ตบุคตัวเก่งของฉันกลับออกไปซื้อแรมเพิ่มที่ศูนย์คอมพิวเตอร์หวั่นไจ๋ ตอนนี้ชมพู่พลังเหลือเฟือ เจ้าหล่อนทำงานรวดเร็วปรูดปราดน่าชื่นใจ เสร็จธุระ แวะซื้อไก่ที่เกรตซุปเปอร์ไฮโซ แล้วกลับมาทำอาหารมื้อค่ำที่บ้านเป็นไก่อบ กินกับมันฝรั่งต้มเนย ตบท้ายด้วยเค้กวันเกิดของอองตวน

    ระหว่างที่รอไก่สุก หวานใจทำหน้าเค้ก เป็นเครมชองติลยี่ หรือ วิปครีม ส่วนผสมง่ายๆ ครีม น้ำตาล ปั่นให้ครีมขึ้นข้น บีบมะนาวลงไปนิดหน่อย เคล็ดลับ (อีกแล้ว) คือ เอาชามที่จะใส่ปั่นครีมไปแช่ช่องแข็งให้เย็นจัดก่อน ครีมจะขึ้นเป็นฟองบางเบา ไม่จับเป็นก้อนแน่นกลายเป็นเนยแหยะๆ





    ตัดแป้งเจนวสเป็นสองส่วน ป้ายครีมตรงกลาง วางสตรอเบอรีฝาน เอาส่วนที่ตัดออกไปมาประกบแล้วป้ายครีมที่เหลือให้ทั่ว วางสตรอเบอรีเพื่อตกแต่งตามใจชอบ


    ปักเทียนแล้วร้องเพลง แฮ่ปปี่ เบิร์ธเด่ย์ ได้เลย


                                        


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 07 มกราคม 2550    
Last Update : 7 มกราคม 2550 14:41:31 น.
Counter : 816 Pageviews.  

- 03 Jan 07

ต้อนรับสมาชิกใหม่ "IFamily"
    ตอนนี้ที่บ้านมีสมาชิกใหม่เป็นคอมพิวเตอร์ IMac จอแบนขนาด 20 นิ้ว แบบมีเครื่องเคราติดตั้งอยู่ในตัวเลย ไม่ต้องมีเคสแยกฮาร์ดิสก์ต่างหากให้เกะกะลูกกะตา

    เจ้าหล่อนได้รับการขนานนามว่า "น้องป้อม" มาจากชื่อจริงว่า La Pomme ซึ่งแปลว่า แอ้ปเปิล ในภาษาฝรั่งเศส

     ตัวฉันเองมีความหลังฝังใจชอบกราฟฟิคและดีไซน์ของตัวเครื่องแม็คมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้สัมผัสและทำความรู้จักโลกฝั่งกะโน้นอย่างจริงๆ จังๆ เพราะราคาที่ต้องจ่ายเพื่อเข้าสู่ความงามฝั่งนั้นมันแพงกว่าคอมพิวเตอร์จ้างประกอบที่มาพร้อมกับโปรแกรมก๊อปปี้เป็นเท่าตัว

     ฉันเริ่มศึกษาการใช้งานคอมพิวเตอร์ตอนยุควินโดว์ 31 ถึงกับลงทุนซื้อหนังสือชุด Dummies มาอ่านประกอบเชียวนะ แล้วแอบๆ คลิกคอมพิวเตอร์ที่บริษัทเวลาที่ไม่มีใครเห็น หลังจากนั้นก็ตกเป็นทาสของระบบปฏิบัติการณ์วินโดวส์เรื่อยมา

     ส่วนหวานใจ ขานั้นเขาออกแนวชอบของสวยๆ งามๆ และมีกะตังส์ เขามีแมคแบบจอแบนและเคสต่างหากรุ่นเก่าอยู่แล้วเครื่องนึง แต่มีปัญหาเรื่องเล่นดีวีดีข้ามโซนไม่ได้ เครื่องทำงานเสียงดังกระหึ่ม และไม่รองรับระบบไวไฟ บลาๆๆๆ (ข้ออ้างทั้งนั้น)


    พอรู้ว่าตอนนี้สามารถรันระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนเครื่องแม็คได้ ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าพีซีปกติในสเป็คเท่าๆ กัน ประกอบกับถูกกระตุ้นจากการที่ต้องรีบซื้อที่ฮ่องกงก่อนกลับฝรั่งเศส เพราะลูกน้องกูรูแม็คของเขาบอกว่าที่ฮ่องกงราคาถูกกว่า หวานใจก็เลยควักกระเป๋าหมับ ซื้อ La Pomme (ปากบอกว่า) ให้ฉัน

    ก่อนหน้าที่จะซื้อ เราสองคนแวะเวียนเข้าร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายขายอยู่หลายรอบมาก ไปลูบๆ คลำๆ เวอร์ชั่นต่างๆ ทั้ง IBook และ Mac mini สุดท้าย ฉันให้เหตุผลว่าฉันไม่อยากได้โน้ตบุ๊คอีกเครื่องหนึ่งหรอก ถึงจะมีประโยชน์จะเอาไปทำงานได้หลายที่ แต่แป้นพิมพ์ไม่ได้เหมาะกับงานพิมพ์เป็นเวลานานเท่าไหร่ อยากได้แบบตั้งโต๊ะเป็นหลักเป็นแหล่ง มีจอสบายตา มีคีย์บอร์ดที่พิมพ์แล้วไม่เมื่อยข้อมือมากนักมากกว่า

     ตอนแรกๆ ถึงน้องป้อมจะเป็นเด็กสาวสองหน้า สามารถสวิชต์ข้ามไปเปิดได้ทั้งระบบแม็คและระบบวินโดวส์ แต่ฉันก็ยังเปิดใช้แต่ด้านวินโดวส์ที่คุ้นมือ จัดการดาวน์โหลดชุดโปรแกรมต่างๆ ที่คุ้นเคย เช่น MSN, Flickre, Picasa ปรับตัวให้คุ้นตากับหน้าจออันใหญ่โตก่อน

    ต่อมาไม่นาน ฉันรู้สึกเสียดาย แหม... ซื้อมาแล้ว ใช่งานแค่ครึ่งเดียว ก็เสียของแย่น่ะสิ

    ฉันก็เลยเริ่มขยับข้ามฝาก ลองไปคลิกฝั่งแม็คดูมั่ง มีโปรแแกรมชุด ILife ลงให้มาแล้ว ลองใช้งาน Safari เวบโบรวเซอร์ของแม็ค ปรากฎว่าเปิดบล็อกของฉันแล้วแป๊ก หวานใจเลยดาวน์โหลด Opera โบรวเซอร์อีกตัวนึงให้ เปิดได้ไม่มีปัญหาแต่ก็ยังแสดงผลได้ไม่เหมือนบน IE เพราะอ่านคำสั่งบางตัวไม่ได้

    เมื่อคืนลองใช้ทั้งสองตัวเปิดดูวิดีโอข่าวใน tv5.org เปิดดูได้ แต่เลือกว่าจะให้เล่นภาพข่าวในแต่ละหัวข้อสลับไปมาไม่ได้ ถ้าหยุดก็ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ สุดท้ายฉันก็ต้องหันมาพึ่งพานางสาวชมพู่ โน้ตบุคคู่ทุกข์คู่ยากอยู่ดี (เดี๋ยวเสาร์นี้จะเพิ่ม ram ให้นะลูกรัก จะได้ทำงานคึกคักว่องไว)

     เมื่อวาน ฉันสมัครลองใช้บริการสมัครเป็นสมาชิก .mac แบบทดลองชั่วคราว พอหมดกำหนดสองเดือนเขาจะเรียกให้จ่ายเงิน เดี๋ยวพอถึงตอนนั้นแล้วค่อยดูว่าน่าจ่ายหรือเปล่า หรือว่าไปพึ่งบริการฟรีจากเวบอื่นๆ

    เมื่อสมัครเป็นสมาชิก .mac แล้ว ท่านจะได้สิทธิประโยชน์มากมาย

    - ได้อีเมล์มาหนึ่ง สำหรับใช้กับโปรแกรม Mail (ตอนแรกว่าจะไปดาวน์โหลด Outlook Express มาใช้ แต่เขาเลิกทำกันแล้ว) และใช้เปิด IChat

    - ได้พื้นที่สำหรับทำบล็อกที่อัพโหลดจากโปรแกรม IWeb เอาไว้หัดเขียนบล้อกเป็นภาษาฝรั่งเศสสั้นๆ พร้อมภาพประกอบที่ถ่ายจากน้องป้อม >> Click to see - คลิกไปดู

    - และพื้นที่สำหรับโพสต์การ์ตูนที่ทำจากโปรแกรม Comic Life >> Click to see - คลิกไปดู

    .....คิดว่าน่าจะมีอะไรอื่นๆ อีก แต่ตอนนี้รู้จักแค่นี้

     โปรแกรมที่ฉันกับอองตวนติดใจชอบเล่นด้วยกันที่สุดคือ Photo Booth ซึ่งจะถ่ายรูปคนที่อยู่หน้าจอจากกล้องตัวเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงกลางด้านบนของขอบจอ มีฟิลเตอร์ต่างๆ ให้เลือกพอสมควร

    วันนี้ ฉันลองผสมผสานเอารูปที่ถ่ายจาก Photo Booth ไปลงโปรแกรม Comic Life แล้วอัพโหลดขึ้นเน็ตได้จากโปรแกรมขึ้นพื้นที่สมาชิก .mac โดยตรง สะดวกดาย และน่าตื่นตาตื่นใจดีเหมือนกัน

    จะเหลือก็แต่โปรแกรม ITune ยังไม่ได้ลองเข้าไปดู เพราะไม่มี IPod มาอัด



>> ยลโฉม "น้องป้อม" คลิกที่นี่





 

Create Date : 03 มกราคม 2550    
Last Update : 7 มกราคม 2550 12:53:32 น.
Counter : 961 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.