- 03 MARS 08

สุดสัปดาห์แห่งการกิน


--Weekend de bouffe..---


     เข้าเดือนมีนาแล้ว เร็วจริงๆ เนอะ ... เอาเถอะ เมื่อรู้สึกว่าเวลาผ่านเร็วอย่างนี้แสดงว่าชีวิตไม่ว่างเปล่ามากนัก เหอะๆๆ

     เช้าวันนี้ฝนตกปรอยๆ คงจะเป็นวันจันทร์ที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายสำหรับคนที่ต้องออกจากบ้านฝ่าฝนไปทำงานตามออฟฟิศ ส่วนคนที่ทำงานที่บ้าน เวิร์กแอทโฮมสวีทโฮมอย่างฉันก็ลำบากไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันไม่น่าทำงานเอาเสียเลย น่ามุดกลับเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มอุ่นๆ มากกว่า

     แต่ไม่ได้หรอก ฉันอยากอัพบล้อก ฮ่าๆ งานการไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ คิดว่าจะอืดฉืดอักสักวันนึงแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มจับงานตรวจต้นฉบับ Sainte Rita - แม่พระของคนสิ้นหวัง ที่แอบหวังไว้ว่าจะส่งได้ทันกำหนด / หวาย ... นึกถึงงานแล้ว งานชักแถวลอยมาเลยแฮะ ต้องส่งคอลัมน์ "มิวเซ่" กับ "โอเวอร์ซี" ด้วยนี่ ... แล้วอะไรอีกหว่า ... ช่างมันๆ อัพบล้อกก่อน



     สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สองคนสามีภรรยากินกันแหลกมาก ที่จริงก็กินแหลกทุกสุดสัปดาห์ แต่ไม่มีสุดสัปดาห์ไหนที่ฉันขยันถ่ายรูปอาหารแทบทุกมื้อแบบนี้ นานๆ จะฮึดขยันแบบนี้เสียที วันนี้ก็เลยเอามาให้ชมกันแบบเรียงมื้อกันทีเดียว


- เริ่มต้นกันที่มื้อค่ำวันศุกร์

     เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อมาร์ค เพื่อนของหวานใจที่อยู่ฮ่องกงกลับมาล่าสัตว์ที่ฝรั่งเศสแล้วล้มหมูป่าได้ พอขากลับฮ่องกงเขามีน้ำใจนึกถึง แวะเอาน่องหมูป่าขนาดเบ่อเริ่มมาให้เราที่บ้าน ฉันกับหวานใจตื่นเต้นกันใหญ่ว่าจะทำอะไรกินดี ตอนแรกว่าจะทำกินกันตั้งแต่วันพฤหัส แต่บ่ายวันพฤหัส ฉันไปเมาอยู่ที่บ้านเป๊บ กินเบียร์ติดลมจนต้องเรียกสามีไปรับ


     กลับมาที่หมูป่าต่อ - ฉันไม่เคยทำอาหารจากหมูป่ามาก่อน เลยอาศัยเปิดดูสูตรจากอินเตอร์เน็ต ได้สูตรแรกเป็นหมูป่าอบสมุนไพร กินกับมันฝรั่งบด ลองทำตามบ้าง แอบทำนอกสูตร ทำตามใจตัวเองและตามเครื่องเคราที่มีบ้าง ผลออกมาไม่เลวนัก --- >>> ตามไปดูวิธีการทำ




     ด้วยความกริ่งเกรงว่าถ้าอบแล้วไม่สุก เนื้อจะเหนียวและส่งกลิ่นสาบ ฉันเลยเริ่มลงมือตั้งแต่บ่ายหนึ่ง ใส่เตาอบตอนบ่ายสอง ใช้ไฟอ่อนๆ ยกออกมาเสิร์ฟตอนสองทุ่ม รวมเวลาอบหกชั่วโมงพอดี คืนนั้น หวานใจชวนเดเด้กับมิเอะและเลอามาช่วยกินด้วย เพราะถ้ากินสองคนสงสัยจะไม่หมด นี่ขนาดเฉือนเนื้อแบ่งเอาไว้ทำอาหารอีกสองอย่างแล้วนะ ขนาดยังใหญ่โตเหมือนที่โอเบลิกซ์กินในการ์ตูนไม่มีผิด

     หมูป่า ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า sanglier ฉันคิดว่าเป็นการเรียกที่มีเหตุมาจากเลือด ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสคือ sang เพราะเลือดออกจากเนื้อชุ่มเลือด ปล่อยทิ้งไว้เลือดไหลซึมออกมาเยอะมาก



- มื้อกลางวันวันเสาร์

     เนื่องจากคืนวันศุกร์ อาหารอร่อย ประกอบกับมีเพื่อนมาที่บ้าน ทำให้หมดไวน์ไปหลายขวด สองสามีภรรยาเลยนอนสลบจนถึงสิบเอ็ดโมง กินกาแฟกันแล้ว ฉันก็เริ่มผัดหมูป่าพริกไทยอ่อน ซึ่งเป็นเมนูที่เป๊บแนะนำให้ลองดู

     ฉันหมักหมูป่ากับน้ำมันหอยแช่ตู้เย็นเอาไว้หนึ่งคืน พอถึงตอนนี้แค่ผัดพริกแกงกับน้ำมัน ตามด้วยหมู สุกแล้วโรยใบมะกรูดฝอย ต่อด้วยพริกไทยอ่อนของโปรดที่ซื้อจากตังแฟร์เมื่อวันพฤหัส ผัดหมูป่ากินกับข้าวสวยร้อนๆ และไข่เจียว

     อื้มม อร่อยชื่นใจ สะใจกับรสเผ็ดๆ ของเครื่องแกงผสมกับพริกไทยอ่อน เนื้อหมูไม่เหนียวอย่างที่กริ่งแกรงไว้ส่งกลิ่นสาบออกมาเล็กน้อยพอได้รสชาติของอาหารป่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีหนังกรอบๆ กรุบๆ อย่างหมูป่าบ้านเราก็เถอะ ...

     เฮ้อ หายคิดถึงบ้านลงเยอะเลย



- มื้อค่ำวันเสาร์

     มื้อนี้ไปกินอาหารตูนีเซียที่บ้านอาร์เล็ตกับดอร่า เริ่มต้นด้วยขนมอบกลมๆ สอดใส้มะกอกดำ กับเนื้อสับเรียกน้ำย่อย แป้งคล้ายๆคุกกี้แต่ไม่หวาน อบใหม่ๆ อร่อยมากๆ ตามมาด้วยขนมปังหน้ามะเขือเทศบดกับก้อนเนื้อสับกลมๆตรงกลาง ว้า...จำชื่อเรียกไม่ได้ ต้องปรับนิสัยใหม่ หัดจำหรือจดชื่ออะไรต่างๆ เสียหน่อยแล้ว

     กินของเรียกน้ำย่อยรอเพื่อนของอาร์เล็ตต์อีกสองคนไปหลายชิ้น พอถึงเวลานั่งโต๊ะจริงๆ ฉันก็ดันเลือกผิด กินพาสต้าอบทูน่าก่อน แล้วค่อยตามด้วยนางเอกของคืนนี้คือปลาอบมะนาวใส่ขมิ้นนิดๆ แบบตูนีเซีย ต่อด้วยสลัดถั่วฝักชีสนมแพะ สลัดผลไม้

     ปิดท้ายด้วยทีรามิสสุ ... เอิ๊ก กินจนพุงกาง เพราะเจ้าของบ้านคะยั้นคะยอให้กินโน่นกินนี่ ยื่นอาหารให้ไม่หยุด

     หวานใจบอกว่าเป็นการต้อนรับแบบอาหรับ ที่จะต้องมั่นใจว่าแขกที่มาบ้านได้กินอาหารอย่างเต็มที่ ฉันไม่เคยรู้จักกับคนอาหรับมาก่อน แอบตกใจนิดๆ

     น่าเสียดายที่ไม่ได้ติดแคนดี้ไปด้วย เอาไปแต่สบูปเป็ตต์ กล้องคอมแพคคาสิโอ ถ่ายรูปตอนกลางคืนแล้วแบนแต๊ดแต๋เลย



- มื้อกลางวันวันอาทิตย์

     ตื่นมาเที่ยงพอดี สองสามีภรรยาไม่อาบน้ำอาบท่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อของเมื่อวานที่ใส่นอน กระโดดขึ้นจิ๊บจิ๊บ ขับวนข้ามไปที่ถนนอีกฝั่ง จุดหมายปลายทางคือ เลอ วิลลาจ ร้านอาหารประจำหมู่บ้านเนยยี่ ที่ร้านนี้จะมีขาประจำเป็นประชาชนชาวเนยยี่ จูงมือมากินอาหาร บ้างเป็นสามีภรรยาอายุรวมกันน่าจะเกินร้อยห้าสิบ หรือไม่ก็มากันเป็นครอบครัว มีหนุ่มใหญ่อายุเกินห้าสิบมานั่งกินเงียบๆ อยู่บ้างประปราย

     ที่ต้องไปเร็วเพราะเกรงว่าจะไม่มีโต๊ะนั่ง พนักงานของร้านนี้จะจำลูกค้าได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ถึงขนาดรู้ชื่อสกุลกันเลยทีเดียว ฉันกับหวานใจไปกินอาหารที่นี่สี่ห้าครั้ง นานๆไปที นับว่าเป็นขาประจำระดับปลายแถว คงต้องสั่งสมบารมีไปกินถี่ เพียรไปกินอีกนานกว่าจะขึ้นเป็นลูกค้าชั้นหนึ่ง ที่ทางร้านจะเก็บโต๊ะประจำข้างกระจกให้

     ฉันเริ่มต้นมื้อด้วยหอยนางรมสด หวานใจสั่งกุ้งสีเทาต้มเกลือมานั่งแกะกิน ต่อด้วยปลาทอดเนยเคียงกับมันฝรั่งผัด ส่วนฉันกินเอ็นหอยเชลล์ซอสเนยกับข้าวบาสมาติก

     ปิดท้ายด้วยทาร์ตพรุนฝานบางๆ เปรี้ยวๆ หอมๆ อร่อยดี กับ "คาเฟ่ กูร์มองด์" ที่กำลังเป็นที่นิยมของร้านกาแฟในปารีส เป็นกาแฟที่เสิร์ฟพร้อมเซ็ตของหวานรวมมิตรขนาดเล็กๆ มีสลัดผลไม้ มาการง กับเคร็ม บรุยเล่ ไม่เลวเลยทีเดียว







- มื้อเย็นวันอาทิตย์

     หลังจากขับลาดุชเชสออกตะลอนในปารีสตลอดช่วงบ่าย ฉันกับหวานใจก็แวะซื้อไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้นเตรียมเอาไว้สำหรับ ตุ๋นหมูป่าซอสไวน์แดง เมนูของคืนนี้

     ฉันหั่นและหมักหมูป่าส่วนที่เหลือกับไวน์แดงและพืชสมุนไพรต่างๆ เอาไว้ตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องใช้เวลาในการตุ๋นไฟอ่อนบนเตาถึงสามชั่วโมง หลังจากผัดน้ำมัน ราดเหล้าอามาญัคเผาไฟโชติช่วง กว่าจะได้กินปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ดื่มจินโทนิครอแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมา


     ตุ๋นหมูป่าซอสไวน์แดงกินกับพาสต้าแบบแบนบางๆ เหนียวนุ่ม อร่อยสมกับการรอคอย กินกับไวน์เข้มข้น แรงถึง 14 ดีกรี เข้ากั๊น เข้ากัน >>> ตามไปดูวิธีการทำ










>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 03 มีนาคม 2551    
Last Update : 3 มีนาคม 2551 18:47:44 น.
Counter : 1345 Pageviews.  

- 27 FEVRIER 08

พื้นที่ส่วนตัว


---De temps en temps, j'ai besoin de mon espace.---



     โอ้ะ..เย โอ๊ะ โอ๊ะ..เย

     สัปดาห์ตรวจต้นฉบับผ่านไป ได้เวลาพักมาอัพบล้อกแล้วจ้า


     ฉันเคยจับงานบรรณาธิการต้นฉบับให้วรรณกรรมดอทคอมที่ล่วงลับอยู่เป็นปี เลยแอบมั่นใจนิดๆ ว่างานตรวจหนังสือแปลเล่มๆ ไม่น่าจะเกินความสามารถ แต่พอทำเข้าจริงๆ เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน เพราะกำหนดส่งเร่งรัด (จะโทษใครได้ ฉันจำวันส่งผิดเอง) ต้องตรวจดูทั้งความหมายและสำนวน ไม่มีคุณมาร์แซลตรวจความหมายรอบแรก กรองให้ก่อนชั้นนึง ฉันรับหน้าที่ดูแค่ความลื่นไหลของภาษาไทยเหมือนงานครั้งกระโน้น

     แต่เมื่อทำเสร็จเล่มนี้แล้ว ฉันก็ได้รู้ พอจะกะถูกแล้วว่า งานแปลร้อยกว่าหน้า ใช้เวลาบีบเค้นสมอง --- ตรวจเช็คความหมายแบบละเอียดยิบ แทบจะคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค แก้บนกระดาษ แก้บนคอม อ่านทวนปรับสำนวนแล้วเล่า เฉลี่ยวันละเกือบสิบชั่วโมงติดต่อกัน บางวันเลยเถิดถึง 14 ชั่วโมง เจ็ดโมงเช้าถึงสามทุ่ม -- สิริรวมแล้วหนึ่งอาทิตย์ (5 วันทำงาน) ก็เสร็จ

     แต่เสร็จแบบสะบักสะบอม สมองช้ำนิ่ม ..เฮ่อ

     เล่มต่อไป ตรวจดูกำหนดส่งเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาอีกตั้ง 19 วัน กะว่าจะพักสักวันสองวันแล้วเริ่มทำงานแบบสบายๆ ก็ดันมีงานอื่นๆ จ่อคิวรอ มีคำนำให้เขียนสองเล่ม หนึ่งในฐานะคนแปล หนึ่งในฐานะคนจัดพิมพ์ ไหนจะมีงานแปลโปรแกรมหนังสำหรับลงโบรชัวร์ของเพื่อนฟ๊าบที่เกือบจะลืมไปแล้ว ถ้าเพื่อนไม่เขียนอีเมลมาทวงถามว่าถึงไหนแล้ว ตอบไปว่า ส่งวันศุกร์ละกันนะ ... ยังไม่ได้รวมงานในกิจการสำนักพิมพ์กำมะหยี่ที่ต้องดูแลจัดการอีกสองสามอย่าง

     นอกนั้น ทางด้านส่วนตัวก็มีหาข้อมูลคอนเสิร์ตในปารีสที่น่าไปดู จะได้จองตั๋วไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ หาข้อมูลทริปเยือนบาเซโลนาที่ตั้งใจกันไว้ว่าจะไปเดือนหน้า แล้วก็จัดเวลาไปรับภาพที่พิคโตให้หวานใจ พร้อมกับไปดูพิพิธภัณฑ์ เอดิธ ปิอาฟ ซึ่งต้องนัดล่วงหน้า เพราะเขาเปิดให้เข้าแบบมีเจ้าหน้าที่นำชมเท่านั้น ... แฮ่ม ..ตุนเอาไว้เขียนคอลัมน์มิวเซ่ ไหนๆ ก็ตัดใจออกจากบ้านแล้ว

     แล้วยังจะเรื่องที่อยากเขียนเกี่ยวกับทริปล่องเรือที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ อีกล่ะ ... นี่ ชีวิตฉัน มันจะไม่ได้นั่งกินนอนกิน อยู่เฉยๆ เป็นคุณนายบ้างเลยหรือไงนะ



     เมื่อเช้านี้โผเผลุกจากเตียงตามคาด เมื่อคืน เปิด "พื้นที่ส่วนตัว"อยู่ในห้องครัว ดื่มพัวร์วิลเลียมส์ฉลองทำงานเสร็จหนึ่งเล่ม พร้อมกับเปิดพลิกๆ นิตยสารต่างๆ ที่สมัครเป็นสมาชิกไว้ (พักร้อนสามอาทิตย์ กลับมานิตยสารรออยู่เพียบ อ่านไม่ทันเลย)... กว่าจะได้นอนก็เกือบตีสอง เช้านี้ต้องตื่นมาแปลข่าวตั้งแต่หกโมงครึ่ง

     ฤทธิ์เหล้าบวกกับการนอนไม่พอ เล่นเอาปวดหัวตุบๆ บอกตัวเองเป็นมั่นเหมาะว่าเดี๋ยวทำงานเสร็จแล้วจะนอนสักงีบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ยังไม่ยอมล้มตัวนอนเสียที นั่งอัพบล้อกต่อดีกว่า ดูสิ คนเรา


     พื้นที่ส่วนตัว - เป็นคำที่ฉันใช้เรียกช่วงเวลาที่ฉันอยากนั่งเงียบๆ อ่านหนังสือ สูบบุหรี่ จิบเหล้า ตอนดึกๆ คนเดียว ...ย้ำ...คนเดียว ตอนแรกๆ หวานใจแอบงอนนิดๆ แต่ต่อมาก็เข้าใจ ไม่มีอาการกระเง้ากระงอดให้เห็น ได้แต่ส่งสายตาน้อยใจมานิดๆ หน่อยๆ ..แหม พ่อคุณ อะไรกันนักกันหนาน้อ


     ที่จริงแล้ว ในช่วงกลางวันฉันก็อยู่บ้านคนเดียวตลอด น่าจะมีช่วงเวลาเปิดพื้นที่ส่วนตัวได้ ทำไมต้องมีพื้นที่ส่วนตัวตอนกลางคืนเข้ามาเบียดบังเวลาชีวิตคู่อยู่กับหวานใจอีก ... ไม่รู้สิ เป็นเพราะฉันชอบกินเหล้าตอนกลางคืนดึกๆ เงียบๆ นิ่งๆ ไม่ต้องสนใจใครหรือต้องทำอะไรอื่นมั้ง ตอนกลางวันมันสว่าง เป็นช่วงเวลาทำงาน ติดต่อผู้คน ตอนกลางคืนเป็นช่วงพักผ่อนให้รางวัลกับงานที่ทำในช่วงกลางวัน

     บรรยากาศ อารมณ์ และสารเคมีในร่างกายในช่วงเวลาสองช่วงนี้มันต่างกัน จะใช้ทดแทนหรือเอามาสลับแลกกันไม่ได้หรอก... แล้วฉันก็ไม่ได้เปิดทุกวันหรอกนะพื้นที่ส่วนตัวน่ะ เปิดเฉพาะตอนที่เจอเรื่องดีๆ เช่น ทำงานเสร็จ และตอนที่เจอเรื่องร้ายๆ มีเรื่องวุ่นวายใจเข้ามาให้ตั้งสติ ซึ่งตอนนี้โอกาสที่จะเกิดสถานการณ์สุดขั้วสองอย่างนี้กับฉันก็เกิดน้อยลงแล้ว



     แฮ่...ไม่รู้จะจบยังไง สมองยังชาๆ อยู่ ชวนไปดูรูปถ่ายที่ฉันเพิ่งอัพลงเวบอัลบั้มที่มัลติพลายดีกว่า เชิญเลยค่ะ >>> ตามไปดู




ป.ล. ภาพประกอบ เป็นชุด "สาวมอ'ไซค์" ช่วงนี้ที่นี่อากาศอุ่นขึ้น อยู่ที่ประมาณสิบกว่าองศา เมื่อวันเสาร์ สองสามีภรรยาเลยขี่ลาดุสเชสเล่นในปารีส


ป.ล. 2 เมื่อกี้ โรสแมรี คนดูแลตึก เดินหอบขึ้นบันได 4 ชั้น มาส่งห่อหนังสือที่ฉันสั่งจาก amazon.fr หนึ่งในนั้นเป็นหนังสือแปล (จากอิตาลีเป็นฝรั่งเศส) ชื่อ Dire presque la même chose (การกล่าวที่เกือบจะเหมือนกัน) เป็นหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การแปลของ นักแปล นักเขียน นักแปล บ.ก.ชาวอิตาลีชื่อ Umberto Eco

คำนำที่คัดลงปกหลังบอกว่า "หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นหนังสือทฤษฎีการแปล ... ผู้เขียนอธิบายให้ทราบว่า ความซื่อสัตย์ในการแปล ไม่ใช่การแปล "คำต่อคำ" แต่เป็น "โลกต่อโลก" นักแปลต้องเปิดโลกใบเดียวกับที่นักเขียนเปิดด้วยคำที่แตกต่าง นักแปลไม่ใช่เป็นคนชั่งวัดคำ แต่เป็นคนชั่งวัดจิตวิญญาณ นักแปลที่ดีต้องรู้จัก "ต่อรอง" กับโลกดั้งเดิม เพื่อเปิดเข้าสู่โลกใหม่ปลายทางอย่างซื่อสัตย์ที่สุด ..."


ถ้าอ่านแล้วถูกใจ จะเอามาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะจ๊ะ



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2551 17:19:51 น.
Counter : 868 Pageviews.  

- 21 FEVRIER 08

บทสนทนาระหว่างสามี-ภรรยา : สิ่งที่สำคัญที่สุด


---Une conversation entre epoux - La chose la plus importante ---




เวลา : เกือบเจ็ดโมงเช้า

สถานที่ : ในห้องนั่งเล่น

ทีวีบนผนังห้องออกอากาศรายการข่าวโทรทัศน์ TV5 เครื่องอัดภาพและเสียงทำงานเสียงหึ่งๆ เบาแทบจะไม่ได้ยิน ภรรยากดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เตรียมทำงานแปลสคริปต์ข่าวส่งสถานีโทรทัศน์เมืองไทย ก่อนจะเข้าครัวไปคั้นน้ำสม เตรียมโยเกิร์ต หั่นกล้วยหอม ใส่ถาดเป็นอาหารเช้าให้สามี สามีนั่งที่โต๊ะอาหารเปิดโน๊ตบุค ถ่ายไฟล์ภาพที่ถ่ายตอนล่องเรือช่วงพักร้อนเมื่อาทิตย์ที่แล้วลงเครื่องฮาร์ดิสสำรอง

ภรรยาเดินวนไปวนมา เก็บเสื้อผ้าใส่แล้วจากกระเป๋าเดินทางที่ยังเปิดอ้าค้างอยู่บนพื้น รวบรวมผ้าสีเข้มใส่เครื่องซัก สามีเปิดเวบไซต์ตรวจดูรายการเดินบัญชีธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะเมื่อต้นเดือน เพิ่งเจอว่ามีคนขโมยใช้หมายเลขบัตรเครดิตรูดซื้อของที่แคลิฟอเนียร์ไปเป็นเงินโขอยู่ ทำให้ต้องวุ่นวายติดต่อธนาคาร บล้อกบัตร แจ้งความเพื่อนำเอกสารไปประกอบการเรียกเงินคืนจากธนาคาร

ภรรยาแว่บเข้าไปดูที่หน้าจอ สามีเปิดให้ดูรายการเดินบัญชี ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สายตาของภรรยาก็สะดุดกึก เอ๊ะ ... ทำไมยังปรากฎรายการหักเงินจากบริษัทอินเตอร์เน็ตไวไฟที่ฮ่องกงอยู่เล่า เราย้ายออกจากที่นั่นมาเป็นปีแล้วนะ นี่ยังต้องจ่ายเน็ตที่ไม่มีคนใช้งานต่ออยู่อีกหรือ



ภรรยา : นี่อะไรน่ะ ยังจ่ายอยู่อีกเหรอ ฉันบอกแล้วตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วไม่ใช่เหรอว่าพอกลับจากพักร้อนแล้ว ให้บอกเลขาที่ฮ่องกงติดต่อขอปิด

สามี : ก็ไม่มีเวลาน่ะ ต้องค้นหาเมลก่อน ยุ่งยากจะตาย

ภรรยา : ก็ใช้ระบบเซิร์ชสิคะ เธอก็รู้ว่าเงินรั่วไหลเล็กๆ น้อยๆ เปล่าประโยชน์อย่างนี้ มันทำให้ฉันปวดใจ

(ในใจเริ่มคำนวณคร่าวๆ เดือนละ 19 ยูโร ประมาณ 1000 บาท ปีนึงก็เกือบหมื่นบาท ... เก็บเอาไปช้อปปิ้ง กินอาหาร ทำบุญ ทำหนังสือไม่ดีกว่ารึ... โอ๊ย เสียดาย)

สามี : แหม ก็ช่วงนี้น่ะ ฉันมีงานเร่งด่วนและสำคัญต้องทำนี่นา


ภรรยา : เหรอคะ สงสัยเราจะไม่ได้ให้คุณค่าในสิ่งเดียวกันในเรื่องนี้ ไม่ทราบว่า มีอะไรในโลกนี้ที่เร่งด่วนและสำคัญกว่าการทำให้ภรรยาสบายใจเหรอคะ สำหรับฉันน่ะไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สำคัญไปกว่าการทำให้สามีของฉันพอใจและมีความสุขหรอกนะ




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 16:28:39 น.
Counter : 852 Pageviews.  

- 19 FEVRIER 08

กลับถึงฝรั่งเศสแล้ว


--- Me revoila ... la france ---



     ตอนนี้กลับถึงบ้านที่เนยยี่เป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้า

     อืมม... ถึงจะเพิ่งลงหลักพักอยู่ที่บ้านนี้ไม่นานนัก แต่อพาร์ทเมนต์กำแพงทะลุแหว่งๆ ผนังสีส้มบ้าง เหลืองบ้าง แถมยังตกแต่งไม่เสร็จดีแห่งนี้เริ่มเข้ามามีความผูกพันธ์กับฉันที่ละน้อย จนตอนนี้ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "บ้าน" ตอนเปิดประตูเข้ามารู้สึกคุ้นเคย อบอุ่น เป็นที่ของตัวเองอย่างไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเป็นความรู้สึกที่ดีจัง



     เมื่อคืนนี้ขึ้นเที่ยวบินดีเลย์ไปหนึ่งชั่วโมง กว่าจะออกจากสุวรรณภูมิได้ ปาเข้าไปตีหนึ่งครึ่ง นอนหลับๆ ตื่นๆ ง่วงถึงขนาดไม่รับอาหารค่ำตอนประมาณตีสาม จึงได้รู้ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างความงกกินกับความง่วง บางครั้งความง่วงก็อาจจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ

     บินเที่ยวนี้ นั่งชั้นประหยัดฮ่ะ ไม่ได้เฉิดฉายได้ขึ้นเครื่องก่อนอย่างตอนนั่งชั้นธุรกิจงวดที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนมากนัก ดีเสียอีก ได้อยู่ใกล้ชิด ได้แอบสังเกตผู้โดยสารร่วมเที่ยวบินมากมาย เที่ยวนี้ เป็นชาวฝรั่งเศสเสียเป็นส่วนใหญ่ มีกลุ่มผู้เกษียณอายุกลุ่มใหญ่นั่งที่นั่งใกล้ๆ มากันเป็นคู่ๆ ดูแล้วสนุกไปอีกแบบ

     คนฝรั่งเศสนี้แสนจะขี้บ่นเนอะ อะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจสักกะอย่าง บ่นอุบอิบ ออกความเห็นกันในทุกเรื่อง ตั้งแต่รอขึ้นเครื่อง นั่งตามที่นั่ง ลงเครื่อง ต่อคิวผ่านศุลกากร ได้ยินแล้วก็ได้แต่ปลง

     หวานใจขับจิ๊บจิ๊บมารอรับที่ทางออก รถติดนิดหน่อย ก่อนจะขับถึงบ้านใช้เวลาเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นชั่วโมงที่ไม่เร่งนีบจะใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง

     ส่งภรรยาลงหน้าตึกแล้ว หวานใจไปทำงาน ฉันเข้าบ้าน เจอผู้ดูแลตึก ทักทายกันนิดหน่อย แล้วรับถึงใส่นิตยสารและจดหมายต่างๆ ที่ส่งมาตลอดสามอาทิตย์ รวมเป็นถุงใหญ่พอควรเชียวล่ะ เปิดผ่านๆ หน้าปกมีแต่ข่าวท่านประธานาธิบดีและภริยาคนใหม่หมาดๆ

     อพาร์ทเมนต์รกมาก -- หวานใจเตือนไว้ก่อนแล้ว ฉันเลยไม่ตกใจมากนัก ล้างหน้าล้างตา ชงกาแฟ เอาผ้าเค็มซึ่งมีมากมายใส่เครื่องซัก เปิดคอมน้องป้อม เช็คเมล แปลงานให้ฟ๊าบนิดหน่อย แล้วอดใจไม่ไหว อัพบล้อกสักนิด ก่อนจะไปอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวทำงานตรวจต้นฉบับ "ร้านคนอยากตาย" ที่ฉันหลงลืมเวลาส่งที่กำหนดเอาไว้เองว่าจะส่งต้นเดือนนี้ บ.ก.นก ณ ฟรีฟอร์มทวงมาแล้ว ฉันได้แต่หัวเราะแหะๆ เฮ่อ..แย่จริง



     เอาเถอะ ตอนนี้ชาร์จแบ็ตจากการพักร้อนมาแล้ว น่าจะทำเสร็จส่งทันล่ะน่า ...สู้โว้ยยย





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2551 18:32:52 น.
Counter : 812 Pageviews.  

- 18 FEVRIER 08

กลับมาแล้ว


-- Me revoila!! ... ---


.


เพิ่งกลับมาจากล่องเรือที่ภูเก็ตเมื่อคืนนี้เอง พอถึงกรุงเทพหวานใจพาไปกินอาหารอิตาลีตามลำพังสองต่อสองแถวๆ สุขุมวิท หลังจากต้องอยู่ในเรือกับผู้คนอื่นๆ อีกหกชีวิตตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

ตอนนี้หวานใจกลับฝรั่งเศสแล้ว ส่วนฉันกำลังรอจะตามไปสมทบในคืนวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ไป "ประชุมธุระปะปัง" ของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ที่บ้านคุณนพดล เพื่อทำความรู้จัก เห็นหน้าค่าตา ตัวเป็นๆ เสียงจริงๆ กันเสียที แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่มีรูปมาลงในที่นี้เพราะหวานใจติดเอากล้องไลก้า เดอะ ด็อก กลับไปฝรั่งเศสด้วย และภาพส่วนใหญ่ที่ถ่ายในช่วงหลังๆ อยู่ในแผ่นข้อมูลในกล้อง เนื่องจากในวันแรกของการล่องเรือ น้องแคนดีทูของฉันออกอาการ "กระจกเด้ง" เป็นครั้งที่สอง

ทำเอาช็อคไปพักใหญ่ เพราะยังเหลือเวลาบนเรืออีกหลายวัน แต่หวานใจบอกว่าใช้กล้องเดอะด็อกถ่ายก็ได้ เหตุร้ายเลยกลายเป็นดี ถือโอกาสหัดใช้ไลก้าเสียเลย ใช้ได้วันสองวัน ถ่านทำท่าจะหมด ฉันเลยเปลี่ยนไปใช้กล้องคอมแพ็คสนูปเป็ตต์แทนพอกล้อมแกล้มจนจบทริป

ทริปนี้มีอะไรเล่าให้ฟังเยอะแยะมากมาย แต่ขอเวลาย่อยและใตร่ตรองให้ตกผลึกก่อน และจะพยายามไม่ให้ตกผลึกจนแข็งมากเกินไปจนแคะมาเล่าไม่ออก...หะหะ


ช่วงที่รอนี้รับชมภาพสวยๆ ที่ถ่ายก่อนที่นังแคนดีจะอู้งานทางด้านบนก่อนนะคะ





หรือถ้ายังไม่จุใจ สามารถติดตามอ่านบันทึกของคุณแอล เพื่อนร่วมทริปนี้ได้ >> ที่นี่ (คลิกไปดู) ค่ะ



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2551 18:34:02 น.
Counter : 842 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.