- 27 Aout 08 - คมสัน นัน พูดถึงมูราคามิ อธิชา และกำมะหยี่สำนักพิมพ์

คมสัน นัน พูดถึงมูราคามิ อธิชา และกำมะหยี่สำนักพิมพ์


ช่วงนี้กำลังเห่อตัดต่อวิดีโองานวันรวมพลคนอ่านและไม่อ่านมุราคามิอยู่ค่ะ

เมื่อคืนถ่างตาทำถึงตีสี่ ทำไปจิบวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ไป เมาเสียไม่มี

เช้าวันนี้ ยังมีกะใจไม่ยอมถอดเสื้อเบอร์ห้า ลุกขึ้นมาอัพไฟล์ใส่ยูทูป แล้วแปะขึ้นบล้อกกำมะหยี่มากมายล้นจอ โหลดดูฟังกันได้เต็มที่ ถ้าเน็ตแรงพอนะจ๊ะ ---> ที่นี่จ้ะ (คลิกไปดูได้เลย)

ส่วนที่นำขึ้นบล้อกในวันนี้เป็นคลิปคุณคมสัน นันทจิต หรือพี่ยักษ์สุดที่รักของฉัน เล่าถึงที่มาการ "พบ"ฮารูกิ มูราคามิ ครั้งแรก หลังจากนั้นมีพาดพิงถึงฉันอยู่หน่อยๆ

ตบท้ายด้วยคำอวยชัยให้พรสำหรับสำนักพิมพ์กำมะหยี่ของเรา



สาธุ... สมพรปากค่ะพี่


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551    
Last Update : 3 กันยายน 2551 1:07:51 น.
Counter : 863 Pageviews.  

- 28 Aout 08 - เคลื่อนไหวอย่างสงบ

เคลื่อนไหวอย่างสงบ

Je suis calme.

ฟังแล้วอาจจะดูประหลาดที่คนบ้างาน ชอบหาโปรเจคใส่ชีวิตตลอดเวลาอย่างฉันจะบอกว่า สิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในชีวิต คือ ความสงบ

แต่เมื่อนึกดูดีๆ แล้ว คนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว มีการเคลื่อนไหว ผลิตผลงานตลอดเวลาอย่างฉันนี้แหละที่ควรจะเป็นคนแรกๆ ที่รู้ซึ้งถึงความสำคัญของ ความสงบ

แรกเริ่มเดิมทีก่อนหน้านี้ ฉันนึกง่ายๆ พื้นๆ ตามประสาว่า ความสงบเกิดจากการอยู่นิ่งเฉย ไม่ต้องทำอะไรเลย หรือทำงานให้น้อยๆ มีเวลาว่างๆ ลอยๆ เยอะๆ นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ --- ปัญหามีอยู่ว่าคนที่ชอบและมีความสุขกับการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกพ้นการเผชิญกับปัญหาได้อย่างฉัน จะมีปัญญาสัมผัสกับความสงบตามนิยามที่ว่าได้อย่างไร

ไม่มีทาง ยิ่งตอนนี้งานที่ฉันทำอยู่ ไม่ได้มีเพียงงานแปลหรืองานเขียนคอลัมน์ ซึ่งหากจะมีปัญหาก็คงเป็นปัญหาในเนื้องาน หรือการจัดสรรเวลา ความมีวินัยมากน้อยในแต่ละช่วงเวลาของตัวฉันเองคนเดียว แต่ตอนนี้มีงานของกำมะหยี่ที่จะต้อง "สัมผัส" คนมากมายด้วย


มากคน มากความ --- ทั้งความดี ความเลว ความวุ่นวาย ความซับซ้อน ความยอกย้อน ความสัมพันธ์ ความต่างๆ สารพัน ... ทั้งหมดเป็นเพราะ "ความเป็นมนุษย์" มนุษย์เหมือนกับฉัน ... ฉันจึงไม่ถือสาหาความ บอกตัวเองเอาไว้ว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง"


ฉันคงไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงนิสัยหรือการตัดสินใจของใครได้ สิ่งที่ทำได้เพื่อให้บรรลุถึงความสงบ อันเป็นความปรารถนาสุดยอดในชีวิตของฉัน คือ ฉันต้องปรับวิธีคิดและมองไอ้เจ้า "ความสงบ" ที่ฉันอยากได้นักอย่างได้หนานี้ใหม่

หลังจากใคร่ครวญ ใตร่ตรองในช่วงเวลาไม่นานนักแต่เป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นที่สุด ฉันก็ได้คำตอบว่า ความสงบที่ฉันพึงมี พึงจะหาได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนกระเสือกกระสนหรือตัดขาดจากโลกภายนอกแบบสุดขั้วมากนัก ไม่ใช่ความสงบหยุดนิ่ง หากเป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างสงบ และการเคลื่อนไหวนั้นจะสงบได้ ก็ต่อเมื่อฉันสามารถควบคุมจิตใจและนิสัยในการทำงานให้มีวินัยเป็นเสาหลักในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน

เมื่อภายในมั่นคง แม้คลื่นภายนอกจะสาดซัดโหมกระหน่ำ การเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ในชีวิตของฉันจะดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอและ



สงบสุข


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551    
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 16:17:38 น.
Counter : 744 Pageviews.  

- 20 Août 08 - ภารกิจใกล้เสร็จสิ้น - รอบินกลับอินตระระเดีย

ภารกิจใกล้เสร็จสิ้น - รอบินกลับอินตระระเดีย

Mission presque finie, en attendant le vol pour l'Inde... et mon Wan Jai.

    วันนี้ย้ายโรงแรมที่ซุกหัวนอนในแบงก็อกเมืองฟ้า มาอยู่ใจกลางเมือง ที่โรงแรม The MINI ในซอยทองหล่อ ๑๓

    เป็นโรงแรมเล็กๆ ตั้งอยู่ชั้นสี่และห้าของตึกทรงสี่เหลี่ยมที่ข้างล่างเป็นบาร์เหล้าแบบอังกฤษ (มั๊ง) ตามประสาโรงแรมเล็กๆ เน็ตไวไฟจึงฟรี ไม่เหมือนตามโรงแรมใหญ่ๆ ที่ชาร์จมากมายเสียจนหมดอารมณ์จะออนไลน์ เอ..หรือจะเป็นกุศโลบายไม่ให้ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอมากเกินไป

    ช่างเถิด ... เร่ร่อน นอนต่างที่อีกไม่นานก็จะได้กลับ "บ้าน" ที่อินเดียแล้ว พรุ่งนี้เครื่องจะออกตอนสามทุ่ม

    พรุ่งนี้ก่อนเดินทางไปสนามบิน ฉันจะแวะไปนั่งจิบเบียร์ที่บ้านคุณนพดลก่อน ช่วงเช้าจะมีคนมาส่งวีซีดีที่แปลงไฟล์วิดีโอที่ถ่ายในงานเปิดตัวหนังสือเมื่อคืนวันจันทร์ ฉันจะได้เอาไปนั่งตัดต่อเพื่อลงบล้อกกำมะหยี่ให้ผู้ที่พลาดไปงานด้วยเหตุผลนานับประการได้ร่วมชมประหนึ่งได้นั่งอยู่ในงานเลยทีเดียว


    วันนี้ คุณแอนมารับฉันจากโรงแรมบ้านดินสอตั้งแต่เช้า เพราะเรานัดคุยกับคุณนุ ฝ่ายคัดรรสิ่งพิมพ์ของอมรินทร์ - สายส่งแสนน่ารักของเราที่ออฟฟิศของเขา ซึ่งอยู่ไกลมากๆๆๆๆ ตอนแรกเรามี "สมัคร" คนขับรถของคุณแม่คุณแอนมาเป็นสารถีให้ แต่หลังจากหลงทางเลยห่างเป้าหมายทางเลี้ยวเข้าซอยหนักเข้า และเวลานัดก็งวดใกล้เข้ามาทุกที คุณแอนเลยสั่งให้จอดรถข้างทาง เธอลงไปถือพวงมาลัยซิ่งรถด้วยตัวเอง

    ฉันไม่ได้พูดเกินเลยหรือใส่สำนวนเลยแม้แต่น้อยเมื่อพูดคำว่า "ซิ่ง" เพราะคุณแอนเธอขับซิ่งมากๆ ค่ะ รถคันใหญ่ โครงแข็งแกร่ง แรงม้าเยอะขนาดนั้น ฉันยังรู้สึกได้ว่ารถวิ่งเร็วฉิว ยิ่งเห็นวิธีการขับซ้ายแซงขวาจี้ก้นคันหน้าแล้วหักผ่านของเธอแล้ว ฉันหันหน้ามองข้างทางเพื่อลดความหวาดเสียวเกือบตลอดทาง ส่วนสมัครก็นั่งเกร็งเงียบกริบไม่แพ้กัน

    บรรยากาศในรถเริ่มผ่อนคลายขึ้น เมื่อเราเข้าสู่บริเวณวัดไกรทางด้านหลังแล้วตัดผ่านบริเวณวัดออกทางประตูหน้า เพื่อจะเลี้ยวซ้ายไปตามคำบอกกล่าวของทั้งโอปะเรเตอร์ คุณนุ ชาวบ้านตลอดจนช่างเสริมสวยแถวๆ นั้น สุดท้ายเราก็ไปถึงจนได้

    การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนในการขอเข้าพบ คือเพื่อทำความรู้จักระบบระเบียบ เงื่อนไขขั้นตอนกำหนดการส่งกระจายหนังสือ ระยะเวลาการติดต่อประสานงานล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุฉุกละหุก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของการทำงานเพื่อให้ทุกฝ่ายตั้งแต่พนักงานคุมสต็อคจนถึงพนักงานขายหน้าร้านจัดการต่อได้อย่างสะดวกจนถึงมือนักอ่าน

    ส่วนใหญ่ฉันก็นั่งฟังเฉยๆ นั่นแหละ ส่วนใหญ่คุณแอนเป็นคนพูดคุย คุณนุอธิบายวิถีปฏิบัติและพึงปฏิบัติเพื่อให้หนังสือและแผนการตลาดต่างๆ ของเราเหมาะสมกับหน้าร้านให้มากที่สุด

    ฉันไม่รู้หรอกว่าสำนักพิมพ์อื่นเขาจะใส่ใจถ่อเข้าไปหาสายส่งกันถึงจังหวัดนนทบุรีเพื่อรับฟีดแบ็ค หรือพยายามทำงานเพื่อให้สอดคล้องช่วยกระตุ้นยอดขายหน้าร้านหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่าทุกคนในระบบมีความสำคัญ ถ้าอยากให้ทุกอย่างราบรื่นที่สุดก็ต้องพยายามเปิดใจรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของทุกฝ่าย วันนี้ฉันได้ความรู้ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน บางครั้งเหมือนเส้นผมบังภูเขา

    จบจากสายส่ง เราสองคนเข้าไปที่โรงพิมพ์ภาพพิมพ์ นำหนังสือชุดมูราคามิเล่มที่มีตำหนิอันเกิดจากขั้นตอนการพิมพ์ การเจียนและการไสกาวไปให้ดู ไม่ใช่เพื่อหาเรื่องหรือตำหนิติเตียน แต่เพื่อรับทราบปัญหาและขั้นตอนการทำงานและหาวิธีป้องกันเตรียมการไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำต่อไปในอนาคต

    คุณจ้อก เถ้าแก่น้อยแห่งภาพพิมพ์ เป็นชายหนุ่มที่สุดแสนจะใจเย็น นั่งอธิบายตอบคำถามรับฟังสองสาวอย่างอดทน แถมด้วยเล็คเชอร์ประวัติของเทคนิคการพิมพ์ให้ฟังด้วยนิดหน่อย ต่อจากนั้นก็คุยเรื่องกำหนดการทำงานพิมพ์แพร์ซโพลิสที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรู๊พดิจิตอล และโปรเจคเล่มต่อไปผลงานของคุณสิบเดซิเบลที่ตั้งใจว่าจะออกช่วงงานหนังสือเดือนตุลานี้


เสร็จกิจธุระ สมัครขับรถฝ่ารถติดมาส่งฉันที่โรงแรมเดอะมินิ พอเช็คอินเสร็จ หวานใจโทรมาบอกว่าเที่ยวบินเมื่อวานที่พาเขากลับอินเดียจากเมืองไทยเครื่องสั่นโคลงเคลง เพราะเมื่อคืนมีพายุใหญ่ลมกรรโชกฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ที่ย่านนั้น พอกลับถึงบ้าน เปิดประตูเจอน้ำท่วมขังบนพื้นห้องซึ่งอยู่บนชั้นสองของอาคาร เนื่องจากฝนสาดแรงมากจนท่วมซึมเข้าทางช่องว่างของประตูกับบานกบเข้าห้องนอนแล้วไหลลงชั้นสอง

กรรมซัดกระหน่ำซ้อน เพราะข้าวของมากมายที่ขนจากฝรั่งเศสมาถึงบ้านเรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กล่องใส่หนังสือวางอยู่บนพื้นเปียกชื้นแฉะ อันนั้นไม่เท่าไหร่ ลำโพงคู่ใหม่เอี่ยมที่หวานใจเพิ่งซื้อก็วางตั้งสง่าบนพื้นที่มีน้ำท่วมขึ้นมาสองสามเซ็นติเมตรด้วย และไม่ต้องพูดถึงพรมผ้าต่างๆ ที่ปูอยู่บนพื้น รองเท้าบู๊ตไฮชุนของฉันจอดอยู่ตรงริมผนังซึ่งมีพื้นที่เป็นเนินลาดขึ้นสูงกว่ากลางห้อง จึงไม่มีปัญหา รวมทั้งรูปวาดต่างๆ ที่วางพิงผนังอยู่ก็รอดพ้นการจมน้ำ เพราะความไม่สม่ำเสมอตรงเป๊ะๆ ของการปูพื้นมาตรฐานอินเดีย




     ข่าวดีข่าวเดียวคือ บรรดาต้นไม้ในกระถางที่ฉันกับมันจุฬาช่วยกันทยอยขนไปไว้บนระเบียงใหญ่ของห้องนอนเพื่อรับฝนยามที่ฉันกับหวานใจมาเมืองไทยนั้นสดชื่นแจ่มใสเขียวสดสบายดี



ป.ล. ภาพประกอบเป็นภาพถ่าย "ควันหลง" วันงานเปิดตัว ดึกดื่นคืนนั้น ฉันจำอะไรไม่ได้เลยเพราะเมามาก หวานใจบอกว่าตอนที่เราเข้าไปขนกระเป๋าที่ฝากไว้ตรงห้องทางขึ้นห้องพักของคุณวัชร ฉันคว้าซินดี้ แมวประจำบ้านขึ้นมาแล้วบอกหวานใจว่า "จะถ่ายภาพกับซินดี้ๆๆๆๆ" แล้วปักหลักนั่งบนเก้าอี้อย่างเหนี่ยวแน่น จนหวานใจต้องค้นกล้องที่เก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้วขึ้นมายิงภรรยาขี้เมาจอมดื้อกับแมวแสนสวยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นแมว




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 20 สิงหาคม 2551    
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 0:01:19 น.
Counter : 832 Pageviews.  

::::: บรรยากาศคืนวันรวมพลคนอ่านและไม่อ่านงานมูราคามิ :::::

บรรยากาศคืนวันรวมพลคนอ่านและไม่อ่านงานมูราคามิ

มาแล้วจ้า สดๆ ร้อนๆ จากกล้อง

ภาพบรรยากาศในวันงาน "รวมพลคนอ่านและไม่อ่านงานมูราคามิ" ที่เพิ่งจัดไปหมาดๆ เมื่อคืนนี้เอง นี่เป็นเพียงภาพที่ถ่ายจากกล้องเพียงกล้องเดียวนะคะ อีกไม่นานจะมีภาพจากกล้องอื่นเข้ามาเพิ่มเติมให้ดูกันอย่างหนำใจ

นอกจากนั้น ยังมีข่าวดีสำหรับผู้พลาดพลั้ง ไม่สามารถไปร่วมงาน เราได้เก็บภาพวิดีโอของงานอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ขอเวลาแปลงไฟล์ ตัดต่อเพิ่มรสชาดสักนิด อีกไม่นานภาพเคลื่อนไหวพร้อมแสงสีเสียง สาระต่างๆ คับคั่ง จะตามมาอย่างแน่นขนัดจ้ะ


เริ่มต้นกันที่เบื้องก่อนงาน อันได้แก่การจัดเตรียมสถานที่ คุณวัชร เจ้าของพาร์คกิ้ง ทอยส์ ลงมาช่วยจัดวาง สั่งการประดับตกแต่งหน้าร้านบริเวณจุดลงทะเบียนด้วยตัวเองเลยทีเดียวเชียว

ฟ้าเริ่มเมฆหนา อากาศอ้าวๆ คล้ายช่วงก่อนฝนมา พลพรรคกำมะหยี่เริ่มสบตาพูดถึงการปักตะไคร้กันเป็นระยะๆ ส่วนสองมือก็ตัดแบบสอบถาม จัดหนังสือบนโต๊ะลงทะเบียนและจุดต่างๆ

คุณป๋องและคุณเรืองกิตผู้รับหน้าที่ประชาสัมพันธ์จัดงานและเชิญสื่อ ขยับจัดเวที ติดป้ายแข็งขัน

คุณภัทและเพื่อนใส่เสื้อสีม่วงเข้ากับบรรยากาศของงาน ถือกล้องมาเตรียมเก็บภาพด้วย สองคนนี้แฟนพันธ์แท้ สปิริตสูงมากๆ เดินทางมาจากเอกมัยเลยทีเดียวนะ ต้องขอบคุณมากๆ ที่มีใจให้กันถึงขนาดนี้ค่า

คลิกไปติดตามต่อ >> :::: ต้อนรับขับสู้ ก่อนเปิดเวที







 

Create Date : 19 สิงหาคม 2551    
Last Update : 27 สิงหาคม 2551 22:32:29 น.
Counter : 882 Pageviews.  

- 17 Aout 08 - ออกงานสังคม

ออกงานสังคม

La vie Sociale...

    เมื่อคืน ฉันไปออกสังคมมาค่ะ

    เรื่องราวเริ่มต้นตอนที่ฉันกำลังเดินเหงื่อไคลไหลย้อยอยู่ในสวนจตุจักรตอนบ่ายกว่าๆ พี่ยักษ์ - คุณคมสัน นันทจิต โทรศัพท์กลับมาหลังจากฟังข้อความที่ฉันโทรฝากไว้ในเครื่องตอบรับในตอนเช้าว่าคืนนี้ว่างคุยกันเรื่องงานหรือเปล่า

พี่ยักษ์ : สวัสดีคุณอธิชา

ฉัน : สวัสดีค่ะ คุณคมสัน แหะ..เดี๋ยวหนูโทรกลับนะคะพี่ ตอนนี้กำลังติดพันต่อราคาอยู่


    อีกห้านาทีต่อมา หลังจากกระเป๋าตังค์เบาลงแล้ว

ฉัน : มิวค่ะพี่ หนูอยากนัดคุยกันเรื่องที่พี่จะมาร่วมงานกับกำมะหยี่ งานแปลการ์ตูนกับหนังสือ (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์)กับเรื่องสั้นในชุด (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) ค่ะ คือ หนูอยากให้มีคนแปลหลายๆ คน เช่น (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) เลยอยากถามพี่ว่าพี่สะดวกใจหรือเปล่า

พี่ยักษ์ : ไม่หรอกแก ทำไมต้องไม่สะดวกใจ

ฉัน : ก็ไม่รู้สิคะ ถ้าพี่โอเคก็ดีค่ะ หนูจะได้ติดต่อนักแปลคนอื่นๆ คืนนี้พี่ไปร้านพี่หรือเปล่า หนูพักอยู่บ้านดินสอ ใกล้ๆ กันจะได้แวะไปคุย

พี่ยักษ์ : แต่คืนนี้ฉันไม่ว่างมีงานของนิตยสารไฮ-คลาส คนจัดก็เป็นนักเขียนเหมือนกัน ถ้าแกว่างก็มาสิ อยู่ซอยสุขุมวิท ๘๕

ฉัน : เอ่อ ไปยังไงล่ะคะ

พี่ยักษ์ : ถ้าแกมารถไฟฟ้า ก็ลงอ่อนนุช แล้วนั่งมอไซค์ เลี้ยวขวาซอยแรก บ้านอยู่ตรงหน้าเลย ถ้าไม่เลี้ยวไปทางซ้าย

ฉัน : โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไป



    ใจง่ายดีมั้ยล่ะฉัน งานสังคมพรรค์นี้ฉันเคยไปกับเขาเสียที่ไหน เอาเถอะ ลองดู ไม่เสียหายอะไร

    วางสาย เดินช้อปปิ้งต่อจนกระเป๋าใส่ของเต็มล้นจนไม่มีที่ใส่ นั่งแท็กซี่กลับโรงแรมบ้านดินสอ อาบน้ำสระผม ใส่กางเกงเมดอินอินเดีย สวมเสื้อที่เพิ่งซื้อใหม่เมื่อกี้ รองเท้าที่เพิ่งซื้อใหม่เมื่อกี้ ติดดอกพุดซ้อนที่เพิ่งขอร้านขายเข็มขัดถักโครเชต์ที่เพิ่งซื้อใหม่เมื่อกี้ จับรถแท็กซี่บึ่งขึ้นทางด่วนลงสุขุมวิท ๖๒ ขับย้อนขึ้น กลับรถ เข้าซอย ๘๕ เลี้ยวขวา เจอรถยนต์จอดเต็มซอย ใจชื้นขึ้นว่าไม่หลงทางแน่ๆ

    ประตูรั้วบ้านหลังที่เป็นจุดหมายปลายทางเปิดกว้าง เห็นร่างคุ้นตาของคุณคมสัน นันทจิต ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้ารั้ว ฉันจ่ายเงิน ลงจากแท็กซี่แล้วเข้าไปสวัสดีพี่ยักษ์ พี่ยักษ์พาไปแนะนำตัวกับคุณวีร์วิศ หรือวรรณศิริ ศรีวราธนบูลย์ เจ้าภาพ ต่อด้วยเพื่อนฝูงคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในทางเข้าโรงรถ ซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อและก๋วยเตี๋ยวหมู ทางขวามือมีซุ้มเบียร์ยี่ห้อใหม่ สาวเพร็ตตี้สวยน่ารักในชุดขาวยืนยิ้มแย้มให้บริการ

    พี่ยักษ์เข้าบ้านไปหยิบหนังสือ (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) ที่จะทำด้วยกัน

พี่ยักษ์ : อะ เอาไปดู เดี๋ยววันจันทร์เอามาคืนน่ะเว้ย

ฉัน : ตกลงจะทำใช่มั้ยคะพี่ ทั้งสองเวอร์ชั่นใช่มั้ย ทั้งหนังสือ ทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนเลยนะคะพี่

พี่ยักษ์ : หึหึหึ ฉันว่าแกน่าจะทำเป็นเล่มเดียวเลย แล้วมีสองด้าน ด้านนึงเป็นการ์ตูน อีกด้านเป็นหนังสือ แล้วแกจะทำเรื่องอื่นในชุดด้วยหรือเปล่า ชุดนี้มันเป็นไตรภาคนะ

ฉัน : หนูจะเปิดตัวด้วยเรื่องเดียวสองเวอร์ชั่นก่อน แล้วเล่มอื่นค่อยออกตามมา ตกลงทำใช่มั้ยพี่ ชุดเรื่องสั้น (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) ด้วยใช่มั้ย

พี่ยักษ์ : แต่ฉันทำงานนานนะแก

ฉัน : หนูก็เผื่อเวลาให้แล้วไง เล่มสองเวอร์ชั่นนี่ออกปีถัดจากปีหน้าเลย แต่เรื่องสั้นรวมนักแปลเนี่ยหนูว่าจะออกมีนาปีหน้านะพี่

พี่ยักษ์ : งั้นฉันก็จองเรื่อง (ตู๊ดดด - เซ็นเซอร์) นะแก

ฉัน : ได้เลยพี่


    คุยกันได้ไม่เท่าไหร่ พี่ยักษ์ก็ต้องเข้าไปทำหน้าที่พิธีกรประจำงาน

    งานในวันนี้นอกจากจะเป็นงานเลี้ยงประจำปีของนิตยสารไฮ-คลาสแล้ว ยังเป็นการเปิดตัวนิทรรศการภาพวาดและภาพถ่ายของคุณวีร์วิศด้วย ในงานมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับธีมงาน "ชีวิตเป็นเรื่องสั้นๆ" โดยมีคุณอุ้ม สิริยากร เป็นแขกรับเชิญร่วมพูดคุย

    ส่วนฉัน หลังจากรับก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เผ็ดมากๆ เพราะเผลอเติมเครื่องหนักมือไปหน่อย คลายความเผ็ดร้อนด้วยเบียร์หนึ่งขวดเล็ก ระหว่างที่เขากำลังพูดคุยอยู่ ฉันก็เข้าไปดูและเก็บภาพนิทรรศการ ก่อนจะกลับมาเกาะบนบันไดข้างเวทีเล็งถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ทั้งที่แสงไม่เป็นใจนักและแคนดี้ก็ดันไม่มีแฟลช (ถึงจะมีแฟลช คิดหรือว่าฉันจะลดตัวไปใช้.... ฮ่า พูดเหมือนไฮโซ เรื่องของเรื่องก็คือใช้ไม่เป็น ไม่เคยฝึกต่างหาก)

    ปิดท้ายรายการเปิดตัวด้วยการเคลื่อนย้ายผู้คนไปถ่ายรูปภายในนิทรรศการในบ้าน ปลอมตัวแทรกซึมแจมเป็นตากล้องนักข่าวเสร็จแล้ว ฉันออกมายืนจิบไวน์หน้าบ้าน ชายร่างเล็กในชุดสบายๆ ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวเรียบๆ เดินยิ้มเข้ามาถามว่ามาจากไหนครับ

ฉัน : พี่ยักษ์ ... เอ่อ .. คุณคมสันชวนมาค่ะ

เขา : เป็นนักเขียนเหรอครับ

ฉัน : เป็นนักแปลค่ะ แต่ก็เขียนคอลัมน์ตามนิตยสารเหมือนกัน แล้วคุณล่ะคะมาจากไหน

เขา : ผมเป็นแฟนของเจ้าของงานน่ะครับ

ฉัน : อ่อ ค่ะ ... (ตายแล้ว เขาจะว่าฉันแอบเนียนมากินฟรี -- ซึ่งเป็นความจริง -- หรือเปล่าเนี่ย)

เขา : ถ้ามีอะไรขลุกขลักก็ขอโทษด้วยนะครับ

ฉัน : อู๊ยยยย ... ก็ไม่เห็นมีอะไรขลุกขลักนี่คะ ขลุกขลักตรงไหนเหรอคะ

เขา : ก็ เช่น ฝนตก

ฉัน : เอ... ก็ไม่เห็นตกนี่คะ เอ๊ะ หรือตก


    พูดถึงตอนนี้แล้วฉันก็เพิ่งนึกออกว่าคุณเขาอาจจะพูดขออภัยไปตามมารยาทเจ้าของบ้าน ฉันไม่ควรจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่จริงจัง คาดคั้นให้เขาตอบมากเกินไป ควรจะเออออไปตามมารยาทเช่นกัน โชคดี มีคนอื่นออกมาหน้าบ้านพอดี คุณแฟนเจ้าของงานจึงไปพูดคุยกับเขาแทน จังหวะเหมาะ ฉันค่อยๆ ขยับตัวหลีกออกมา เสียงจากบทสนทนาดังแว่วอยู่ข้างหลัง "ถ้ามีอะไรขลุกขลักก็ขอโทษด้วยนะครับ"

    ฉันยิ้ม ในใจเสียดายหน่อยๆ น่าจะอยู่ฟังว่าคำตอบตามมารยาทเขาพูดกันยังไง

    หลังจากนั้นเป็นการตั้งกลุ่มสนทนาปราศรัยแลกนามบัตร ได้เจอตัวจริงคุณนิวัติ แห่งสนพ.แม่นวรรณกรรมกับภรรยาและพวกพ้อง (ขออภัย ฉันจำชื่อใครไม่ได้เลย ต้องโทษเบียร์และไวน์และสันดานประจำตัวของฉันเป็นหลัก) ฉันก็เนียนตามน้ำไปเรื่อยๆ โชคดีด้วยล่ะที่สามีของฉันมีความ(บ้า)คลั่งใคล้เครื่องเสียง แผ่นเสียง กล้อง เช่นเดียวกับคู่สนทนา ฉันจึงพอขุดเอาความรู้งูๆปลาๆ ที่พอติดสมองอยู่นิดหน่อยมาพูดคุยกับคนอื่นได้บ้าง

    คุยๆ กันสักพัก ฉันเข้าบ้านไปเข้าห้องน้ำ กลับมาเก้าอี้ถูกยึดโดยชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ปรากฎว่าเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าคนต่อไปของกรุงเทพฯมหานคร เขา...เอ้ย... ท่านนั่งพูดคุยสอบถามความเห็นเรื่องต่างๆ ... สรุปว่าท่านมาหาเสียงนั่นแหละ ก็เป็นบรรยากาศที่ฉันไม่คุ้นเคยไปอีกแบบ ท่านผู้สมัครคนนี้มีวาทะศิลป์และมีวิธีการพูดคุยกับคนหมู่มากระดับเซียนเชียวล่ะ ฉันนั่งอยู่รอบนอกติดริมที่สุด ท่านยังปราดสายตามา "เก็บคนฟัง" เป็นระยะๆ ฉันเลยต้องพยักหน้าหงึกหงักให้ลงจังหวะกับประโยคของท่านด้วย

    ขากลับภรรยาคุณนิวัติกับสามีของเธอมีน้ำใจขับรถไปส่งขึ้นแท็กซี่กลับโรงแรมในจุดที่ใกล้ที่สุด ระหว่างทาง ทั้งสองเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเรื่องการทำหนังสือให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ฉันได้ความรู้ใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น การทำปกหนังสือ ไม่ควรทำกรอบ ไม่ควรใช่สีดำ ไม่ควรทำสันชัดเจน เพราะมีโอกาสที่จะพลาดช่วงการเจียนทำให้กรอบไม่เท่ากันทั้งสี่ข้าง การเข้าเล่มอาจจะทำให้สันขาดหรือเกินจากเส้นที่กำหนด ส่วนสีดำ ไม่ควรใช้ เพราะคนที่ซื้อหนังสือคือสาวๆ สวยๆ มากว่าผู้ชายแมนๆ

    สรุปว่า ปกของกำมะหยี่ที่ออกไปเข้าข่าย "ไม่พึงกระทำ" ทั้งสิ้น ฮ่าๆๆๆ (ฮือ)



    ทั้งหมดข้างบนนี้ เป็นการเล่าข้ามเรื่องราวตั้งแต่การเดินทางจากอินเดียถึงเมืองไทยเมื่อเช้าวันที่ ๑๒ สิงหามหาราชินี โดยสายการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า ...เอ่อ... รักใครไม่ทราบ เพราะแอร์เที่ยวบินนี้ท่าทางก้าวร้าว พูดจาหยาบกระด้างขอไปที รินไวน์ให้นิดเดียว แถมยังคุยเมาท์สนั่นลั่นห้องผู้โดยสาร ถึงเมืองไทย เข้าโรงแรมไม่ได้เพราะเช้าตรู่เกินไป ต้องรอแขกก่อนหน้าเช็คเอาท์ตอนเที่ยวงก่อน จึงระเห็ดไปแวะที่บ้านจอย กินต้มเลือดหมูสมใจอยากสองชามรวด ตุหรัดตุเหร่นอนเหยียดยาวคุยกับเพื่อน

จอย : อยากทำอะไร

ฉัน : อยากเดินห้างที่มีร้านหนังสือ อยากซื้อหนังสือของตัวเอง


    จอยหัวเราะก๊าก ...

    มื้อกลางวัน จอยขับรถพาแล้วอออกไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูเลี่ยงชื่อแถวเสนาในหมู่บ้านของพี่เลิศ ต่อด้วยห้างสยามดิสคอฟเวอรี่ จนถึงพารากอน แล้วพี่เลิศขับรถไปส่งฉันกับจอยที่โรงแรม มื้อเย็นกินอาหารที่ร้านศรแดง ร้านในตำนาน ทางร้านแจกเทียนจุดอวยชัยถวายพระพรเนื่องในวันแม่ตอนทุ่มครึ่ง กินอิ่ม เดินข้ามถนนไปย่อยอาหารที่เชิงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ... คืนนั้นฉันหลับสลบน้ำท่าไม่อาบ จอยเพื่อนรักที่อุตส่าห์เก็บเสื้อผ้ามานอนด้วยถึงกับส่ายหน้า แต่ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    วันรุ่งขึ้นนั่งรถทัวร์กลับบ้าน พ่อกับแม่พาไปกินร้านอาหาร เนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานของสองท่าน ขากลับแวะร้านนายอินทร์ให้แม่ควักกระเป๋าประเดิมซื้อหนังสือทั้งสามเล่มเป็นศิริมงคล พักอยู่บ้านหนึ่งวัน เช้าวันศุกร์นั่งรถทัวร์เที่ยวเจ็ดโมงครึ่งกลับมาหาหวานใจซึ่งเดินทางจากอินเดียมานอนหลับรออยู่ที่โรงแรมบ้านดินสอเรียบร้อยแล้ว บ่ายนั้นไปช้อปปิ้งที่สยามต่อ หวานใจซื้อเสื้อเชิ้ตลดราคาของจัสปาลร้านโปรด ฉันซื้อชั้นใน ตัดแว่นใหม่เอาไว้ใส่วันงาน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าแว่นที่ไฮเทคปรับกระจกเป็นสีคล้ำดำลงตามความสว่างของแสงได้จะปรากฎเอฟเฟคหรือเปล่า ก่อนจะแวะไปที่ออฟฟิศสำนักพิมพ์กำมะหยี่ แจกจ่ายเสื้อผ้าที่พลพรรคต้องใส่ในวันงานและ อื่นๆ ติดมือมา รวมทั้งพระพิฆเนศปางนักอ่านที่ฉันอัญเชิญใส่กระเป๋าเดินทางมาประทับเป็นศิริมงคลกับสำนักพิมพ์ของเรา



     คืนนั้นพลพรรคสำนักพิมพ์กำมะหยี่ทั้งห้าคนครบถ้วน พร้อมเพรียงนั่งรถฝ่าสายฝนคืนวันศุกร์และการจราจรที่ติดหนึบหนับย่านเกษตร-นวมินทร์ไปดื่มฉลองกันที่พาร์คกิ้ง ทอยส์ สถานที่ที่เราจะจัดงานเปิดตัวหนังสือในวันที่ ๑๘ นี้ ... เมามาย หมดแจ็ค แดเนียลไปสามขวด




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 17 สิงหาคม 2551    
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 18:59:50 น.
Counter : 928 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.