7 jours pour une éternité ... 7 วัน เพื่อ 1 นิรันดร

7 jours pour une éternité ... 7 วัน เพื่อ 1 นิรันดร


ผู้เขียน : Marc Levy
สนพ. : แพรว สนพ.


คำโปรย ...

     เขา เป็นสมุนของซาตาน

     เธอ เป็นทำงานให้พระเจ้า

     ทั้งคู่มีเวลาเจ็ดวัน ในการเปลี่ยนโลกให้เป็นไปในทิศทางที่เจ้านายของตนต้องการ แต่ทันที่ที่คนทั้งสองมาเจอกัน โลกของทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนไป

     ระหว่างภารกิจกับความต้องการของหัวใจ เขาหรือเธอ จะทรยศต่อพันธะของตนหรือไม่

     ในเจ็ดวัน...




ความเป็นมา...

     นิยายเล่มนี้ถูกแซงคิวแปล จากนิยายอีกเล่มของนักเขียนคนเดียวกันเรื่อง "La prochaine fois" หรือ "จะตามติดชิดเธอทุกชาติไป" แต่สุดท้ายก็ได้ออกวางแผงพร้อมกัน

      แปลงานของมาร์ค เลอวี มาแล้วสองเล่ม ฉันเริ่มคุ้นเคยและไม่มีปัญหาอะไรในการทำงาน แต่อุปสรรคก็ยังมากมายเกิดขึ้นในช่วงการตรวจสอบต้นฉบับแปล แรกเริ่มเลย เกิดจากความ "ร้อนวิชา" ของฉันเอง ที่อยากจะทดลองการปรับสำนวนแปลแบบใหม่ แต่บ.ก. บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันเลยต้องดึงกลับมาปรับแก้เป็นการด่วน

      ต่อมาก็ปัญหาเดิมของหนังสือแปลฝรั่งเศส คือ เรื่องการหารีดเดอร์มาตรวจความถูกต้องของการแปล น้องแอน รีดเดอร์คนเดิมที่เคยร่วมงานในเล่มก่อนไม่อยู่เมืองไทย เดินทางไปใช้ชีวิตในอเมริกา คุณแอนติดต่อรีดเดอร์ไว้หลายคน แต่ละคนต่างบอกศาลา อ่านแล้วชอบแต่ไม่มีเวลา บ้างทำไปครึ่งเล่มแล้วขอวางมือ สร้างความงุนงงกับฉันและบ.ก. แอนเป็นอันมากมาก ยังคุยกันว่า สงสัยเราจะไม่ได้ทำพิธีจุดธูปบูชาก่อนทำงาน

     สุดท้ายมาได้ แอร์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนแปลกฎหมายฝรั่งเศส ที่เป็นธุระตรวจสอบให้จนจบเล่ม



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 25 มิถุนายน 2550    
Last Update : 30 ตุลาคม 2550 11:37:13 น.
Counter : 831 Pageviews.  

La prochaine fois ... จะตามติดชิดเธอทุกชาติไป

La prochaine fois ... จะตามติดชิดเธอทุกชาติไป


ผู้เขียน : Marc Levy
สนพ. : แพรว สนพ.


คำโปรย ...


     เขา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะ อยู่ที่อเมริกา

     เธอ เป็นเจ้าของแกลเลอรีในอังกฤษ ผู้อาจจะมีภาพวาดที่เขาตามหาอยู่ในครอบครอง

     ทั้งสองได้มาพบกัน และได้ประสบกับเหตุการณ์ประหลาด ลึกลับมากมายที่ต่างก็ไม่อาจอธิบายได้

     ทั้งคู่ต้องร่วมกันค้นหาคำตอบของปริศนานี้ ...รวมทั้งความรู้สึกที่ต่างมีให้กัน …

     แต่เขากำลังจะแต่งงาน และเธอกำลังจะได้รู้ความจริง



::: เขาว่ากันว่า ::::

      ---“นวนิยายที่ดีที่สุดของเลอวีอย่างไม่มีข้อสงสัย” Questions de Femmes

     ---“งานเขียนของเขาไหลลื่น สง่างามและเดินเรื่องอย่างรวดเร็ว … เป็นเรื่องแบบโรมิโอกับจูเลียตที่มีฉากในโลกอินเทอร์เน็ต เข้มข้น งดงาม และเศร้าไม่แพ้กัน” Paris Match

     ---“มาร์ก เลอวีกลับมาแล้ว! มาร์ก เลอวี คนที่ ... สรรค์สร้างเรื่องราวแห่งความรักและอารมณ์ขัน ผ่านมนต์เสน่ห์แห่งเทพนิยาย พาเราเดินทางจากบอสตันและลอนดอน ไปยังปารีส ... หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณอยากอ่านอีกไม่รู้จบ” Gala

     ---“ตัวละครมีบุคลิกภาพที่ชัดเจน ฉากหลังอันน่าตื่นใจที่เลือกสรรมาอย่างดี เป็นมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดนักอ่านได้ดีเหลือเกิน” Quest France

     ---“นวนิยายก็ต้องเป็นแบบนี้ เหมาะที่จะอ่านในวันสุดสัปดาห์ที่ฝนพรำ อะไรทำให้หนังสือเรื่องนี้มีเสน่ห์น่ะหรือ ความลึกลับอย่างไรล่ะ ... เรื่องเล่าเหมือนมีมนต์ที่นำพานักอ่านให้เดินทางจากอเมริกาไปยังยุโรป และพากลับมาที่อเมริกาอีกครั้ง รวมทั้งเก็บความลึกลับน่าตื่นเต้นเอาไว้จนหน้าสุดท้าย ”Le Temps




ความเป็นมา...

     หนึ่งในนิยายที่อยู่ในรายการหนังสือเบส เซลเลอร์ ติดต่อกันนานที่สุดของปี 2005 ในฝรั่งเศส จากนักเขียนที่มีผลงานได้รับการแปลใน 30 ประเทศ และเป็นเจ้าของสถิติจำหน่ายหนังสือนิยาย 3 เรื่องรวม 4 ล้านเล่มทั่วโลก ภายใน 4 ปี

     หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของมาร์ค เลอวี "นักเขียนคนแรกของฉัน" ผู้เขียน "Et si c'etait vrai..." หรือปาฏิหาริย์รักต่างภพ" ที่เปิดโลกการแปลหนังสือให้ฉัน และยังประสบความสำเร็จ ได้รับการต้อนรับจากนักอ่านชาวไทยเป็นอย่างดี ด้วยเครดิตจากงานเขียนกับงานแปลเล่มแรก การเสนอเรื่องย่อและตัวอย่างแปลเล่มนี้เลยเป็นไปอย่างราบรื่น ฉันชอบหนังสือเล่มนี้มาก เรื่องราวในเรื่องตื่นเต้นเร้าใจ เลยแปลได้อย่างรวเร็ว

      ต้นฉบับแปลได้รับการ. "ดอง" จากสำนักพิมพ์ไว้นานมากเป็นปีๆ เลยทีเดียว ด้วยเหตุผลต่างๆ กันออกไป เช่น หาคนตรวจต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสไม่ได้ ฉันเลยแนะนำน้องแอน นักแปลที่รู้จักกันให้รับทำงานนี้

     ตรวจแก้เสร็จ รอแล้วรอเล่า ได้รับคำอธิบายว่าติดเหตุผลทางการตลาด ทาง สนพ. อยากออกงานเป็นชุด อยากรอออกในงานหนังสือ ฯลฯ งานสัปดาห์หนังสือผ่านไปสามสี่รอบ หนังสือไม่ออกเสียที จนฉันเริ่มปล่อยวาง พร้อมเมื่อไหร่คุณก็วางแล้วกันนะคะ เชิญตามสบาย หันไปเปิดหนังสืออีกเล่มหนึ่งของมาร์ค เลอวี คือ "7 jours pour une éternité" หรือ "เจ็ดวันเพื่อหนึ่งนิรันดร" ออกแปลจนเสร็จ หนังสือสองเล่มนี้เลยได้ออกมาวางแผงคู่กัน ในเดือนมิถุนายน 2550





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 25 มิถุนายน 2550    
Last Update : 25 มิถุนายน 2550 22:56:39 น.
Counter : 1303 Pageviews.  

- La Trilogie Nikopol - ไตรภาคนิโกโปล

La Trilogie Nikopol .... ไตรภาคนิโกโปล



ผู้เขียน : เอ็นกิ บิลัล
สนพ. : ฟรีฟอร์ม





เรื่องย่อ

ภาค ๑ - มหกรรมอมตะ - La foire aux immortels

     ปารีส ปี ค.ศ. 2023 ตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหาร มีการแบ่งเขตการปกครองออกเป็นสองเขต คือ เขตกลางเมืองของคนรวยกับเขตรอบนอกของคนจน

     วันหนึ่งมียานอวกาศรูปร่างประหลาดเหมือนปีรามิดลอยตระหง่านเหนือสถานีอวกาศประจำเมือง ผู้ที่อยู่ในยานมีลักษณะเหมือนเทพเจ้าต่างๆ ในตำนานอียิปต์สั่งให้ผู้ปกครองส่งน้ำมันจำนวนมหาสารให้ตน

     ในเวลาเดียวกัน ยานอวกาศจากปี ค.ศ. 1993 ลำหนึ่งหลุดเข้ามาในน่านฟ้ากรุงปารีส และถูกเครื่องบินทหารยิงตก ส่งผลให้ร่างแช่แข็งของอัลซิด นิโกโปล นักบินอวกาศในยานลำนั้นตกลงมาโดยยังคงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนตอนที่ออกจากโลกเมื่อสามสิบปีก่อน เมื่อฟื้นคืนสติ เขาเจอฮอรัส เทพเจ้าอียิปต์ที่มีความแค้นเคืองบรรดาเทพเจ้าองค์อื่นๆ และต้องการสิงร่างของนิโกโปลเพื่อปฏิบัติการแก้แค้นเผ่าพันธุ์ของตน


ภาค ๒ – หญิงกับดัก - La femme piège

     หลังเหตุการณ์ภาคแรกไม่นานนัก

     ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเพื่อนชายของตนเสียชีวิตในสงครามความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อย จิลล์ บิโอสโคป นักข่าวหญิงผู้มีผมสีฟ้ากับผิวสีขาวเผือดกินยาหวังฆ่าตัวตาย แต่รอดชีวิตมาได้และได้รับข้อเสนอให้เดินทางไปทำข่าวการกลับสู่พื้นโลกของยานอวกาศยูโรปา 1 ที่เบอร์ลิน

     ขณะเดียวกัน ฮอรัส เทพกบฏหลุดจากการกักขังให้ล่องลอยอยู่ในอวกาศโดยกลุ่มนักอวกาศไม่รู้ประสา และอาศัยร่างนักบินอวกาศกลับสู่พื้นโลกที่เบอร์ลิน ก่อนจะเข้าสิงร่างนักข่าวคนหนึ่งที่ติดตามข่าวนี้อยู่ ประจวบเหมาะที่นักข่าวคนนั้นมีนัดกับจิลล์ นิโกโปลซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของฮอรัสผ่านภาพในสมองจึงได้เห็นจิลล์และหลงรักเธอ เขาเดินทางตามฮอรัสจนถึงเบอร์ลิน ยื่นข้อเสนอให้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง แลกกับการพาไปพบกับหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีฟ้า


ภาค ๓ - เส้นศูนย์สูตรสะท้าน – Froid équateur

     อัลซิด นิโกโปล ผู้ลูก ติดตามหาบิดาของตนไปถึงแอฟริกา เขาพบกับผู้กำกับภาพยนตร์คนหนึ่งที่นิโกโปลผู้พ่อเคยเล่นภาพยนตร์คู่กับจิลล์ให้ แต่เล่นไม่ทันได้ปิดกล้องนิโกโปลผู้พ่อก็หนีหาย ทิ้งจิลล์ที่กำลังท้องไว้ และหลังจากนั้นไม่มีใครเห็นทั้งสองอีกเลย

     นิโกโปลผู้ลูกพบกับเยเลนา สาวสวยนักพันธุกรรมศาสตร์ที่กำลังจะไปเมืองเอควาเตอร์ซิตี้ เมืองหนาวยะเยือกกลางทวีฟแอฟริกา ซึ่งขณะนี้มียานปิรามิดลอยอยู่เหนือเมือง

      ในวันที่มีการแข่งขันชิงแชมป์โลกมวย-หมากรุก ที่เอควาเตอร์ซิตี้ ชะตาชีวิตของตัวละครทุกตัวก็ขมวดเข้าหากันและเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ...




เอ็นกิ บิลัล
      เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1951 ที่กรุงเบลเกรด ในยูโกสลาเวีย เอ็นกิ บิลัล ย้ายถิ่นฐานมายังกรุงปารีส เมื่อ ปี ค.ศ. 1960 หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ เขาพิมพ์ผลงานชิ้นแรกของตนในหนังสือพิมพ์ Pilote เมื่ออายุ 21 ปี ในปี ค.ศ. 1975 หนังสือรวมเล่มอัลบั้มแรกของเขาคือ « La Croisière des Oubliés »ออกวางแผง หลังจากนั้นเขาเริ่มทำงานเดี่ยว และอีกห้าปีต่อมาก็ออกผลงาน “ La Trilogie Nikopol” (ไตรภาค นิโกโปล) ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้อ่านและนักวิจารณ์ ในปี ค.ศ. 1987

      บิลัลได้รับรางวัลชนะเลิศจากเทศกาลอองกูเล็ม ปัจจุบันมีผลงานรวมทั้งสิ้น 20 เล่ม และเป็นหนึ่งในบรรดา นักเขียนการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในฝรั่งเศส นอกจากการวาดการ์ตูนแล้ว เอ็นกิ บิลัล ยังทำงานด้าน การออกแบบฉากภาพยนตร์ และเปิดนิทรรศการแสดงผลงานของตนในนครต่างๆ ทั่วโลก เอ็นกิ บิลัล ทุ่มเทให้กับงานศิลปะแขนงที่ 7 มานานนับสิบปี เขากำกับภาพยนตร์เรื่องยาวซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ คือ “พาเลส โฮเต็ล”, “โตเกียว มูน” ในปี ค.ศ. 1997 และ “Immortel” (อมตะ) ในปี ค.ศ. 2004





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 07 มิถุนายน 2550    
Last Update : 4 เมษายน 2552 20:58:15 น.
Counter : 1208 Pageviews.  

Ensemble C’est tout ... เพียงเรามีกัน แค่นั้นพอ

Ensemble C’est tout ... เพียงเรามีกัน แค่นั้นพอ


ผู้เขียน : Anna Gavalda
สนพ. : วงกลม สนพ.


คำโปรย ...

     ความสัมพันธ์ของคน 4 คนที่ไม่น่าจะลงตัวกันอย่างยิ่ง ร่องรอยในชีวิตเต็มไปด้วยความเศร้า เป็นรูโหว่และขาดหวิ่น แต่กลับเติมเต็มกันและกัน และช่วยประคับประคองความสมดุลเปราะบางนั่น กลายเป็นส่วนสมบูรณ์ที่สุดเมื่อพวกเขาได้อยู่ร่วมกัน...

     ทีมคนสิ้นหวัง 4 คนเมื่อมาอยู่รวมกัน กลับกลายเป็นดนตรีที่บรรเลงเพลงชีวิตอย่างสนุกสนาน ขบขัน เชือดเฉือน ตื้นตัน เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความหวัง ความรัก ความอ่อนโยน เป็นความต่างที่กลมกลืนและขาดกันไม่ได้...

     สิ่งที่ทำให้คนเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ คือ ความงี่เง่า ไม่ใช่ความแตกต่าง



ความเป็นมา...

     Ensemble c’est tout เป็นนวนิยายเรื่องยาวเล่มหนาล่าสุด (มี.ค 47) ของ Anna Gavalda นักเขียนผู้ได้รับการยอมรับในวงการหนังสือประเทศฝรั่งเศสว่าเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ผู้เขียนเรื่องราวได้ละมุนละไม ลึกซึ้ง เปี่ยมอารมณ์ขันชวนติดตามมากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน เจ้าของผลงานที่ฉันแปลมาก่อนหน้านี้สองเล่มคือ Je voudrais que quelqu’un m’attende quelque part หรือ “อยากให้ใครสักคนรอฉันอยู่ (ที่ไหนสักแห่ง)” (แพรว สนพ.) รวมเรื่องสั้นที่ขายดีเป็นประวัติการณ์ในประเทศฝรั่งเศสและได้รับรางวัลเรื่องสั้นยอดเยี่ยมประจำปี 2000 จาก Academie Française และ Je l’aimais (ฉันเคยรัก) (วงกลม สนพ.)

      คุณแอนแห่งแพรวสพน. เป็นคนเอาหนังสือเล่มนี้มาให้ฉันด้วยตนเองเชียวนะที่สมาคมฝรั่งเศส ตอนนั้นฉันยังขยันไปเรียนแปลกฎหมายที่นั่นอยู่ แต่พอทำเรื่องย่อส่งไปให้ ที่ประชุมของแพรวฯ บอกว่าเล่มหนาไป กลัวจะขายยาก ฉันเลยขอดึงเรื่องกลับแล้วเอาไปเสนอเจ๊นวล ณ วงกลม สนพ. เจ๊รับไปพิจารณาแล้วเปิดไฟเขียวให้ทำเลย

     หนังสือเล่มนี้ฉันแปลอยู่นานพอสมควรทีเดียว เพราะต้องหอบไปหอบมาระหว่างระยอง-ฮ่องกง ช่วงนั้นชีวิตผกผันต้องปรับตัว ปรับใจ ปรับเวลาหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำเสร็จจนได้

     Ensemble c’est tout ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้อ่านชาวฝรั่งเศส โดยยอดขายติดอันดับหนังสือขายดีต่อเนื่อง ทั้งยังได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์อย่างกว้างขวาง


     เรื่องราวเกิดขึ้นที่กรุงปารีส ค.ศ 2003 เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบดำเนินภายในช่วงเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่การพบเจอกันของตัวละคร การปรับตัวทำความรู้จัก การต้องมาอยู่ในบ้านเดียวกัน การไม่ลงรอยกัน การทุ่มเถียง การคืนดี ทุกเหตุการณ์สื่อให้เห็นความอ่อนโยน มิตรภาพ กับอื่นๆอีกมากมาย และลงท้ายด้วยความรักชนิดที่คนอ่านต้องเอาใจช่วย คอยลุ้นตัวละครซึ่งค่อยๆเข้ามาอยู่ในหัวใจจนกระทั่งจบเรื่อง

     การดำเนินเรื่องของกาวาลดากระชับ เก็บสารที่ต้องการสื่อและความรู้สึกของตัวละครผ่านบทบรรยายที่สลับมุมมองของตัวละครไปเรื่อยๆ และบางครั้งมี “เสียง” ของคนเขียนแทรกเข้ามาด้วย เมื่อคราวที่ตัวละครเริ่มสับสนและครุ่นคิด เป็นสีสันที่กาวาลดาสอดใส่ได้พอเหมาะไม่มากไม่น้อยเกินไป

     สิ่งโดดเด่นคือบทสนทนาซึ่งเล่นบทเด่นในหนังสือเล่มนี้ ทำให้คนอ่านติดตามความคิดของตัวละครได้อย่างสนุก โดยไม่ต้องอธิบายความมากมาย เป็นบทสนทนาในภาษาพูดค่อนข้างยอกย้อนแทรกนัยยะตามแบบฉบับที่กาวาลดาถนัด

     หนังสือหนาหกร้อยกว่าหน้าเล่มนี้เล่าเรื่องของคนในยุคปัจจุบันสี่คนซึ่งจับพลัดจับผลู แบบตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน ทั้งสี่คนมีภูมิหลังแตกต่างกันลิบลับและเป็นกลุ่มคนที่ไม่น่ามารู้จักกันได้เลย ประกอบด้วย ชายหนุ่มทายาทตระกูลขุนนางเก่าตกยาก หญิงสาวผู้เหนื่อยล้าต่อชีวิต หญิงชราหัวรั้นและหลานชายซึ่งเป็นเชฟหนุ่มผู้แข็งกร้าวติดจะดิบๆ โดยก่อนหน้าที่จะมาอยู่ร่วมกัน ชีวิตของแต่ละคนดำเนินไปในเมืองอันแสนเย็นชาและต่างคนต่างอยู่ ทั้งสี่ดิ้นรนต่อสู้จัดการกับปัญหาในชีวิตของตนเท่าที่จะทำได้

     และเมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้ว ต่างก็ค่อยๆเรียนรู้การให้และรับ มอบความไว้วางใจให้กันและกัน พึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือกันคลายปมปัญหาของแต่ละคนให้หลุดไปทีละเปลาะ


     ตอนนี้มีหนังชื่อเดียวกันที่ดัดแปลงจากหนังสือเรื่องนี้ออกมาฉาย เห็นว่าทำสถิติผู้เข้าชมแบบถล่มทลาย ฉันตั้งใจไว้ว่าจะต้องซื้อวีซีดีมาเก็บไว้ให้ได้


----------------------

อัพเดทล่าสุด : 10 กันยายน 2550

ตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่เมืองไทยแล้วค่ะ

ตัวฉันเองยังไม่ได้ดูเลย ตอนที่นั่งเครื่องกลับมาจากฝรั่งเศส บนเครื่องบินมีให้เลือกดู ฉันยังไม่กล้าเปิดดูเลย อยากเข้าไปดูในโรงให้เต็มตา หรือไม่ก็ซื้อดีวีดีมาดูที่บ้านสบายๆ แถมเบื้องหลังและฉากที่ตัดไปมากกว่า

ยังไม่ได้ดู ก็เลยออกความเห็นเกี่ยวกับหนังไม่ได้ ซึ่งที่จริงก็ทำใจไว้แล้วว่าเรื่องราวในหนังกับหนังสือย่อมแตกต่างกัน ควจะเปรียบเทียบไม่ได้

แม้แต่ อันนา กาวาลดา คนเขียนเอง ยังงดไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับหนังเลย ไม่ว่าด้านดีหรือด้านร้าย






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 13 เมษายน 2550    
Last Update : 11 กันยายน 2550 15:16:58 น.
Counter : 4164 Pageviews.  

La libellule de ses huit ans ... ปั้นศิลปอให้เป็นศิลปิน

La libellule de ses huit ans ... ปั้นศิลปอให้เป็นศิลปิน

ผู้เขียน : Martin Page
สนพ. : วงกลม สนพ.


คำโปรย ...

     ตอนอายุ 8 ขวบ ฟิโอตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตเยี่ยงแมลงปอตัวนั้น

     ตั้งแต่จำความได้ ฟิโอใช้ชีวิตแบบที่คนอื่นอาจต้องหลั่งน้ำตาให้ แต่เธอกลับไม่รู้สึกรันทด มีความสุขและดำเนินชีวิตตามรูปแบบของเธอ

     เมื่อต้องหาเงินส่งเสียตัวเองให้ได้เรียนเป็นผู้พิพากษา ฟิโอค้นพบอาชีพใหม่ นั่นคือ การเปิดโปงความลับ (ที่เธอเองไม่แน่ใจว่ารู้) ของพวกคนใหญ่ๆ โตๆ ขณะเดียวกันหนึ่งในคนใหญ่โตนั้นก็ค้นพบศิลปินในตัวฟิโอ

     ทั้งที่ฟิโอจำภาพเขียนของตัวเองได้เลาๆ เท่านั้น บรรดานักวิจารณ์แห่งโลกศิลปะพากันพร่ำเพ้อสรรเสริญภาพวาดของฟิโอ โดยที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้เคยเห็นภาพเหล่านั้นหรือยัง

     ... ความไม่ยินดียินร้ายกับชื่อเสียงของตัวเอง กลับกระพือให้ฟิโอดูเป็นศิลแนขนาดแท้ และเมื่อความจริงทุกอย่างถูกบิดเบี้ยว เธอจะอ้าแขนรับตำแหน่งศิลปินที่ยิ่งใหญ่ หรือผลักไสไล่ส่งมันดี



เพิ่มเติม...

     หลังจากจุดประกายสร้างความคึกคักในแวดวงวรรณกรรมและในหมู่นักวิจารณ์ชาวฝรั่งเศสมาแล้วกับ Comment Je suis devenu stupide” (ทำอย่างไรให้โง่) นักเขียนหนุ่มมาร์ติน ปาจ ออกหนังสือเล่มใหม่ล่าสุด La libellule de ses huit ans - ปั้นศิลปอให้เป็นศิลปิน

     หนังสือเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกศิลปะ การดำเนินเรื่องสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ”ฟิโอ” ตัวละครเอกเมื่อเธออายุยี่สิบสอง กับเรื่องราวอดีตสมัยเด็กของเธอ ซึ่งทำให้เราเข้าใจบุคลิก ทัศนคติ และเหตุผลในการตัดสินใจและปฎิกิริยาที่เธอมีต่อเหตุการณ์ที่โหมพัดสะพือเข้าหาเธอในฐานะศิลปินภาพเขียนดาวรุ่งดวงใหม่ที่เป็นที่จับตามองของคนในวงการศิลปะในกรุงปารีส

     ผู้เขียนพาเราเข้าไปเห็นมุมมองของผู้คนในวงการศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน นักวิจารณ์ นักหนังสือพิมพ์ นายหน้าซื้อขายภาพ นักประชาสัมพันธ์ ให้เราได้เห็น “ขั้ว” อันแตกต่างที่ต่อยตีกันอยู่ในวงการนี้ เขาปอก”เปลือก”คนพวกนั้นให้เราได้เห็นด้วยถ้อยคำที่ส่องความคิดเห็นที่สุดโต่งแต่แสนจะชัดเจนตรงใจ เราจะได้รู้ว่าการจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังร่ำรวยในยุคนี้นั้น ต้องมีปัจจัยอะไรและมีใครบ้างเป็นส่วนประกอบ


ความเป็นมา...

     หนังสือเล่มนี้ สนพ.Le dilettante ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ของหนังสือของ Martin Page ส่งมาให้พี่นวล ณ วงกลม สนพ. ดูตอนที่ขอลิขสิทธิ์เรื่องทำอย่างไรให้โง่ ฉันอ่านจบ ในใจไม่ได้กรี๊ดกร๊าดมากมายหรอก แต่ก็ทำเรื่องย่อส่งไปให้พี่นวลดู

     หลังจากทำงานเล่มอื่นๆ เสร็จเรียบร้อย พี่นวลก็ให้ไฟเขียวให้แปลเล่มนี้ได้เลย ตอนแรกติดต่อพี่ผู้กำกับที่รู้ภาษาฝรั่งเศสคนนึงมาช่วยอ่านตรวจความถูกต้อง แต่ทำไปทำมา พี่เขาไม่ว่างหรืออย่างไรไม่ทราบไม่ได้ทำให้เสร็จ

      หนังสือเล่มนี้แปลยาก มีการกล่าวอ้างถึงศิลปินและภาพวาดต่างๆ มากมาย คุณปาจคนเขียนเหน็บสังคมศิลปะฝรั่งเศสที่ฉันไม่แน่ใจว่าคนไทยทั่วไปอ่านแล้วจะรู้เรื่อง แต่พอออกมาแล้ว หลายคนชอบ ... ฉันก็ดีใจ

>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 22 มีนาคม 2550 21:50:05 น.
Counter : 912 Pageviews.  

1  2  3  4  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.