Salade : บันทึกนักสัมภาษณ์ไม่คาดฝัน

บันทึกนักสัมภาษณ์ไม่คาดฝัน


     เคยอ่านที่ไหนไม่รู้ว่าหนึ่งอาชีพในฝันของหนุ่มสาวไทยสมัยนี้คือการเป็นนักสัมภาษณ์

     ส่วนฉัน อยู่ๆ ก็ได้รับหน้าที่เป็นนักสัมภาษณ์โดยไม่ได้คาดฝัน


     เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปีที่แล้ว

     ฉันได้รับอีเมลจากกองบรรณาธิการฟรีฟอร์มว่าอ่านหนังสือที่ฉันแปลเรื่อง “ปั้นศิลปอให้เป็นศิลปิน” แล้วชอบใจ อยากจะติดต่อสัมภาษณ์คนเขียนมาลงนิตยสาร ตอนนั้นฉันมีโครงการคร่าวๆ ว่าจะไปฝรั่งเศสในเดือนกุมภาอยู่แล้ว เลยเสนอว่าแทนที่จะสัมภาษณ์แห้งๆ ผ่านอีเมล ฉันจะนัดสัมภาษณ์สดๆ นักเขียนคนนี้ที่ปารีสให้

     หลังจากนั้น ระหว่างที่นั่งรถทัวร์จากบ้านนอกเข้าเมืองกรุง ฉันเริ่มนึกฝันถึงเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ นิสัยจะทำอะไรไม่ว่า ขอแหวกแนวไว้ก่อนกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเกิดมีความคิดแว่บเข้ามาว่า น่าจะเป็นการสัมภาษณ์แบบสบายๆ ไหนๆ ก็อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงที่โน่นแล้ว ควรจะถือโอกาสเดินเล่นในสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ลองเสนอบ.ก. ไป ได้คำตอบว่าดีๆ จัดการได้เลย


     6 มกรา : กำหนดวันเดินทางไปฝรั่งเศสได้แน่นอนแล้ว หลังจากโอ้เอ้อืดอาด ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่สักพัก ฉันก็ลงมือเขียนอีเมลถึงสำนักพิมพ์ Le Dilettante ที่ฝรั่งเศส ขอให้ติดต่อ Matin Page คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ให้หน่อย

     บ่ายวันนั้นฉันได้อีเมลตอบกลับมาอย่างว่องไวทันใจว่าส่งต่ออีเมลให้นักเขียนหนุ่มแล้ว




     - 17 มกรา : ฉันได้รับอีเมลตอบตกลงจากนักเขียนคนโปรด บอกว่าคอนเสปต์การเดินเล่นสัมภาษณ์เข้าท่าดี และถามว่าจะนัดเจอกันวันไหน

     ฉันดีอกดีใจยกใหญ่ แต่พอหายตื่นเต้น ก็สำนึกได้ว่าภาพเพ้อๆ ในความคิดฝันกำลังจะเป็นความจริงให้ลงมือทำ ฉันเริ่มตื่นตระหนก โธ่... แค่นั่งพูดคุยธรรมดาๆ กับคนไทยในภาษาแม่ให้รู้เรื่องราบรื่น ฉันยังทำไม่ค่อยจะสำเร็จ แล้วนี่ต้องเดินสัมภาษณ์นักเขียนชาวฝรั่งเศส ดึงเนื้อหาสาระที่น่าสนใจออกมาตีพิมพ์ลงนิตยสาร... แย่แล้ว ฉันจะทำได้หรือเปล่าเนี่ย

     มองซ้ายมองขวา หันหน้าปรึกษาและสารภาพกับกอง บ.ก. ว่าฉันชักปอดๆ ไม่มั่นใจเลยว่าจะสัมภาษณ์สำเร็จ ได้คำแนะนำมาว่า ไม่มีอะไรยากหรอก เคล็ดลับการสัมภาษณ์ คือ ความต้องการทำความรู้จัก สนใจใคร่รู้คนที่เราจะสัมภาษณ์

     ฟังดูง่ายๆ เนอะ ใจเบาลงนิดนึง ... นิดเดียว

     บอกปนหลอกตัวเองว่า อย่าเพิ่งตื่นตูมไป เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองว่าจะทำยังไง





     - 23 มกรา : กำหนดวันนัดหมายเรียบร้อย ฉันถึงฝรั่งเศสวันอาทิตย์ที่ 10 เจอกันวันอังคารที่ 13 ก็แล้วกัน จะได้มีเวลาส่งส่งต้นฉบับก่อนปิดเล่ม

     หลังจากนั้น ฉันพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับนักเขียนคนนี้จากอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม เขาให้สัมภาษณ์นิตยสารฝรั่งเศสไว้หลายเล่ม โอ้โห... แม่เจ้าโวย ถามกันเก่งๆ ทั้งนั้นเลย คำถาม-คำตอบลึกซึ้งจริงจัง วิเคราะห์วรรณกรรมและสังคมกันยกใหญ่ หวาย... ท่าทางจะไม่ไหวนะคะ ฉันต้องเชิดหน้า ทำท่าเคร่งเรียด ปลอมตัวเป็นปัญญาชน ถามคำถามยากๆ แบบนั้นหรือ

     - 5 กุมภา : ในที่สุด ฉันก็ได้วีซ่าเข้าประเทศฝรั่งเศสอยู่ในมือ ถึงจะท่านกงสุลฝรั่งเศสประจำประเทศไทยจะให้เวลาคนไทยในโลกที่สามอย่างฉันเหยียบแผ่นดินพัฒนาแล้วของท่านแค่หนึ่งเดือน แทนที่จะเป็นสามเดือนตามสิทธิที่ขอไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ ฉันส่งอีเมลไปหามาร์แต็ง ปาจ ปั้นน้ำเสียงร่าเริงสอบถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า พร้อมกับยืนยันนัดสัมภาษณ์ ฉันมีตั๋วเครื่องบิน มีวีซ่า มีกระเป๋าเดินทาง มีกล้องถ่ายรูป มีเครื่องอัดเสียง (ดิจิตัลเชียวนะ) ... ฉันพร้อมแล้ว





     - 6 กุมภา : คุณนักเขียนตอบกลับมาว่า เขาสบายดีอย่างยิ่ง กำลังจะออกหนังสือเร็วๆ นี้สองเล่ม เล่มนึงเป็นบันทึกเกี่ยวกับฝน อีกเล่มเป็นหนังสือสำหรับเด็ก วงเล็บว่าเดี๋ยววันสัมภาษณ์จะเอามาให้ฉันด้วย (ใจดีจัง) เขาบอกว่าตัวเขาเองไม่เคยพร้อมเจอคนเลย เขารู้สึกหวาดหวั่นและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน แต่รู้สึกภูมิใจ ดีใจและตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเจอคนจากประเทศอื่นในทวีปอื่น ถึงที่สุดแล้วบางทีการเจอคนจากที่ไกลอาจจะง่ายกว่าการได้พบกับคนที่อยู่ใกล้ๆ ตกลงจะเจอกันกี่โมงดีครับ

     ตายแล้ว เผลอพลาดท่า ปล่อยไก่ ทำท่ามั่นใจมากเกินไปหรือเปล่าหนอเรา ฉันตอบแก้ตัวอ้อมแอ้มไปว่าที่จริงฉันเองก็รู้สึกกล้าๆ กลัว เหมือนเขานั่นแหล่ะ ที่ฉันบอกว่าพร้อมน่ะหมายถึง ฉันพร้อมเดินทางไปฝรั่งเศสแล้วต่างหาก เจอกันตอนบ่ายโมงครึ่งละกัน

     - 10 กุมภา : ฉันขึ้นเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิตอนเย็นๆ ไปต่อเครื่องที่สิงค์โปร์ เที่ยงคืนนั่งเครื่องบินอีกสิบสามชั่วโมงต่อมาถึงสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ของฝรั่งเศส เช้าวันที่ 11 กุมภา

     พอถึงที่พัก ฉันส่งอีเมลรายงานตัวว่าถึงปารีสแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าจะเจอกันที่ไหนดี





     - 11 กุมภา : เขาตอบมาว่า เจอกันแถวสถานีรถไฟใต้ดินแบลล์วิลล์ หน้าร้านอาหารจีนชื่อ Le Président ข้างๆ ร้านฟาสต์ฟูด Quick เขาจะถือหนังสืออยู่ในมือและใส่แว่นกันแดด ไม่ทราบว่าอยากกินมื้อกลางวันด้วยกันหรือเปล่าครับ ถ้ากินจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารเล็กๆ น่านั่งแถวๆ นั้น

     - 12 กุมภา : ตอบไป ... สถานี แบลวิลล์ ร้าน Le Président หนังสือ แว่นกันแดด จดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ กินมื้อกลางวันเหรอคะ ดีค่ะ กินค่ะๆ เอ่อ ร้านที่ว่าอยู่ถนนอะไร

     ตอบมา ... ไม่ได้เป็นถนน แต่เป็นคล้ายจัตุรัสครับ มีร้าน Quick ที่ตั้งเด่นและน่าเกลียดๆ อยู่ข้างๆ รับรองไม่พลาด ผมจะใส่เสื้อโค๊ตสีดำ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ

     - 13 กุมภา : ตื่นแต่เช้า วันนี้แล้วสินะ ยังไม่มีความอยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษโผล่ออกมาเลยแม้แต่น้อย ตลอดช่วงเช้า ทำใจสบายๆ พยายามไม่เครียด นั่งตั้งสติพยายามเขียนรายการคำถาม ได้มาสองสามข้อ คำถามพื้นๆ ทั้งนั้น เขาจะว่าฉันถามอะไรโง่ๆ ไร้สาระมั้ยล่ะเนี่ย

     เจอ บ.ก. ทางเอ็มเอสเอ็น บ.ก. แนะแนวทางว่าถามเรื่องชีวิตและหลักการทำงานสิ ตบท้ายด้วยการให้กำลังใจว่า ทำได้อยู่แล้วน่ะ


     เอาล่ะ... เป็นไงเป็นกัน


11.34 น. …. คลิกเพื่อติดตาม >>การสัมภาษณ์







Create Date : 15 เมษายน 2550
Last Update : 15 เมษายน 2550 17:11:43 น. 0 comments
Counter : 880 Pageviews.

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.