►► Stop dying and start living ◄◄


เขียนโดย: ต้นกล้า นัยนา
สำนักพิมพ์: มติชน
ราคา: 165 บาท


* ...จินตนาการนับเป็นของแพงและหายากพอ ๆ กับความสุข เพราะเงินมากแค่ไหน ก็หาซื้อไม่ได้และเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่มีใครแย่งเราไปได้
* ...การได้ทำอะไรด้วยตนเองบ้าง มันจะทำให้เราอยู่ติดกับความเป็นมนุษย์ และรู้สึกตัวว่าอยู่ติดโลกติดดินมากยิ่งขึ้น
* เราเลือกที่จะงดงามและแตกต่างได้ แต่ความงดงามที่แตกต่างของเรา มันจะมองเห็นและเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าเริ่มต้นและเอาจริงกับมัน
* รอยยิ้มของเราอาจจะทำให้วันนี้ของใครบางคนมีค่ามากยิ่งขึ้น...
* ...อยู่ใกล้และเรียนรู้จากคนที่แก่กว่า เขามองเห็นบางอย่างที่เราไม่เคยเห็น เข้าใกล้และให้เวลากับเด็กที่อ่อนวัยกว่า เขารู้จักและมองเห็นบางอย่างที่เราไม่เคยเปิดใจมองเห็น
* เรียนรู้และหาบทเรียนจากคนอื่นบ้าง เราไม่จำเป็นต้องเจ็บด้วยตัวเองเพื่อบทเรียนเสมอไป
* แค่ไม่ยึด (กับอะไร) ก็ไม่ติด (กับอะไร) แล้ว
* มีมุขบ้าง เล่นตลกบ้าง ยอมเป็นตัวตลกบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เพื่อให้ใครต่อใครหัวเราะ
* เมื่อบอกว่า "ไม่มีเวลา" ก็จะไม่มีเวลา เมื่อบอกว่า "ไม่ศรัทธา" ใจก็ไม่เปิด เมื่อไรที่หัวใจบอกว่า "ไม่" ต่อให้ทำดีแค่ไหน ใจหมอง ๆ ก็มองไม่เห็น

* "เข้าใจอดีต อยู่กับปัจจุบัน และพร้อมที่แตกต่างเพื่อวันข้างหน้า"
* จำไม่ได้ว่าเมื่อวานนี้เคยทำดีแค่ไหน ไม่อยากรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะดีกว่าอย่างไร แต่วันนี้ "วัน" ในกำมือต้องทำมันให้ดีที่สุด
* โลกของวันพรุ่งนี้ อยู่ในมือของคนที่กล้าเปลี่ยนแปลงในวันนี้
* แบ่งปันเรื่องดี ๆ อย่าให้มันหยุดไว้แค่เรา ส่งต่อเรื่องดี ๆ อย่าให้มันตายไปกับเรา
* ...หนังสือของนักอ่านจะไม่มีค่าเลย ถ้ามันไม่ถูกส่งต่อ...
* ในเวลาที่ชีวิตเจอแต่เรื่องแย่ ๆ เราต่างไม่ต้องการคนฉลาดไว้คอยปลอบใจ เราเพียงต้องการใครก็ได้สักคนที่พร้อมจะรับฟัง ไม่ต้องการคำแนะนำที่ดี ไม่ต้องการคนช่วยเหลือทางออกที่ดีที่สุด แค่ต้องการใครสักคนหนึ่งที่รับฟัง
* ...เขาจะเริ่มแหกกฏที่มีก็ต่อเมื่อเขารู้สึกไม่เห็นด้วยกับกฎที่เคยมี
* บางอย่าง บางเรื่อง และสำหรับบางคน แค่รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ก็สายไปเสียแล้ว
* Do Something For Nothing




Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 10:34:56 น.
Counter : 377 Pageviews.

0 comment
★☆ กลับด้านความคิด ★☆

เขียนโดย: กูก้อย/ กูก้อง
สำนักพิมพ์: ดอกหญ้า 2000
ราคา: 120 บาท


* ...หากเรียนที่จะมองจากมุมที่แตกต่าง จากแนวคิดที่เปิดกว้าง ประสบการณ์เดิมย่อมให้ที่ไม่เหมือนเดิมเสมอ...
* บางทีการเริ่มต้นทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันนั้นยาก...แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการยืนหยัดเพื่อที่จะทำต่อให้สำเร็จ สิ่งที่ยากกว่าคือการต้องเผชิญกับอุปสรรค สิ่งที่ยากกว่าคือการต่อสู้กับความท้อแท้ที่เข้ามาเยือนระหว่างทาง...ความสุข ความสำเร็จที่สร้างความอิ่มเอมตลอดการเดินทาง ความสำเร็จและความสุขที่แท้ไม่เคยจำกัดขอบเขตของมัน อยู่ที่ปลายทางเท่านั้น
* ...อย่าได้เผลอไปเอาหัวโขนของคุณไปเที่ยวสวมให้ใคร ๆ เพราะหัวโขนของคุณไม่มีทางสวมหัวใครได้เหมาะเจาะพอดี
* ...สนุกกับความทุกข์ที่ต้องเผชิญ มองความทุกข์ให้เป็นบทเรียน มองปัญหาอย่างท้าทาย มองทุกอย่างจากภาพมุมกว้าง และอย่าลืมเติมพลังให้ชีวิตด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มและมิตรภาพ
* ...คงไม่แปลกหากคนเราจะมีความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแตกต่างกัน
* ...เพราะทุกความคิดไมว่าจะแสดงออกด้วยการพูดหรือไม่ ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การกระทำ ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้ เพียงแต่คอยระวังว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น นำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าก็แล้วกัน
* ...บทเรียนชีวิตมีหลายราคา แต่คุณค่าของแต่ละบทเรียนที่มีความหมาย อาจเกิดจากการสะดุดตอไม้ในสวนหลังบ้าน หรือเหยียบกองขี้หมาหน้ามหาวิทยาลัยก็เป็นได้
* ...ค่าที่กำหนดด้วยนิยามที่คุณเลือก ค่าที่จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อคุณโตขึ้น ค่าที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเลย หากคุณไม่เรียนรู้ที่จะเติบโต
* สิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุดคือการถูกปฏิเสธจากคนอื่น
* ...คู่มืออะไร ๆ ก็ไม่มีทางสมบูรณ์ในตัวเอง หากคนพลิกคู่มือไม่เริ่มใช้ "มือคู่" ที่มีเสียที
* ...อย่าไปเสียดายสิ่งที่เราไม่ได้เลือก เพราะเมื่อเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งที่มากับการเลือกเสมอ คือต้นทุนเสียโอกาสที่จะได้ทำในสิ่งอื่น
* ...ยิ่งมีเหตุผลมากเท่าไร อารมณ์ก็ยิ่งสงบมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งใช้เหตุผลน้อยลงเท่าไร อารมณ์ก็จะพลุ่งพล่านมากเท่านั้น...
* ไม่มีใครทำร้ายใครได้ อย่าตัดพ้อว่าโดนรังแก เพราะเราจะถูกรังแก ก็ต่อเมื่อเรายอมเท่านั้น
* ...เรากำลังดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองพ้นภัย ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งติดบ่วงแน่นขึ้นทุกที
* ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จกับคนล้มเหลว ไม่ได้อยู่ที่คนประสบความสำเร็จไม่เคยผิดพลาด แต่อยู่ที่ คนล้มเหลวมักแก้ตัวและหาข้ออ้าง ส่วนที่ประสบความสำเร็จมักแก้ไขและปรับปรุง
* ยิ่งอยากครอบครองมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ก็ยิ่งจากเร็วมากขึ้นเท่านั้น...
* ...โลกส่วนตัวที่น่าพิศวงคือโลกส่วนตัวที่ได้คิด ได้ทบทวนความเปราะบางของตัวเอง โดยไม่มีใครมารบกวนความเป็นส่วนตัว เพื่อปลดปล่อยความคิด ชำระทัศนคติในทางลบ...
* ...ใครจะมองว่าเราโง่หรือเปล่า คงไม่สำคัญเท่า เราไม่โง่ในเรื่องเก่า ๆ อีกต่อไป



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 10:35:51 น.
Counter : 397 Pageviews.

0 comment
★☆ ~สูตรสำเร็จขั้นสุดยอด~ ★☆

แปลและเรียบเรียงโดย: ศิระ โอภาสพงษ์
สำนักพิมพ์: A.R. Business Press
ราคา: 299 บาท


* ทุกคนจะมีช่วงเวลาหวาดหวั่นกับการได้รับมอบหมายงานใดงานหนึ่ง อาจจะเป็นความรับผิดชอบใหม่หรือสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น แต่หลักสำคัญก็คืออย่าปล่อยให้ความกลัวนั้นรั่วไหลเข้าไปในพฤติกรรมและการทำงานของคุณอย่างไม่ตั้งใจเป็นอันขาด
* ...แรงผลักดันพื้นฐานทั้งหมดที่คนเรามีอยู่ได้แก่ แรงผลักดันต้องการเติบโตก้าวหน้าและความต้องการใช้ศักยภาพที่มียอู่อย่างเต็มที่
* คุณจำเป็นต้องหัดสังเกตความรู้สึกที่ว่าตัวเองยังดีไม่พอหรือตัวเองยังไม่ดีเท่ากับ... เวลาที่มันผุดขึ้นมาต้องหัดสังเกตความรู้ที่เป็นอยู่ มันเกิดขึ้นในสภาวะการณ์อย่างไร การสังเกตแบนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งสำหรับความเข้าใจลึกซึ้ง สามารถนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเองได้ เพราะเมื่อคุณตระหนักถึงภาวะความรู้สึกของตนเองมากขึ้น และอะไรที่เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกนั้นแล้ว โอกาสที่คุณจะเข้าใจและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งก็จะมีมากขึ้น

* ...ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรมันก็ยังดีกว่านั่งจับเจ่าไม่ยอมทำอะไรเลย พออายุถึง 100 ปีก็เอาแต่พูดว่า "ผมน่าจะทำ...แต่กลับไม่ได้ทำ"
*คนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิตว่าคนเราไม่ได้พบความก้าวหน้าในอาชีพการงาน
เพราะคุณงามความดีในตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
* มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่มีความสลับซับซ้อน มีเฉดสีเทาปะปนอยู่ในตัวเองมากมาย ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนจึงมักมีความคลาดเคลื่อนและมีเรื่องราวความละเอียดอ่อนลักษณะต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง..

* ...ความอดทนของบริษัทต่าง ๆ ที่มีต่อ "คนสติปัญญาเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง แต่ทำงานร่วมกันไม่ได้" กำลังมีน้อยลงไปทุกขณะ ปัจจุบันนี้ผู้บริหารส่วนใหญ่มักนำเอา "ต้นทุนของการบำรุงรักษา" บุคลากรที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ไปคิดรวมกับสมการการทำประโยชน์ให้ และได้ข้อสรุปว่า พวกเขาอยากได้คนที่ฉลาดน้อยลงหน่อยแต่เป็นบุคคลที่บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเอาไว้ต่ำมากจะดีกว่า
* ในโลกแห่งความเป็นจริง คุณต้องอดทน รู้จักประนีประนอม และยอมรับการเป็นฝ่ายแพ้บางเป็นบางครั้ง
* คุณต้องฝึกตัวเองให้รู้จักฟังโดยไม่ตัดสินความบ้าง
* ถ้าคุณขอไอเดียความคิดเห็นจากคนอื่นในลักษณะของการยอมรับ คนอื่นก็จะยอมรับไอเดียของคุณง่ายขึ้นมาก
* เมื่อใดก็ตามที่พบว่าตัวเองอยากจะ "ยืนหยัด" ต่อสู้เพื่ออะไรสักอย่างหนึ่งชนิดยึดมั่น ขอให้ก้าวถอยจากตัวเองและสถานการณ์นั้น แล้วใช้ "หลักการของคนที่มีเหตุผล" ในลักษณะต่าง ๆ ดูบ้าง

* ...พึงระลึกไว้ว่า ชีวิตคือการต่อสู้อย่างยาวนาน ถ้าคุณเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับการต่อสู้ย่อย ๆ ที่เกิดขึ้นทุกครั้ง โอกาสที่คุณจะอยู่รอดเพื่อไปสู้และชนะสงครามใหญ่คงมีน้อยมาก
* "-(U) ( (U)" ซึ่งป็นการจดโน้ตทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเตือนความจำของเราว่า "คนอื่นที่ไม่ใช่คุณ ไม่จำเป็นต้องเหมือนคุณ"
* ...รำลึกตลอดว่า "ให้คนคิดเหมือนคนทั่วไป"

* ..."สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ" หนึ่งในสิ่งที่ควรทำก็คือคอยวัดความรู้สึกของทีมงานอยู่บ่อย ๆ และให้มีใครบางคนทำตัวเป็นเครื่องวัดเพื่อให้แน่ใจว่าอ่านความรู้สึกของกลุ่มได้ถูกต้อง
* ...วัฒนธรรมองค์กรไม่สนับสนุนให้แสดงความเห็นขัดแย้งอย่างเปิดเผย..
* ...หลังจากเกิดความเสียหายครั้งใหญ่แล้ว ภาพที่เห็นกันก็คือการชี้นิ้วหาตัวคนผิด ต่างฝ่ายต่างโยความผิดให้กัน....ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่คุณชนะหรือแพ้ แต่อยู่ที่ว่าคุณกล่าวโทษโยนความผิดยังไงต่างหาก!

* ...ถ้าหากคุณเกิดเป็นม้าลาย คุณจะต้องทำหนึ่งในสองสิ่งต่อไปนี้ ข้อแรก จงแวดล้อมตัวเองด้วยสัตว์กินหญ้าชนิดอื่น ๆ ที่ะจไม่โจมตีจับคุณกินเป็นอาหาร ข้อสอง จะต้องเรียนรู้วิธีการทำตัวเหมือนสิงโตเมื่อจำเป็น คุณไม่จำเปนต้องกลายร่างเป็นสิงโตจริง ๆ ตราบใดที่คุณสามารถจะแสดงท่าเหมือนสิงโตได้เวลาจำเป็นขึ้นมา แต่ตอนนี้ถ้าม้าลายตัวหนึ่งพลัดหลงไปอยู่ในท่ามกลางฝูงสิงโต เวลาที่สิงโตเห็นคุณมันจะเริ่มคิดถึงอาหารกลางวัน แล้วคุณจะเป็นเมนูของมัน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะถูกเขมือบแบบนั้น เราก็ต้องออกแบบสูทตัวนอกที่มีรูปร่างแบบสิงโตให้คุณสวมใส่เมื่อถึงคราวจำเป็น สิงโตตัวอื่น ๆ จะได้หลงเชื่อว่าคุณเป็นพวกมันด้วย เป็นคนที่สมควรจะได้รับความนับถือและอย่ามาวอแวด้วย

* "ถ้าคุณปรารถนาสันติภาพ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณพร้อมจะต่อสู้ให้ได้มันมา"
* ...คนเปิดใจกว้างพร้อมรับแนวทางใหม่ ๆ เพื่อความท้าทายใหม่ ๆ เรียกได้ว่า เป็นคนมีความสามารถปรับตัวได้สูงมาก
* ...นักต่อต้านที่ดีที่สุดรู้ว่า สงครามไหนมีค่าคู่ควรแก่การต่อสู้ และรู้ว่ามีวิธีอื่นอะไรบ้างมั้ยที่จะทำให้งานนั้นเสร็จสิ้นได้ ถ้าหากการต่อต้านแข็งข้อไม่ใช่ทางออก
* ...อย่าปล่อยให้ความหยิ่งทะนองในความสามารถของตัวเองมีสูงกว่าความจริงที่เกิดขึ้น...

* ...การจะอดทนเฝ้ารอจนกว่าจะมีความรอบรู้ ทักษะความเชี่ยวชาญที่ถูกต้อง และรอจังหวะเหมาะเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นไปลงมือปฏิบัติจริง ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องทอดอาลัยปล่อยตัวกับชีวิตที่สิ้นหวัง หรือพอใจกับความสำเร็จแต่ธรรมดา แต่มันหมายความว่า .. ขอจงอดทนนะ..พัฒนาทักษะไปเรื่อย ๆ สร้างความก้าวหน้าให้อาชีพการงานจนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม คุณจะได้ตีลูกอย่างแม่นยำ โดยรู้ว่านั่นแหละถูกจังหวะ..ถูกสถานที่แล้ว..
* คุณสมบัติของผู้นำจำเป็นต้องมีก็คือ ความเต็มใจพร้อมเสี่ยง กล้าที่จะผิดพลาด และกล้ารับผิดชอบ ถ้าตัดสินใจพลาดขึ้นมา สิ่งเลวร้ายที่สุดที่คนเป็นผู้นำทำได้ก็คือ ไม่ตัดสินใจอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ เพราะเขากลัวว่า จะสร้างความผิดพลาดขึ้นมา คนเป็นผู้นำต้องไม่ใช่คนที่กลัว ไม่กล้ารับความเสี่ยง

* การมีกรอบแนวคิดกว้าง ๆ แบบเดิมที่ว่า "ถ้ามันยังไม่เสียหายก็อย่าเพิ่งไปซ่อมมัน" ล้าสมัยไปแล้ว กรอบความคิดใหม่น่าจะเป็น "ถ้ามันยังไม่เสียหายอะไรก็ควรจะทำลายมันเสียก่อนที่ใครคนอื่นจะมาทำ แล้วดูซิว่า เราสามารถทำประโยชน์อะไรจากมันได้บ้าง"
* ขอให้ต้อนรับแนวคิดใหม่หรือกรอบแนวคิดทางสังคมใหม่ทั้งหมดไว้ เพราะถ้าเคนเรามีทางเลือกละก็ พวกเราส่วนใหญ่ก็อยากจะอยู่กับสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยด้วยกันทั้งนั้น
* พฤติกรรมมนุษย์แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ การกระทำ วิธีคิดและความรู้สึก
* การทำงานอะไรก็แล้วแต่ต้องมีความมานะ ไม่ท้อถอยง่าย ๆ โดยหวังว่าแต่ละก้าวที่เราค่อย ๆ สะสม ในที่สุดแล้วจะนำพาเราไปสู่เป้าหมายได้เองหรือมิฉะนั้นก็เข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการมากพอ
* สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า "เส้นทางสู่นรกมักปูลาดด้วยเจตนาดี แต่คนประเภทปากไม่มีหูรูดก็มักจะช่วยโรยหินทำทางเสียเป็นส่วนใหญ่"

* การขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันง่าย ๆ จำเป็นต้องมีทั้ง "การย้อนทบทวนภายใน" กับ "การมองออกไปเบื้องนอก" ประกอบกัน
* วิสัยทัศน์ก็คือการมีสำนึกชัดเจนว่า ความกระตือรือร้นของเราอยู่ที่ไหน ว่าหน้าที่ใดที่จะทำให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวามากที่สุด ภาระกิจของการสร้างวิสัยทัศน์นี้จะดำเนินต่อเนื่องจนตลอดชีวิตของเรา
* "มนุษย์ทุกคนจะเห็นในสิ่งที่คุณดูเหมือนเป็น..แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นรู้ว่ จริง ๆ แล้วคุณเป็นอย่างไร"

* "ในที่ที่ความรักเป็นใหญ่ จะไม่มีความปรารถนาอำนาจ แต่ที่ใดก็ตามที่มีความปรารถนาอำนาจครอบงำ ที่นั่นปราศจากความรัก.."
* หลีกเลี่ยงการดึงดันหรือชักคะเย่อทางจิตวิทยากันไปมา เพราะการดึงดันเล่นชักคะเย่อกันไปมานั้น จะมีคนสองคนถือเชือกันคนละข้างดึงกันไปก็ดึงกันมา ต่างปักหลักซัดกันอยู่แบบนั้น ซึงไม่ช่วยให้ไปถึงไหน
* บางคนก็มีพฤติกรรมเหมือน "ปมความขัดแย้งไม่ได้รับการสะสางอย่างสมบูรณ์จนสะสมต่อมาถึงวัยผู้ใหญ่"



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 10:37:20 น.
Counter : 434 Pageviews.

0 comment
►► ~คู่มือ CEO MD GM BOSS ยุคใหม่~ ◄◄

ผู้เรียบเรียง: ธวัชชัย พืชผล
สำนักพิมพ์: บริัษัท แอล ที เพรส จำกัด
ราคา: 245 บาท


* วิธีหนึ่งในการทดสอบความเป็นผู้นำคือ ความสามารถเข้าใจปัญหา ก่อนที่ปัญหานั้นจะกลายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข
* ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนทำงานด้วยตัวเองทุกอย่าง คุณต้องมีคนช่วยงาน หรือที่เรียกว่าลูกน้อง ไม่ว่าคุณจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้ระลึกไว้ในในเสมอว่าพวกเขาคือทรัพยากรอันมีค่ายิ่ง เป็นมือเป็นเท้าของคุณ จะนำพาให้กิจการของคุณไปสู่จุดหมาย หรือล่มกลางคันก็ยังได้
* จงช่วยให้คนรอบข้างคุณชนะ เพราะในที่สุดผู้ชนะตัวจริงก็คือคุณนั่นแหละ
* จงหมั่นติดต่อสื่อสารกับพนักงานให้มากเข้าไว้ หลักการที่สำคัญที่สุดก็คือจงพูดให้น้อย และรับฟังให้มาก
* ...ต้องสร้างสรรค์ ต้องคิดสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดผลดีต่อตัวเองและองค์กร...
* แม้ว่าเราจะไม่สามารถย้อนเวลาไปเริ่มต้นใหม่ได้ แต่เราก็เริ่มต้นได้ ที่จะทำให้ผลลัทธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

*เคยมีการวิจัยออกมาว่า..มนุษย์นั้นจะปลาบปลื้มและดีใจกับคำชมเชยและเสียงปรบมือมากกว่า
รางวัลเป็นวัตถุที่เขาได้รับเสียอีก
* คนที่มีจิตใจสูงส่ง ย่อมเปรียบเทียบและประเมินคุณค่าของตนกับสิ่งที่สูงกว่าตน คนที่มีจิตใจต่ำช้าจะเปรียบเทียบและประเมินคุณค่าของตนกับสิ่งที่ต่ำต้อยกว่าตน และคนจิตใจสูงย่อมพบแรงบันดาลใจให้สร้างสรรค์ ส่วนคนจิตใจต่ำมักเห่อเหิมคิดว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่
* เราควรทำตัวให้มีความรื่นรมย์ ในช่วงที่รอคอยผลสำเร็จ มากกว่าจะไปรื่นรมย์ยินดีเมื่อความสำเร็จมาถึง เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการปรุงอาหาร เหตุผลแรกคือสิ่งที่เราทำอยู่ เป็นอาหารที่เราอยากทำ และข้อสองเราสามารถปรุงความสำเร็จนั้นด้วยตนเอง
* ลูกค้าไม่ได้พึ่งพาเราหรอก แต่เราต่างหากที่จะต้องพึ่งพาลูกค้า เราไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อพวกเขาด้วยการบริการ แต่พวกเขาต่างหากที่เอื้อประโยชน์ให้กับเราด้วยการให้โอกาสเราได้รับใช้
* จงอย่าให้อะไรกับลูกค้า น้อยไปกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของตัวคุณ

* มนุษย์ทุกผู้ทุกนาม "ยิ้ม" ในภาษาเดียวกัน
* รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าคุณนั้น แม้จะ "ฝืน" อยู่บ้าง มันก็ยังมีค่ามากกว่าการทำหน้านิ่วคิ้วขมวดหลายเท่านัก
* นิยามของความพึงพอใจของลูกค้านั้น จะบรรยายเป็นคำศัพท์ง่าย ๆ เพียงสองคำเท่านั้นเองคือ "อยากได้ต้องได้"
* Putting people first and paper second

* คุณจะให้เกียรติผู้อื่นได้ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวเท่านั้นเองคือการฟังเขาพูด
* ยิ่งคุณใจเย็นเท่าไร ก็จะยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
* การหัวเราะกับอุปสรรคเสียบ้าง อาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ แต่คนหัวเราะก็อาจจะดูดีขึ้นได้
* แต่เมื่อรอยยิ้มของเขาปรากฎขึ้น และเขาเล่าเรื่องขำ ๆ ให้เราฟัง เราก็จะรู้สึกว่าเรื่องยุ่ง ๆ ที่เขาต้องรับภาระนั้น มันไม่ยากเย็นเข็ญใจอย่างที่มันเป็นจริง ๆ
* ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหาลูกค้าได้ แต่สำหรับการเสียลูกค้าไปนั้น ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง
* ถ้าคุณจะช่วยคนอื่นแก้ปัญหาของเขา คุณต้องลืมปัญหาของคุณให้หมด
* การเงียบและฟังเท่านั้นที่จะทำให้ทราบได้ถึงแก่นแท้ของปัญหาว่าเกิดจากอะไร
* สิ่งที่ไม่น่าจะกระทำที่สุดก็คือการมองลูกค้าผู้ปัญหาว่า ตัวเขาคือปัญหาและพยายามกำจัดลูกค้าคนนี้ไปให้พ้น ๆ

* จงช่วยลูกค้าแก้ปัญหา แต่อย่าไปมองว่าลูกค้าคือตัวปัญหา
* ยิ่งลูกค้ามาหามากเท่าไร คุณก็ยิ่งเป็นคนสำคัญขึ้นมากเท่านั้น
* ความสามารถในการพูดว่า "NO" อย่างมีชั้นเชิงนี่แหละ ที่จะแสดงให้เห็นว่าในวิชาชีพการให้บริการนั้น คุณเป็นคนที่ "KNOW" กับงานแค่ไหน
* ด้วยกิริยามารยาทที่ดีนี่แหละที่จะเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นความท้าทาย
* อย่าไปให้ในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แต่ต้องให้ในสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
* ความเลื่อมใสคือทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ไม่สามารถเอามาขายแบบลดราคาหรือว่าทำลายลงได้
* เมื่อสินค้าดี บริการเยี่ยม ราคาก็เป็นเรื่องเล็ก
* โกรธไม่มีเหตุผล พูดโดยไร้ประโยชน์ เปลี่ยนแปลงโดยไร้ความก้าวหน้า สอบถามโดยไม่มีวัตถุประสงค์ การไว้วางใจคนแปลกหน้า เป็นศัตรูกับมิตรสหาย คือคุณสมบัติ 6 ประการของคนโง่

* บุคลิกลักษณะที่แข็งแกร่งที่สุดของอัจฉริยะคือการมีพลังอำนาจในการจุดไฟในตนเอง
* "หัวใจของผู้นำ" คือความเชื่อมั่นในตนเอง และรู้จักพากเพียรพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้นั่นเอง
* คำว่า "รู้จักตนเอง" ตีความหมายได้ว่าคุณต้องยอมรับตัวเองอย่างที่คุณเป็นจริงๆ โดยไม่เข้าข้างตัวเอง มีจุดเด่นจุดด้อยอะไรก็ต้องยอมรับมันทั้งหมด การรู้จักตัวเองและมีสติเตือนตนเองอยู่เสมอนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้
* ฝันให้ไกลเข้าไว้ เป้าหมายจะต้องยิ่งใหญ่พอที่จะเค้นเอาส่วนที่ดีที่สุดของคุณออกมาให้ปรากฎให้ได้
* ...ความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ "ไม่" นั้น อยู่ทีวิธีการเผชิญหน้ากับปัญหา คนเก่งชอบ "แก้" ปัญหา ส่วนคนขี้แพ้ชอบ "หนี" ปัญหา
* ความท้าทายของการแก้ปัญหาอยู่ที่การมองปัญหาในแง่ดี
* ...คุณอาจจะท้อถอยเป็นครั้งคราวเมื่อเจอเข้ากับอุปสรรค..ถอยออกมาก้าวหนึ่ง รวบรวมสติ รวบรวมทรัพยากรที่มีอยู่ในตัวคุณ คิดหาทางหนีทีไล่ให้ดี แล้วกระโจนเข้าไปใหม่ ถึงจะยังไปไม่ถึงที่สุด แต่ก็จะก้าวหน้า...

* คุณจะหวังความสำเร็จได้อย่างไร ถ้านั่งอยู่ข้าง ๆ สนาม ไม่ลงไปเล่นเอง
* "ราคาของความยิ่งใหญ่...ต้องจ่ายด้วยความรับผิดชอบ"
* ทีมจะทำงานสำเร็จได้ ทุกคนจะต้องทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
* "กลิ่นของความสำเร็จนั้นหอมหวานนัก และมันก็น่าชื่นใจ จนทำให้เราลืมความเหน็ดเหนื่อยได้เลย"
* "การค้นพบสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ นั้นที่แท้ก็คือ การมองทุกสิ่งด้วยสายตาเดียวกับคนทั่ว ๆ ไป แต่ต้องคิดให้แตกต่างจากคนทั่วไปเช่นกัน"
* หนึ่งในหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จคือการพยายามสร้างนิสัยในการทำดีกว่า
มาตรฐานที่เคยทำอยู่
* ผู้นำที่ดีนั้นจะต้องฝันเป็น และนำความฝันนั้นปฏิบัติให้เป็นจริงได้ด้วย
* คุณจะทำงานและดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จากการรู้จักเงียบ และฟังความคิดของผู้อื่น และวิเคราะห์อย่างมีสติ...เมื่อมีใครให้คำแนะนำอันเป็นประโยชน์ จงขอบคุณเขาเพราะคำแนะนำเหล่านี้แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยในทุก ๆ เรื่องก็ตาม แต่มันก็จะช่วยจุดประกายให้คุณแสดงศักยภาพออกมา
* อย่าไปสงสัยเลยว่า คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ฉลาดเฉลียวจะเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร ที่จริงแล้วมันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว

* "เคล็ดลับการทำงานเป็นทีมก็คือ แต่ละคนทำงานกันไม่มาก แต่จะทำงานหนักเมื่ออยู่เป็นทีม ในฐานะโค้ชฟุตบอล ผมไม่ต้องการคนเก่ง 11 คน แต่ต้องการทีมเก่ง ๆ จากคนทั้ง 11 คนมากกว่า"
* "คนขี้แพ้มองเห็นแต่พายุ คนชนะก็มักจะมองเห็นแต่สายรุ้ง"
* จงทำงานให้เหนือกว่ามาตรฐาน ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งมองได้ไกลมากขึ้นเท่านั้น
* ถ้าทำงานเพื่อเงินอย่างเดียวเท่านั้น คุณคงจะต้องพิจารณาแล้วล่ะ ยังมีสิ่งอื่นที่ท้าทายให้ลองให้เข้าไปค้นหาอีกมากมาย
* "ความสำเร็จมาสู่ทุกคน เมื่อเขาเพียงแต่ให้มากกว่ารับ"
* เคยคิดบ้างไหมว่า ตัวคุณนั้นคือคนเดียวในโลก ไม่มีใครเหมือนกับคุณอีกแล้ว ทำไมไม่หาทางสู่ความสำเร็จในแบบของคุณเองบ้าง
* รู้หรือไม่ว่าปัญหานี่แหละที่จะทำให้คุณแสดงศักยภาพ และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้มากที่สุด "คนชนะมักจะทำให้ก้อนหินที่ขวางหน้าเขา กลายเป็นบันไดเสมอ ๆ"

* "จงให้มากกว่าที่ถูกขอ แล้วสิ่งที่ตอบกลับมาจะมากกว่าที่คุณนึกฝันเอาไว้"
* "อย่าประมาทความเงียบในป่า เพราะในความเงียบนั้น ย่อมมีบางอย่างที่เคลื่อนไหวแฝงอยู่"
* ...เพชรก็คือเพชร จะอยู่ในตมหรือในห้างร้านมันก็คือเพชร...
* "เมื่อใดที่ไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ เราก็จะสูญเสียโอกาสไป"
* "ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนแล้ว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงที่หมายแล้ว"
* "จงอยู่ท่ามกลางคนที่แม้จะจำนวนไม่มากนัก แต่ก็เชื่อมั่นในความสามารถของคุณ"
* "ถ้าเมื่อใดที่ชีวิตของคุณสมบูรณ์แบบจนไร้ซึ้งอุปสรรคขวากหนาม เมื่อนั้นย่อมไม่มีความท้าทาย แล้วคุณจะไปหาชัยชนะได้จากที่ไหน"
* ความทุ่มเทในงานที่ทำอย่างสม่ำเสมอนั้นจะมีผลกระทบต่อคุณตลอดชีวิตการทำงานเลยทีเดียว
* "เมื่อรู้จักกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คุณก็จะได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างน่าประหลาดใจ"

* การให้เกียรติผู้อื่นง่ายนิดเดียว แค่ท่านฟังเขาพูดอย่างตั้งอกตั้งใจเท่านั้นเอง
* "เมื่อเอาความคิดมารวมกับความจริงจังที่จะทำให้ความคิดนั้นเป็นรูปธรรมขึ้น ผลที่ได้ย่อมดีอย่างไม่น่าเชื่อ"
* ปัจจุบันโลกเราหมุนไปเร็วมาก เทคโนโลยีก็ทันสมัยมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเขียนจดหมายด้วยปากกาและดินสอ เปลี่ยนมาเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์อย่างอีเมล์หรือแฟ็กซ์ ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนกับว่าเป็นวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่หรอก...เพราะว่ามันไม่ใช่มนุษย์
* ..ถ้ามีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือตัวเองหรืออะไรที่มันแสดงความเป็นตัวคุณส่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งได้ นี่อาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่แสดงให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่า เขาเป็นคนมีความสำคัญ
* "จงเอาอัตตาโยนทิ้งไปและอย่าพยายามเป็นดารา การเป็นผู้สร้างดารานัน ดีกว่าหลายเท่านั้น"

* ...เราถูกเสี้ยมสอนมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ว่าต้องทำเกรดให้ดีที่สุด จนบางครั้งก็ลืมที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนอื่นไป..
* "เมื่อใดที่คุณมองเห็นยอดเขาได้ เมื่อนั้นคุณก็จะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป"
* สาเหตุแห่งความล้มเหลวในการทำงานเป็นทีมบางครั้งเกิดจากความพยายามที่จะ "เอาชนะเพื่อนร่วมทีม" มากกว่าการเอาชนะ "พร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมทีม"
* "ทำงานเป็นทีม" มันอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ทุก ๆ คนมาร่วมกันทำงานสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันได้
* จะทำงานแค่พอใจอยู่ทำไมเล่า ในเมื่อคุณสามารถทำได้ถึงขั้น "ยอด" อยู่แล้ว

* "อุปสรรคคือโอกาส"
* "อย่าปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ของความสงสัยและไม่แน่ใจเติบโตขึ้นในใจของคุณ"
* "จงยึดมั่นในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ถ้าต้องการจะประสบความสำเร็จ"
* ...ไม่ว่าวันพรุ่งนี้หรืออนาคตข้างหน้าต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ตาม จงอย่าได้หวั่นไหว และจงกระทำสิ่งที่ทำอยู่ปัจจุบัน ในวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วคุณก็จะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณได้หว่านไปแล้วในวันนี้ได้ในวันข้างหน้า
* ...สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใหญ่ ๆ ได้เสมอ..
* "ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในทางธุรกิจหรืองานการใดก็ตาม จะต้องมีส่วนผสมนี้อยู่ในตัวของเขาคือ มีสายตามอันยาวไกลของเหยี่ยว และมีจิตใจกล้าแกร่งเหมือนสิงโต"
* จงอย่าตะหนี่ถี่เหนียวกับการชื่นชมผู้อื่นด้วยตัวของท่านเอง ถ้าหากเขาเป็นผู้เหมาะสมกับคำชื่นชมนั้น
* ในชีวิตของเรา มักจะพบกับความผิดหวังและผิดพลาดอยู่เสมอ สิ่งที่น่าเสียใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขสถานการณ์ในอดีตได้ เมื่อแก้อดีตไม่ได้ เราก็ต้องทำอนาคตให้ดี..อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นถูกไหม? วันพรุ่งนี้ก็คืออนาคตอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมล่ะ?
* "เส้นทางที่ปราศจากอุปสรรคขวากหนาม ย่อมปราศจากความสำเร็จด้วยเช่นกัน"

* บุคคลที่วางแผนในการทำงานย่อมประสบความสำเร็จ เพราะเขารู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร"
* ...การทำตนให้อยู่เหนืออุปสรรคได้นั้นจะทำให้คุณมีเวลาไปให้กับเป้าหมายมากขึ้น...
* "อย่าไปอยู่ท่ามกลางคนธรรมดา"...ถ้าคุณอยู่คนประเภทไหนนาน ๆ คุณก็จะเป็นแบบพวกที่คุณคลุกคลีอยู่ด้วยกนั่นแหละ
* "เมื่อผมได้ตัดสินใจแล้วว่าสิ่งที่จะทำ มีค่าควรแก่การเสียเวลา ผมก็จะมุ่งหน้าทำสิ่งนั้นไป ทดลองแล้วทดลองอีก จนกว่ามันจะสำเร็จ"

* "คนทั่ว ๆ ไปมักจะวางแผนการไปเที่ยวพักผ่อนไว้อย่างดีมากกว่าที่จะคิดวางแผนการทำงานเสียอีก คงจะเป็นเพราะว่าการหนีนั้นง่ายมากกว่าการสู้กระมัง"
* ...เมื่อเราต่างไม่มีใครทราบเลยว่าเราจะอยู่ในโลกกันอีกกี่วันกันแน่ ดังนั้นทำไมไม่มาช่วยกันทำวันที่เหลืออยู่ให้มีค่าด้วยการพูดให้คนอื่น ๆ เขารู้สึกดีขึ้นล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่คนเขารักอนาคตเขาทำกัน
* จงมีความยุติธรรมและปฏิบัติต่อคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
* "คนที่ทำให้โลกเคลื่อนไหวและดีขึ้น คือคนที่พยายามชมคนอื่น ให้กำลังใจคนอื่นมากกว่าจะตำหนิติเตียน"
* "การกระทำที่ดีสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ได้ และมีคุณค่ามากกว่าการกล่าวอ้างโดยไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก"
* "คุณค่าของทุกสิ่งที่ดีก็คือ การมีใครสักคนหนึ่งได้กระทำมันขึ้นมาให้เป็นความจริง"

* ...การทำความฝันให้เป็นจริงได้และสามารถนำพาประโยชน์มหาศาลมาให้กับมนุษยชาติได้นั้น คือรางวัลอันยิ่งใหญ่หลวงที่ประมาณค่าไม่ได้จริง ๆ
* "ช่วงเวลาอันมีความสุขที่สุดของข้าพเจ้าก็คือการได้สิ้นใจที่บ้าน ท่ามกลางความอบอุ่นที่คนในครอบครัวได้มอบให้"
* "สามีต้องหัดทำเป็นตาบอดเสียบ้าง และภรรยาเองก็ต้องทำเป็นหูหนวกในบางครั้ง แต่หลาย ๆ ครั้งที่ทั้งคู่จะต้องแกล้งโง่"
* ...ในเวลาที่ยากลำบากความอบอุ่นที่บ้านนั้นจะช่วยให้คุณค้นพบมุมมองใหม่ ๆ สำหรับชีวิตในวันนี้และความหวังในอนาคตที่จะต้องเผชิญต่อไป
* การรู้จักมองข้ามความผิดพลาดของคนอื่นเขาเสียบ้าง นับว่าเป็นวิธีการดำเนินชีวิตที่ฉลาดทีเดียว
* แม้ว่าเครื่องจักร..จะให้ได้ในด้านของผลผลิตที่มากขึ้น ใช้เวลาน้อยลง และมีความถูกต้องมากกว่าการใช้แรงงานของมนุษย์ แต่สิ่งที่เครื่องจักร..ไม่สามารถให้ได้ก็คือความเป็นเพื่อน มันไม่สามารถให้กำลังใจคุณได้เมื่อลำบาก และมันจะไม่ฟังคุณด้วยเมื่อคุณมีเรื่องคับข้องหมองใจทับถมอยู่

* ..ไม่ว่าไมโครชิฟจะทำงานได้เร็วและถูกต้องมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ยังไม่สามารถแทนที่ความสามารถอันหลากหลายของมนุษย์ได้ ...มันไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์อย่างมิตรภาพ และไม่สามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อกันและกันเหมือนกับมนุษย์ได้
* จงชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น
* "ถ้าจะให้บอกว่าสิ่งใดที่ทำให้ชีวิตของเรามีค่า ก็ต้องบอกว่าคนที่เรารักนั่นแหละที่ทำให้เป็นดังนั้น การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุก ๆ คนจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะมีเพศหรือวัยใดก็ตาม"
* ...แม้ว่าเราอาจจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องได แต่เราก็สามารถทำสิ่งที่เหลืออยู่ให้จบลงอย่างสวยงามได้เหมือนกันทั้งนั้น
* "วันพรุ่งนี้คือวันแรกของส่วนที่เหลืออยู่ในชีวิตคุณ จงใช้ประโยชน์จากมันให้มากที่สุด"

* ภรรยาที่ดีคือของขวัญอันล้ำค่าจากสวรรค์ที่มอบให้กับผู้ชาย เพราะเธอเปรียบเสมือนอัญมณีแห่งความดีงามทั้งปวง เสียงของเธอก็ไพเราะอ่อนหวาน รอยยิ้มช่วยจุดโลกให้สว่าง รอยจุมพิตดุจผู้พิทักษ์ความบริสุทธิ์ วงแขนให้ความอบอุ่นปลอดภัย ความขยันหมั่นเพียรสร้างความมั่งคั่ง เป็นที่ปรึกษาผู้ซื่อสัตย์ และจิตใจอ่อนโยนที่สุดใสความห่วงใย
* ความฉลาดที่แท้คือการรู้สิ่งที่ควรรู้ นับว่าเป็นความรู้ที่มีคุณค่าที่สุด และคนฉลาดก็รู้ว่าควรจะทำอะไรก็นับว่าเป็นการกระทำที่มีค่าที่สุด
* ...การจะประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการกับความล้มเหลวเหล่านั้นอย่างไรต่างหาก



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 10:47:42 น.
Counter : 841 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  

arete
Location :
สมุทรสาคร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ความเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่เรารู้จัก เราไม่จำเป็นต้องเป็นใครที่เราไม่รู้จัก...เพื่อใครบางคน
All Blog