โดย : เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล
สำนักพิมพ์ : ปลายดาว
ราคา : 160 บาทเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2551 ไปเดิน B2S ใน Big C เจอหนังสือหลายเล่ม กะจะซื้อกลับมา 3 เล่ม แต่พอเปิดดูกะตังในกะเป๋า มีอยู่ 300 กว่าบาท เลยต้องวาง แล้วก็เลือกได้มา 1 เล่มๆ นี้ดูเข้าท่าหน่อย ให้ข้อคิดดีๆ อ่านแล้วก็โดนใจ สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ ถือว่าเรามาแบ่งปันความคิดและความรู้สึกดีๆ ร่วมกันนะจ๊ะ
หากเรามีความตั้งใจจริงที่จะมองสิ่งๆ หนึ่งให้กลายเป็นสิ่งที่ดี เราก็จะสามารถเห็นด้านดีของมันได้เสมอ ไม่ว่าสิ่งๆ นั้นมันจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม
ถ้าเรารู้จักที่จะคิดและมองโลกอย่างเข้าใจ ในแบบที่มันเป็น ทุกๆ วันของชีวิตเราก็จะเป็นวันที่ดีได้เสมอ
เรื่องทุกเรื่อง...จะดูเป็นเรื่องดี หรือร้ายแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่ที่เราจะมองให้มันเป็นอย่างไร
ถึงแม้ทุกอย่างที่เราคิด...มันจะดูเหมือนเป็นแค่การปลอบใจตัวเอง แต่อย่างน้อย...มันก็ยังดีกว่าการหาทุกข์เพิ่มให้ตัวเองไม่ใช่หรือ
ถ้าไม่อยากให้ชีวิตเรา...ต้องเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาด ก็จงปล่อยให้ความรู้สึกที่ไร้สาระทั้งหลาย มันเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปตามวิถีของมัน
หากพบว่าทางข้างหน้ายังไมหน้าเดิน...เราจะหยุดเดินบ้างก็ได้ ไม่จำเป็นที่ชีวิตของเรา...จะต้องเดินก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลาหรอก
ความสำเร็จไม่ได้วัดจากการที่เราได้ทำทุกอย่าง แต่มันวัดจากการที่เราทำอะไรสักอย่าง...แล้วได้เรื่องต่างหาก
ไม่ต้องกลัวหรอกว่าวันร้ายๆ จะอยู่กับเรานาน ตราบใดที่โลกยังหมุนอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาก็ต้องผ่านไปทั้งนั้น
อย่าเสียใจไปเลย...กับการที่ต้องเสียน้ำตาในวันนี้ คิดเสียว่ามันเป็นบททดสอบอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้เรารู้ว่า...แท้จริงแล้วเราเข้มแข็งแค่ไหน
จะเป็นไรไป...หากชีวิตเราจะมีวันร้ายมากหน่อย วันดีน้อยหน่อย ดีเสียอีกที่เป็นอย่างนี้...เราจะได้เรียนรู้คำว่า "ชีวิต" ได้อย่างเต็มที่ ให้คุ้มกับที่ได้เกิดมาเป็นคน
คนแต่ละคนในโลกนี้...ล้วนต่างความคิด ต่างที่มา แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนๆ กันก็คือ...การได้มีใครสักคนคอยเข้าใจ เมื่อทุกคนต่างมีความต้องการเหมือนกัน และต่างเลือกจะทำหน้าที่เป็นผู้รอคอยที่จะได้รับความเข้าใจเหมือนกัน ทุกคนจึงเหงา...จึงอ่อนไหวและมีกำลังใจน้อยเกินไปที่แบ่งปันไปให้คนอื่น
คนที่ไม่รู้จักพอ...ย่อมไม่มีวันได้รู้จักความสุข แม้ว่าตัวเองจะมีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ก็จะยังทุกข์ไม่เลิก
ไม่สำคัญหรอกว่า...วันสุดท้ายของลมหายใจเราจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่สำคัญก็คือตอนที่เรายังหายใจ เราได้ทำทุกอย่างที่เราอยากทำแล้วหรือยัง
แทนที่จะมานั่งนึกเสียดายเวลาในอดีต สู้มาคิดถึงอนาคตที่กว่า...ว่าจะทำอะไรดีกับเวลาที่ยังเหลือ
ถึงเคยทำพลาด..แต่ก็ดีกว่าไม่เคยทำอะไรเลย อย่างน้อยคนที่เคยผิดพลาดอย่างเรา วันนี้ได้กลายเป็นคนใหม่ที่ฉลาดและเข้มแข็งขึ้นแล้ว
จะแคร์ทำไมกับคำพูดของคนอื่นในเมื่อเรารู้ว่าเราไม่ใช่อย่างที่เขาพูด ก็ถือว่าเราไม่รับมันไว้ก็แล้วกัน
...มันจะจำเป็นตรงไหนที่เราจะต้องไปคอยสนใจกับคำพูดที่เขาพูดออกมาเรื่อยเปื่อย ซึ่งเราก็รู้ว่า...เขาไม่ได้พูดออกมาด้วยสมอง แต่แค่พูดออกมาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีความสุข ตามประสาคนมีปัญหาทางจิตใจที่มันรู้สึกดีเมื่อได้ทำร้าย...ทำลายคนอื่นที่ดีกว่าตัวเอง
คนที่ไม่คิดจะเข้าใจเรา ก็จะไม่มีวันเข้าใจเราได้ เมื่อเขาไม่ได้คิดอยากรู้จักเราจากตัวตนแท้จริงที่เราเป็น แต่เขากลับชอบที่จะสรรสร้างจินตนาการถึงตัวเราในแบบที่เลวร้ายมากกว่า ก็ปล่อยให้เขามีความสุขกับสิ่งที่เขาอยากทำไป ส่วนเราก็ยังคงมีความสุขของเรา ในฐานะคนที่รู้จักตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ
เคยคิดไหม...ว่าความเหงานั้นก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่อยากจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเราเหมือนกัน ที่มันเดินทางมาหาเราก็เพราะว่ามันอยากให้เราลองใช้เวลากับมันดูบ้าง เผื่อว่าจิตใจที่เคยสับสนวุ่นวายของเราจะได้มีโอกาสอยู่ลำพังอย่างสงบเงียบ เพื่อคิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆ และทำความเข้าใจกับตัวเองให้มากขึ้น
ต่อให้เราออกไปดิ้นรนเสาะหาคนสักร้อยคนมาอยู่เป็นเพื่อน ใจเราก็ยังคงเหงาอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะความเหงามันทำร้ายเราหรอก แต่เป็นเพราะเราไม่เข้าใจเอง...ว่าใจเราต้องการอะไร
...ความเหงา...เพียงต้องการให้เราลองฝึกที่จะอยู่กับตัวเอง เพราะถ้าเราอยู่กับตัวเองไม่ได้ จะอยู่กับใครก็ไม่มีความสุข
ทุกอย่างล้วนโคจรเข้ามาอยู่ในชีวิตของเราตามวิถีของมันซึ่งสวรรค์เป็นผู้กำหนด และเรา...อาจมีหน้าที่เพียงแค่ได้เป็นผู้ดูแลมันในช่วงเวลาหนึ่งหรืออาจได้มีความสุขกับมันตามสมควร และหลังจากนั้น...เมื่อถึงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิด เราก็ต้องยินยอมพร้อมรับ...อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ชีวิต...ไม่ได้น่ากลัว แต่เราต่างหาก...ที่กลัวการใช้ชีวิต
วันคืนอันสวยงามที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คงไม่มีวันย้อนคืนกลับมาได้อีก แต่วันคืนที่ยังเหลือต่อไปจากนี้ ยังคงเฝ้ารอให้เราแต่งแต้ม เติมสีสันที่งดงามให้กับมัน ลบลืมความเจ็บช้ำให้หมดสิ้นไปจากใจ แล้วมีความสุขกับการได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้งเถอะ
เมื่อต้องอยู่คนเดียว...อีกครั้ง ก็จงอยู่ให้ได้...อย่างมีความสุขที่สุด
ร่างกายก็เหมือนเครื่องจักร เมื่อเหนื่อยก็ต้องพัก...ถ้าไม่พักมันก็รวน
...เมื่อวันที่ได้ไปยืนอยู่ตรงเส้นชัยแล้ว เราจะยังมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงพอให้ได้เดินกินลมชมวิวบนเส้นทางชีวิตที่ยาวไกลนี้ต่อไปหรือเปล่า หรือว่าพอถึงเส้นชัยแล้วเราก็ต้องล้มลงคุกเข่ากองกับพื้นอย่างคนไม่มีเรี่ยวแรง แม้จะก้าวเดินต่อไปอีกเพียงก้าวเดียว
...ถ้าถึงเส้นชัยแล้ว...ชีวิตต้องจบ สู้ไม่ถึงเส้นชัย...แต่ยังคงมีชีวิตที่มีความสุข...มันยังจะดีเสียกว่า
บางทีความสุขของชีวิตในแบบที่เราคาดหวัง อาจก้าวเดินอยู่เคียงข้างเราทุกขณะ
เพียงแค่เราชะลอการก้าวเดินให้ช้าลงแล้วค่อยๆ ละเลียดไปกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของวันแต่ละวัน มันก็อาจเพียงพอแล้ว...สำหรับคำว่า “ชีวิตที่ดี”
ช้าหรือเร็ว...เดี๋ยวเราก็ต้องลุกขึ้นมาเดินต่อ แล้วทำไมไม่รวบรวมแรงพลังลุกขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้ล่ะ ที่ผ่านมาเคยเจออะไร ก็ช่างอดีตมัน วันข้างหน้าจะเจออะไร ก็ช่างอนาคต สำคัญก็คือตอนนี้ นาทีนี้ เราทำอะไรอยู่...เดินหรือว่าล้ม...สู้หรือว่าแพ้
คำพูดวิเคราะห์ วิจารณ์จากคนอื่นอาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ หากรู้จักที่จะเลือกรับฟัง แต่หากว่าถ้อยคำบางถ้อยคำจากใครบางคน ทำให้เราต้องรู้สึกแย่กับตัวเองและสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป ก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปทนนั่งรับฟังหรือเชื่อในการตัดสินของเขา เพราะคนแต่ละคนมีความคิดและมุมมองที่ต่างกัน ในขณะนี้ที่ใครบางคนมองว่าเราไร้ค่า อาจมีใครอีกหลายๆ คนที่กลับมองว่า...เรามีค่าเหลือเกิน
บางที...การได้เห็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง นั่นอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก็อาจเพียงพอแล้ว...สำหรับชีวิตง่ายๆ ของเรา
จงใช้ชีวิตให้เหมือนกับเล่นเกม...ที่แม้ต้องต่อสู้กับศัตรูอยู่ตลอดเวลา เราก็ยังยิ้มได้...สนุกได้
การแบกรับปัญหาไว้อย่างมีความทุกข์ กับการแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข อย่างไหนจะดีกว่ากัน
โกรธไป...ก็เปลืองใจ แก้แค้นไป...ก็เปลืองเวลา ให้อภัยเสียดีกว่า...เพื่อตัวเราเอง
เหมือนกับชายทะเลแห่งหนึ่งที่แสนว่างเปล่า เงียบงัน แต่มันคือที่แห่งเดียว...ที่เราจะรู้สึกสุขเมื่อได้ไปยืน
...ไม่จำเป็นหรอก ที่เราจะต้องเป็นใครที่สำคัญเพราะการที่เราได้อยู่อย่างมีความสุข...บนเส้นทางชีวิตของเราเองมันก็เพียงพอแล้ว
ทุกความหวัง ทุกความอยาก ล้วนทำให้เราทุกข์ สาเหตุที่เราทุกข์ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเรามีไม่พอ แต่เป็นเพราะเราไม่เคยรู้ว่า...ความสุขของชีวิตที่จริงแล้วมันอยู่ตรงไหน
ถ้าเราแค่วางดินสอลง แค่หยุดลากเส้น ภาพมันก็เสร็จแล้ว ส่วนมันจะสวย...หรือไม่สวย ก็ขึ้นอยู่ที่เราจะมองให้มันเป็นอย่างไร...แต่หากเรายังวาดต่อไปอีก ไม่แน่...ภาพชีวิตภาพนี้ อาจไม่สวยเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้
ถ้าเรากลัวที่จะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายเราอาจไม่ทำ ถ้าเรากลัวที่จะต้องพบเจอปัญหา เราอาจไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย ถ้าเรากลัวที่จะต้องเจ็บกับบางสิ่ง เราอาจไม่มีแม้แต่โอกาสได้สัมผัสความสุขจากสิ่งนั้น
หากวันนี้ชีวิตกำลังพบกับมรสุม จงยืนหยัดต่อสู้และเฝ้าดูความเป็นไปของมันอย่างเข้มแข็งเถอะ ไม่ช้า...เดี๋ยวมันก็จะสงบลงเองและจะเหลือทิ้งไว้แค่ตัวเรา...กับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม
...วันนี้และพรุ่งนี้ต่างหาก...คือสิ่งสำคัญที่เราควรนึกถึง ว่าจะทำอย่างไร...ไม่ให้มันต้องกลายเป็นเรื่องน่าเสียดายอีก
ไม่มีคำว่า...สายเกินไป...สำหรับชีวิต หากเรายังคงคิดจะเริ่มใหม่...อะไรก็ไม่สาย
ชีวิต...มีไว้ให้เรียนรู้ ยิ่งเรียนรู้มาก...เราจะยิ่งช่ำชองมาก
...ถึงแม้ไม่มีใครอยู่เคียงข้าง คอยปลอบ คอยให้กำลังใจ แต่เราก็ยังมีตัวเราที่ให้กำลังใจตัวเองได้เสมอ และทุกครั้งไป...เข้มแข็งเสียที แล้วจะรู้ว่าโลกใบนี้...ไม่ได้โหดร้ายเลย