Group Blog
 
All blogs
 
คำถามของคุณยาเขียว



มีคำถามไปหย่อนทิ้งไว้ในบล็อคคำถาม 2 ข้อ ขอตอบทีละข้อดังนี้ครับ

เห็นคุณaston27ชอบคุยเรื่องหนังออกแนวธรรมะ เลยอยากถามเรื่องฮอตฮิตตอนนี้ค่ะว่า คุณเห็นด้วยมั๊ยกับการบัญญัติศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะอะไรคะ โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธยังไม่รู้จักการรักษาศีล 5 วัดในชุมชนยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ก็ยังไม่ควรบัญญัติเพื่อให้เกิดความแตกแยกค่ะ แล้วจะคอยอ่านในบลอคนะคะ ขอบคุณค่ะ

ครั้งนึงผมเคยไปงานเปิดตัวหนังสือของนักเขียนที่ผมนับถือท่านนึง
ตอนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานถามคำถาม มีคนถามเจ้าของงานว่า ..

คิดยังไงกับความวุ่นวายในบ้านเมือง (ขณะนั้น) แล้วเจ้าของงานเห็นด้วยกะข้างไหน ฝ่ายที่เชียร์ทักษิณ หรือไล่ทักษิณ

เจ้าของงานท่านตอบใจความประมาณว่า.. ผมมีความคิดเห็นในใจ แต่ไม่ขอพูด เพราะเชื่อว่าคนในที่นี้ มีทั้งสองกลุ่มปนกัน

ไม่ว่าจะพูดว่าเชียร์หรือไล่ทักษิณ ก็จะมีทั้งคนที่ชอบใจ และไม่ชอบใจ เพราะเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พูดไปแล้วจะเป็นเวรกรรมต่อคนฟังจำนวนมาก ดังนั้นจะไม่ขอพูด..

วันนี้ ผมขอก็อปคำตอบท่านมาก็แล้วกันนะครับ

เพราะบอกตามตรง ผมยังไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง ของฝ่ายที่เรียกร้อง เลยไม่อยากเข้าไปข้องแวะกับกระแสความคิดของคนจำนวนมาก แบบไม่รู้จริง

ผมจะค่อนข้างระมัดระวัง เรื่องการแสดงความเห็นทางการเมือง โดยที่ไม่รู้ลึก รู้จริง หรือคิดว่ารู้เพียงเพราะเขาพูดสืบๆกันมา หรือรู้ทั้งที่เรารู้ว่า เรามีอคติไม่ว่าจะทางบวก หรือลบ ต่อคนที่พูด หรือถูกพูดถึง

ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ คุณนิวัติ กองเพียรแล้วชอบใจประโยคนึง
คือคุณนิวัติ ไม่ใช่เป็นเกจิ เรื่องนู้ดอย่างเดียว แต่แกเป็นเกจิในเรื่องประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมด้วย

คนถาม ถามแกเรื่องประวัติศาสตร์ถามคำถามยากๆ ประเภท ตกลงพ่อขุนรามฯ ประดิษฐ์อักษรไทยจริงหรือเปล่า ฯลฯ

แกตอบว่า.. ประวัติศาสตร์มันไม่ใช่เรื่อง จริง หรือไม่จริง เพราะไม่มีใครเกิดทัน ไม่มีใครรู้จริงว่า มันจริงหรือไม่จริง

แต่มันเป็นเรื่องของการเรียนด้วยคำถามว่า .. "มึงรู้ได้ไง"

ไอ้คนที่บอกว่าจริงน่ะ.. คุณรู้ได้ไง..
ไอ้คนที่บอกว่า ไม่จริงน่ะ.. คุณรู้ได้ไง

ดังนั้น พอเป็นเรื่องที่ผมก็ไม่รู้อะไรมากกว่าที่เขา FWD mail กันมา โดยที่ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง
หรือที่หนังสือพิมพ์ลง โดยที่เราก็ไม่รู้ว่า นักข่าวนั่งเทียนเอาหรือรู้จริง

แบบนั้น ..ผมว่าผมไม่ควรพูดนะ

วันนี้ก็มีข่าวทหารหญิงอเมริกันคนนึงที่รอดตายจากการถูกโจมตีในอิรัก

รัฐบาลบุชออกข่าวซะสวยหรู ดูฮีโร่มากๆ ว่าเธอสู้ท่ามกลางวงล้อมข้าศึก อย่างกล้าหาญเหมือนในหนังแรมโบ้น่ะ

แต่ตอนนี้เธอเริ่มแข็งแรงแล้ว เลยเริ่มออกพูดในสื่อ รวมถึงในสภาคองเกรสว่า

"I am no Rambo.." ฉันไม่ใช่แรมโบ้ย่ะ ฉันก็แค่นั่งไปในรถที่โดนระเบิด แล้วฉันก็บาดเจ็บ แล้วก็โดนกักตัวทึ่โรงพยาบาล

ไม่ได้ยิงปืนสักนัด เพราะกระสุนมันขัดลำกล้อง

หน้าม้านกันไปเป็นแถบล่ะงานนี้

อีกคำถามนะคะ คุณaston เคยบวชมั้ยหรือว่าเคยไปปฏิบัติธรรมเฉยๆ ถ้าเคยบวชทำไมถึงสึกล่ะคะ อยากรู้จังค่ะ

ผมไม่เคยบวชแบบห่มผ้าเหลืองเลยครับ แต่เคยนึกอยากบวชไหม เคยครับ อยากบวชเป็นพักๆ ตอนนี้ก็ยังอยากบวชอยู่แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป

แต่ตอนนี้ ผมเชื่อว่าผมเป็นคนอยู่โลกไหนก็ได้ หมายถึงว่า ถ้าไม่ได้บวชก็อยู่เป็นฆราวาสที่ปฏิบัติธรรมได้

ส่วนถ้าบวช ตอนนี้กลับไม่ค่อยมั่นใจว่า เห็นหน้าสีกาหมวยๆ ขาวๆ ผมยาวตรง แบบคิมแตฮี จอนจีฮุน หรือนางเอกฟุลเฮาส์ แล้วจะมั่นคงในสติดีอยู่ไหม

รู้ตัวแบบนั้น เลยคิดว่า ขอยืนอยู่ในทางโลกไปก่อน ไม่อยากต้องเข้าโบสถ์ไปปลงอาบัติบ่อยๆ

ตั้งใจไว้ว่า ถ้าชีวิตนี้ จะมีโอกาสบวช ก็จะบวชไปตลอดและไม่สึก ถ้าจะให้บวชแบบ7 วัน 15 วัน เดือนนึง ไม่ต้องก็ได้ เอาไว้ก่อน รอให้ถึงคราวบวชยาวๆค่อยบวช

ใครอยากจองตัวเป็นโยมอุปัฏฐาก ก็เรียนเชิญลงชื่อไว้นะครับ

เรื่องบวชแล้วทำไมถึงสึก เคยมีน้องที่คุ้นเคยกันเป็นคนโชคดี มีโอกาสบวชได้ตลอดชีวิตโดยพ่อแม่ไม่ลำบาก ไม่มีห่วง เพราะยังโสด เป็นคนสนใจเรื่องวิปัสสนา ได้ครูดี ตอนบวชก็อยู่กับหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่เก่งมาก

น้องเขาบวชอยู่สัก สามเดือนได้มั้ง (ใช่ไหมโบนี่ )
แล้วก็สึกออกมา ผมก็เลยถามคำถามนี้แหละ

น้องเขาบอกว่า พอบวชจริงๆแล้ว มันยังรู้สึกว่า มีอะไรทางโลกที่เขายังอยากทำ และยังไม่อยากตัดขาด

ไม่รู้จะตอบข้อสงสัยได้ไหมนะครับ




Create Date : 29 เมษายน 2550
Last Update : 29 เมษายน 2550 12:22:20 น. 10 comments
Counter : 773 Pageviews.

 
แวะมาทักทายเที่ยงวันหยุดค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:12:47:49 น.  

 
เปิดเพลงเอาซะลุ้นระทึกเลยค่ะ ว่าจะตอบไปทางไหน เพราะเราก็แอบเชียร์ไปข้างหนึ่ง หุ หุ สำหรับคำถามแรก
แต่สำหรับคำถามที่สอง ผิดคาดค่ะนึกว่าเคยบวชนะคะเนี่ย เคยคุยกับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ ขณะที่กำลังนั่งรถไปกับเรา(เข้าข้างตัวเองเราก็หน้าตาน่ารักนะ)ผ่านไปในย่านที่มีเด็กๆสาวๆ(ประมาณน่ารักกว่า) ตาก็มองเด็กสาวๆแบบเหลียวหลัง คือเคยนับถือคนนี้ว่าดูเป็นคนดีสอนเราคล้ายที่คุณแอสตันให้ข้อคิดอ่ะค่ะ ก็เลยแซวเขาประมาณว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าออกแนวธรรมะจะมีเหล่สาว เค้าบอกว่าเป็นเรื่องที่แยกออกจากกันค่ะ พอมาอ่านคำตอบข้อสองของคุณแอสตัน ตกลงเรื่องสาวๆกับธรรมะนี่แยกออกจากกันจริงเปล่าคะคุณแอสตัน (แซวนะคะ ห้ามโกรธด้วย)
มีความสุขในวันหยุดนะคะ


โดย: ยาเขียว IP: 222.123.156.126 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:13:50:52 น.  

 


*** แวะมาเยี่ยม มีความสุขมาก ๆ นะคะ ***



โดย: หน่อยอิง วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:15:52:23 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: noomint IP: 203.113.37.6 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:20:33:41 น.  

 
ทักทายด้วยครับ คุณ เพียงแต่เหงา คุณ noo mint

คุณหน่อยอิง ขอบคุณมากครับ เช่นกันนะครับ

คุณยาเขียว แซวได้ครับ

เรื่องสาวๆกับธรรมะ อันนั้นแล้วแต่จะเอามาตรฐานไหนมาใช้ครับ
ถ้าคิดว่า เราเป็นฆราวาส เป็นผู้ชายปกติ เอาแค่ถือศีล 5 ได้ครบ ก็นับว่าใช้ได้แล้ว

การมองสาวๆ แบบชื่นชม มันไม่ผิดศีล 5 นะครับ

แต่ถ้าเอาเรื่องการเป็นผู้ชายปฏิบัติธรรมแล้วต้องนิ่ง สำรวม
อันนั้นมันเป็นเรื่องบุคลิกส่วนตัวมากกว่า

ผมไม่ค่อยมองสาวแบบเหลียวหลังอย่างเพื่อนคุณนะ
อย่างมากก็แอบชำเลืองๆ ไม่อยากให้เขาอาย

แต่ผมก็เห็นว่าในฐานะที่เพื่อนคุณเป็นฆราวาส ไม่ใช่พระ
ถ้าไม่ได้มองแบบไปละเมิดสิทธิ ความเป็นส่วนตัวของใคร
ก็น่าจะทำได้ ไม่น่าเกลียดครับ


โดย: aston27 วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:07:37 น.  

 
Mahna mahna อันนี้เวอร์ชั่นไหนคะ ฟังแล้วนึกถึงพวกShibuyaki


โดย: pannacotta IP: 58.8.76.156 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:11:22:17 น.  

 
เข้าใจว่าเป็นของต้นฉบับครับ เจ้าของงานชื่อ Pierro Ummiliani ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกทุกตัวไหมนะครับ



โดย: aston27 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:16:42:10 น.  

 
ขอเป็นโยมอุปัฎฐาก ด้วยคนนะครับ


โดย: ต่อ IP: 125.26.15.199 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:23:57:05 น.  

 
เรื่องหญิงชายโดยโลกสากลก็ให้อยู่คละกันอยู่แล้ว,แต่ในโลกทางธรรม,พระกับนักบวชหญิงก็นั่งแยกหรืออยู่แยกกัน,อนุตตรธรรม(เต๋า)ก็แยกหญิงชาย,อิสลามเข้าใจว่าก็แยกกัน,คริสต์ไม่แน่ใจแต่เข้าใจว่าบางสายพยายามนั่งแยกหญิงชาย,โรงเรียนไทยหลายโรงเรียนสมัยก่อนก็เห็นแยกเป็นหญิงล้วนชายล้วนซึ่งจริงๆเห็นว่าดีถ้าโลกหมุนกลับได้น่าจะลดปัญหาเด็กตั้งท้องวัยเรียนได้มากในแง่จิตวิทยา;การคลุกคลีหญิงชายที่ไม่ใช่คู่ครองก็ใช่ว่าจะดี,เป็นการเปิดช่องให้ง่ายต่อการประพฤติผิดในกามได้,ดูตัวอย่างจากดาราบางคนคลุกคลีกันเนื่องจากการแสดง,ไปมาก็เป็นแฟนกันแล้วต่อมาก็เลิกกัน,การคลุกคลีกันของหญิงชายเปรียบเหมือนไฟกับน้ำมันหรือน้ำตาลใกล้มด;การถูกเนื้อต้องตัวกันของหญิงชายในการแสดงก็เหมือนการเล่นกับไฟย่อมมีโอกาสถูกไฟลวกหรือไหม้เป็นธรรมดา,แต่โลกทางธรรมก็ไม่สามารถมีอิทธิพลต่อโลกวัตถุได้,ศาสนาก็ไม่กล้าบอกสอนว่าอะไรถูกอะไรผิดและควรทำอย่างไรในเรื่องการแสดง,จึงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม


โดย: ปิยะ IP: 125.26.70.42 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:39:54 น.  

 
อ่านเรื่องทหารแรมโบ้หญิงชาวอเมริกันของคุณแอสตันกับคห.ที่2ของยาเขียวแล้วขำจนอดหัวเราะไม่ได้...ขอบคุณที่ทำให้มีความสุข


โดย: pH. IP: 125.26.69.151 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:09:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.