|
๑๘๒-สองเดือนที่ผ่านมา
สองเดือนที่ผ่านมาแล้ว ที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำการเขียนบันทึกเพิ่มเติมเลย มีเพียงเรื่องที่ตกค้างไว้เมื่อหลายเดือนก่อนเท่านั้น เหตุเพราะช่วงนี้แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลยก็ว่าได้ เรื่องราวงานเขียนจึงต้องเบาบางลง และให้ความสำคัญกับงานที่เราทำก่อน แต่เรื่องราวระหว่างทางโลกกับทางธรรม ก็ต้องเดินทางไปด้วยกัน
ข้าพเจ้าใช้ข้อดีของการต้องเดินทางไปทางเหนือบ่อย ๆ คือทำให้ได้ใกล้ชิดกับวัดที่ครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้าเคารพ (ซึ่งท่านลวงลับดับขันธ์เข้านิพพานไปแล้ว) ซึ่งก็เป็นสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นั่นเอง
ยังคิดอยู่เสมอว่าคงเป็นวาสนาของเราที่ในชีวิตหนึ่ง ได้มีโอกาสเดินตามรอยทางแห่งพระอริยบุคคล ซึ่งไม่อาจจะหากันได้ง่าย ๆ เลย ข้าพเจ้าจึงใช้เวลาว่างอันน้อยนิดในวันอาทิตย์ประมาณหนึ่งชั่วโมง มาปฏิบัติธรรมแบบเงียบ ๆ หลังวัด ซึ่งบรรยากาศเงียบสงบเหมาะมากทีเดียว
แต่ทว่าสิ่งที่ยังวิ่งวุ่นอยู่ภายในใจของข้าพเจ้านั้นไม่ได้สงบลงเลย ความกังวลจากเรื่องงานเข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ ทุก ๆ ย่างก้าวของการเดินจงกรม พยายามที่จะตัดเอาอารมณ์ความกังวลนั้นทิ้งไปเสีย แต่ไม่นานก็กลับกำเริบขึ้นมาอีก ผลสุดท้ายก็ต้องกลับเข้าไปสะสางงานที่ได้รับหมอบหมายไว้ให้เสร็จสิ้นก่อน การเดินจงกรมในวันนั้นจึงทำได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
เหตุของเรื่องที่ต้องนำมาเล่าให้ฟังนั่นคือ การปฏิบัติธรรมนั้นจำเป็นต้องตัดความกังวลใจ สละความความกังวลใจออกไปให้ได้ ไม่ว่าเรื่องราวอะไรก็ตาม หากไม่สามารถทำได้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปฏิบัติต่อไป สู้เรากลับไปสะสางเรื่องราวเหล่านั้นให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยกลับมาปฏิบัติดีกว่า
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ หากเราเกิดตายตอนที่จิตเราเป็นกังวลอยู่นี้ รับรองได้ว่าภพเปรต เป็นอันที่หมายมั่น อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าตัวเองจะทำตัวเป็นคนธรรมะธรรมโมมากแค่ไหนก็ตามที
บุญนั้นเกิดขึ้นจากความสำเร็จ คือ สำเร็จด้วยการะกระทำหนึ่ง ด้วยใจหนึ่ง หากกำลังดำริ คือมีความวิตกเรื่องบุญ เรื่องกุศล เช่นกำลังคิดไปว่าตัวเราเองยังค้างเรื่องนี้ ๆ, ของสิ่งนี้ ๆ ยังไม่สร้างยังไม่ได้ทำ, งานชิ้น ๆ นี้ยังไม่เรียบ บังเอิญว่าตอนนั้นเกิดตายอย่างกระทันหัน ด้วยความกังวลนั้นก็ต้องเกิดเป็นเปรต จนกว่าเรื่องราวที่ตนเป็นกังวลนั้นจะสำเร็จลุล่วงก่อน แล้วจึงจะขึ้นไปบนสวรรค์หรือนรก ตามกรรมที่ตัวเองทำไว้ในอดีต
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลาย ๆ ท่านยังขาดความเข้าใจ หรือเข้าใจก็ยังไม่สามารถวางใจ วางอารมณ์ไว้ได้(แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ยังสอบตกในบางครั้ง) นั่นเพราะเราขาดการฝึกฝนสติ จนถึงขั้นเกิดเป็นมหาสติ นั่นเอง...
Create Date : 27 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2552 18:19:53 น. |
|
13 comments
|
Counter : 484 Pageviews. |
|
|
|
โดย: be-oct4 วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:21:49:13 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:7:26:05 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:8:15:55 น. |
|
|
|
โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:17:52:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:7:29:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:22:34:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:7:28:14 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:8:54:14 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:22:36:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:7:36:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:7:51:20 น. |
|
|
|
| |
|
|
ยิ่งเวลาที่จะทำให้เราทำใจให้สงบ
ยิ่งหายาก
บีพยายามให้เวลาตัวเองวันละสองชั่วโมง
ที่จะทำสองสิ่ง สิ่งละชั่วโมง
นอกเหนือไปจากการปฏิบัติภารกิจประจำวัน
ให้ลุล่วง
สิ่งแรกคือ การวิ่งออกกำลังกายทุกวัน
วันละสามกิโล เนื่องจากบีระลึกอยู่เสมอว่า
สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องออกกำลังกายด้วยตัวเอง
อีกอย่างคือ การสวดมนต์ครึ่งชั่วโมง
และนั่งให้ใจสงบอีกครึ่งชั่วโมง
พยายามทำให้ได้เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนค่ะ
ฝันดีนะคะ