ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๓๗๗ - ศีลเสมอชีวิต




ช่วงนี้ข้าพเจ้ามักจะถูกอารมณ์โกรธ หงุดหงิดใจเข้ามาครอบงำอยู่บ่อย ๆ บางครั้งถึงกับเผลอพูดคำหยาบออกไปบ้าง ก็ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเพราะงานด้านวิศวกรรมนั้นต้องใช้ความเด็ดขาดและบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้คำพูดที่ฟังดูรุนแรงสักหน่อย แต่จริง ๆ ล้วก็ไม่มีเจตนาที่จะกล่างออกไปในทางให้ผู้อื่นเสียหาย

งานเลี้ยงกับงานต้อนรับลูกค้า ดูจะเป็นสิ่งที่ระอาใจสำหรับข้าพเจ้าอย่างเหลือล้น มันทั้งอัดอัด ทรมาณใจ เมื่ออยู่แวดล้อมกับคนเหล่านั้น จนบางครั้งรู้สึกว่า ตัวเองมีโลกส่วนตัวเยอะไปหรือปล่า ? ถ้าหากตอบเอง ก็ต้องบอกว่า “คงจะเยอะพอสมควร ” ที่จริงแล้ว สิ่งที่ข้าพเจ้าบื่อมากที่สุดก็คือ การดื่มสุราหรือเหล้านั่นเอง ไม่ได้เกรงกลัวการเข้าสังคมด้วยประการใด ๆ ทั้งปวง อย่างที่เคยเขียนมาก่อนล่วงหน้าหลายต่อหลายบท ความรู้สึกมันสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก ก็แปลกที่ทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น ทั้งที่แต่ก่อนข้าพเจ้าก็เป็นคนที่รักการดื่มสุราอยู่มาก อุปมาเหมือนกับคนตาบอด กินอาหารที่มีหนอนซอนไซอยู่เป็นเวลานาน วันหนึ่งคน ๆ นั้นเกิดตาดีขึ้นมา ลองคิดดุว่าเขาจะกินอาหารอย่างเดิมลงอีกหรือไม่ ฉันใดก็ฉันนั้น สำหรับเหล้ายาสุราสำหรับข้าพเจ้าแล้วก็อุปมาได้อย่างเดียวกัน

ใครลองทะลึ่งเอาเหล้ากับยาพิษมาวางไว้ แล้วขอให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าก็คงไม่ลังเลที่จะเลือกเอายาพิษ เพราะเหตุผลที่ว่า กินแล้วตายครั้งเดียว แต่เหล้ากินแล้วตายหลายครั้ง หมายถึง กินแล้วต้องทนเวียนว่ายตายเกิดอีกมากมายหลายครั้ง (จนเบื่อ) เคยมีครั้งหนึ่งไปนั่งในร้านอาหาร แล้วถูกแกล้งเอาเหล้าผสมในน้ำแป๊บซี่ให้ข้าพเจ้ากิน ข้าพเจ้ารู้ถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาทันที จนน้อง ๆ ถึงกับตกใจ เพราะนานทีปีหนจะเห็นข้าพเจ้าโกรธมากมายขนาดนี้ เรื่องนี้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ วันหลังมานั่งนึกดูและคิดว่าทำไมเราถึงต้องโกรธมากมายขนาดนั้นด้วย เป็นอันว่าในภายหลัง งานเลี้ยงอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ค่อยเห็นเงาหัวของข้าพเจ้าอีก เพราะไม่อยากจะเจอเหตุการณ์ประเภทนี้อีก จนคนรอบ ๆ ข้าง ๆ มองดูว่าข้าพเจ้ากลายเป็นคนเคร่งศาสนา กลายเป็นคนผิดปกติไปจากคนหมู่มาก (ทั้งที่รู้อยู่เต็มตัวว่าเราปกติที่สุด)...

จะเห็นว่าการดำเนินชีวิตในสายธรรมะในปัจจุบันเป็นเรื่องยากลำบากสักเพียงใด เราต้องประสบพบเจอสิ่งทดสอบมากมาย หากไม่มีความเข้มแข็งทางจิตใจ อ่อนไหวไปตามคำชักชวน สิ่งที่อุตส่าห์บำเพ็ญสร้างมาในครั้งอดีต เป็นอันต้องสูญเปล่าเป็นแน่

ขอกล่าวถึงเรื่องศรัทธาบ้าง ศรัทธานี้ก็ไม่แพ้เรื่องศีล หากเราปฏิบัติในหลักแห่งศีลแล้วไม่มีศรัทธาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ก็ยากที่จะสามารถปฏิบัติรักษาศีลได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะศรัทธานี้เองจะเป็นเครื่องช่วยหล่อเลี้ยงให้เราตั่งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดีโดยมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่มั่นที่ระลึก วันไหนเราท้อแท้มาก ๆ เราก็นึกถึงพระพุทธเจ้าในช่วงที่เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียงทุกกิริยาอย่างแสนสาหัสอยู่นานถึง ๖ ปี กว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูเอาเถิดว่ายากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน แต่พระองค์ก็ยังสามารถทำได้

เรื่องของข้ออรรถข้อธรรมนี้ แต่เพียงแค่ข้อเดียวก็สามารถเขียนอธิบายเชื่อมโยงถึงกันได้หมด นี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ใครจะว่าธรรมะหรือข้อความในพระไตรปิฎกเป็นเรื่องตกแต่งขึ้นในภายหลังก็เรื่องของเขา ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น แท้จริงหากใครนำไปปฏิบัติถูกทางก็จะได้ผลจริงและเห็นผลอย่างเดียวกัน เขาจึงเรียกว่าดวงตาเห็นธรรม คือ เห็นความเป็นไปตามธรรมชาติที่มีความเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ธรรมชาติ ธรรมดา และธรรมะจึงเสมือนเป็นสิ่งเดียวกัน

บทสรุปศีล ศีลนั้นเป็นเครื่องรองรับภพอันเป็นสุคติภพ เป็นเครื่องรองรับคุณธรรมขั้นสูง เป็นเครื่องประกันว่าเราจะไม่ตกต่ำต่อไปในภายภพหน้า หรือแม้แต่ในภพปัจจุบัน เป็นเครื่องชำระความบริสุทธิ์ ทางกาย วาจา เป็นเกราะป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง เป็นเครื่องรองรับความสงบภายในสังคม...
สารบัญ

ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //www.xn--p3clgfhca0f0a6b.comมากมาย ครับ


Create Date : 27 กรกฎาคม 2555
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 20:58:26 น. 6 comments
Counter : 681 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ครับ

เขียนได้ดีและโดนใจพี่ก๋ามากเลยครับน้องอัส
พี่ก๋าเป็นคนไม่ทานเหล้่าเช่นกัน
ไม่เห็นความอร่อย ไม่เห็นประโยชน์ของมันเลย
นอกจากทำให้เราขาดสติครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:6:09:10 น.  

 
ผมก็พยายามอยู่ครับ เมื่อก่อนก็กินดื่มเป็นประจำทั้งๆที่รู้ว่าไม่ดี แต่ตอนนี้คิดได้ตัดความอยากของมึนเมาเหล่านั้นไปแล้ว ศีลพื้นฐานก็พยายามทำให้ครบ แต่ก็ติดอยู่เรื่องเดียวคือ ข้อ4 ครับ ด้วยความเป็นคนขี้โม้มาก่อน โกหกเป็นนิสัยเพื่อเอาตัวรอด พูดเพ้อเจ้อ แต่ก็พยายามทำให้ ศีลบริษุทธิ์อยู่ครับ จนรู้สึกว่าบางทีเราก็พูดน้อยลง ฮ่าๆ


โดย: มะม่าวงเพชร IP: 115.87.139.70 วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:11:05 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอัส ขอโทษทีช่วงนี้ไม่ได้แวะทักทายคุณอัสเลยแต่แวะมาอ่านนะ คุณอัสสบายดีมั้ยค่ะ คุณอัสอย่าเครียดซิค่ะ แม่มณีว่าคุณอัสออกตัวแรงไปรึเปล่า คนพวกกะนั้นเลยแกล้งเอา การที่ต้องอยู่ในสังคมตรงนั้นแม่มณีว่าการที่คุณอัสจะรักษาศีลให้สมบูรณ์มันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้จะดีกว่า อย่างแม่มณีก็จะพยายามรักษาศีล8ให้ครบก็ไม่เคยบอกใครแม้แต่ลูกสาว ก็จะมีคนถามก็ได้แต่ส่งยิ้ม แม่มณีว่าหากเราหวังให้ทุกคนยินดีกับเราคงยาก ถึงแม้เราทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องก็ตามที เพราะไม่มีใครได้รับผลประโยชน์ที่เราทำ อย่าเสียเวลา เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ ต้องขอโทษคุณอัสด้วยที่แสดงความคิดส่วนตัวเห็นมากไป


โดย: แม่มณี IP: 125.26.157.49 วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:22:36:57 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอัส
แวะมาชวนทานข้าวต้มรอบดึก
พักผ่อนอย่างมีความสุขนะคะ



โดย: pantawan วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:35:13 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กรกฎาคม 2555 เวลา:6:02:44 น.  

 
สวัสดีครับคุณแม่มณี ขอบคุณครับสำหรับ comment


โดย: อัสติสะ วันที่: 29 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:50:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.