ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๓๒๙ - โมฆะบุรุษ



โมฆะบุรุษ คือ ผู้ว่างเปล่าจากการทำความดี เป็นผู้ที่ได้อัตภาพการเป็นมนุษย์แต่ใช้อัตภาพนั้นเป็นไปในหนทางแห่งการทำความชั่ว มีการกระทำผิดศีลธรรมต่าง ๆ ที่ชัดเจนที่สุดคือการผิดศีลห้าประการ อันมีตั่งแต่การ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม การพูดเท็จ และการดื่มสุราของมึนเมา พุทธศาสนาไม่ได้กล่าวเรื่องศีลห้านี้เป็นข้อห้าม เราจึงเป็นชาวพุทธผิดศีลเหล่านี้กันโดยมาก แต่พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นองค์ศาสดา ท่านชี้ให้เห็นเป็นทางเลือกมากกว่า

ท่านอธิบายให้เห็นว่า หากทำแล้วได้อะไร ไม่ทำแล้วจะเกิดอะไร แล้วแต่ใครจะทำหรือไม่ทำ ศีลเหล่านี้เป็นข้อเว้นสำหรับชั้นฆราวาสที่สนใจการปฏิบัติ แต่ในธรรมวินัยสำหรับพระ ถือว่าเรื่องศีลนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นข้อห้ามที่เด็ดขาดและมีโทษตามระเบียบวินัย เพราะธรรมวินัยนั้น เป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดอายุขัยของพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านจึงบรรยัติบทลงโทษสำหรับภิกษุผู้ผิดต่อพระธรรมวินัย

แต่ในชั้นฆราวาสแล้วจะไม่มีโทษอย่างนั้น ท่านชี้เพียงเรื่องศีลห้าเป็นเพียงเครื่องเว้น ส่วนโทษนั้นเป็นเรื่องกรรมวิบาก ซึ่งจะส่งผลเองในอนาคต ไม่มีใครมาพิพากษา เพราะมันเป็นกฎของกรรมตามธรรมชาติ เหมือนกับกฎฟิสิกส์ข้อสามของนิวตัน "ทุกแรงกิริยาย่อมมีแรงปฏิกิริยาที่มีขนาดเท่ากันแต่ทิศทางตรงกันข้ามเสมอ" แรงนั้นก็จะมีผลสะท้อนกลับมาหาเราเช่นกัน เช่น ตัวอย่างของการขว้างบอลเข้าหากำแพง กำแพงเองก็จะมีแรงสะท้อนกลับลูกบอลย้อนมาหาเรา เป็นต้น

การเกิดเป็นโมษะบุรุษ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ว่ารวมหมายถึงสตีด้วยก็ได้ มีให้เห็นอยู่ในสังคมอย่างกลาดเกลื่อน ผู้คนมากมายต่างสับสนวุ่นวายการภาระหน้าที่การงาน บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นน้อยต่อชีวิต แต่เราใช้เวลากับสิ่งนั้นมากมาย แต่เรื่องการทำความดี เป็นสิ่งที่มีค่าต่อตัวเราเองและสังคมโดยรวม เรากับให้เวลาและคุณค่ามันน้อยจนเกินไป เพราะศีลธรรมเหล่านี้เป็นเครื่องค้ำจุน และรับประกันความร่มเย็นของสังคมมนุษย์ หากเราขาดสิ่งนี้ หรือว่ามีน้อยเต็มที สังคมโดยรวมหรือแต่ตัวเราเองก็จะประสบกับความวุ่นวายทางด้านจิตใจ และร่างกายอย่างไม่รู้จบ

เพราะฉนั้นหากเรามีเวลาก็หมั่นทำความดี เจริญทาน ศีล สมาธิภาวนา กันบ้าง โดยเฉพาะการภาวนานั้น เป็นสิ่งสำคัญ เราไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรม เพียงแต่เราค่อย ๆ ทำใจให้สงบแม้ในยามลืมตานั่นแหละ พยายามสลัดความทุกข์ยากอันเกิดจากความคิด จำไว้ว่าความทุกข์ที่ร้ายแรงของมนุษย์ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากความคิด ฟุ้งซ่าน ความกลัวที่ไร้สาเหตุ แต่หากหมั่นเจริญภาวนา แล้วเราก็จะเริ่มมีสติ มองเห็นความคิดของเราเอง และปัญหาทั้งหลายก็จะถูกแก้ไขด้วยสติและปัญญา หากแก้ไขไม่ได้ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ในที่สุด จึงอยากฝากเรื่องการเจริญภาวนาไว้สำหรับหลายท่านที่กำลังเกิดวิกฤติการณ์ในชีวิต อย่ารอให้เรามีความทุกข์ก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไข แต่เราควรจะหาวิธีรับมือกับมันก่อนจะดีกว่า เพื่อให้เราเกิดมาชาตินี้จะได้ไม่เป็นโมฆะบุรุษ โมฆะสตรีกัน

ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //lukkaew.diaryclub.com มากมาย ครับ



Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 20:49:52 น. 4 comments
Counter : 1795 Pageviews.

 


โดย: biocellulose วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:37:09 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ


เขียนได้ดีมากครับน้องอัส









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:5:42:28 น.  

 
เตรียมเสื้อหนาวมาได้เลยครับ
เชียงใหม่ช่วงนี้เริ่มหนาวแล้วล่ะครับน้องอัส



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:06:29 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤศจิกายน 2554 เวลา:6:12:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.