|
๓๐๖ - มนุษย์ เดรัจฉาน และกามภพ
ชีวิตถือกำเนิดมาได้เพราะมีความสมดุลของอุณหภูมิ กล่าวคือ ไม่กำเนิดในที่ที่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป ชีวิตกำเนิดได้ในที่ ที่มีความพอเหมาะต่อการดำเนิน เพื่อเป็นไปในการเจริญเติบโตขององค์ประกอบร่างกาย ประกอบกันเป็นชีวิตขึ้นมา ชีวิตหนึ่ง ๆ มีทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณครองเช่น มนุษย์ สัตว์ แมลง ฯลฯ และสิ่งที่ไม่มีวิญญาณครอง แต่มีการเจริญเติบโต มีวิวัฒนาการ มีการสืบพันธุ์ เช่น ต้นไม้ เป็นต้น ในสิ่งที่มีชีวิตที่มีวิญญาณครองมักจะมีองค์ประกอบที่เหมือน ๆ กันหมด ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือแมลง นั่นคือ มีอายตนะ มีผัสสะ มีการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ มีความรู้สึก เย็น ร้อน อ่อน แข็ง มีความรู้สึกทางมโนวิญญาณ มีการรับรู้ที่เป็นไปตามสัญชาติญาณ และมีประสบการณ์ในการดำรงชีวิต ที่สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นลักษณะทางพันธุกรรม และมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับภพที่ตัวเองตั้งอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เราเกิดเป็นมนุษย์เราก็จะมีความรักชอบพอกับมนุษย์ด้วยกันเอง หรือ หากเกิดเป็นไก่ก็มีความรักชอบพอกับไก่ด้วยกันเอง (ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นความรักข้ามสายพันธุ์ )
ข้าพเจ้าเคยสังเกตุเห็นหมา ตอนใกล้ฤดูผสมพันธุ์ พวกหมาตัวผู้ จะวิ่งไล่ตามตัวเมียกันเป็นโขยง ๆ กัดกัน แย่งกัน เพื่อให้ได้ตัวเมียมาผสมพันธุ์ มานั่งนึก ๆ ดูว่า ถ้าเราเกิดเป็นหมาบ้าง เราคงต้องเห็นหมาตัวเมียตัวนั้นสวย แล้วก็วิ่งตามหมู่หมาพวกนั้นไปเป็นแน่
ชีวิตของมนุษย์นั้นก็คงไม่ต่างกัน เราถือว่าเราประเสริฐสุดกว่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย แต่บางครั้งก็ยังมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับหมาเหล่านั้น เพราะว่าในภพที่เราเกิดปัจจุบันนี้เป็นกามภพ โลกมนุษย์นี้ สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาอยู่บนโลกล้วนแต่ถูกกามครอบงำ ไม่ว่าจะเป็นกามที่ละเอียดหรือหยาบก็ตาม เพราะถึงแม้ว่าภพของมนุษย์และเดรัจฉานจะแยกกันตามกายภาพและสติปัญญา แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกันเชื่อมโยงกัน เราจึงต้องอาศัยอยู่ด้วยกันบนโลกใบนี้
สิ่งที่เกี่ยวข้องกัน ย่อมมีความเชื่อมโยงให้เกิดร่วมกัน ชดใช้กรรมร่วมกัน เพราะสัตว์เดรัจฉานบางพวก ก็กำลังจะพัฒนาเป็นมนุษย์ และมนุษย์บางพวกก็กำลังพัฒนาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทั้งสัตว์และมนุษย์จึงต้องอยู่ร่วมใกล้ชิดกันเพื่อเรียนรู้นิสัยกัน จะได้เป็นปัจจัยในการสร้างอุปนิสัยในภพภูมิใหม่ข้างหน้าต่อไป
ที่กล่าวมานี้หวังเพียงว่า เราอย่าได้มั่นใจในความเป็นมนุษย์ ว่าเป็นมนุษย์แล้วอยู่บนห่วงโซ่บนสุดจะทำอะไรกับสัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆก็ได้ตามใจเพราะเห็นว่าสัตว์นั้นสติ ปัญญาสู้มนุษย์ไม่ได้ และอย่าได้คิดว่าตายแล้วเราจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกเสมอไป คนที่สามารถเกิดเป็นมนุษย์นี้ได้อีก มีจำนวนเพียงจำนวนเล็กน้อย ส่วนใหญ่ตายแล้วก็ปริวหายไปสู่ภพของนรก อสุรกาย เดรัจฉาน เทวดา พรหม มากน้อยตามลำดับ การได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งเป็นเรื่องยาก เมื่อไปสู่ภพอื่นแล้วสัญญาความจำได้หมายรู้ เกี่ยวกับภพมนุษย์จะเลือนหายไป เพราะเหตุความขาดสติในขณะที่จิตกำลังทิ้งร่างหยาบไปสู่ภพอื่น แต่ความปรารถนาตอบสนองทางสิ่งที่มากระทบยังมีอยู่อย่างเดิม เพราะมันถูกฝังอยู่ในจิตเรามานานแสนนาน เช่น เราตายไปแล้วจิตยังผูกพันกับภพมนุษย์อยู่ แต่กรรมดีนั้นไม่มากพอที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์อีก ได้เพียงเกิดเป็นลูกสุนัข เมื่อแรกเกิดขึ้นมา แม้ลักษณะทางกายภาพจะไม่เหมือนมนุษย์ แต่มีหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ครบเช่นกัน การได้ดูดนมจากแม่หมาครั้งแรก ก็จะเกิดความพอใจ เพราะได้รับการตอบสนองจากตัณหา (เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเป็นมนุษย์) เมื่อเกิดความพอใจ ก็ย่อมมีความยินดีในภพ เมื่อยินดีในภพ ก็ย่อมยินดีในการเกิดใหม่ เป็นอย่างนี้ว่ายวนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด....
ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //s1.hubimg.comมากมาย ครับ
Create Date : 22 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 21:00:00 น. |
|
5 comments
|
Counter : 537 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:04:04 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:33:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กรกฎาคม 2554 เวลา:5:59:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:5:39:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:11:29 น. |
|
|
|
| |
|
|
พี่ก๋าเพิ่งนั่งดูหนังเรื่อง shortbus จบไป
หนังเรื่องนี้พูดถึงประเด็นเซ็กส์ของมนุษย์
ดูแล้วก็อดอึ้งไม่ได้
ว่าบางครั้งคนเราอาจทำอะไรหลายอย่างที่เกินสัญชาติญาณของการสืบพันธุ์ไปแล้ว