|
๓๖๒ - กลัวตาย
สมัยหนึ่งข้าพเจ้ายังไม่ได้มุ่งแสวงการปฏิบัติธรรม (ช่วงนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่) ก็มีความคิดว่า
“วันหนึ่งเราสงสัยต้องตายแน่ ๆ แล้วตายแล้วจะเป็นอย่างไรนะ จะมีใครมางานศพเราบ้างนะ...ตอนเป็นวิญญาณไปบอกใครคงไม่มีใครรู้แน่ ๆ ”
ก็เป็นความกังวลแบบแปลก ๆ ทำไมมันต้องคิดอย่างนั้นก็ไม่ทราบได้ คือมันเป็นอาการกลัวว่าตายไปแล้วจะไม่มีใครมางานศพเรา ในความเป็นจริงเมื่อวิญญาณทอดทิ้งร่างไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการยึดการติดในร่างนั้น แต่สัตว์ทั้งหลายรวมมนุษย์ด้วยนั้นย่อมมีความเห็นว่ากายนี้เป็นเราเป็นของเรา ก็เลยเกิดความคิดแบบข้าพเจ้าในอดีต ซึ่งมาถึงปัจจุบันนี้หลังจากได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าแล้ว ความกังวลจากเรื่องดังกล่าวก็หายไป ไม่ต้องสนใจอีกแล้วใครจะมาหรือไม่มางานศพของเรา หรือว่าเราจะตายคนเดียวโดยไม่มีใครรู้ใครเห็นมันก็ไม่เป็นไรแล้ว
เพราะว่าสิ่งทั้งหลายมันก็เป็นไปตามวิธีทางตามธรรมชาติ คนเราตายแล้วก็แล้วกันไปยังจะอยากได้รับเกียรติยศ ชื่อเสียงไปเพื่ออะไรอีก เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งนั้นไม่อาจจะติดตัวเราไปได้ มีเพียงกุศลและอกุศลที่ตามเราไปได้ทุกภพทุกชาติ
คำยกยอหรือเกียรติทั้งหลายเป็นเพียงธรรมชาติสิ่งปรุงแต่งอย่างหนึ่งที่ทำให้จิตใจเราพองฟู ทำให้เกิดความอยากได้อยากมี เกิดมานะถือตัว หากสิ่งนั้นจางหายไป ก็บันดาลความเศร้าเสียใจ เนื่องด้วยไม่ได้เข้าใจของธรรมชาติของโลกธรรม ซึ่งมีความเสื่อม ความเจริญเป็นของคู่กัน และผลัดกันหมุนเวียนไปมาอย่างน่าเบื่อหน่าย พอเราไม่เข้าใจเราก็จะเกิดความกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ สุดท้ายของความกลัวของสัตว์ทั้งหลาย ก็คือความกลัวตาย กลัวความพลัดพรากจากของที่มีที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำไมเราถึงกลัวก็เพราะความไม่รู้นั่นเอง คือ ความไม่รู้ในชีวิต ไม่รู้ในที่ไปที่มาของตัวเราเอง หากเรารู้เราเห็นเราก็ไม่มีทางกลัว
การเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา ประเด็นหนึ่งที่สำคัญเลยก็การได้เรียนรู้ศึกษาความตาย หรือพูดง่าย ๆ คือการเตรียมตัวตายอย่างถูกวิธี ไม่ใช่การเตรียมเพื่อจะฆ่าตัวตายหรือสอนให้ท้อแท้สิ่งใด ๆ ในชีวิต แต่สอนให้รู้จักการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ไม่สนุกสนานกับการใช้ชีวิตจนมากเกินไป จนลืมบุญลืมกุศลเพราะบุญกุศลนี้เองจะเป็นเหมือนเสบียงที่คอยตามเลี้ยงอัตภาพของเราในภพเบื้องหน้า กองทัพใด ๆ จะไปศึกสงครามก็ต้องมีกองเสบียงติดเสมอ หากรู้ว่าเสบียงนี้ใกล้จะหมดก็ต้องเสาะแสวงหามาเพิ่มเติม หรือต้องส่งกองหนุนเพื่อหาเสบียงมาเพิ่ม กองทัพใดขาดเสบียงอาหาร ต่อให้มีไพร่พลมากมายกว่าข้าศึกเป็นร้อยเท่าก็ต้องพ่ายแพ้ กองเสบียงนี้จึงเปรียบได้กับบุญกุศลที่เราทำกัน มีกองทัพบางกองในสมัยนี้ ต่างใช้เสบียงเก่าและไม่ยอมแสวงหาเสบียงใหม่ เพราะความเข้าใจผิดว่าเสบียงนี้มีเยอะเป็นเพราะความประมาท ไม่ช้าข้าพเจ้าเชื่อว่ากองทัพนั้นก็ต้องพ่ายแพ้ไปเป็นแน่
จึงอยากฝากให้ทุกท่านหมั่นรักษา สร้างความดีและบุญกุศลให้มาก ๆ หากทำความดีเรื่อย ๆ จนได้ระดับหนึ่ง เมื่อถึงคราวต้องถึงแก่ความตาย ความดีนี้จะรักษาและชักนำให้เราเกิดในภพ ภูมิที่ดีนั่นเอง...
ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //i.kapook.comมากมาย ครับ
สารบัญ
Create Date : 22 เมษายน 2555 |
Last Update : 22 เมษายน 2555 21:51:35 น. |
|
8 comments
|
Counter : 557 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่มณี IP: 125.26.153.165 วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:15:49:20 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:21:11:56 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:22:07:10 น. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:10:29:54 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:21:31:30 น. |
|
|
|
โดย: ตาลเหลือง วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:10:27:55 น. |
|
|
|
โดย: CG Kyo วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:11:51:11 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:12:30:41 น. |
|
|
|
| |
|
|