|
๒๖๘ - ศาสนากับปลวก
เมื่อสามปีก่อน ข้าพเจ้านำหนังสือและอุปกรณ์สิ่งของเครื่องใช้(ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้แล้ว)นำกลับไปเก็บไว้ที่บ้านต่างจังหวัด และทิ้งไว้ที่มุมห้องอยู่นาน คิดว่าวันหนึ่งเมื่อจำเป็นต้องใช้ สิ่งของเหล่านั้นน่าจะอยู่ที่เดิม ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็อยู่ที่เดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ มันถูกปลวกแทะกินเสียหายเกือบหมด ทั้งที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน และนั่นก็เป็นที่มาของการที่ต้องดูแลบ้านครั้งใหญ่ เพราะเจ้าปลวกตัวร้ายมันเล่นงานบ้านอย่างเงียบ ๆ และร้ายกาจที่สุด
ไม่ต่างอะไรกันนัก ภัยร้ายที่บั่นทอนพระพุทธศาสนาเป็นดั่งภัยเงียบ คือ การไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ตามหลักแห่ง ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนกับการไม่ได้ดูแลบ้านที่พระพุทธเจ้าท่านปลูกไว้ ปล่อยให้มดปลวกเข้ามาทำลายได้โดยง่าย
ทาน ศีล สมาธิ เปรียบเหมือน การจัดเก็บข้าวของในบ้านให้เป็นที่ ศรัทธา วิริยะ ความเพียร เปรียบเหมือน ความเชื่อว่าการดูแลบ้านนั้น จะช่วยให้บ้านเรามั่นคงแข็งแรง จึงหมั่นพากเพียรในการดูแล ปัญญา เปรียบเหมือน การดูแลบ้านอย่างถูกวิธี ตัวอย่างเช่น การมองหาภัยร้ายอย่างอื่น ที่จะทำให้บ้านไม่ถูกทำลายอาจจะมาจากปลวก หรือ สัตว์อื่น ๆ แต่ทุกวันนี้ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า พุทธศาสนากำลังจะถูกทำลายเงียบ ๆ แม้ว่าจะมีคนเข้าวัด ทำบุญมากขึ้นก็ตาม เพราะบางครั้งความศรัทธาและปฏิบัติที่ผิด ก็เป็นตัวทำลายศาสนาเสียเอง แล้วสิ่งใดกันจะเป็นตัววัดว่าปฏิบัติถูกหรือผิด
สิ่งที่จะเป็นตัววัดได้ชัดเจนคือ การเทียบคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรง ไม่เชื่อแบบงมงาย แม้คำพูดนั้นจะออกมาจากอาจารย์ที่เรารักและศรัทธา หรือหนังสือที่เราชื่นชอบ หรือคำพูดที่เป็นปรัชญาหวานหู หากสิ่งเหล่านี้ขัดต่อคำสอนโดยตรงและดั้งเดิมของพระพุทธเจ้า ก็ต้องอาศัยปัญญาทบทวนเสียใหม่ ซึ่งจะเป็นการรักษาพุทธศาสนาให้ยืนยาวได้วิธีหนึ่ง
เมื่อ ๒ – ๓ วันที่ผ่านมาได้รับหนังสือธรรมะสวดมนต์ ๒ เล่มจากลูกค้ารายหนึ่งและเพื่อนใน office ซึ่งปัจจุบันนิยมแจกกันโดยมาก สิ่งเหล่านี้น่าอนุโมทนาอยู่มากเพราะการให้ธรรมะเป็นทานคือ การให้ที่สูงสุด ชนะการใช้ทั้งปวง แต่บางครั้งเราก็อาจจะลืมไปว่า ธรรมะที่เราจะให้ไปได้นั้น ก็ต้องเกิดจากตัวเราเองก่อน คือ ตัวเราต้องรู้จักปฏิบัติธรรมและคำสอนที่ถูกต้องมาบ้าง แล้วจึงแบ่งปันให้คนอื่น เหมือนกับคนที่ทำงานสั่งสมเงิน ร่ำรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมา ก็นำเงินที่ได้ ไปแจกจ่ายช่วยเหลือคนยากจนเพื่อใช้สำหรับทำทุนค้าขาย และหวังให้มีฐานะเช่นเดียวกับตน หากแต่คนที่ให้นั้นก็ยังเป็นคนจนเหมือนกัน เพียงแต่รู้แนวทางความเป็นเศรษฐี แล้วนำไปบอกคนอื่น แต่ตัวเองไม่ปฏิบัติตาม ก็ยังคงจนอยู่เช่นเดิม
สมัยก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้น พระองค์ตรัสกล่าวว่าศาสนาของพระพุทธองค์จะเจริญรุ่งเรือง ก็เนื่องด้วยกำลังของพุทธบริษัท ๔ และจะเสื่อมสลายไป ก็เนื่องด้วยพุทธบริษัท ๔ เช่นกัน หาใช่ศรัตรูอื่นนอกศาสนามาทำลายไม่ ถึงปัจจุบันนี้วันเวลาผ่านมามากกว่า ๒๕๐๐ ปี พุทธวาจาของพระพุทธองค์ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงอยู่อย่างนั้น
ช่วงนี้มีข่าวของคนในวงการพุทธศาสนา กำลังตกเป็นข่าวเรื่องการฉ้อโกงและผลประโยชน์จากลาภสัการะ และดูเหมือนว่ากำลังถูกเสนอข่าวเพียงด้านเดียว เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง โดยเอาศรัทธาของชาวพุทธเป็นตัวประกัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าออกหัวหรือก้อย สิ่งที่สั่นคลอนมากที่สุดคือ ศรัทธาของผู้คนโดยมากที่มีต่อพุทธศาสนา
ข้าพเจ้าจำได้ว่า ก่อนที่หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ แม้ว่าท่านจะจากพวกเราไปแล้ว แต่ท่านได้เขียน เรื่องทำนายตอนหนึ่งไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติในบทส่งท้ายว่า ท่านนิมิตเห็นหมาสองตัวไล่ล่ากระต่าย แทนที่หมาสองตัวนี้จะช่วยกันไล่ล่า ตามวิสัยแห่งหมา แต่กลับไล่กระต่ายไป กัดกันไป เบียดแย่งกันไป สุดท้ายกระต่ายก็หนีไปได้ ท่านทำนายว่าในอนาคต คนในวงการพระกรรมฐานจะแตกแยกแตกคอกัน จะใส่ร้ายป้ายสีกัน จะถือเอาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง มากกว่าประโยชน์ของศาสนา (ข้าพเจ้าสรุปประมาณนี้ครับ ซึ่งลองหาอ่านเต็ม ๆ ที่ อัตโนประวัติหลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ (ตอนที่ ๒))
Create Date : 20 กันยายน 2553 |
Last Update : 20 กันยายน 2553 8:16:52 น. |
|
7 comments
|
Counter : 369 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:9:39:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:6:33:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2553 เวลา:6:30:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:7:44:14 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:17:29:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:6:33:15 น. |
|
|
|
| |
|
|
หวัดดีค่ะคุณอัส
สดชื่นกับวันแรกของสัปดาห์ นะคะ