|
โสดาปัตติมรรค-แนวทางเพื่อทรงคุณธรรมเป็นพระโสดาบัน ตอน ๓
เป็นอันว่า ข้าพเจ้ามีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากในวันนั้น ต่อให้ในอนาคตไม่มีใครช่วยเหลือเราเลยในทางธรรม ข้าพเจ้าก็จะขอพระพุทธเจ้านี่แหละเป็นที่พึ่งอาศัย ที่คอยให้กำลังใจได้
ถ้าเป็นไปได้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทั้งหลายจงมองโลกอย่างความเป็นจริงเสียบ้าง ว่ามันไม่ได้สวยงามอะไร มีแต่กิเลส ตัณหา เลวทรามกว่ายุคโบราณเสียอีก แล้วทำไมหนอเราจึงยังอยากยินดี ยังยึดติดกับความเลวทรามอย่างนี้กันหนักหนา
ข้าพเจ้าต้องการสร้างความเห็นกันเสียใหม่ คือ ความเห็นโลกตามความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านเห็น ไม่ว่าจะเป็นภรรยา ทรัพย์สิน สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง มันเป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปติดยึด หรือ บังคับให้มันเป็นไปตามที่เราปรารถนาได้
มีบางคนบอกว่าคนที่คิดอย่างข้าพเจ้าคือคนเห็นแก่ตัว เอาแต่สบาย ทอดทิ้ง พ่อแม่ ไม่ยอมดูแลเลี้ยงดู ซึ่งจริง ๆ แล้วในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุเลี้ยงดูบิดา มารดา ได้ตามอัตภาพ
จริงอยู่ว่าดูเผิน ๆ ข้าพเจ้าคือคนเห็นแก่ตัว ไม่ดูแล บิดา มารดา หรือญาติ ๆ ทั้งหลาย แต่การสงเคราะห์ดูแลนั้น ก็ใช่ว่าจะทำได้วิถีทางเดียวเสมอไป เพราะการสงเคราะห์ดูแล บิดา มารดา ตามแนวทางแห่งอริยะสงฆ์นั้นมีอยู่ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามแนวทางนั้น ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นให้ท่านหาอ่านประวัติ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หรือ หลวงปู่ชา สุภัทโท ดูเอาเอง หรือจะเอาพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างก็ได้ เพราะเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว พระองค์ได้ปล่อยให้บรรดาพระญาติทั้งหลายของพระองค์ ต้องเผชิญกับทุกข์ภัยตามลำพังหรือเปล่า ก็เอาไปคิดดูเองแล้วกัน
ความเห็นถูกหรือสัมมาทิฏฐินี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะว่าการมี สติปัญญาที่จะทำให้เรามองเห็นสรรพสิ่งอยู่บน กฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาให้ได้นั้น ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานของสัมมาทิฏฐิทั้งสิ้น ถ้าเกิดมิจฉาทิฏฐิหรือความเห็นผิดขึ้น ก็จะมีสติปัญญาแบบผิด ๆ กลายเป็น สติปัญหาไป แล้วก็จะมองโลกว่า นิจจัง สุขจัง อัตตาดีจัง ไปเสีย
ถึงแม้ว่าท่านอาจจะปฏิเสธว่าชีวิตนี้ตั่งแต่เกิดมาไม่เกิดมีความทุกข์เลยตลอดชีวิตนี้ ช่างสุขเหลือเกิน แต่ใครจะรับประกันได้ว่า ชาติหน้าท่านจะมีความสุขแบบนี้อีก ซึ่งก็ไม่มีใครรับประกันได้แน่นอน หรือว่าท่านจะไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เพราะจะได้ไม่ต้องตกนรก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม นรกก็มีอยู่ สวรรค์ก็มีอยู่ พรหมโลกมีอยู่ นิพพานก็มีอยู่ อย่างนั้นเอง
ข้าพเจ้าเคยถามเพื่อนคนหนึ่งว่า
นายเชื่อไหมว่า...ชาติหน้ามีจริง
ไม่เชื่อหรอก...ผมเชื่อว่าคนเราเกิดครั้งเดียว ตายแล้วก็สูญไป
ข้าพเจ้าได้แต่อาลัยไม่พูดหรืออธิบายต่อ เมื่อมีโอกาสวันหลังจึงถามเขาอีกว่า
ทำไมนาย ถึงเชื่อว่าคนเราตายแล้วจึงสูญล่ะ ข้าพเจ้าถาม
ก็เพราะว่ายังพิสูจน์ไม่ได้น่ะสิ...ผมจึงไม่เชื่อเรื่องชาติหน้ามีจริง เขาตอบ
<อ่านต่อตอน ๔>
Create Date : 18 มีนาคม 2551 |
Last Update : 18 มีนาคม 2551 20:00:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 352 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|