|
๑๖๖-เรื่องหวย ๆ
วันสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีหตุการณ์บ้านเมือง และเรื่องราวความวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน และไม่รู้ว่าจะจบลงกันเมื่อไหร่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศไทย ต่อให้เราเกลียดกันมากเท่าไหร่เราก็ยังต้องอยู่ ยังต้องเจอ ยังต้องเผชิญหน้ากันอยู่ และร่วมทุกข์สุขด้วยกันภายใต้ ดินแดนขวานทองแห่งนี้
วันหยุดแม้จะเป็นที่ปรารถนาของใครต่อใครหลาย ๆ คน ข้าพเจ้าเองก็ต้องการวันหยุดมาก ๆ เช่นกัน การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ แม้จะดูว่าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากครั้งที่ผ่านมา จะต่างก็เพียงว่าข้าพเจ้ามีเพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ทำให้เวลาขับรถก็ผ่อนคลายความตึงเครียดไปได้บ้าง
ในตอนแรกตั้งใจจะแวะนมัสการพระพุทธบาท สระบุรี เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแต่เนื่องด้วยอะไรก็ไม่ทราบทำให้ข้าพเจ้า ตัดสินใจยกเลิกการกำหนดการดังกล่าวและมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว
การจราจลในช่วงนี้ไม่ค่อยติดขัดนัก อาจจะเป็นเพราะมีวันหยุดก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าเดินทางกลับบ้างแล้ว ทำให้ลดจำนวนความหนาแน่นของรถบนท้องถนนไปได้บ้าง
จากการเปลี่ยนแปลงกำหนดการที่จะแวะไปนมัสการพระพุทธบาท สระบุรี ข้าพเจ้าเลือกที่จะแวะไปวัดป่าแห่งหนึ่ง เพื่อไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่แทน เพราะนี่ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้แวะมาเยี่ยมที่วัดเลย การงานในกรุงเทพฯ ก็ยุ่งบีบรัดตัวเองอย่างมากมาย ทำให้เรารู้สึกมีเวลาว่างให้กับศาสนา วัดวาน้อยลง แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังเชื่อว่ามีเวลามากกว่าคนอื่นแน่นอน
เส้นทางที่เข้าวัดยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ดินลูกรังสีแดงสด ฟุ้งกระจายไปตามเส้นทางที่รถผ่าน อาจจะมีถนนคอนกรีตบ้างในช่วงสั้น ๆ ซึ่งก็นับว่าคงจะดีกว่าแต่ก่อนหน้านี้มาก บรรยากกาศรอบข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจี เพราะได้กลิ่นไอฝนมาหลายวัน แม้ว่าผืนป่าข้างทางจะดูไม่หนาแน่นมากนัก แต่ก็นับว่ายังหลงเหลือธรรมชาติ ความร่มรื่นให้เราได้สมผัสกัน
ข้าพเจ้านำรถมาจอดในที่เดิมที่เคยจอดในปีที่แล้ว ครูบาพระหนุ่มคนเคยรู้จักกันเดินตรงมาทักทายต้อนรับ ข้าพเจ้าสนทนากับท่านอยู่นานพอสมควร ไตร่ถามสาระทุกข์กันบ้างพอสมควร ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ท่านยังจำข้าพเจ้าได้
บรรยากาศที่วัดดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เนินเขาเตี้ย ๆ ถูกปรับพื้นที่เพื่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม มีกุฏิรูปร่างแปลกตาผุดขึ้นมา เนื้อที่วัดมีอาณาเขตเพิ่มมากขึ้น สระน้ำหน้าวัดถูกลอกเพื่อสร้างและตกแต่งพื้นที่ใหม่ และนี่เองจึงเป็นที่มาของเรื่องราวของชาวบ้านกับต้นตะเคียนยักษ์ และหวย
ก็บังเอิญมีตอตะเคียนขนาดใหญ่ จมอยู่ก้นสระ เมื่อมีการลากขึ้นมาข้างบนก็มีนักข่าวมาทำข่าวกันหลายสำนัก และสิ่งที่ติดตามมาก็คือบรรดาชาวบ้านผู้มีอาชีพทำหวยกันนั่นเอง แม้เรื่องราวจะผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนแต่ กลิ่นไอแห่งความตื่นหวยยังไม่ขาด
มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมมารอ หลวงปู่ตั่งแต่เช้า เพื่อจะให้หลวงปู่บอกใบ้หวย ข้าพเจ้าเห็นแล้วก็ได้แต่นั่งถอดใจ และปรึกษากันกับครูบาพระหนุ่ม
"บุญ บารมีไม่รู้จักสร้างสมกัน เทวดาที่ไหนจะมาช่วยเหลือได้ นานั้นตัวเองไม่ได้หว่าน ไม่ได้ปลูกแล้วมาชุบมือเปิบ เก็บเกี่ยวเอา มีที่ไหนเขาจะให้กัน"
แม้ครูบาพระหนุ่มจะพูดกันรุนแรงพอควรแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านสำนึกได้ พวกเขายังคงรอคอยอยู่อย่างนั้น ด้วยความหวังที่จะเก็บเกี่ยวในสิ่งตัวเองไม่ได้หว่านขึ้นมา ข้าพเจ้าฟังแล้วก็เห็นตามอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องราวของคนขอหวยกับพระ ดูเหมือนจะแยกกันไม่ออก แม้พระผู้สอนธรรมจะสอนอย่างไร ก็ไม่อาจจะเข้าถึงจิตถึงใจของชาวบ้านได้เลยแม้แต่น้อย
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจดีแท้หนอ
Create Date : 16 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 21:10:22 น. |
|
12 comments
|
Counter : 753 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:5:32:01 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:14:42:14 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:17:37:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:7:54:04 น. |
|
|
|
โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:22:26:01 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:23:46:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:7:47:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:8:31:59 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:21:17:55 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:7:25:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:7:58:06 น. |
|
|
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:6:33:48 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผมอ่านแล้วจินตนาการต่อ....
สมมติว่าชาวบ้านมาขูดเลขกับตอตะเคียน
บังเอิญถูกหวยรวยทรัพย์
แล้วจึงกลับมาสร้างและปรับปรุงวัดให้ใหม่ทั้งหมด
จนวัดเจริญ
เมื่อความดังของตอตะเคียนมีมากขึ้น
ศรัทธาวัดก็มากขึ้น
คนเข้าวัดมากขึ้น
วัดก็ยิ่งเจริญ....
ไมไ่ด้บอกว่าใครผิดใครถูก
ปัญหาคือ ทำไมคนถึงไม่เข้าถึงธรรม
แต่กลับเข้าถึงแต่อบาย...
ใช่หรือไม่ว่า
คำสอนของเรายังไม่โดนใจประชาชน
ใช่หรือไม่ว่าการสื่อสารและวิธีการบอกสอนระหว่างสงฆ์กับคน
ยังไปไม่ถึงหัวใจของกันและกัน
มันเป็นเรื่องที่น่าคิดนะครับ
ปล.อยู่เชียงใหม่
ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ดูนะครับ
ผมว่าเป็นวัดที่สวยดีครับ
สงบ ร่มรื่นย์ อยู่ที่ อ.เชียงดาวครับ