|
๔๔๑ - (ไม่)รับรู้ในความมี
ความรับรู้ในความมี นั่นอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความทุกข์ให้เรา และความมีสิ่งหนึ่งสิ่งนั้น หากเป็นไปด้วยอำนาจความหลง หรืออำนาจของตัณหาด้วยซ้ำ ก็ยิ่งสร้างความทุกข์ใจให้กับเราอีกมากมาย และในคราวที่สิ่ง ๆ นั้นต้องสูญสลาย หรือเสื่อมถอยไปตามธรรมชาติของมัน ความทุกข์ก็จะมาเยือนเราโดยที่เราไม่รู้ตัว
การจมงำอยู่กับความรู้สึกถึงความมีในอดีตจากสิ่งสูญไปแล้ว มักจะบั่นทอนจิตใจของเราในปัจจุบัน เพราะความไม่เข้าในธรรมชาติของชีวิตและสรรพสิ่ง ทำให้เราเป็นทุกข์อยู่ทุกขณะ แต่ใครเล่าจะสามารถเข้าใจและยอมรับโดยง่าย เพราะเหตุที่เรายังเป็นปุถุชนผู้มากด้วยความอยาก เราจึงต้องเผชิญกับความทุกข์ทางจิตใจจนยากที่จะแก้ไข
พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของธรรมทั้งหลายและความดับแห่งธรรมทั้งหลาย หรือที่เราเข้าใจกันโดยมากว่า มีเกิดก็มีดับ เป็นของสากลที่เกิดขึ้นเสมออยู่ทุกกาล ไม่มีสิ่งใดอยู่ทนนานโดยที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้เลย เมื่อเข้าใจว่าทุกอย่างไม่จีรังเที่ยงแท้ จิตก็เข้าไปเห็นสภาพของความปรุงแต่งและความดับแห่งความปรุงแต่งของมัน โดยแท้แล้วจิตก็คือจิต ความปรุงแต่งจิตก็คือความปรุงแต่ง เป็นสิ่งที่แยกกันอยู่ เราทั้งหลายต่างยึดถือความปรุงแต่งนั้นว่าเราเป็นของเรา โดยไม่อาจมองเห็นสภาพของจิตโดยแท้จริง ดั่งเช่น เพชรเม็ดงามที่ฝั่งอยู่ในหินที่เปื้อนโคลนตรม ใครกันเล่าจะสังเกตและมองเห็นเพชรนั้นโดยง่าย การจะสามารถมองเห็นเพชรได้ ต้องทำความเข้าใจโดยศรัทธาความเชื่อก่อนว่า ในบ่อโคลนมีก้อนหิน และในก้อนหินนั้นมีเพชร แล้วก็พิสูจน์ค้นหาด้วยปัญญา ความพากเพียร ฯ
ความรับรู้ในความมีนั้น มันสร้างความทุกข์และความสุขให้เรามากมาย แล้วเราก็เสวยวิบากอันเกิดจากความรู้สึกนั้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น การไม่รับรู้ในความมีเลยนั้นจึงหนทางแห่งความดับอย่างหนึ่ง อาจจะสงสัยว่าการไม่รับรู้ไม่สนใจเลยนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเลื่อนลอยหรือคนบ้า
การไม่รับรู้ในความมีในที่นี้ ก็ใช้ประโยชน์ในคราวที่สังขาร คือร่างกายของเราต้องคืนสู่ธรรมชาติ จิตที่ฝึกดีแล้วจะไม่รับรู้ในความมีแห่งสังขารในอดีตและสืบต่อไปในอนาคต หากจิตและสังขาร(ร่างกาย) ยังทำงานคู่กันอยู่ การไม่รับรู้ในที่นี้ก็ใช้ได้ แต่ใช้ให้เป็น เรียกว่า ความไม่ยึดติดกับสิ่งปรุงแต่งทั้งปวง ขยายความต่อไปว่า รับรู้แต่ไม่ยึดติดความรับรู้นั้น ๆ จนสร้างความทุกข์ทางใจใด ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างนี้เป็นสภาพจิตของพระอริยบุคคลชั้นสูงในพุทธศาสนานี้
สุดท้ายความรับรู้ในความมี สำหรับปุถุชนคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงเป็นการเลือกรับรู้ทางอารมณ์และสละอารมณ์บางอารมณ์ รับรู้เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ และพยายามเข้าใจในอารมณ์ความปรุงแต่งของตัวเอง แน่นอนว่ามันอาจจะดูฝืน ๆ ต่อความรู้สึกบ้าง บางครั้งก็ยอมกิเลสเล็ก ๆ น้อย ๆ บางครั้งก็ต้องข่มมันบ้าง ฝึกฝนกันไปผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะกันไปก่อน...
Thank you image from ' //3.bp.blogspot.com'
Create Date : 16 เมษายน 2556 |
Last Update : 16 เมษายน 2556 10:59:43 น. |
|
6 comments
|
Counter : 925 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:11:20:37 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:14:10:53 น. |
|
|
|
โดย: white in the dark เองจร้า IP: 14.207.168.131 วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:14:56:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:19:28:25 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:21:43:49 น. |
|
|
|
| |
|
|
พี่ก๋าโหวตบล็อกธรรมะให้นะครับ