ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๔๐๖ - ล้านคำถาม หนึ่งแสนความเชื่อ หนึ่งความจริง





เคยมีคนถามข้าพเจ้าว่า เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ ข้าพเจ้านิ่งไปสักพักหนึ่ง เพราะต้องการดูอารมณ์และสีหน้าของผู้ถามก่อนว่า จะอยากได้คำตอบแบบลึกซึ้งเพียงไหน

วันนั้นข้าพเจ้าเลี่ยงตอบประเด็นสำคัญ โดยไม่ได้ชี้ชัด ๆ ว่าตัวเองมีความเชื่อหรือไม่ หรือความเชื่อแท้จริงของตัวเองเป็นอย่างไร

สำหรับคนบางกลุ่มบางพวก แม้จะได้รับคำตอบที่เป็นความจริง แต่แววตาของเขาก็ยังไม่อาจจะตัดความลังเลสงสัยไปได้ หรือจะสามารถก่อให้เกิดปัญญาความคิดชนิดฉับพลัน การทิ้งประโยคบางประโยคเพื่อให้เขาได้นำไปคิดต่อดูเหมือนจะเป็นประโยชน์และเหมาะสมมากกว่า บางทีเขาอาจจะได้รับคำตอบของเขาเองในอนาตข้างหน้าก็อาจจะเป็นไปได้

คำถามเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด ข้าพเจ้าจำได้ว่าได้ยินบ่อยพอสมควร ซึ่งนี่อาจจะเป็นหนึ่งในความสงสัยของชาวพุทธยุคใหม่อย่างเรา แต่หากเรามาพิจารณาเกี่ยวกับคำสอนทางพุทธศาสนา ที่เน้นให้ตัวเราเกิดความเชื่อ ความศรัทธาในธรรมชาติแห่งความจริง แต่การที่ใครสักคนจะสามารถเดินเข้าไปค้นพบกับความจริงในขั้นนั้น ต้องอาศัยระยะเวลาและความเพียรในการสั่งสมและปฏิบัติตามหลักของศีลธรรมความดีที่พระพุทธเจ้าสอน หรือบางยุคบางสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติ ก็ต้องปฏิบัติตามหลักแห่งความดีที่ยุคนั้น ๆ เชื่อถือกัน โดยไม่ขัดกับการปฏิบัติแบบมิจฉาทิฐิและต้องอยู่ในเส้นทางตามแนวพุทธ ซึ่งเราอาจจะต้องปฏิบัติกันแบบข้ามภพข้ามชาติ ข้ามกัปข้ามกัลป์กันเลยทีเดียว ดังนั้นหากเรามีความเชื่อในการแสวงหาความจริงประเภทนี้ การเวียนว่ายตายเกิดจึงดูเป็นเพียงฉาก ๆ หนึ่งที่เราใช้เก็บไอเท็มแห่งความดีเท่านั้น

ชีวิตของคนเรามีคำถามมากมาย คนที่ไม่มีคำถาม อาจจะเป็นคนที่รู้คำตอบของชีวิตแล้วเท่านั้น แต่กว่าที่เขาคนนั้นจะรู้คำตอบเขาก็ต้องมีคำถามไม่มากก็น้อย สิ่งสำคัญของมนุษย์เราอาจจะไม่ใช่การรู้จักตั้งคำถามของชีวิต แต่มันอาจจะเป็นการรู้แนวทางในการแสวงหาคำตอบของแต่ละคน

คนที่ตั้งคำถามมากมาย สำหรับคำถามเหล่านั้นเมื่อลองแสวงหาจุดร่วมบางอย่าง เราจะพบต้นตอของคำถามเหล่านั้น ในที่สุดมันอาจจะเหลือคำถามที่เป็นคำถามหลักจริงเพียงคำถามเดียว เมื่อเหลือคำถามเพียงคำถามเดียวก็ทำให้ง่ายในการที่จะแสวงหาคำตอบหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นคำตอบที่สามารถอธิบายล้านคำถามยิบย่อยได้ ซึ่งชีวิตจริง ๆ ของเรา อาจจะต้องการคำตอบอย่างนั้น และพร้อมจะดำเนินชีวิตไปตามคำตอบที่เราได้รับ

ในหลาย ๆ คำถามที่เราตั้งขึ้นมา หากเรายังไม่สามารถหาคำตอบที่แท้จริงได้ สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองเรา นั่นคือ ความเชื่อ ความเชื่อนี้หากคนที่มีปัญญา อาจจะใช้ความเชื่อนั้นตั้งเป็นสมมติฐานในเบื้องต้นก่อนและพิสูจน์ไปตามความเชื่อนั้น โดยใช้กลไกแห่งความมีเหตุมีผล เมื่อคำตอบของสมมติฐานเกิดความขัดแย้งกัน ก็ย้อนกลับมาสำรวจความเชื่อของตัวเราเองอีกครั้ง แล้วก็ลองใหม่

นี่จึงเป็น คำถาม ความเชื่อ ความจริง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโยงกันอยู่อย่างนี้ เพียงแต่แนวของการแสวงหาของแต่ละคน คำถามของแต่ละคน มุมมองการใช้ชีวิต มันมีความแตกต่างกัน บางคนอาจจะเกิดมาโดยที่ไม่ต้องการหาคำตอบใด ๆ ให้กับชีวิต ขอแค่เพียงชีวิตนี้ดำรงอยู่ก็วิเศษมากแล้ว คุณอาจจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด แต่บางครั้ง ในคราวใดที่เราต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ เราก็จะมีคำถามผุดขึ้นมาจนได้ เช่น ทำไมเรื่องนี้จึงเกิดกับเรา ทำไมต้องทำอย่างนี้ หรือทำไมไม่คิดอย่างนี้ตั่งแต่ทีแรก คำถามจำพวกนี้จะเกิดขึ้นกับเราทุกภพทุกชาติ หากเรายังไม่รู้จักแสวงหาต้นตอแห่งคำถามและหาคำตอบหนึ่งเดียวที่แท้จริงนั้น ๆ


ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //www.hostsearch.co.thมากมาย ครับ

สารบัญ



Create Date : 14 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2555 23:59:59 น. 11 comments
Counter : 753 Pageviews.

 
อรุณสวัสดิ์ครับ

มีหลายคนที่ถาม
แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
เขาต้องการแค่ใครสักคน
มายืนยันความถูกต้องในคำตอบ
อย่างที่ใจเขาต้องการครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:5:58:53 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
...
ได้นอนกี่โมงค่ะ นั่นก้อเที่ยงคืนแล้วนะ คุณอัส
ตื่นมาตอนนั้นนี่ จะได้นอนตอนไหนกันค่ะนี่
...
มีความสุขมากมากนะคะ
พักผ่อนเยอะๆ นะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:09:34 น.  

 
สวัสดีครับน้องอัส ^^

ไม่ได้แวะมานานสบายดีนะครับ

เจอน้องก๋ากับน้องนุ้ยด้วย แอบอ่านเม็นท์ด้วย

คนเราส่วนใหญ่ติดอยูู่ในความเชื่อของตัวเองนะครับ เป็นสิ่งที่ควรเลี่ยงในการแสวงหาความจริง เป็นหนึ่งในแปกกาลามสูตร

คือเชื่อตามที่ตัวเองคิดหรือศรัทธา

คำถามจึงไม่ใช่ต้องการคำตอบแต่ว่าต้องการจะเอาชนะคนที่ถามด้วยความคิดและเหตุผลของตัวเอง คำตอบไม่จำเป็นเลยสำหรับคนแบบนี้

เคยอ่านหลวงพ่อชาตอบเรื่องชาตินี้ชาติหน้าด้วย

ท่านบอกว่าคุณเชื่อไหมว่าชาติหน้ามีจริง

ถ้าเชื่อ คุณก็โง่ซิ เพราะคุณไปจำเขามา

ไม่เชื่อก็โง่อีก เพราะว่าประมาท

ให้ปฏิบัติไปแล้วคำตอบก็จะออกมาเอง

คงหมายความว่า...

ด้วยใจที่ค่อยๆพัฒนาให้สูงและละเอียดอ่อนขึ้น ทิฐิมานะที่ลดลง เข้าสู่เส้นทางปัญญาที่แท้จริงนะครับ

สาธุนะครับน้องอัส ^^






โดย: วนารักษ์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:12:53 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:5:57:21 น.  

 
สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณอัสติสะ ขอบคุณนะคะที่ไปอ่านงานตะพาบพี่กิ่ง เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆค่ะ ไม่รู้จะไปสสลับรางกับใครเหมือนกันก็เลือกนายหัวตฤณเนี่ยแหละค่ะ แต่เป็นเวอร์ชั่นเรียบร้อยค่ะ อิอิ

มาอ่านเรื่องคำถาม ทุกคนล้วนแต่มีคำถามอยู่ในใจทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วแต่ว่าต้องการคำตอบแบบไหนเท่านั้น บางคนกลัวคำตอบไม่ถูกใจคำถามจึงค้างคาใจอยู่อย่างนั้นก็มี

โดยเฉพาะเรื่องนี้พี่กิ่งเองก็อยากได้คำตอบค่ะ อิอิ

มีความสุขวันศุกร์ค่ะ






โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:36:42 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
คุณอัสติสะ นุ้ยเพิ่งอิ่มแปร้เมื่อตะกี้เลยคร้าาา
...
ข้าวไข่พะโล้ อร่อยมากเลยค่่ะ
...
มีความสุขมากมากค่ะ
ทานข้าวเที่ยงให้อร่อยนะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:13:08 น.  

 
มีหลายคนที่ถาม
แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
เขาต้องการแค่ใครสักคน
มายืนยันความถูกต้องในคำตอบ
อย่างที่ใจเขาต้องการครับ

ขอลอกเม้นท์คุณก๋ามาค่ะ จริงค่ะ พี่เองบางทีก็เป็นเ่ช่นนั้นนะค่ะ

**********

การเขียนจดหมายถึงใครสักคน คือการส่งความรู้สึกดี ๆ โดยไม่ผ่านคลื่นพลังงานให้ความรู้สึกดี ๆ นั้น ลดลงนะค่ะ


โดย: ตาลเหลือง วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:41:34 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจนะครับผม อิอิ ^^




โดย: วนารักษ์ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:27:58 น.  

 
ทักทายค่ะคุณอัสติสะ

ทั้งชื่อเรื่อง และข้อเขียนวันนี้ชวนสนใจมากทีเดียว

.....สำหรับคนบางกลุ่มบางพวก แม้จะได้รับคำตอบที่เป็นความจริง
แต่แววตาของเขาก็ยังไม่อาจจะตัดความลังเลสงสัยไปได้
หรือจะสามารถก่อให้เกิดปัญญาความคิดชนิดฉับพลัน
การทิ้งประโยคบางประโยคเพื่อให้เขาได้นำไปคิดต่อดูเหมือนจะเป็นประโยชน์และ เหมาะสมมากกว่า
บางทีเขาอาจจะได้รับคำตอบของเขาเองในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะเป็นไปได้......

เห็นด้วยค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 16 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:00:05 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:15:10 น.  

 
ความอยากพี่ก๋าลดลงไปเยอะครับตั้งแต่กลับมาจากอินเดีย 555

ที่นั่นทำให้พี่ก๋ารู้สึกว่าตัวเองมีเยอะมากครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:25:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.