|
๓๙๓ - ความสุขคือเป้าหมาย
มีใครสักคนหนึ่งเคยตั้งคำถามว่า สายน้ำในแม่น้ำนี้มันจะไหลไปไหน คำตอบหนึ่งที่ได้รับคือทะเล แม่น้ำใหญ่ ๆ ในโลกส่วนใหญ่ก็จะไหลลงทะเลหมด ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามว่า สายน้ำเองมันก็ยังมีจุดหมายของมัน แล้วชีวิตของคนเราล่ะ มีจุดหมายที่ไหนหรืออย่างไร คือ อยากทราบว่ามันมีจุด ๆ หนึ่งของชีวิตหรือเปล่า ที่จะสามารถบอกได้ว่านี่แหละคือจุดหมายของเราอย่างแท้จริง นั่นเป็นคำถาม ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำตอบไว้บ้าง แต่คำตอบที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีประสบการณ์และมุมมองกับโลกนี้อย่างไร คำตอบของเราก็จะตรงไปในทิศทางนั้น
สำหรับข้าพเจ้า ซึ่งแน่ชัดและชัดเจนคือ การถึงจุดหมายคือดับซึ่งกิเลส มีมรรค ผล นิพพาน เป็นปลายทาง ซึ่งอาจจะใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อยเราก็พอรู้เป้าหมายของชีวิต เหมือนกับสายน้ำที่มันมีเป้าหมายของมัน แต่การจะบอกว่าเรื่องความดับซึ่งกิเลสนั้นเป็นเป้าหมายของทุกชีวิตในโลก ก็คงตอบว่าไม่ใช่ บางคนมีวิถีมีมุมมองแตกต่างกันไป
ซึ่ง ณ เวลาจุด ๆ หนึ่ง หรือ แค่เสี้ยวเวลาหนึ่งของชีวิตที่เราคิดได้ เราก็ไม่สามารถจะอธิบายหาเหตุและผลว่าทำไมเราต้องคิดอย่างนี้ ทำไมเป้าหมายของเราถึงเป็นอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยกาลเวลาและสิ่งที่สั่งสมมาในครั้งอดีตเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เรากระจ่างขึ้นมา อย่างเช่นคนที่สามารถบรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะอดีตสั่งสมความรู้ การปฏิบัติ และบารมีมามากเพียงพอ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้บรรลุธรรมได้เร็ว แล้วพื้นฐานในอดีตก็จะมีผลต่อความคิดและการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเราอย่างที่เราไม่รู้ตัวเลย
บางคนหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมตัวเองจึงมีความคิดเช่นนั้น หรือชอบที่จะทำอย่างนั้น หรือทำไมตัวเองจึงวางเป้าหมายของชีวิตไว้อย่างนั้น หากเรามาลองสืบสายปลายเหตุของเป้าหมายของแต่ละคน มันจะต้องไปบรรจบกับคำว่า ความสุข ด้วยกันทุกคน เพียงแต่ว่าความสุขของแต่ละคนนั้นจะล้ำลึก ซับซ้อน หรือเรียบง่าย แตกต่างกันอย่างไรเท่านั้น
เมื่อความสุขที่เป็นที่ต้องการของทุกคนแตกต่างกัน แนวทางในการแสวงหาเพื่อสู่เป้าหมายจึงแตกต่างกันออกไปด้วย บางคนความสุขของเขาคือการจับจ่ายซื้อของ ความสุขของบางคนคือการมีครอบครัวที่อบอุ่น บางคนต้องการมีคนรัก มีชื่อเสียง หรือบางคนความสุขของเขาคือความสงบ เป็นต้น
คราวนี้เมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายของแต่ละคนคืออะไร คำถามต่อไปคือ
แล้วความสุขที่เป็นเป้าหมายของแต่ละคนนั้นยั่งยืนเพียงใด...?
คราวนี้เราอาจจะได้รับความชัดเจนว่า ความสุขนั้นของแต่ละคน มันไม่ได้ยั่งยืนในระยะยาวเลย มันจะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่ความสุขนั้นต้องสูญหายไป หรืออย่างน้อยความสุขนั้นมันอาจจะกลับมาใหม่ แต่รับรองได้ว่าความสุขเดิม ๆ เช่นนั้น มันจะไม่มีทางหวนคืนมาโดยเด็ดขาด นั่นเองที่พุทธศาสนาพยายามจะแจ้งเตือน และข้าพเจ้าขอสรุปสั้น ๆ ว่า
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่มีสิ่งใดที่อยู่ยั่งยืน แม้แต่ตัวของเราหรือความคิดของเราเอง ดั่งนั้นการยึดถือสิ่งใดไว้นาน ๆ เมื่อสิ่งนั้นดับไปแล้ว ใจเราก็จะเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเหตุไม่เข้าใจความจีรังยั่งยืนของความสุข”
ขอขอบคุณ รูปภาพงาม ๆ จาก //sleep-70.exteen.comมากมาย ครับ สารบัญ
Create Date : 13 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 13 ตุลาคม 2555 11:17:38 น. |
|
4 comments
|
Counter : 775 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ลุงกระบี่ IP: 125.25.49.229 วันที่: 13 ตุลาคม 2555 เวลา:14:33:44 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 13 ตุลาคม 2555 เวลา:16:02:46 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:17:38:35 น. |
|
|
|
โดย: เฒ่าจอย วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:9:55:39 น. |
|
|
|
| |
|
|
มันจะขัดแย้งมั๊ย ถ้าการหวังทำให้เกิดปัญหาในใจ แล้วเราหวังสิ่งที่เกิดได้ยากอย่างนิพพาน บางทีเราหวังแต่ความจริงที่เกิดอยู่ทุกขณะก็อาจพอทำให้สุขได้มั๊ง